ถาม :  ท่านคะ แล้วทำไมพระพม่าต้องเขียนคิ้วล่ะคะ ?
      ตอบ :  ปกติแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติให้ภิกษุต้องโกนคิ้ว ท่านบอกว่าปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บ เท่านั้น แต่ว่าคราวนี้สมัยรัชกาลที่หนึ่งไทยกับพม่ายังมีศึกกันอยู่ รัชกาลที่หนึ่งทรงมีพระบรมราชโองการประกาศให้ภิกษุไทยโกนคิ้วเสีย เพื่อให้เป็นจุดแตกต่างกัน ถ้าทางฝั่งพม่าเข้ามาเพื่อสืบข้อราชการ ปลอมเป็นภิกษุเข้ามา ก็จะได้แยกได้เป็นไทยหรือพม่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ยังไม่มีการยกเลิกประกาศอันนี้ ภิกษุของไทยก็ยังคงโกนคิ้วมาถึงทุกวันนี้ แต่ขณะเดียวกันว่าของพม่าเขาไม่มีการโกนคิ้ว ก็เลยเป็นปกติอยู่ ที่อื่นก็ไม่ได้โกนนะ จะมีเมืองไทยที่เดียวที่โกนคิ้ว
      ถาม :  ..............มีแต่คนชั่วทั้งนั้นเลย ที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ มีทั้งขโมยพระในวัด ตัด ฆ่าพระเพื่อจะชิง
      ตอบ :  มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่ว่าสมัยนี้การข่าวมันรวดเร็ว เราก็เลยได้รับมากขึ้น ทั้ง ๆ ที่มีอยู่เหมือน ๆ เดิม ยุคไหนสมัยไหนก็เหมือนกัน
      ถาม :  แล้วทำยังไงให้กรรมเห็นทันตาให้เร็วขึ้นกว่านี้หน่อยคือจับปั๊บ
      ตอบ :  (หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้นคงต้องไปตั้งกติกาใหม่ล่ะจ้ะ เรื่องของกรรมเขามีปรากฏอยู่อย่างชัดเจนอยู่แล้ว คือ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือ ทำกรรมที่ให้ผลทันตาในชาติปัจจุบันนี้ อุปัชชเวทนียกรรม อปราปรเวทนียกรรม เหล่านี้ให้ผลในชาติที่สองที่สาม อย่างเช่นว่า ตายไปแล้วค่อยตกนรกอย่างนี้เป็นต้น กรรมเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราไม่ได้ทำในส่วนที่เป็นครุกรรม คือ กรรมอันหนัก แล้วให้ผลในปัจจุบัน ก็ไม่สามารถเป็นไปได้อย่างที่โยมต้องการหรอกจ้ะ ไอ้ของเรามันจะกลายเป็นฟุ้งซ่านเดือดร้อนไปเองต่างหาก
      ถาม :  ...............
      ตอบพระยาชมพูบดี ท่านเป็นกษัตริย์ที่มีอานุภาพมาก สามารถเหาะได้ มีพระขรรค์แก้ว มีธนูวิเศษ คราวนี้ท่านเองเหาะไปเที่ยว ไปเจอปราสาทพระเจ้าพิมพิสารเข้า พระเจ้าพิมพิสารปราสาทท่านสวยก็หมั่นไส้อยากจะให้พังซะ ใช้รองเท้าแก้วลองกระทืบดู ปกติแล้วอานุภาพเขาว่าเหยียบภูเขาจมดินได้ แต่กระทืบลงไป
              ปรากฏว่าพระเจ้าพิมพิสารท่านเป็นพระโสดาบัน พุทธานุภาพคุ้ม แทนที่ปราสาทจะพัง กลายเป็นว่าไปเหยียบซะจนแทงทะลุรองเท้าแก้วเข้าไป แล้วโมโหก็เลยฟันด้วยพระขรรค์แล้วพระขรรค์ที่สามารถฟันตัดหินตัดภูเขาได้ก็บิ่นซะอีก ก็โกรธ กลับไปถึงที่อยู่ของตัว ก็ส่งอวิตาศรมาเพื่อจะทำร้าย ธนูอันนี้ถือเป็นอาวุธที่สามารถตั้งได้ว่าจะยิงไปเป้าหมายไหน พอยิงไปแล้วสั่งว่าให้ไปทำร้ายใคร ก็ไปเฉพาะคนนั้น พระเจ้าพิมพิสารพอได้ยินเสียงธนูมา บอกว่าจะทำร้ายเฉพาะท่าน ท่านก็หนีเข้าไปในเชตวัน พอธนูตามไปพระพุทธเจ้าใช้วาโยกสิณหอบคืนไป แล้วเห็นว่าพระยาชมพูบดีมีวิสัยที่จะได้เป็นพระอริยเจ้า เลยให้พระโมคคัลลาน์จัดการ
              พระโมคคัลลาน์ก็จัดแจงแปลงพระเชตวันกลายเป็นปราสาทราชวังของพระเจ้าจักรพรรดิไปเลย แล้วส่งเณรไปเป็นทูต เณรก็แปลงตัวแบบลักษณะพระเจ้าจักรพรรดิไป พระยาชมพูบดีมาเห็นว่าแค่ทูตยังขนาดนี้ เลยยอมตามมา ตามมาถึงเจอคนเฝ้าประตูก็ดีกว่า พ่อค้าแม่ขายอะไรก็ดูสวยกว่าตัวเองไปหมด ทำไมจะไม่ใช่ ไม่สวยกว่า เพราะส่วนใหญ่ภิกษุ ภิกษุณีอรหันต์ทั้งนั้น ท่านปลอมตัวมา จนเข้าไปถึงพระบรมมหาราชวัง ซึ่งจริง ๆ ก็คือพระเชตวันมหาวิหาร พระพุทธเจ้าท่านทรงเครื่องจักรพรรดิเต็มอัตรารออยู่ พระยาชมพูบดีไม่สามารถที่จะต่อต้านอานุภาพได้ ก็ยอมฟังธรรม เลยเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้
              พระพุทธเจ้าปางที่โปรดพระยาชมพูบดีนั้นจะทรงเครื่องพระจักรพรรดิ ถ้าจะดูตัวอย่างจริง ๆ ให้ดูที่วัดพระแก้ว วัดพระแก้วจะมีองค์ใหญ่ยืนทรงเครื่องอยู่สององค์ คือพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สององค์นั้นจะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ เขาเีรียกปางปราบพระยาชมพูบดี ทรงเครื่องสวยมากแล้วลักษณะของพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานก็จะเป็นพระพุทธเจ้าทรงเครื่องที่หลวงพ่อท่านใช้ว่า พระวิสุทธิเทพ พระวิสุทธิเทพก็คือลักษณะทรงเครื่องแบบพระแก้วมรกต
      ถาม :  ท่านเคยไปมั้ยคะ บ้านคุณหญิงสุรีย์พันธุ์ ?
      ตอบ :  ของคุณหญิงสุรีย์พันธุ์จริง ๆ สมัยหลังไม่ได้ไปล่ะจ้ะ เพราะว่าสมัยแรก ๆ ที่หลวงปู่หลวงพ่อทั้งหลายนั่น อาตมาจริง ๆ ตั้งใจจะบวชสายหลวงปู่มั่นซะด้วยซ้ำ แต่เพียงแต่ว่าไม่ทราบว่าจับพลัดจับพลูท่าไหน พอสิ้นหลวงปู่ฝั้นก็มาอยู่ที่หลวงพ่อแทน เพราะว่ารู้ัจักปฏิบัติตามหลวงพ่อตั้งปี ๒๕๑๘ พอปี ๒๕๒๐ หลวงปู่ฝั้นท่านก็สิ้น เหมือยังกับท่านส่งต่อให้ ใ้ห้รู้จักล่วงหน้าปีกว่าเกือบสองปี
              ก่อนหน้านั้นเกาะอยู่กับหลวงปู่ฝั้นเพราะว่าที่เกาะอยู่กับท่าน ไปสะกิดคำพูดของท่านง่าย แล้วฟังเข้าใจง่าย ปกติแล้วสมัยนั้นรุ่น ๆ คงซักขนาดนี้แหละ ไปโน่นไปนี่เจอหลวงปู่หลวงพ่อก็แบมือขอของดีหน่อยครับ องค์โ้น้นก็ให้องค์นี้ก็ให้ ไปหลวงปู่ฝั้นนี่ซิ บอกดีนอกเอาไปทำไม เดี๋ยวมันก็หาย ทำไมไม่หาดีในไว้ล่ะ พอได้ยินก็สะดุดหู ก็กราบเรียนถามท่านว่า ดีในเป็นยังไงครับ ท่านบอกว่าพุทโธไง คำเดียวคุ้มได้สามโลกเลย ท่านสอนให้ภาวนา
      ถาม :  ............ช่วงสงกรานต์ หลวงปู่ หลวงพ่อสายหลวงปู่..........วัดบ้าน.......ท่านเอาพระธาตุมาให้ชมเข้าคิวกัน แล้วเอาเลนส์แว่นขยายส่องให้เห็นแสงรัศมีออกมาสวยมาก
      ตอบ :  คุณหญิงท่านคล้าย ๆ กับว่า ต้องใช้คำว่าอะไร เกิดมาเพื่ออย่างนี้โดยเฉพาะ มีโอกาสได้อุปัฏฐากหลวงปู่หลวงพ่อ ซึ่งเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอดเลย โดยเฉพาะหลวงปู่หลุยส์ หลวงปู่ชอบ สององค์นี้จะสงเคราะห์ท่านประจำ ๆ แล้วสายหลวงปู่มั่นก็ไปกันมาก
      ถาม :  ท่านเคยไปที่ภูทอก ของอาจารย์จวนมั้ยคะ ?
      ตอบ :  จ้ะ อาจารย์จวน ท่านก็มรณภาพเร็วไปหน่อย คราวนี้ว่าระหว่างที่พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านอยู่อย่างนั้น พรหมเทวดาท่านก็สงเคราะห์กันมาก เวลาทำกรรมฐานสวดมนต์ไหว้พระ บางทีพระธาตุก็เสด็จมาเองเฉย ๆ มากันเยอะต่อเยอะ
              เรื่องพระธาตุเสด็จนี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่าท่านมาได้ไปได้ ประสบการณ์ของอาตมาเองที่เจอมาอย่างชนิดที่เรียกว่าต่อหน้าต่อตา ลืมตาเห็น ๆ ก็มี บางทีหล่นลงบนพื้น ทั้ง ๆ ที่เป็นพื้นขัดมันหล่นป๊อกหายปุ๊บเลย ไม่สามารถที่จะตามหาได้ว่าอยู่ที่ไหน
      ถาม :  ก็ตอนที่น้าสาวไปไหว้เกศาของหลวงวพ่อ ก้มลงไปกราบกำลังนึกถึงเลย ขอให้หลวงพ่อนี่เสด็จมา พระธาตุนี่คะขาว ๆ ที่พื้นพรมแดงหล่นมาเลยค่ะ แต่แม่เอาไปไม่ได้นะคะ แต่น้าสาวที่ไปน่ะจะได้ หนูดีใจใหญ่ค่ะ เก็บไปบ้าน
      ตอบ :  แล้วแต่ล่ะจ้ะ อันนั้นเป็นบุญเฉพาะของเขา เรื่องนี้เป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผล ของหลวงพ่อมีเรื่องหนึ่งที่อัศจรรย์ที่สุดในสายตาของอาตมา ชานหมากของท่านเป็นพระธาตุ อาตมาเคยเห็นเกศาพระเป็นพระธาตุหลายองค์โดยเฉพาะหลวงปู่มหาอำพัน ที่อาตมาจะทำบุญร้อยปีถวายท่่านนี่ เกศาของท่านนี่โกน ๆ แล้วลูกศิษย์เอาใส่กล่องพลาสติกไว้จะเป็นกล่องพลาสติกใหญ่ ๆ ประมาณแค่นี้
              คราวนี้วันนั้นอาตมาถวายการรับใช้ท่านเสร็จก็กราบเรียนหลวงปู่ขอบูชาหน่อย ท่านก็บอกว่าไปดูเอาซิ พอยกกล่องขึ้นมานี่งงเลย เพราะว่าดูจากด้านใต้กล่องนี่เป็นไข่มุกเม็ดเล็ก ๆ นี่เต็มไปหมด ก็เลยกราบอย่างงามวางไว้ที่เดิม ไม่กล้าหยิบกลัวว่าบุญเราไม่ถึงจะรักษาไม่อยู่ พอตอนที่ท่านมรณภาพไม่ทราบว่าใครยกไปทั้งกล่อง แล้วของหลวงพ่อก็เกศาเป็นพระธาตุ อีกหลายองค์ก็เป็นให้เห็น ๆ อยู่ แต่ว่าเรามาสังเกตว่า การที่อัฏฐิเป็นพระธาตุหรือว่าเกศาเป็นพระธาตุ นั่นเป็นเนื่องด้วยร่างกายนะ
              แต่ว่าชานหมากเป็นพระธาตุนี่ ไม่ได้เนื่องด้วยร่างกายเลยใช่มั้ย ? เป็นสิ่งที่เราเอามาเคี้ยวมากินนั่นสำหรับเป็นคนทั่ว ๆ ไป แต่ท่านคายออกมาแล้วเป็นพระธาตุ ตอนครั้งแรกที่ได้เห็นกับตา ถึงได้เชื่อว่าใช่แน่นอน เพราะว่ากำลังเปลี่ยนสภาพอยู่ ส่วนที่เริ่มเป็นพระธาตุก็จะเป็นแก้วสีแดงใส ๆ ส่วนที่เป็นหมากก็ยังทึบอยู่ ส่วนที่เป็นพลูครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งก็ยังเป็นสีเขียว ๆ ของพลูอยู่เห็นชัด ๆ เลยว่า เปลี่ยนจากชานหมากที่เป็นปกติแน่นอน ถึงได้เชื่อว่าที่แท้จริงแล้ว ถ้าหากว่าพระท่านจะสงเคราะห์อย่างหลวงปู่ หลวงพ่อที่ท่านต้องการให้เป็นไป มันจะเป็นไปตามที่ต้องการเอง แล้วเห็นว่าสิ่งที่ไกลตัวขนาดนี้ยังเป็นพระธาตุได้ เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นไม่ยากแล้วจ้ะ
              บางทีสำหรับเด็ก ๆ บางคนหลวงพ่อท่านใช้กระดาษทิชชุเสร็จแล้วก็โยนให้ เด็กเขาก็ฉลาดหยิบขึ้นมาดูก็เป็นพระธาตุอยู่ ก็ใช้ๆ อยู่เห็น ๆ นี่ พอโยนให้ก็เป็นพระธาตุ หมากที่ท่านฉันเสร็จแล้ว ท่านเหลือปลายอยู่หน่อยหนึ่ง เหลือหางหมากพอ ท่านฉันเสร็จก็โยนให้ก็กลายเป็นพระธาตุ
              แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งพอชานหมากเป็นพระธาตุแล้วคนที่อยากได้แล้วไม่ได้ ท่านไปที่จันทบุรี บ้านคุณเวสา รัชชานนท์ ไปตำหมาก ท่านบอกว่าอยู่ ๆ พระท่านให้สั่งทำ ตำหมากเสร็จก็ปั้นเป็นองค์เล็ก ๆ มอบให้ท่านบอกว่าบูชาให้ดี ใครที่ได้ไปบูชา ต่อไปจะเป็นแก้ว คำว่าเป็นแก้วของหลวงพ่อก็คือกลายเป็นพระธาตุ สมัยโบราณคำว่าแก้วก็หมายถึงว่าดีที่สุด คราวนี้อะไรก็ตามที่เปลี่ยนสภาพไปในสายตาของเราอาจเป็นหิน จะเป็นเหมือนโลหะ เหมือนเงิน เหมือนทอง เหมือนทองแดง อะไรเหล่านี้เป็นต้น ภาษาโบราณเขาเรียกว่าแก้วทั้งนั้น

      ถาม :  ตอนหลังช่วงสงกรานต์ ที่บ้านคุณหญิงท่านนิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น ใส่บาตรน่ะค่ะ แล้วหลวงปู่สอ ที่สร้างพระนาคปรกที่ไปไว้ตามทิศของประเทศไทย
      ตอบ :  ก็สายนั้น คือสายหลวงปู่มั่น ยังเอาจริงเอาจังกับการปฏิบัติอยู่ ที่ใดก็ตามที่มีผู้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง สถานที่นั้นจะไม่ว่างจากพระอริยเจ้า จะต้องมีไปเรื่อย เพียงแต่ว่าท่านไม่ได้มาติดประกาศว่าฉันเป็นแล้วจ้า ก็อยู่ที่ว่าเราจะต้องดูการปฏิบัติของท่านไปเรื่อย ๆ
      ถาม :  ในช่วงปีนี้นะคะ เป็นช่วงที่ประเทศไทยต้องพบกับเคราะห์กรรมของประเทศอะไรมั้ยคะ ? เพราะรู้สึกว่า
      ตอบ :  ก็วาระที่หนักมันผ่านมาแล้วจ้ะ
      ถาม :  ผ่านแล้วเหรอคะ ?
      ตอบ :  ผ่านมาแล้ว จะเริ่มดีขึ้นหน่อยหนึ่ง แต่ว่าปีหน้าจุดสะดุดใหญ่ยังมีเยอะ ปีหน้าของหนักมันจะมาจากภายนอกระวัง ๆ แถว ๆ ตะวันออกกลางไว้ กลัวเหลือเกินว่ามันจะเอาซะปีนี้ซะด้วยซ้ำไป แต่ตามเกณฑ์มันปีหน้า คือถ้าเขาตีกันเองก็ไม่มีปัญหา ประเทศต่อประเทศ แต่ถ้าเริ่มมีประเทศไหนเข้าข้างอีกประเทศหนึ่งล่ะก็ระวังให้ดี มันจะเริ่มขยายใหญ่แล้ว
      ถาม :  จะเกิดเป็นสงครามโลกมั้ยคะ ?
      ตอบ :  มันคงยังไม่ถึงสงครามโลกหรอก แต่ว่าผลกระทบมันจะกว้างมาก เพราะระยะนี้การข่าวอะไรทุกอย่างมันรวดเร็ว กลายเป็นว่าประเทศกลายเป็นบ้านเดียวกัน เพราะฉะนั้นเกณฑ์ปีหน้ายังเป็นเกณฑ์อันตรายอยู่
      ถาม :  เป็นยังไงบ้างคะ ?
      ตอบถ้าประเทศอาหรับรุมตีอิสราเอลเมื่อไหร่ มีอะไรที่เป็นปัจจัยต้องใช้ก็ต้องเก็บ ๆ ไว้บ้างล่ะจ้ะ มันก็มีพวกอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย อะไรพวกนั้นแหละ เพราะของพวกนี้จะกลายเป็นของแพง มันก็คงจะไม่ได้แพงอย่างเดียวหรอก ไอ้บ้านเรานี่มันแพง มันฉวยโอกาสแพงหมดนั่นแหละ
      ถาม :  แล้วเมื่อไหร่มันจะถึงยุคที่คนดีเกิดขึ้นเยอะล่ะคะ ?
      ตอบ :  ตอนนี้มีเยอะอยู่แล้วจ้ะ เพียงแต่ว่าคนดนดีไม่ได้มีอำนาจในการปกครองมาก ยุคของคุณทักษิณนั่นน่ะ ถืือว่าเป็นยุคที่เริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง จากส่วนที่มันจะเป็นรอยต่อระหว่างเก่ากับใหม่ ในเมื่อเป็นรอยต่อระหว่างเก่ากับใหม่ ความวุ่นวายมันจะเยอะหน่อย แล้วหลังจากนั้นมันจะกลายเป็นว่าประชาชนมีอำนาจในการตรวจสอบฝ่ายปกครองมากขึ้น คนก็จะไม่กล้าที่จะทำความเลว ถึงทำก็ไม่อาจหลบรอด
      ถาม :  แล้วคุณทักษณิณ มีสิทธ์จะโดนมั้ยคะ ? (เรื่องคดีซุกหุ้น)
      ตอบ :  ไอ้ตัวนี้ไม่ต้องไปข้องใจ ไม่ต้องไปสงสัยเลยจ้้ะ ถึงเขาตัดสินว่าท่านผิด หลุดออกไป ท่านก็ยังบัญชาการอยู่ข้างหลัง ถ้าใช้คำว่าครบเทอมมั้ย ? ครบแหง ๆ เลย (หัวเราะ)
      ถาม :  แล้วถ้าหมดจากคุณทักษิณนี่ คนที่จะขึ้นมาแทนนี่จะดีกว่ามั้ยคะ ?
      ตอบ :  มันจะอยู่ในลักษณะที่ว่า พอคนที่โดนตรวจสอบ โดนพักการทำงานไป มันก็จะหลุดออกไปเรื่อย ๆ คนที่มีความดีอยู่ก็จะกล้าปรากฏตัวมากขึ้น ๆ นั่นแหละ หลังจากนั้นก็จะเจริญมากน่ะจ้ะ พอเริ่มขึ้นรัชกาลที่สิบ ต่อไปเรารายได้อยู่ตัว
              แต่ว่าช่วงนี้การวางรากฐานของรัชกาลที่เก้าที่ยาวนานมาถึงขนาดนี้ ความเป็นปึกแผ่นแน่นหนาของประชาชนเริ่มมีขึ้นแล้วพอกฎหมายใหม่ที่ออกมาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การปกครองอะไรที่สามารถตรวจสอบ สามารถคานอำนาจ ถ่วงดุลกันได้ อะไรกันได้ ความดีก็จะเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้าหากว่าโยมยังหายใจอยู่ ก็คงได้พบรัชกาลที่ีสิบ (หัวเราะ)
      ถาม :  หญิงมั้ยคะ ?
      ตอบ :  นี่กำลังลุ้นอยู่ว่าขอให้รัชกาลที่เก้าของเราอยู่ให้ครบสักเจ็ดสิบรอบเถิด สิบสองเจ็ดแปดสิบสี่ ไม่เอามากกว่านี้แล้ว ขอแค่แปดสิบสามพอ เพราะตามที่ทราบมาว่า ถ้าท่านอยู่ถึงแปดสิบสาม คนดีจะมีอำนาจขึ้นมามากกว่าจะเป็นฝ่ายปกครองบ้านเมืองมากกว่า ในเมื่อมันเกินหกสิบเปอร์เซนต์ขึ้นไป คราวนี้อะไรมันก็จะง่ายแล้ว
      ถาม :  ตอนนั้นที่ไปทำบุญที่จังหวัดเลยนะคะ มีเจ้าอาวาสที่วัดไปที่เมืองจีน แล้วก็บอกใ้ห้คนไทยทุกคน คือทางเมืองจีนเขาจะเรียกว่า ตั๊กม้อ ให้ทุกคนนี่ร่วมภาวนาให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะว่าพระเบื้องบนเนี่ยเขาจะเอาท่านไปแล้ว
              ในปีนั้น เห็นมีการบวชชีพราหมณ์มากที่สุด ในวันเกิดในหลวง ก็มีการบวชพระบวชอะไรนี่เยอะมาก แล้วก็สมเด็จพระสังฆราชให้วัดทุกวัดถวายพระพรกับในหลวง แล้วเขาบอกว่าคนเบื้องบนก็ว้าวุ่นใจเหมือนกัน เพราะของเรานี่เยอะ แล้วไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร วิธีที่ดีที่สุด คืออย่าไปมุ่งว่า รัชกาลที่สิบจะเป็นใคร ขอทำยังไงให้รัชกาลนี่อยู่ให้มีพระชนมายุยิ่งยืนนานมากที่สุด
      ตอบ :  ตรงจุดนี่แหละที่คิดเหมือนกัน อาตมาเองก็มานั่งคิดว่า ปีนี้พระองค์ท่านมีพระชนมายุได้เจ็ดสิบสี่พรรษาแล้วเจ็บสิบสี่พรรษา ถ้าหากว่านับแปดสิบสามพรรษาก็อีกเก้าปีเท่านั้น แต่เราใช้คำว่าเก้าปีเท่านั้นไม่ได้ ถ้าหากว่าเรามานึกถึงว่าเป็นญาติเป็นโยมของเราใช่มั้ย เจ็บสิบสี่นี่ระัดับคุณปู่คุณตาแล้วนะ แล้วสุขภาพไม่ได้แข็งแรงเลย อีกเก้าปีนี่ต้องลุ้นวันต่อวันแล้วนะ ไม่ใช่ประเภทเดือนต่อเดือนหรือว่าปีต่อปี
              เพราะฉะนั้นเก้าปีนี่ถือว่าเป็นช่วงอันตรายมากจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่ที่ว่าเราที่เป็นต้องใช้คำว่าพสกนิกร ลักษณะเหมือนกับเป็นลูก ถ้าหากว่าลูก ๆ ทำความดีให้มากเข้าไว้ พ่อก็จะมีกำลังใจที่จะอยู่ แต่ถ้าหากว่าลูก ๆ ไม่ทำความดี มีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านอาจไปเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างถวายกุศล วันก่อนออกมามีพระราชดำรัส เกี่ยวกับพวกทูตานุทูตไงล่ะ ที่ว่าให้ทั้งหมดให้รู้จักพอน่ะ ในหลวงเทศน์เก่งกว่าพระอีก (หัวเราะ)
      ถาม :  ที่ท่านถามหลวงพ่อ หลวงพ่อฤาษีลิงดำนี่คะ ในหลวงรัชกาลที่เก้าน่ะค่ะ เวลาที่ท่านถามข้อธรรม หลวงพ่อบอกว่าท่านเก่งจริง ๆ มันต้องคิดให้ลึกให้ซึ้ง มันมีรายละเอียดอะไรมากเลยรัชกาลที่เก้านี่ เวลาทุก ๆ เช้าท่านจะสะพายกระเป๋า เทปธรรมะท่านจะอยู่ตลอดเลย ท่านจะเดินกรรมฐานตลอดเลย ท่านเก่งมาก
      ตอบ :  หลวงปู่หลวงพ่อองค์ไหนที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบอย่างแท้จริง แล้วมีคำสอนไว้ ในหลวงท่านจะบันทึกไว้ตลอดจะฟังตลอด แล้วที่สังเกตได้ชัด ๆ เลย วัดไหนก็ตามที่มีแต่ชื่อเสียง แต่ว่าความดีแท้จริงไม่มี ในหลวงไม่เสด็จให้สังเกตไว้แค่นี้พอ