ถาม: เวลาลูกนั่งมโนมยิทธิไปกราบสมเด็จองค์ปฐม หรือหลวงพ่อ ท่านแม่ศรี ท่านย่านะคะ รู้สึกกราบปุ๊บกายเนื้อร้องไห้ บางครั้งก็ร้องเสียงดัง กราบเรียนถามว่า "ขณะนั้นจิตยังเป็นสมาธิอยู่หรือเปล่าเจ้าคะ ?"
ตอบ : เป็นจ้ะ แต่ว่าอาการปีติเกิดขึ้น ลักษณะของปีติเกิดขึ้นบอกไม่ได้หรอก จะอยู่ในสมาธิหรือไม่สมาธิ จะร้องซะอย่าง ปล่อยให้เต็มที่ไปแล้วเดี๋ยวก็เลิกเอง
ถาม : อยากเป็นครูฝึกมโนมยิทธิเจ้าค่ะ เอาไว้สอนเด็ก ๆ ลูกจะต้องทำอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?
ตอบ : จริง ๆ เรื่องของมโนมยิทธิ ถ้าเราได้แล้วไม่ต้องทำอะไรหรอก จุดธูปบอกพระท่านว่า "สิ่งใดที่ถูกต้องตามพระธรรมเทศนาของพระองค์ท่าน เกี่ยวกับเรื่องของมโนมยิทธิ ขอให้ลูกสอนได้ถูกต้องตามนั้น" ก่อนจะสอนก็ตั้งใจนึกถึงพระท่านว่า ของเราเองเป็นแค่ทางผ่านเท่านั้น สิ่งใดที่พระองค์ท่านจะสงเคราะห์ ก็ขอให้ผ่านลงมา เพียงแต่ว่าหลักการคืออันดับแรก แนะนำให้เขาตัดสินใจว่าตอนนี้เราจะทำความดี ถึงตายลงไปตอนนี้ก็ช่างมัน ให้เขาตั้งใจรักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์ เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ คิดว่าถึงตายตอนนี้ลงไป เราก็ขอไปพระนิพพาน ถ้าเขาทำใจตามแบบนี้ได้แล้ว ก็ให้เขากำหนดจิตนึกถึงพระ เขาสามารถที่จะจับภาพพระได้ไหม ? พระมาสงเคราะห์เขาไหม ? แล้วก็ว่ากันตามขั้นตอน
ถาม : หนูคิดว่าการเป็นครูต้องมีการเรียนก่อนอย่างนี้ ?
ตอบ : ไม่ต้องจ้ะ เรียนน่ะเพี้ยนมาเยอะแล้ว เพราะตอนนี้ทางด้านโรงเรียนที่วัดท่าซุง เขาจะมีเด็ก ๆ เขาจะไปเตี๊ยมกันว่า ถามอย่างนี้ต้องตอบอย่างนี้ แล้วครูฝึก็โดนต้มเปื่อยไปเลย คิดว่าเด็กได้ แต่จริง ๆ ไม่ใช่ เด็กรู้ว่าต้องตอบอย่างนั้น คือตัวเองไม่มีความคล่องตัวพอ ก็โดนเด็กหลอกอยู่เรื่อย แล้วเด็กก็อาศัยตัวนี้แล้วผ่านเข้าาในโรงเรียน แล้วก็ไม่ทำความดีจริง ๆ เพราะไม่สามารถจะทำได้จริง
ถาม : ลูกเคยอ่านหนังสือข้องป้านิภานะคะ กล่าวว่า "ถ้าซื้อดินทรายเข้าวัดแล้วจุดธูปอธิษฐานให้เจ้ากรรมนายเวรโมทนานี่ ถ้าท่านไหนไม่ยอมโมทนาให้นั่งนับเม็ดทรายจนกว่าจะหมด ถึงจะใช้หนี้แล้วจะไปนิพพาน" ถามว่ากระทำอย่างนี้มีผลไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : เสียเวลา ลักษณะนั้นจิตคิดเบียดเบียนคนอื่นเขา เขาเรียก "วิหิงสาวิตก" ไม่ถูกต้องตามที่พระพุทธเจ้าสอนจ้ะ เขาจะอโหสิหรือไม่อโหสิก็ตามเป็นเรื่องของเขา เรามีหน้าที่ทำความดี และอุทิศให้เขาไปเรื่อยๆ ไม่ควรทำจ้ะ แค่คิดก็คิดจะไปนั่งแกล้งเขาแล้วนะ บอกได้เลยว่า พระอรหันต์ทุกองค์ที่ไปนิพพาน เจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ได้อโหสิทั้งหมดหรอก เพียงแต่ว่าท่านบริสุทธิ์จนมันตามไม่ได้เท่านั้นเอง เลยกลายเป็นอโหสิกรรมโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปเสียเวลาไปแช่งชักหักกระดูกใคร
ถาม : มีคนชวนลูกไปทำพิธีบวงสรวง ถอนคำสาปที่เมืองกรุงชิง นครศรีธรรมราชเจ้าค่ะ โดยบอกว่า "ลูกเคยมีส่วนร่วมในการสาปครั้งนั้น ต้องทำพิธีปลดปล่อยพวกเขา เพื่อให้กรรมในอดีตหมดไป" กราบเรียนถามว่า สิ่งนี้ลูกควรทำหรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : สมัยหลวงพ่ออยู่ไม่เห็นท่านทำ โดยเฉพาะที่โดนสาปแย่ไปเลยก็คือพม่า หลวงพ่อท่านรู้ทั้งรู้ แต่ท่านก็ไม่ได้ทำ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องของเราที่จะไปทำอย่างนั้น คือถ้าในอดีตเคยตั้งใจกันไว้อย่างไร ไม่ดีอย่างไรมาปัจจุบันนี้เราก็เปลี่ยนความตั้งใจเสียใหม่ ไม่จำเป็นต้องไปถึงที่นั่นหรอก เราจุดธูปบอกกล่าวตรงนี้ก็ได้ ถ้าเราเคยมีเวรมีกรรมอะไรกันมา เธอทำไม่ดีกับเราแล้วเราทำไม่ดีกับเธอ ขอให้เป็นอโหสิกรรมต่อกัน สมัยนี้คนเก่งเยอะ เก่งเสียจนเรากลัว
ถาม : ลูกไม่ค่อยรู้ไม่เห็นอะไร ?
ตอบ : บางครั้งตัวนี้กลับดีเสียอีก การรู้เห็นยิ่งชัดเจนเท่าไร โอกาสจะโดนหลอกจะยิ่งมากเท่านั้น มัวแต่เดินทางไปแก้ที่โน้น เดินทางไปถอนที่นี่ เขาก็ทำภาพให้เห็น โอ้ย...ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ บางครั้งอาจจะเกิดอุบัติเหตุตายเปล่าเสียก่อน ไม่ได้ไปนิพพานอย่างที่ตัวเองต้องการ บรรดาท่านที่รู้เห็นชัดเจน ยิ่งชัดเจนมากเท่าไร โอกาสไปนิพพานยิ่งมีมากเท่านั้น เขายิ่งต้องขวางมาก เพราะฉะนั้น...เขาจะหลอกให้เราหางานทำไปเรื่อย จะได้เสียเวลา ไม่ต้องไปนิพพานเสียที เสร็จเขาอีก ไม่รู้ไม่เห็น มั่นใจในพระรัตนตรัย ไปตรงเลยหมดเรื่่อง
ถาม : หลวงตามหาอำพันเขียนว่า "ผู้ออกจากกามเบื้องต้น ต้องไม่เป็นผู้ติดข้องสิ่งอะไร ๆ ที่เป็นปัจจัยให้เกิดความรักและความชัง ปล่อยวางอิฏฐารมณ์ และเพิกเฉยในอนิฏฐารมณ์ คืออะไรเจ้าคะ ?
ตอบ : อิฏฐารมณ์ คืออารมณ์ที่ชอบใจ อนิฏฐารมณ์ คืออารมณ์ที่ไม่ชอบใจ คืออันหนึ่งจะเกี่ยวข้องกับรัก อีกอันหนึ่งจะเกี่ยวข้องกับโกรธ
ถาม : ถ้าเห็นในลักษณะประหนึ่งภาพที่ปรากฏในความวฝัน ทำจิตอย่างนี้ ควรทำจิตอย่างไรเจ้าคะ ?
ตอบ : ก็อยู่ในลักษณะที่ว่า "สักแต่ว่าเห็น"
ถาม : ไม่เอาจิตไปเกาะตรงนั้น ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : มันไม่ใช่ของจริงอยู่แล้ว เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด เหมือนอย่างกับความฝันของเรา ถึงเวลาตื่นขึ้นมาก็ผ่านไปแล้ว
ถาม : อารมณ์จิตอย่างนี้เป็นพื้นฐานของระดับแรกเลยไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : ถ้าทำได้จริง ๆ เป็นพระอรหันต์จ้ะ (หัวเราะ)
ถาม : คือหนูท่องคาถาพอจิตใจหนูเริ่มแข็งแกร่งแล้ว จิ้งจกมาก็เลยไปสนใจมัน ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ?
ตอบ : เอาอย่างนี้สิ ทดลองเรียกจิ้งจกมา เอาใบตองแห้งแตก ๆ ถึงเวลากระพือลมมันจะกระเพื่อม ๆ จิ้งจกจะนึกว่าเป็นแมลง มันจะวิ่งเข้าหา ที่โบราณว่ามีคาถาเรียกจิ้งจก ไม่จริงหรอก พอถึงเวลามันโดนลม มันสะบัด ๆ จิ้งจกคิดว่ากินได้มันจะวิ่งมาดู แต่คนที่โดนจระเข้กัดอย่าให้จิ้งจกเลียแผลตายทุกราย เป็นเรื่องอัศจรรย์มากเลยเหมือนว่าจะไปทำให้มันอักเสบกำเริบขึ้นมาอีท่าไหนไม่รู้ ถ้าโดนน้ำลายจิ้งจกแล้วจะตาย อันนี้เรื่องจริงเลย
เพราะฉะนั้น...ถ้าใครไปะเผลอโดนจระเข้งาบมา ถ้าแผลยังไม่หายดี อย่าให้จิ้งจกเลียเชียว แต่จิ้งจกมีประโยชน์มหาศาลเลยนะ พวกนักโทษในคุก ถ้าใครโดนเฆี่ยนด้วยหวายแล้วเขาจะไปกินจิ้งจก ถ้าบอกว่าเฆี่ยนด้วยหวายทำไมถึงตาย เฆี่ยนกลางหลังมันช้ำในตาย พวกนักโทษมีวิธีแก้ช้ำในด้วยการกินจิ้งจก
ถาม : กินเป็น ๆ หรือครับ ?
ตอบ : แล้วแต่ จะเป็นหรือตายก็ได้ ส่วนใหญ่ตะครุบได้ก็ใส่ปากเลย...! ถ้ามันเผลอวิ่งเข้าหลอดลมก็ตายเลย ไม่รู้เหมือนกัว่าไปแก้ช้ำในอีท่าไหน แต่แก้ได้จริง ๆ บางคนประเภทโดนเข้านี่อักเสบประเภทลุกไปไหนไม่ได้ ผอมซีดเหี่ยว เพื่อนแอบเอาจิ้งจกป้ิงคลุกน้ำปลาให้กิน หาย ก็แบบเดียวกับเด็กเป็นตานขโมย ถ้ากินตุ๊กแกปิ้งแล้วจะหาย ตานขโมยลักษณะผอม พุงโร ก้นปอด ผมกะหร่องพุงโต ๆ เป็นสีเทา กินตุ๊กแกปิ้งถึงจะหาย ถ้าไม่กินตุ๊กแกปิ้งจะให้กินตับอีกา
ถาม : คำว่า "กรานกฐิน" คืออะไรคะ ?
ตอบ : กรานกฐิน คือการที่พระเอาผ้ากฐินนั้นไปใช้ครอง ตามแบบที่เขาปฏิบัติกัน เอาผ้าไปครองตามแบบที่กำหนดไว้
ถาม : เรารู้สึกว่าผ้าที่เราถวายไป พระท่านยังไม่ได้เอาไปครอง ท่านยังไม่ได้ใช้ เพราะท่านมีอยู่แล้ว ?
ตอบ : อานิสงส์เราได้แล้วจ้ะ จริง ๆ เขากำหนดเอาไว้เลยว่า ให้พระองค์ที่มีผ้าเก่าที่สุด ถึงจะมีแล้วก็เหอะ เขาก็ให้
ถาม : คนเล่นการพนัน ทำไมบางคนถึงเล่นได้ครับ ?
ตอบ : พวกนี้เขาเคยมีลาภที่ทำโดยไม่ได้ตั้งใจเอาไว้ก่อน ประเภทไปเจอเขาทำบุญกันอยู่ เขาก็ทำเลย อะไรอย่างนี้
ถาม : แล้วอย่างนี้จะเป็นการส่งเสริมให้ทำอย่างนี้อีกไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกัน เขาจะได้อย่างนั้น ถ้าเขาไม่เล่นการพนัน เขาอาจจะเดินไปชนเข่งใส่เงินล้มทั้งเข่งก็ได้
ถาม : ถ้าเคยตั้งใจทำมาก่อน ?
ตอบ : ตั้งใจทำก็รอชาติต่อไป แต่จริง ๆ การพนันพระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญ ท่านเรียก "อบายมุข" อบายมุข มีเล่นการพนัน เที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา คบคนชั่วเป็นมิตร เกียจคร้านไม่ยอมทำงาน การพนันท่านบอกว่า "ผู้แพ้เสียดายทรัพย์ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ย่อมทำให้ทรัพย์ที่ได้มาฉิบหาย เป็นผู้ที่ไม่มีเกียรติ ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีใครอยากจะแต่งงานด้วย" บรรลัยเลย (หัวเราะ) พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าเอาไว้หมด ท่านเรียก "อบายมุข" อบายคือปากทางแห่งความต่ำ
ถาม : ก่อนที่รัชกาลที่ ๕ จะเสด็จประพาสต่างประเทศ แล้วไปหาหลวงปู่องค์หนึ่ง ว่าจะไปเจอฝรั่งเศสแกล้ง เจอม้าพยศ แล้วไปเจอคาถาสยบม้านี่จริงไหมคะ ?
ตอบ : จริง ๆ จ้ะ คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า จริง ๆ เสกหญ้าให้ม้ากิน เราจะเสกเนื้อให้เสือกินก็ได้ แต่ถ้ามันนึกอยากกินเรามากกว่าก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน
ถาม : ตอนเสกต้องเป็นสมาธิธรรมดา หรือเป็นฌานคะ ?
ตอบ : ยิ่งได้ฌานยิ่งดี หลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน ตอนหลังย้ายไปอยู่วัดหนังที่ธนบุรี เคยได้ยินไหม ? หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ๑ ใน ๕ เกจิอาจารย์ที่เป็นเจ้าของเหรียญดังที่สุด ในบันทึกเบญจภาคีของพระเครื่อง เขาจะมีสมเด็จวัดระฆัง พระผงสุพรรณ พระรอด พระซุ้มกอ พระทุ่งเศรษฐี แต่ถ้าหากว่าเป็นเบญจภาคีของเหรียญ จะมีหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่พุ่ม วัดบางโคล่ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ
ถาม : แสดงว่าท่านรู้อยู่แล้ว ?
ตอบ : ก็รัชกาลที่ ๕ เสด็จไปถามท่าน ก็แสดงว่าท่านรู้กันเป็นปกติอยู่แล้วอย่างไร ก็เสด็จไปถามหลวงปู่ว่า "ไปครั้งนี้จะดีร้ายเป็นประการใด ?" หลวงปู่ท่านดูให้เสร็จท่านก็บอกว่า "มีแต่ดี แต่ว่าถ้าไปถึงต่างประเทศแล้ว จะมีประเทศหนึ่งนำสัตว์ดุร้ายมาเพื่อทดสอบบารมี" เสร็จแล้วถาม "จะแก้อย่างไร ?" ท่านก็ให้คาถาไป
ถาม : สัตว์ดุร้าย ถ้าเราเจอสัตว์อื่นอย่างเช่น หมาดุ พอเจอก็ อิทัง ปุญญะผะลัง จะดีขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : อ๋อ...เขามีคาถาจ้ะ ทำอย่างนั้นดีขึ้นอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน ถ้ากำลังของเราไม่พอ มันก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร คือหมาจะมีเขตของมันอยู่ ถ้าเราเข้าไปในเขตมันก็คือว่าไปบุกรุกของเขา แต่คราวนี้เราจะไปแบบไหน ไปแบบเป็นมิตร หรือว่าแบบเป็นศัตรูอะไรอย่างนี้ รู้อยู่แต่เพียงว่า เราอย่าไปเคลื่อนไหวพรวดพราด ค่อย ๆ พูดกับเขาดี ๆ ที่วัดทองผาภูมิตอนนี้บิณฑบาตจะมีไอ้โลโก้ หมาของโยมบ้านสุดท้าย เป็นลาราดอร์สีดำ ๆ โอ้โฮ...ยอดหวงที่เลย เจอหน้าพระมันก็โฮกไล่ ของเราก็เฉย ๆ มันเป็นนิสัยเฉพาะตัวของมัน เราก็เฉย ๆ ก็ยื่นมือให้มัน มันก็งง ๆ แต่ว่าพอพระองค์อื่นโดนโฮกใส่แล้วตกใจขยับหนีมัน มันก็ไล่เลย แล้วพอเณรไปหัวเราะ บอกว่า "เณรหัวเราะเดี๋ยวพรุ่งนี้เณรโดน" พอรุ่งขึ้นเณรโดนจริง ๆ หมารู้กว่าเราเยอะ
เรื่่องของสัตว์จะต้องดูตัวอย่าง ในอดีตเขาเกิดเป็นลูกช้าง เขาตายแล้วก็มาเกิดเป็นคน แล้วเขาจำชาติที่เป็นช้างได้ เขาบอกว่า "ตอนที่เขาเกิดเป็นช้างนะ ทุก ๆ ๑๕ วันต้องไปประชุม ฟังพญาช้างแสดงธรรม แล้วตอนที่พญาช้างแสดงธรรม จะมีสัตว์สารพัดอย่างไป แล้วทุกตัวก็ฟังออกเหมือนกันหมด เพราะว่าเป็นภาษาใจ แต่ว่าไอ้เสียงร้องต่าง ๆ ที่ต่าง ๆ กันไป นั่นเป็นสัญญาณบอกเหตุต่าง ๆ ที่เอาไว้สื่อสารกันเท่านั้น แสดงว่าสัตว์จะมีเจโตตปริยญาณ คือการรู้ใจเป็นปกติอยู่แล้ว ตัวนี้เป็นกัมมวิปากชาฤทธิ์ เสร็จแล้วมาตอนหลัง เขามาเกิดเป็นคน
ถาม : เรื่องผีอำ ?
ตอบ : เรื่องของผีอำ มีสองอย่าง อย่างแรกเกิดจากเลือดลมเดินไม่สะดวก อย่างนี้จะรู้สึกเหมือนมีอะไรใหญ่ ๆ หนัก ๆ ไม่เป็นรูปเป็นร่างหรอกทับอยู่ อีกอย่างเป็นผีจริง ๆ ถ้าอย่างนี้มาเป็นตัว ๆ เลย
ถาม : "ปฏิฆะ" กับ "กามฉันทะ" คล้ายกันไหมคะ ?
ตอบ : คนละตัวกัน "ปฏิฆะ" จะเกี่ยวกับตัว "โทสะ" ส่วน "กามฉันทะ" จะเกี่ยวกับตัว "ราคะ"
ถาม : แสดงว่าพระอนาคามีมรรค ก็ต้องรู้สึกเหมือนเบาไปเยอะเลยนะคะ ?
ตอบ : แค่พระโสดาบันก็เบามหาศาลแล้ว ถ้าพระสกิทาคามี เรื่องของรักเรื่องของโกรธนี่ จะมีโอกาสทำร้ายท่านได้น้อยเต็มที ถ้าเป็นพระอนาคามี ก็แปลว่า พ้นเลย รักไม่ยุ่ง โกรธไม่ยุ่งเลย ก็เหลือแต่หลงอยู่นิดหน่อย
ถาม : หลวงพ่อว่าทำยากไหมเจ้าคะ หนูมองว่าศีลหนูก็เข้มแล้ว ทานก็ทำทุกวัน อย่างนี้ แต่ทำไมสมาธิหนูไม่ค่อยเก่ง ?
ตอบ : ถ้าหากว่ามั่นคงอยู่ในทาน ในศีล สมาธิจะมีอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสมาธิของเรานี่เราจะไปคิดว่าต้องไปนั่งกันข้ามวันข้ามคืน นั่นไม่ใช่ สมาธิที่สำคัญที่สุดก็คือ ใช้ในขณะที่ใช้ชีวิตประจำวัน ทำอย่างไรเราจะควบคุมกำลังใจของเราไม่ให้ไปยุ่งกับ รัก โลภ โกรธ หลง ได้ในขณะที่เราทำงานอยู่ นิวรณ์ ๕ ไม่เข้ามากินใจของเราได้ ดูมันแค่นี้แหละ ไม่ต้องดูมากหรอก คอยระวังพอมันเข้ามา ก็ไล่มันออกไป ระวังไว้อย่าให้มันเข้ามา และขณะเดียวกันมีโอกาสก็ดูไปด้วย เราไปทำงานอยู่นี่ เราก็เหน่อย เราก็ทุกข์ คนอื่นเขาก็เหนื่อย เขาก็ทุกข์ แต่ละคนล้วนแต่มีทุกข์เป็นของตัวเอง โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์อย่างนี้ เราเกิดอีกเราก็ทุกข์อีก เราควรจะเกิดอีกไหม ? นี่แหละคือ ใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติอย่างนี้
ถาม : บางวันสามารถคิดได้ บางวันก็ไปไหนไม่รู้ ?
ตอบ : ไม่เป็นไรนี่ มันเป็นธรรมดาของมัน พอมันไปแล้วถึงเวลารู้ตัวก็ดึงกลับมา
ถาม : ดึงกลับ แต่ว่าต้องใช้การปล้ำกับมันมาก ?
ตอบ : เป็นธรรมดาของมัน ถ้ามันไม่เป็นก็เก่งเกินไป
ถาม : ......(ฟังไม่ชัด)...?
ตอบ : บทสวดรัตนสูตร บทนี้ศักดิ์สิทธ์ที่สุด เป็นคาถาที่พระพุทธเจ้ามอบให้พระอานนท์ไปทำน้ำมนต์ ไล่บรรดาผี เปรต อสุรกาย ที่มันลงกินเมืองเวสาลี เสียจนกระทั่งคนตายเป็นหมื่นเป็นแสน
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่ามีการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี โดนไสยสาศตร์ก็ดี จะช่วยเหลือคนที่ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ หรือคนที่โดนไสยศาสตร์ โดนเขาทำคุณทำของมา ให้เราตั้งใจเอาน้ำสะอาดขันหนึ่ง จุดเทียนขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้เมตตาสงเคราะห์ นึกถึงภาพพระให้ชัดเจน ตั้งใจขอบารมีท่าน แล้วก็หยดเทียน ว่าคาถานี้ไปด้วย ว่าไปจนกระทั่งจบ แล้วก็จุ่มดับเทียน เอาไปใช้งานได้เลย เราตัวเล็ก ๆ นี่ก็ทำได้ ไม่ได้มีปัญหาเลย
คาถานี้ต้องจำให้แม่นนะ เป็นคาถาทำน้ำมนต์ของพระพุทธเจ้า ตั้งใจนึกถึงพระ จับภาพพระให้ชัดเจน แล้วก็ขอให้ท่านช่วย ให้ช่วยเรื่องอะไร อย่างเช่นว่า แม่ป่วยหรือว่าคุณยายป่วย เป็นต้น ถ้าหากว่าหมอรักษาไม่ได้ ขอบารมีพระทำน้ำมนต์ช่วยรักษา อาบก็ได้ กินก็ได้ แล้วแต่เราอธิษฐานว่าจะให้ช่วยเรื่องอะไร คาถาบทนี้แหละ เป็นกำลังพระพุทธเจ้าท่านโดยตรง เราไม่เกี่ยวเลย เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือนึกถึงท่านด้วยความเคารพ ขอให้ท่านช่วยเถอะ เพราะฉะนั้นเอาให้คล่องไว้
ถาม : ...........(ฟังไม่ชัด)......?
ตอบ : เลิกสับสนได้แล้วจ้ะ อันดับแรก ตรวจดูศีลทุกข้อของเราบริสุทธิ์พร้อมเพรียงไหม นั่นแหละ ศีลต้องเอาให้สมบูรณ์ทุกข้อ ถ้ารักษาทุกเวลาไม่ได้ก็รักษาเป็นเวลา อย่างเช่นว่า ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนไปถึงที่ทำงาน ศีลของเราทุกข้อจะต้องบริสุทธิ์ แล้วพอไปพบปะผู้คนอาจจะต้องพูดอะไรที่ไม่ตรงบ้าง เป็นต้น
คราวนี้ก็ตั้งแต่เลิกงานจนถึงกลับบ้านจนกว่าจะนอน ศีลทุกข้อของเราต้องบริสุทธิ์ อย่างนี้ไปก่อน แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มเวลาขึ้นไป แล้วก็อย่าทิ้งลมหายใจเข้า...ออก ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในแต่ละวันต้องมีเวลาามานั่งภาวนา อย่างน้อย ๆ สัก ๑๐ นาที ๒๐ นาที นึกถึงลมหายใจเข้า-ออก ของเราพร้อมคำภาวนา จะใช้ พุทโธ นะมะพะธ ยุบหนอ พองหนอ สัมมา อะระหัง แล้วแต่เราถนัด แล้วก็นึกอยู่สเมอว่าเราจะต้องตาย ตายเมื่อไรของไปพระนิพพานที่เดียว ตั้งใจทำแค่นี้ ถูกแน่ ๆ อันอื่นเก็บไว้ก่อน ส่วนเรื่องความสามารถพิเศษ อภิญญาสมาบัติ มโนมยิทธิ อะไรก็ตาม อันนั้นเป็นของแถมสำหรับนักปฏิบัติ ถ้าทำถึงมันจะได้เอง ถ้ามีโอกาสศึกษาเล่าเรียนก็เรียนไว้ ถ้าไม่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ทำเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิให้ทรงตัว คิดว่าตายเมื่อไรไปนิพพาน ถ้ากำลังมันถึง มันจะได้เอง การปฏิบัติต่อคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนในครอบครัวของเรา ความรัก ความห่วง มันเป็นเรื่องปกตินะ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ-แม่ พี่-น้อง สามี-ภรรยา อะไรเหล่านี้ก็ตาม เพียงแต่ว่าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราเป็นพ่อเป็นแม่ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถ้าเป็นพี่เป็นน้อง เราก็ทำหน้าาที่เป็นพี่เป็นน้องให้ดีที่สุด เราเป็นภรรยา เราก็ทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เราเป็นแม่ เราก็ทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด ถ้าทำดีที่สุดแล้วยังไม่สามารถจะช่วยเหลือเขาได้ เราก็ปล่อยวาง
ถาม : บางทีเขามาตั้งความหวังกับเรามากเกินไปล่ะคะ ?
ตอบ : อันนั้นเป็นสิทธิ์ที่เขาจะตั้งความหวัง ส่วนของเรามันเป็นอย่างไรก็เรื่องของเรา ฉากหน้าของเราลักษณะเหมือนกับผิวน้ำ ก็สะเทือนกระเพื่อมไปตามแรงภายนอก ตามแรงลม ตามลักษณะของน้ำ แ ต่ว่าจิตของเราเป็นน้ำก้นบ่อ เป็นน้ำในทะเลลึก มันนิ่ง มันจะไม่ไหวั่นไหวไปตามสภาพผิวน้ำนั้น เขาต้องการอย่างไร ก็แสดงออกไปตามนั้น แต่จิตของเราไม่ได้ผูกพัน ไม่ได้อะไรไปตามนั้น ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ทำเพื่อเอาใจโลก แต่อย่าไปติดในโลกก็แล้วกัน
|