​​​ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๔๔

 

เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ เดือนกันยายน ๒๕๕๒


      ถาม :  เวลาเราอ่านหนังสือ แล้วตัวหนังสือลอยขึ้นมาเหนือกระดาษ ถือว่าเป็นอารมณ์ขนาดไหน ?
      ตอบ :  เป็นลักษณะของกสิณ
      ถาม :  แสดงว่าของเก่าเรามีตรงนั้น ?
      ตอบ :  มี
      ถาม :  แล้วเราสวดคาถาเงินล้านอยู่ เราเพ่งภาพพระด้วยการลืมตา แล้วภาพจะมีหมอกสีขาวมาปิดบังหมด เหลือแต่องค์พระ อารมณ์ขนาดไหน ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าเป็นกสิณ ก็ไม่แน่ว่าจะทำถูก เพราะเรายังไปสนใจกับสิ่งรอบข้างอยู่ ถ้าหากว่ากำหนดเป็นภาพกสิณ จะเป็นภาพติดตาไปเลย ถ้าลักษณะภาพติดตาที่เราทำ ต้องสนใจในภาพที่เราทำเท่านั้น ไม่สนใจในส่วนรอบข้าง
      ถาม :  อย่างนี้ผมทำไม่เป็นใช่ไหมครับ ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ทำไม่เป็น แต่ยังทำไม่ถูก ทำเป็นแล้ว แต่ยังทำไม่ถูก
      ถาม :  ทำอย่างไรจึงจะทำถูกครับ ?
      ตอบ :  ก็ให้กำหนดแต่ภาพพระอย่างเดียว โดยไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้าง มองในลักษณะหลับตา...นึกเห็นภาพ พอภาพหายไปแล้วลืมตาดูใหม่ ไม่ใช่ไปจ้องอยู่ตลอด ถ้าจ้องอยู่ตลอดจะเป็นลักษณะอย่างที่คุณเห็น
      ถาม :  ผมเล่นเกมส์ลูกโซ่ จะเป็นสีสันต่าง ๆ พอเล่นจนชินแล้ว จะมีภาพติดตาขึ้นมา ทุกวันนี้กลายเป็นสีขาวหมดเลย ?
      ตอบ :  นั่นเป็นส่วนหนึ่งของกสิณ บางคนเล่นไพ่ พอหลับตาลงโพธิ์ดำโพธิ์แดง ดอกจิก ข้าวหลามตัดมาครบเลย แสดงว่าเคยมีพื้นฐานของกสิณมา เพียงแต่เอาไปใช้ผิด
*************************

      ถาม :  บางคนฝึกมโนฯ แล้วก็มาเล่าให้ฟังว่า เขาอธิษฐานเก็บดอกบัวมาจากวิมานบนพระนิพพาน นำไปถวายพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน อย่างนี้ได้อานิสงส์ของทานด้วยหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ในส่วนของทานไม่ได้อานิสงส์ แต่ถ้าในส่วนของพุทธบูชาได้แน่นอน
      ถาม :  ทำไมตรงส่วนของทานจึงไม่ได้อานิสงส์ครับ ?
      ตอบ :  เพราะอยู่ในลักษณะของการไม่ได้สละออก ทานนี่เขาสละออกเพื่อการตัดความโลภ อยู่ข้างบนนั้นความโลภไม่มีแล้ว จะไปตัดอะไร ? อานิสงส์ของทานก็เลยพลอยไม่มีไปด้วย แต่อานิสงส์ของพุทธบูชาคุณได้แน่
      ถาม :  อย่างนี้ไม่จัดเป็นอามิสบูชา แต่จัดเป็นปฏิบัติบูชาได้ใช่ไหมครับ ?
      ตอบ :  ได้
*************************

      ถาม :  หลวงพ่อเคยบอกว่าคนที่ได้อภิญญาสมาบัติ สามารถที่จะไปบังคับหรือสู้กับเทวดาได้ เพราะว่ากำลังอภิญญาสมาบัติเป็นกำลังพรหม แล้วอย่างนี้ต้องได้ถึงระดับใดครับ ? แม้แต่ท่านท้าวมหาพรหมท่านก็เป็นเทวดาอยู่ ?
      ตอบ :  ต้องดูด้วย...ดูด้วยว่าเทวดาท่านนั้นทรงฌานสมาบัติได้หรือเปล่า ? ถ้าทรงฌานสมาบัติได้ในความเป็นทิพย์ของท่าน...ท่านคล่องตัวโดยอัตโนมัติอย่างของเรามัวแต่มาขยับทรงฌานสี่ เสร็จแล้วคลายกำลังใจไปอธิษฐานก็แบนอยู่ตรงนั้นแหละ เพราะเทวดาทั้งหมดนั้นไม่ใช่แค่เทวดาในความคิดของเรา...ว่าไม่ใช่พรหม หลายท่านมีความสามารถถึงขนาดเป็นพรหมอนาคามี แต่ท่านต้องการอยู่แค่นั้น
              เคยมีพระภูมิเจ้าที่เป็นพระอนาคามี ปกติท่านต้องไปเป็นพรหมชั้นสุทธาวาสด้วย ถือว่าสุดยอดของพรหมเลย แต่ท่านอยู่แค่ภุมมเทวดา ไม่ใช่อากาศเทวดาด้วย หลวงพ่อฤๅษีไปถามว่าทำไมท่านอยู่แค่นี้ ? ท่านบอกว่าพอใจอยู่แค่นี้ เพราะว่าเคยเจอเพื่อนอยู่ตรงนี้ เพื่อนท่านเคยเป็นภุมมเทวดา ถึงเวลาท่านก็เลยอยู่แค่ตรงนี้ คราวนี้ไปห้ามท่านก็ไม่ได้ด้วย เหมือนไปห้ามเศรษฐีไม่ให้อยู่กระต๊อบ ท่านมีเงินท่านจะอยู่กระต๊อบก็ได้
      ถาม :  อย่างนี้เทวดาผู้ใหญ่ก็ไม่กล้าใช้งานท่านสิครับ ?
      ตอบ :  เทวดาท่านมีมารยาทมากกว่าเราเยอะ ไม่ต้องถึงพระอริยเจ้าระดับนั้นหรอก แค่เทวดาชั้นยามาที่สวดมนต์เป็นประจำ ท่านก็ไม่เรียกใช้แล้ว
      ถาม :  แล้วเทวดามีการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิเข้าฌานด้วยหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  มีเป็นปกติ
      ถาม :  ทำไมท่านไม่เข้าฌาน แล้วกลายเป็นพรหมไปเลยเล่าครับ ?
      ตอบ :  ในตัวของเขา สมาธิจิตที่ดำเนินไป ระยะเวลานั้นต่างกับโลกมนุษย์มาก อาจจะชั่วไม่กี่ลมหายใจของเขา แต่อาจจะหลายสิบปีของเรา เพราะฉะนั้น...กว่าที่เขาจะสร้างเสริมคุณสมบัติให้ครบว่าเป็นฌานในระดับไหน บางทีเราตายไปแล้วสองรอบ แต่พอคุณสมบัติของท่านครบ ต้องดูด้วยว่าท่านอยากไปไหม ถ้าไม่อยากไป อานิสงส์ที่อยู่ตรงนั้นก็จะยืดยาวอีก ประเภทที่ว่าขึ้นไปข้างบนแล้วนั่งเซ็ง อยู่ข้างล่างดีกว่าเพราะพวกเยอะ ถ้านิสัยท่านชอบเฮฮาอยู่ด้วย ท่านก็ไม่ไป
*************************

      ถาม :  สมัยพุทธกาล เราจะเห็นว่าหลายท่านมีบุญมาก จนต้องเดือดร้อนเทวดา อย่างท่านโชตกเศรษฐี หรืออย่างท่านที่มีมหาปุริสลักษณะมากมาย ซึ่งสงสัยว่า มีบุญมากบุญน้อยอย่างนั้นเขาวัดอย่างไร หรืออย่างหลวงพ่อท่านต้องมีบุญญาธิการมากกว่าโชติกเศรษฐีแน่ แต่ทำไมพระอินทร์ไม่เดือดร้อน ท่านไม่มาสร้างบ้านให้ ?
      ตอบ :  หลวงพ่อท่านไม่มีความจำเป็น ในเมื่อท่านไม่มีความจำเป็นแล้ว ท่านจะเอาบ้านไปทำไม ?
              พระอินทร์ท่านดูหนังจบแล้ว ในเมื่อท่านดูหนังจบว่าพระองค์นี้ตอนท้ายบวชแน่ แล้วพระท่านก็จะสร้างวิหาร ๑๐๐ เมตรเอง อย่างนี้พระอินทร์ท่านจะไปสร้างทำไมให้เสียเวลา ? ของเราเองดูหนังไม่จบ แล้วไปกังวลว่า เอ...ตอนหลังอวตารนี่พระเอกจะรอดหรือเปล่า ? แต่กราฟฟิกนี่สุดยอดไปเลยนะ...!
      ถาม :  พูดเหมือนดูมาแล้ว ?
      ตอบ :  เคยดูที่ไหน ไม่ได้ดูหนังมา ๓๐ ปีแล้ว แต่อยากรู้เรื่องไหนมาถามได้
      ถาม :  แล้วคนสมัยนี้มีบุญมากพอ ๆ กับคนสมัยก่อนหรือเปล่า ?
      ตอบ :  จะว่าไปแล้วบุญไม่เท่าคนสมัยก่อน ถามว่ามีบุญมากเหมือนคนสมัยก่อนไหม ..เหมือน เพราะว่าอย่างน้อยก็เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้นทุนจะต้องเพียงพอ แต่ว่าในส่วนของปัญญาบารมีจะน้อยกว่าเขาเยอะ คนสมัยนี้เวลาฟังธรรมแล้วโฮกาสที่จะบรรลุเลยนั้น...ยาก แต่สมัยนั้นปัญญาบารมีท่านเสริมสร้างมาจนเพียงพอเหลือเฟือแล้ว ท่านบอวก่าเหมือนกับดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว พอกระทบแสงแดดก็บานเลย
      ถาม :  อย่างโชติกเศรษฐีท่านจะมีภรรยา เทวดาต้องไปเอาจากดาวอื่นมาให้ เพราะว่าท่านเป็นคนมีบุญมาก ไม่เข้าใจว่าท่านพิเศษกว่าคนอื่นอย่างไร ?
      ตอบ :  ก็ท่านสร้างของท่านมา ทำไมต้องเข้าใจ...ทำให้ได้อย่างท่านเดี๋ยวก็เหมือนท่านเอง ของคุณมีโอกาส เพราะยังเกิดอีกเยอะ...!
      ถาม :  บางคนเป็นกษัตริย์ เป็นเจ้าเมืองยังมีบุญไม่เท่าท่านเลย ทั้งที่ท่านโชติกะเป็นแค่เศรษฐี ?
      ตอบ :  ของท่านนั้นเป็นชาติที่ต้องบวช บรรดาวาระกรรมวาระบุญต่าง ๆ จะลงตัวในสภาพนั้น ท่านจึงมาเกิดในสิ่งแวดล้อมนั้น ถ้าหากว่าท่านไปเกิดเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ อาจจะต้องไปรบทัพจับศึก ทำสงครามกับเมืองอื่น กุศลอาจจะชักพาให้ไกล ไม่ได้บวชเป็นพระอรหันต์ก็ได้
*************************

      ถาม :  หลายคนบอกว่า พอลาพุทธภูมิแล้วทิพจักขุญาณแจ่มใส แต่ทิพจักขุของพุทธภูมิกลับมืด ทำไมเป็นอย่างนั้น ?
      ตอบ :  ไม่รู้ อาตมาลาแล้วก็ยังอืดเป็นเรือเกลือเหมือนเดิม เพราะว่าโดยวิสัยต้องไปเป็นครูเขา วิสัยที่จะไปเป็นครูเขา ของเดิมที่ควรจะได้ตอนนั้นเลย ก็ต้องย้ำแล้วย้ำอีกทวนแล้วทวนอีกจนกว่าจะครบทุกแง่ทุกมุม เพื่อถึงเวลาคนอื่นเขาถามจะได้บอกเขาได้ ก็เลยยังช้าเหมือนเดิม
*************************

      ถาม :  เคยมีพระคาถาหนึ่ง เป็นคาถาเพื่อขอลาภ ?
      ตอบ :  ทำ…อยากรู้ก็ทำ
      ถาม :  ผมสงสัยว่าต่างกับคาถาเงินล้านอย่างไร ?
      ตอบ :  ต่างตรงที่ตัวคาถาไม่เหมือนกัน คนให้คนละคนกัน
      ถาม :  มีอานิสงส์เหมือนกันไหมครับ ?
      ตอบ :  อานิสงส์เหมือนกันตรงที่หาลาภให้ได้ แต่คราวนี้มากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับคาถาเหมือนกันว่าใครเป็นคนให้มา ผู้ที่ให้มาถ้าบารมีมากกว่า ท่านก็สามารถที่จะส่งเสริมให้ได้มากกว่า ขณะเดียวกันตัวเราทำคาถา ถ้าหากทำอย่างนี้แล้วสมาธิจิตทรงตัวได้มากกว่า มีความสะอาดของจิตมากกว่า ผลก็มากกว่า
      ถาม :  เท่าที่ลองปฏิบัติมา รู้สึกคาถาเงินล้านจะช่วยในเรื่องความคล่องตัว หรือถ้าจะตายจริง ๆ ก็จะรอดตลอด แต่ถ้าคาถาขอลาภก็จะเห็นผลทันตามากเลย ?
      ตอบ :  ทำต่อไป อยากได้เร็วก็เอาคาถาขอลาภ อยากได้เรื่อย ๆ ก็คาถาเงินล้าน
*************************

      ถาม :  คาถาที่ขอดูบารมีพระ อย่างปลุกพระ ผมก็ลองจนเป็นฌานแล้วก็ยังไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย ?
      ตอบ :  ก็เพราะเป็นฌาน เขาต้องการแค่อุปจารสมาธิ เขาต้องการความรู้แค่ ป. ๑ คุณทำข้อสอบดันเอาความรู้ปริญญาตรีไปตอบ เขาก็ปรับตก ภาษาพระเรียกว่าเกินครู ภาษาชาวบ้านเรียกว่าเสือกรู้เกินครูอาจารย์...!
      ถาม :  ก็เห็นบางคาถา หลวงพ่อก็บอกว่าทำให้เป็นฌานก็ได้เลย ?
      ตอบ :  นั่นไม่ใช่คาถาธรรมดา การทดสอบถ้าคุณไม่ทรงฌานสี่ไปเลย ก็ต้องอยู่ระดับปุจารสมาธิ
      ถาม :  อ่านในหนังสือหลาย ๆ เรื่องของวัดท่าซุง ท่านบอกว่าถ้าอยากมีลูกให้ไปล้างห้องน้ำวัด ?
      ตอบ :  เฮ้ย…ตายแล้ว...! ตูแย่แน่ เพราะล้างห้องน้ำวัดบ่อย อันนี้อ่านมาผิดแน่นอน
      ถาม :  ถ้าอยากมีลูก ต้องบวงสรวงขอพระอินทร์อย่างเดียวใช่ไหมครับ ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ขอพระอินทร์อย่างเดียว อยู่กับเมียด้วย ไปขอพระอินทร์อย่างเดียว ท่านก็คงกลุ้มใจ แล้วบอกว่าไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้
      ถาม :  แล้วแต่วาระด้วย ?
      ตอบ :  แล้วแต่วาระเหมือนกัน อย่างโพธิราชกุมาร บวงสรวงครบ ๑๐๘ รอบก็คงไม่ได้ สมัยที่เรือแตก พระโพธิราชกุมารท่านไปติดเกาะ เกาะนั้นมีนกเยอะ ท่านก็กินไข่นก กินไข่นกหมดก็ยังไปไหนไม่ได้ ท่านก็เลยกินลูกนก กินลูกนกหมด ก็ยังไปไม่ได้อีก ก็เลยกินพ่อนกแม่นกอีก กว่าเรือจะแวะผ่านมาเจอก็ปาไปหลายปี
              พอมาเกิดชาติใหม่ท่านเป็นกษัตริย์ มีสนมเป็นร้อยเป็นพันแต่ไม่มีลูก ท่านได้ยินว่าพระพุทธเจ้ารู้ทุกเรื่อง ก็เลยนิมนต์พระพุทธเจ้ามา แล้วก็ปูผ้าขาวตั้งแต่ประตูวังเข้าไป อธิษฐานว่า ถ้าท่านจะมีลูก ขอให้พระพุทธเจ้าเหยียบลงมาบนผ้าขาว พระพุทธเจ้าสั่งพระอานนท์รื้อเกลี้ยงเลย ท่านก็เลยนั่งร้องไห้ เพราะรู้แล้วว่าตนเองไม่มีลูกแน่
              พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสเล่าบุรพกรรมให้ฟังว่า ถ้าเธอกินแต่ไข่นก..ในวัยหนุ่มสาวไม่มีลูก อาจจะไปมีลูกในวัยกลางคน ถ้ากินไข่นกและลูกนก ...ในวัยหนุ่มสาวในวัยกลางคนไม่มีลูก จะมีลูกในวัยชรา นี่เธอกินทั้งไข่นก ลูกนก พ่อแม่นกเกลี้ยง...เลยไม่มีลูกแน่นอน กรรมตัดไป เพราะฉะนั้น...ไม่ใช่ขอแล้วได้แน่นอน ขึ้นอยู่กับวาระบุญวาระกรรมที่เราสร้างด้วย แต่จริง ๆ คนไม่มีลูกสบายจะตาย จะตะกายขอไปทำไม ?
      ถาม :  แล้วไปบวงสรวง ขอให้ไม่มีลูกได้หรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ไม่ต้อง ไปหาหมอง่ายกว่า
      ถาม :  เสียเงินเยอะครับ ?
      ตอบ :  ขอพระทำหมันไม่ได้ ท่านห้าม ถ้าทำหมันมาแล้วไม่เป็นไร แต่ถ้ายังไม่ได้ทำก็อย่าไปทำ
*************************

      ถาม :  อารมณ์ของฌานสาม ฌานสี่ ที่มีหยาบละเอียด ผมหาช่องไม่ได้เลยว่า หยาบเป็นอย่างไร ละเอียดเป็นอย่างไร ?
      ตอบ :  ไม่ต้องหา...ทำ
      ถาม :  แยกไม่ออก ?
      ตอบ :  พอถึงแล้วเดี๋ยวชัดเอง จำไว้ว่าถ้าหยาบยังมีความหนักอยู่ ถ้าละเอียดจะมีความเบา เอาแค่นั้นแหละ แบบที่เราบอกว่ารู้สึกแห้งแล้งแข็งทื่อ ถ้าละเอียดแล้วจะเบาสบาย
*************************

      ถาม :  เคยได้ยินเรื่องวิธีสวดตัดญาติไหมครับ ?
      ตอบ :  ไม่เคย แล้วทำไมต้องไปตัดด้วย ? การตัดอยู่ที่การวางกำลังใจ ไม่ได้อยู่ที่การสวด
*************************

      ถาม :  ในบ้านเพิ่งมีคนเสียชีวิตติด ๆ กัน เขาบอกว่าต่างฝ่ายต่างดึงกันไป ก็เลยต้องสวดตัดญาติ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวดึงกันหมดบ้าน ?
      ตอบ :  ถ้าหากเป็นวาระจริ งๆ สวดไปเท่าไรก็ตาย..! เรื่องแบบนี้อาตมาไม่เคยได้ยิน ถ้ามีคนทำได้ บอกช่วยทำให้หน่อย ตอนนี้ญาติเยอะเหลือเกิน โดยเฉพาะญาติธรรม สวดตัดให้ทีเถอะ ตูเบื่อแล้ว...!
      ถาม :  ที่น้องเขาถามเป็นความคิดของผมเอง คุณแม่ผมเพิ่งเสีย และเพิ่งเผาไปเมื่อวันที่ ๒๐ แล้วพี่ชายผมกำลังจะหมดลม ไม่ทราบว่าท่านมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมไหมครับ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่ากลัว ก็ไปปล่อยชีวิตสัตว์ โดยเฉพาะถ้ากรรมหนัก ก็ปล่อยพวกวัวควายไปเลย ซื้อจากโรงฆ่า อย่างนี้ตัดได้ทุกอย่างของกรรมหนักประเภทจะถึงตาย
      ถาม :  ถ้าพี่น้องหลายคนร่วมกันทำ ?
      ตอบ :  ทำพร้อมกันได้ ปล่อยวัดตัวหนึ่งก็ราคาหมื่นห้าถึงสองหมื่น แล้วแต่ว่าตัวใหญ่หรือตัวเล็ก
              วาระกรรมเขาสร้างมาใกล้เคียงกัน จึงมาเกิดเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อมาเกิดเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงวาระก็ไปใกล้ ๆ กัน ถ้าช่วงนั้นเราไม่ได้ทำร่วมด้วยก็ไม่เป็นไร
      ถาม :  แล้วอย่างนี้ไถ่ชีวิตโคกระบือ สู้พวกนั้นได้หรือเปล่า ?
      ตอบ :  ได้ แต่ว่าบางคนกำลังใจเขาไปอยู่ตรงที่ว่า ถ้าได้ทำเองแล้วจะรู้สึกว่าดีกว่า พาไปปล่อยได้เลย ที่โรงฆ่าสัตว์ปทุมธานี เพราะฝั่งตรงข้ามโรงฆ่าสัตว์จะเป็นธนาคารโคกระบือของในหลวง เราก็ซื้อตรงนั้นจูงข้ามถนนไป เจ้าหน้าที่เขาก็จะลงทะเบียนรับ
*************************

      ถาม :  ตอนเด็กผมเคยตอบปัญหาธรรมะ แข่งมาหลายที่เหมือนกัน รู้สึกว่าการแข่งขันตอบธรรมะ บางทีก็เป็นการปรามาสพระธรรม การแข่งขันก็ใช้ความรู้พระพุทธศาสนา พวกพุทธประวัติเอามาแข่งขันกัน บางทีเราอาจจะคิดว่าข้อนี้ง่าย การคิดแบบนี้เป็นการปรามาสหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ถ้าคิดก็เป็น
      ถาม :  อันนี้ผมก็เผลอคิดเยอะมากเลย ?
      ตอบ :  เขาเรียกว่า เรื่องไม่น่าจะลงนรก...ก็คิดจนลง..!
*************************

      ถาม :  เวลาจะจับลมหายใจ เมื่อตั้งใจจะจับ ลมก็หายไปแล้ว ?
      ตอบ :  ถ้าหากคล่องตัวระดับนั้น เราก็แค่กำหนดรู้ต่อไปแค่นั้นเอง ว่าตอนนี้ลมหายไปแล้ว
      ถาม :  มักจะไปตะกายหาเอา ?
      ตอบ :  ดีเลย...ขึ้นไปครึ่งค่อนบันไดแล้ว กลับไปตั้งต้นนับหนึ่งขั้นแรก...!
      ถาม :  นั่นคือตัวฌานสามละเอียด หรือว่าเป็นฌานสี่ ?
      ตอบ :  ไม่แน่ อาจจะเป็นแค่ปฐมฌานละเอียด ขึ้นอยู่กับสภาพจิตของเราตอนนั้น ถ้าจิตหยาบมากก็จะรู้สึกได้น้อย บางทีแค่ทรงปฐมฌานอย่างกลางหรืออย่างละเอียด ลมหายใจก็หายไปเลย
      ถาม :  เมื่อก่อนเวลาเหนื่อยมาก ๆ ผมจะอาศัยไปเข้าฌานสองแล้วพักใหญ่พอรู้สึกอิ่มเอิบ ตอนนี้พอมาพักแล้ว ก็รู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้อะไรมาก เป็นเพราะว่าเราขาดวิปัสสนาหรือเปล่า ?
      ตอบ :  เป็นเพราะเราเคยชิน ใหม่ ๆ เรายังตื่นเต้น ยังแยกแยะได้ง่าย พอทำไป ๆ ชินแล้วตายด้าน เลยไม่รู้สึกว่ามีอะไรแตกต่างไปจากเดิม คราวนี้เราต้องมาจับความรู้สึกทางร่างกายว่า ทำแล้วหายเหนื่อยไหม ? สามารถที่จะทำงานต่อไปได้ในลักษณะร่างกายสดชื่นมีกำลังไหม ? ไม่ใช่ไปจับแค่อาการอย่างเดียว
*************************

      ถาม :  มีพระคาถาหนึ่ง คนที่ให้มาบอกว่าสามารถตัดกรรมได้ ให้ภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ หลวงพ่อปภัสสโร นะโมพุทธายะ ?
      ตอบ :  คาถาไหนก็ตัดกรรมได้ ขอให้ทำจริง ๆ เถอะ เพราะว่าบุญในทาน ศีล ภาวนา เป็นบุญใหญ่มาก โดยเฉพาะบุญการภาวนา ถ้าให้ทานมีผลเป็นร้อย รักษาศีลมีผลเป็นหมื่น ภาวนาจะมีผลเป็นล้าน เราทำความดีใหญ่ขนาดนั้น ถ้าอารมณ์ใจทรงตัวจริง ๆ กรรมอื่นจะตามได้ยาก คาถาอะไรก็ได้ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ทำต่อเนื่องเท่านั้นเอง
*************************

      ถาม :  ทำไมหลวงพ่อบอกว่า ถ้าคิดพิจารณาอย่างนี้ทั้งวันจึงดี ?
      ตอบ :  อารมณ์ใจที่ทรงตัวอยู่ในความดีได้โดยอัตโนมัติ แสดงว่าเป็นโดยธรรมชาติแล้ว ไม่ต้องไปบังคับ เท่ากับว่าเราทรงความดีอยู่ทั้งวัน
*************************

      ถาม :  ถ้าจริตเราชอบจับภาพพระสงฆ์ แต่ใจเราชอบพุทโธ ถ้าเราทำทั้งคู่นี่..?
      ตอบ :  จับภาพพระพุทธเจ้าที่มีลักษณะเป็นพระสงฆ์ อย่างภาพวาดของคุณคำนวณ ชานันโท อาตมาใช้ลักษณะนั้นมาก่อน
      ถาม :  แต่ถ้าจับภาพพระพุทธรูป ให้เป็นกสิณจะได้ไหมครับ ?
      ตอบ :  ได้ ต้องการกสิณสีไหนก็ใช้พระพุทธรูปสีนั้น เขาเรียกว่าประกันความเสี่ยง ถึงทรงกสิณไม่ได้ แต่พุทธานุสติได้แน่นอน
*************************

      ถาม :  ผมเห็นมีคำภาวนา และวิธีฝึกที่จะให้ทิพจักขุญาณแจ่มใสอยู่หลายแบบ ทั้งอาโลกสิณ พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า หรอืพระคาถาปราโมทย์ ตัวไหนจะทำให้ทิพจักขุญาณแจ่มใสที่สุด ?
      ตอบ :  ทำ..ถ้าไม่ทำก็เท่านั้นแหละ..!
      ถาม :  ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า วิธีไหนก็ได้ผลเหมือนกัน ?
      ตอบ :  วิธีไหนก็ได้ เพียงแต่เราต้องนึกว่าใครให้มา แล้วขณะเดียวกัน เราก็ต้องภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวด้วย
      ถาม :  ขึ้นอยู่กับผู้ทำด้วย ว่าทำคาถาไหนขึ้น ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ ของเรานี่จะเห็นว่ามีคาถาหลายอย่าง แต่ของหลวงพ่อท่านได้ทีละอย่าง และท่านทำทีละอย่าง ท่านจะไม่มาเสียเวลาสงสัย
              สมบัติพ่อวางไว้หลายชิ้น...เราก็มานั่งสงสัย คว้าอันไหนขขึ้นมาก็ทำไปสิ ข้าวอยู่ตรงหน้าสามจาน แทนที่จะกิน ก็มานั่งสงสัยว่าจานไหนอร่อยกว่า ก็สมควรที่จะอดต่อไป...!
*************************

      ถาม :  ผมกำลังทำเกมออนไลน์อยู่ แต่กล้วว่าจะเป็นการมอมเมา เป็นอาชีพที่ไม่ดี ผมก็พยายามจะสอดแทรกข้อดีเข้าไป เป็นต้นว่า การรักษาความสมดุลให้เกม ให้มีตัวระบบกฎแห่งกรรมขึ้นมา โดยการจำลอง พบว่ากรรมก็มีความแรงหลายระดับ มีความเร็วหลายระดับอย่างนี้ครับ ?
      ตอบ :  ถ้าอย่างนี้ถือว่าเป็นธรรมทานเสียด้วยซ้ำ อย่างในเกม ถ้าเขาปฏิบัติถูกต้องตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เราก็เพิ่มโบนัสพิเศษให้ สิ่งไหนปฏิบัติไม่ถูกก็อดไป หรือแทนที่จะระเบิดจนเลือดกระจาย เราก็ให้อภัยก็ได้
      ถาม :  ในเกมนี้ให้ทำดีทำชั่วได้หมด แต่ว่าให้ตัวเองเป็นตัวควบคุมอีกที จำลองระยะเวลาเข้าไปตายเกิด ๆ ในเกมแทน ?
      ตอบ :  เสร็จแล้วเอามาให้เล่นบ้างนะ...!
*************************

      ถาม :  การออกไปแบบเต็มกำลัว กับการภาวนาแล้วได้อภิญญาใหญ่เพราะของเก่ารวมตัว อันไหนเป็นเรื่องยากกว่ากัน ?
      ตอบ :  อภิญญาเป็นเรื่องยากกว่า แต่ว่ามโนมยิทธิเป็นส่วนหนึ่งของอภิญญาอยู่แล้ว ในเรื่องของอภิญญา ...โดยเฉพาะอภิญญา ๖ ย่ิงยากเข้าไปใหญ่ เพราะว่าข้อที่ ๖ ต้องตัดกิเลสให้ได้อย่างน้อยพระโสดาบันขึ้นไป แต่ถ้าหากเป็นอภิญญา ๕ ก็ยังยากกว่าอยู่ดี เพราะต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่ง ขึ้นมาจากกองกสิณ ในเรื่องของมโนมยิทธิเหมือนกับคนรวย ควักกระเป๋าไปก็ซื้อบ้านสำเร็จรูปเลย แต่เรื่องของอภิญญาเริ่มตั้งแต่คำนวณ เขียนแปลน ผูกเหล็ก เทโครงขึ้นมา อันไหนจะยากกว่ากันเล่า ?
*************************

      ถาม :  เคยคิดว่าพระอรหันต์อภิญญากับพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ พระอรหันต์อภิญญาต้องรู้มากกว่าแน่เลย เพราะไม่มีตัวปฏิสัมภิทาญาณมาคุมการคิดแบบนี้เป็นการปรามาสท่านหรือเปล่าครับ ? แล้วที่คิดแบบนี้ถูกหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ต้องเป็นพระอรหันต์แล้วถึงจะรู้ว่าคิดถูกหรือเปล่า ? แต่ขอบอกว่าผิดไปหลายลี้เลย อย่าลืมว่าพระอรหันต์ตัวปัญญาท่านต้องเลิศที่สุดแล้ว โดยเฉพาะสติ มีมากกว่าเรานับประมาณไม่ได้ ผู้ที่ประกอบด้วยสติปัญญาขนาดนั้น จะทำอะไรท่านต้องไตร่ตรองรอบคอบครบถ้วนแล้ว
      ถาม :  แล้วที่ผมคิดปรามาสไหม ?
      ตอบ :  ไม่ถึงกับปรามาสหรอก แต่ขณะเดียวกันคิดแล้วเสียเวลาเป็นไปสงสัยเรื่องที่ไม่ควรสงสัย...!
*************************