ถาม :  ......................
      ตอบ :  ปล่อยปลา ส่วนใหญ่ที่ปล่อยปัจจุบันนี้ก็พวก ปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ พวกนี้จะอดทนกว่าเขา มันไม่ตายง่าย ๆ แล้วบางทีคนที่เราใช้ให้ไปปล่อย เขาไปเจอปลาหงายท้องผลึ่งแหงแก๋ก็กำลังใจตก เลยต้องหาที่มันอึด ๆ หน่อย แข็งแรงหน่อย เชื่อว่าปล่อยไปแล้วรอดแน่ ๆ เพราะพวกปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอนี่ เขามีความสามารถพิเศษคือเก็บอากาศไว้กับเหงือกตัวเองได้เยอะ เขาจะเดินทางบนบกแห้ง ๆ นี่ได้ไกล ได้เป็นชั่วโมง ๆ เลย
              ดังนั้นที่เขาใส่กาละมังเอาไว้ มันมีน้ำขลุกขลิกอยู่บ้างเขาเลยอยู่ได้สบาย แต่ว่าปลาพวกนี้ก็แพง โดยเฉพาะปลาช่อนก็แพง คิดเป็นกิโลเลย ถ้าปลาไข่นี่จะแพง ฤดูนี้มันเลยแล้ว ปลาไข่นี่จะเป็นช่วงน้ำหลาก ๆ ใหม่ ๆ ฝนลงใหม่ ๆ นี่ปลาไข่จะออกเยอะ ถ้าช่วงนั้นราคาจะแพงหน่อย
      ถาม :  .............
      ตอบ :  เพิ่งกลับจากพม่ามา การไปพม่างวดนี้มันมีของแปลก ๆ หลายอย่างเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนที่นายกทักษิณอยู่พม่า ทางด้านพม่าเขาเล่นไสยศาสตร์หนักกว่าที่เราคิด ทำทุกอย่างเลย กระทั่งวันเวลาที่ของเราเป็นฝ่ายไปเยือนว่าเมื่อไหร่ อย่างไร นี่มันจะเป็นฤกษ์ที่ดีแก่เขานะ ที่กิน ที่อยู่ อาหารอย่างไหนที่มันจะอยู่ในลักษณะที่เรียกได้ว่าทำแล้วสะกด มันจะข่มฝ่ายไทยได้ทำเดี๋ยวนั้นหมด กระทั่งต้นไม้ที่นายกทักษิณปลูกก็ยังเอาต้นโศกมาให้ปลูก
      ถาม :  คนทำนี่เป็นผู้นำของเขาหรือครับ?
      ตอบ :  คือพวกหมอไสยศาสตร์จะเป็นคนแนะนำ แล้วทางด้านนี้ก็จะจัดการตามที่เขาแนะนำมา มันเล่นกันหนักขนาดนั้นจะอยู่ในลักษณะที่ว่ากดไทยไม่ให้โงหัวขึ้นเลย มีอะไรก็จะต้องอ่อนน้อมค้อมตัวยอมเขาอยู่ตลอดอย่างนั้น ดู ๆ แล้วมันน่าสนุกดี เราไปป่วนงานของเขาเลยไปโดนจับซะ เขาแจ้งข้อหาตลกมาก ข้อหาถ่ายรูปแขกของรัฐบาล เอาไปสอบสวน ๒ ชั่วโมง พอไม่ได้อะไรเลยมันต้องเอารถไปส่งเรา สบายไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่
      ถาม :  ............
      ตอบ :  คือของบ้านเขาเมืองเขานี่เรื่องของไสยศาสตร์ เรื่องของโหราศาสตร์ เรื่องของการถือฤกษ์ถือยามของเขานี่ยังเข้มข้นมากเลย วันไหนวันจมวันไหนวันลอย ดีแก่ตัวไม่ดีแก่ตัว ควรเดินทางไม่ควรเดินทาง เขาทำอย่างนั้น ของเราเองเคยชินกับการมาถึงก็มีรถออกตามเวลานั่นไปถึงเขาบอกวันนี้วันไม่ดีรถไม่ออก เราก็เดี้ยงแล้วไปไม่ได้
              โอ้โห...มันเอากันหนักขนาดนั้นนะ เขาเชื่อถือกันอย่างชนิดฝังจิตฝังใจเลย ของเราก็มีเขาเรียกยามอุบากอง อุบากองนั่นจริง ๆ คือ อูบาเก็ง อู ก็แปลว่าท่านหรือว่านายสำหรับผู้ที่อาวุโสหน่อย แกโดนจับได้ในสมัยที่รบกับไทยแล้ว ก็ติดคุกไทยอยู่แล้วก็เอาไอ้วิชานี้มาเผยแพร่ เขาดูตามฤกษ์ตามยามของเขานั่นแหละ พวกเราอาจจะเคยเห็นที่มันมีจุด ๆ แล้วก็มีกากบาท อะไรพวกนั้นแหละ ที่เขาว่า
              ศูนย์หนึ่งอย่าพึ่งจร      แม้นรารอนจะอัปรา
              สองศูนย์เร่งยาตรา      จะมีลาภสวัสดี
              สามศูนย์จะพูนผล      จรดลลาภมากมี
              สี่ศูนย์พูลสวัสดิ์      ภัยพิบัติลาภไม่มี
              กากะบาดตัวอัปรีย์       เร่งจรรีจะอัปรา

              ปรากฏว่าอูบาเก็งเขาแหกคุกตามฤกษ์ปลอดของเขา แล้วเขารอดไปได้แต่ว่าก่อนไปเขาถ่ายทอดวิชานี้เอาไว้ให้กับเพื่อนที่ติดคุกด้วยกันที่เป็นคนไทย เพื่อนคนนั้นสักติดแขนเอาไว้ พอออกมาก็เอามาเผยแพร่เลยเรียกว่ายาม พม่าแหกคุกหรือยามอุบากอง แล้วคนไทยเราออกเสียงไม่ค่อยชัดนะ อูบาเก็งก็เลยกลายเป็นอุบากองไป
              ทางด้านโน้นเขาถือฤกษ์ถือยามถืออะไรทุกอย่าง แล้วเขาคิดว่าเวลาเราทำอะไรนี่ทำแบบส่งเดช ไม่มีฤกษ์ไม่มียาม พระผู้ใหญ่ทางด้านโน้นแรก ๆ เขาไม่เชื่อถือหรอก มางานวางศิลาฤกษ์โบสถ์แล้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนี่ล่ะ เขาเห็นเราทำตามแบบพระพุทธเจ้า จะเรียกว่าแบบพระพุทธเจ้าก็ได้เพราะว่าหลวงพ่อท่านต้องถามตรงอยู่แล้วว่าทำอย่างไรการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุถึงจะถูกต้องและสมเกียรติยศที่สุดใช่ไหม? มันต้องมีการบรรจุโดยการปูผ้าขาวชั้นแล้วชั้นเล่าอะไรอย่างนั้น แล้วมีการบรรจุของมีค่าแล้วถึงเอาลงแล้วก็ปูผ้าขาวทับกี่ชั้นต่อกี่ชั้น ระหว่างแต่ละชั้นจะมีการใช้น้ำหอมโปรยเป็นพุทธบูชาอยู่ตลอดทำตามแบบนั้น

              ตอนแรกที่ไม่ได้ทำตามแบบนั้นก็แค่จะตั้งเครื่องบวงสรวง อาจารย์ใหญ่ยานิกะ พูดง่าย ๆ ว่าท่านจบมหาตั้งแต่ยังเป็นเณรอยู่ปัจจุบันอายุ ๖๙ ก็เท่ากับว่าพรรษาท่าน ๔๙ พรรษาแล้ว เป็นอาจารย์ของบรรดาครูบาอาจารย์ เจ้าอาวาสหรือระดับเจ้าคณะปกครองในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นลูกศิษย์ท่านหมด ที่ท่านมานั่นท่านมาเพราะว่าท่านต้องการให้เราช่วยเหลือเกี่ยวกับการก่อสร้างท่านบ้างท่านก็อุตส่าห์มา แต่มาแล้วความเป็นอาจารย์ใหญ่ ความเคยชินมันก็กร่างซะจนเคยตัว
              ของเราตกลงกันว่าบรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ววางศิลาฤกษ์แล้วก็จะบวชพระฉลอง ของท่านเองท่านจะบวชพระก่อน ปรากฏว่าฝนมันกระหน่ำตั้งแต่ตี ๔ จนกระทั่งฉันเช้าเสร็จแล้วมันก็ยังตกไม่เลิกเลย บวชพระไม่ได้ แต่ของเรารื้อโบสถ์ลงมาหมดแล้วทำแต่ฐานรอไว้อยู่อย่างเดียว มันจะมีแต่ฐานโบสถ์กับฐานวิหาร ๒ อย่าง ที่เทปูนรออยู่เรียบร้อยแล้วหลังคาไม่มี แน่จริงก็บวชไปซิ
              ฝนมันตกไม่เลิกท่านเองก็ดื้อจะบวชให้ได้ มาล็อบบี้เราเป็นการใหญ่ บอกว่าแล้วแต่ท่านอาจารย์ครับ ถ้าคิดว่าบวชได้ก็เชิญ แต่ว่าผมจะบวงสรวงตามแบบของหลวงพ่อ เราก็ตั้งโต๊ะกลางฝนปูผ้าขาวกลางฝนนั่นแหละ พอยกเครื่องบวงสรวงชิ้นแรกออกมาปุ๊บฝนก็หยุดเลย นั่นแหละท่านถึงยอมรับไปคุยกับพระผู้ใหญ่ด้วยกัน บอกว่าตอนนี้ยอมรับแล้วว่างานนี้มันสำคัญอยู่ตรงอาจารย์สุธัมมะคือหมายถึงเราแหละ กับครูบาน้อยเขาจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่ยอมรับนี่
              ทีนี้พอถึงเวลาแล้วเราบรรจุพระบรมสารีริกธาตุตามแบบของหลวงพ่อ มันจะเป็นการบรรจุที่มีผ้าขาว ๙ ชั้น ู้มันชั้นแล้วชั้นเล่าสนุกสนานกันไปเลย ญาติโยมเขาโปรยเงิน โปรยทอง ข้าวตอกดอกไม้ อะไรกันเต็มไปหมด พอทำตามแบบแล้วเขาถึงได้รู้จริง ๆ แล้วของเรามันมีแบบอย่างของครูบาอาจารย์ที่ถูกต้องอยู่ ก่อนหน้านั้นคิด ท่านคิดว่าคนไทยไม่ถือฤกษ์ถือยามอะไรที่ดีเหมือนเขา
              แต่ความจริงของเรา ถือฤกษ์สะดวกแต่อันไหนที่หลวงพ่อบอกว่าดีมันไม่เกินวิสัยของเราทำได้ไม่ยากนักเราก็ทำตามนั้น เขาถึงได้ยอมรับว่าของเราก็เป็นศิษย์มีครูเหมือนกัน ไม่ได้มั่วอย่างที่ท่านคิด
              เสร็จแล้วท่านนาวิน บอกว่าทำไมอาจารย์ไม่บอกเขาว่าผมทำแบบนี้แหละผมถึงมีเงินมาสร้างวัดขนาดนี้ บอกว่าขืนบอกมัน มันก็ขอเราอ่วมเท่านั้น (หัวเราะ) อุตส่าห์ไปเอาคัมภีร์สวดกรรมวาจโบราณมา กรรมวาจ คือ กรรมวาจา ทางผ่ายพม่านี่เขาไม่ได้อวดความรู้ เก่งแค่ไหนแม่นอักขระแค่ไหนก็ตาม เขาจะถือตำราเข้าไป แล้วตำราเขานี่จะมีไม่กี่แผ่น คือว่าถ้าบวชพระก็จะเอาแผ่นที่สวดเกี่ยวกับบวชพระเข้าไป
              ถ้าหากว่าสวดกฐินก็จะเอาแผ่นที่สวดกฐินเข้าไป สวดอัพภาณ ก็จะเอาแผ่นที่สวดอัพภาณเข้าไป คัมภีร์นี่มันเป็นคัมภีร์ที่เขาตั้งใจทำเป็นการบูชาพระรัตนตรัย จารึกในลักษณะว่าจารึกธรรมะเป็นการบูชาพระรัตนตรัย เขาทำงามมาก คัมภีร์ที่เอามาถวายท่านบอกว่าทางฝั่งพม่านี่เขาอยากได้กันมาก เพราะเป็นคัมภีร์เก่าโบราณ
              ส่วนใหญ่แล้วที่ได้ไปจะเอาไปหลอมทำเป็นวัตถุมงคล เพราะว่ามันเป็นโลหะไม่ทองเหลืองก็ทองแดง ปิดทองแล้วเขียนอักขระลายมืองดงามมากแถมยังวาดลวดลายอะไรเอาไว้อีก คือเขาทำเต็มที่เป็นการถวายเป็นพุทธบูชาคัมภีร์อันนี้ได้มากจากเจดีย์ไจ๊ซานลาน ไจ๊ซานลานแปลว่าสยามพ่าย คือแพ้เขา
              สมัยพระนเรศวรยกทัพไปตั้งใจจะตีพม่า พม่ารู้ว่าสู้ไม่ได้ก็เลยออกอุบายว่า รบกันคนตายทั้ง ๒ ฝ่ายใช่ไหม ไม่ได้ประโยชน์อะไร เรามารบกันโดยธรรมยุติดีกว่า คือสร้างเจดีย์แข่งกันภายในเวลา ๑ คืน ถ้าหากว่าใคร สร้างเจดีย์เสร็จก่อนก็เป็นฝ่ายชนะ ถ้าพม่าชนะไทยต้องยกทัพกลับห้ามแตะต้องอะไรของพม่า ถ้าไทยชนะพม่าจะมอบบ้านมอบเมืองให้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารบกัน คนไทยก็ตกลง