เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ เดือนกันยายน ๒๕๕๓
ถาม : “เกี่ยวกับหมาต้องระวังให้มาก ๆ เลย ถ้าหมาได้กินอาหารสักอย่างหนึ่งที่ชอบ ต่อไปเขาจะเลือกกิน อย่างไหนที่ไม่ชอบก็จะไม่แตะเลย
สมัยก่อนที่วัดท่าซุงมีหมาตัวหนึ่งชื่อ ไอ้แมน เป็นสุดยอดหมาจริง ๆ เลย ผอมจนซึ่โครงบาน เดินไปก็เป็นลมล้มตึง ตอนแรกอาตมาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นลมเพราะอะไร หลวงตาวัชรชัยบอกว่า ลองเอานมให้มันกินสิ พอเทใส่ชามให้ มันซัดจนเกลี้ยงภายในนาทีเดียว...!
ก็คือ ถ้าไม่ได้เนื้อหรือนมไอ้แมนไม่กิน อย่างอื่นมาวางไว้ตรงหน้าเป็นตายก็ไม่กิน ถึงขนาดยอมเป็นลมล้มตึงขนาดนั้น สุดยอดหมาจริง สมควรที่จะเป็นหมาต่อไป...! ต้องบอกว่าไอ้แมนประกอบด้วยทิฐิมานะเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าเราจะเลียนแบบไอ้แมน ก็คือ เราต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำความชั่วให้ได้ มีโอกาสที่จะละเมิดศีล เราจะไม่ยอมละเมิดเด็ดขาด”
*************************
ถาม : สิ่งที่เคยสัมผัสในการปฏิบัติธรรมมาแล้ว แต่ทำไมเราย้อนกลับไปเห็นอีก แล้วก็เกิดขึ้นเอง ?
ตอบ : บางอย่างมีนิมิตบอกเหตุล่วงหน้า แต่เราไม่ได้ใส่ใจ พอถึงเวลาแล้วเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง ๆ เราจึงนึกได้ว่าที่แท้เรารู้แล้ว
ถาม : ไม่มีความมั่นใจในตนเอง กลัวตนเองจะไปเทียบ ?
ตอบ : ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นของแถมของนักปฏิบัติ ถ้าเราทำไปถึงระดับหนึ่ง จิตเริ่มสงบ ก็จะสะท้อนให้เห็นสิ่งรอบข้างได้
แต่ส่วนแล้วมักจะเสียงมากกว่าดี ที่เสียมากกว่าดี เพราะเราไปติดในนิมิตเหล่านั้น นิมิตเหล่านั้นจะแม่นยำไเด้ก็ต่อเมื่อเราไม่เอาจิตไปปรุงแต่งให้เกิดรัก โลภ โกรธ หลง สักแต่ว่ารับรู้เฉย ๆ แต่ทันทีที่เราไปอยากรู้อยากเห็น อาจจะอยากรู้เพื่อที่จะเอาไปบอกคนอื่น หรืออยากรู้เพื่อจะไปอวดใคร คราวนี้เราจะโดนหลอกให้เป๋ได้ง่าย
ทำไม่รู้ไม่ชี้นั่นแหละ มาก็รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ แล้วก็กองไว้ตรงนั้น
ถาม : มักจะกระโดดกลับไปกลับมา ?
ตอบ : เรื่องของนิมิตนั้นไม่มีต้นมีปลาย นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป กว่าจะรู้ส่วนใหญ่ก็เมื่อเหตุนั้นเกิดขึ้นแล้ว
*************************
“เมื่อปี ๒๕๒๖ น้ำท่วม บ้านอาตมาอยู่ซอยอ่อนนุช เลยแยกศรนครินทร์ไปหนึ่งป้ายรถเมล์ ตรงนั้นก็คือ ซอยอ่อนนุช ๖๖
ปรากฎว่ารัฐบาลเขาช่วยกันกั้นเขื่อนแค่ถนนศรีนครินทร์ ที่บ้านน้ำก็เลยสูงถึงอก ท่วมอยู่ ๘ เดือน แต่อาตมายังคงไปวัดตามปกติ กินบุญเก่าไปเรื่อย เงินก็จะหมด
วันนั้นหลังเที่ยงแล้วมีการฝึกมโนมยิทธิ พอฝึกเสร็จ ครูฝึกก็มารายงานยอดว่า วันนี้มีผู้ฝึกสามารถไปพระนิพพานได้ ๙๘ คน อาจารย์ยกทรงก็ถามว่า “ออกไหมครับ ?” พวกก็ฮากันครืน หลวงพ่อก็บอกว่า “เอาอย่างนี้สิ ๓๐๐-๙๘ เหลือเท่าไรวะ ?”
อาจารย์ยกทรงก็นั่งเงียบ หลวงพ่อพูดว่า “ไอ้ขี้หมา...แค่นี้ก็คิดไม่ทัน” จำไว้เลยว่า ถ้าหลวงพ่อพูดแล้วทิ้งเลย ไม่ได้พูดเล่นต่อ แสดงว่าเลขนั้นออก แต่ถ้าท่านพูดเล่นต่อด้วยนี่ไม่ออกหรอก อาตมานึกถึงเลข ๒๐๒
ตอนแรกคิดจะซื้อหวยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ไม่เคยเล่น ก็ไม่ได้จดจ่อที่จะซื้อ
พอเลิกจากบ้านสายลมแล้ว ขี้เกียจกลับบ้านเพราะน้ำท่วม ดันนั่งรถเมล์ไปลงหน้ากองสลาก แม่ค้าเขาถามว่า “พี่เอาเลขอะไร ?” อาตมาก็มองความคิดก็คือ แม่ค้าคนหนึ่งเขาได้โควตาสองเล่ม เลขท้ายสามตัวอย่างเก่ง สองเล่มก็มีแค่สองใบ
แต่แทนที่จะบอกว่าเอา ๒๐๒ สองใบ ดันไปบอกว่า “มี ๒๐๒ ไหม ? เท่าไรก็เอาหมด” ปรากฎว่า แม่ค้าสะกิดบอกต่อ ๆ กันไปเลย “ใครมี ๒๐๒ เอามาเลย พี่เขาซื้อหมด” อาตมาไม่เล่นหวย จึงไม่รู้ว่าเลข ๒๐๒ นั้นเพิ่งออกไป เขาส่ง ๒๐๒ มาทั้งหมด อยู่ ๆ เลขที่ขายไม่ได้ มีคนมาเหมาซื้อถือว่าบ้าชัด ๆ ...!
ทีนี้จะกลับบ้านก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ก็เลยนั่งรถเลยไปเยี่ยมแม่ที่บ้านกำแพงแสน อยู่กับแม่หลายวัน กลับมาวันหวยออกพอดี ก็ไม่รู้ว่าหวยออก
ตอนเย็นผ่านกองสลากประมาณห้าโมงเย็น พอดีท่านแสงเขามาด้วย เขาสะกิด “พี่ ๆ ถูกหวยว่ะ” เขาชี้ให้ดู ปรากฎว่าตอนนั้นมีเลขท้ายสามตัวถึงห้าครั้ง งวดที่แล้วออกครั้งที่สอง ส่วนงวดนี้ออกครั้งที่ห้า ก็คือออกซ้ำเลขที่ซื้อนั่นแหละ
เท่ากับว่าเขาบังคับให้รวย “มีเท่าไรเอาหมด” พูดไปได้อย่างไร เป็นเพราะสถานการณ์บังคับจริง ๆ ที่แน่ ๆ ตอนนั้นเกือบจะไม่เหลือค่ารถกลับบ้าน เพราะเอาไปซื้อหวยเกือบหมด”
*************************
“จำไว้ว่าหวยเป็นอบายมุข อบาย คือ ทางต่ำ , ทางเสื่อม
มุขะ คือ ปากทาง อบายมุข คือ ปากทางแห่งความเสื่อม
พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเล่นการพนันนั้น ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ ผู้ชนะย่อมก่อเวร ย่อมทำให้ทรัพย์สินฉิบหาย ไม่มีผู้ใดเชื่อถือ”
*************************
“เรื่องของบุญกุศลที่ทำไว้ ต่อให้ไม่เล่น ถ้าวาระบุญเข้ามาสนองจริง ๆ ก็จะได้ในทางอื่นแทน
มีคนกวาดขยะเก็บได้รางวัลที่หนึ่ง ช็อกหัวใจวายตาย...! ตอนตายยังกำหวยใบนั้นอยู่เลย คนเขาก็สงสัยว่าได้หวยมาจากไหน ปรากฎว่ามีคนเอามาทิ้งไว้ และเป็นหวยของงวดที่แล้วที่เขาไม่ถูก แต่เลขมาตรงกับรางวัลที่หนึ่งของงวดนี้ ตกลงว่าตายฟรี..!
ส่วนจ่าตำรวจที่ตาคลี นครสวรรค์ ซื้อหวยมา ๘๐ บาท รู้สึกเสียดายเงิน ตอนเย็นกินเหล้าก็เอาหวยไปยัดเยียดให้เพื่อน เพื่อนก็ไม่เอา จนกระทั่งท้ายสุดลดเหลือ ๕๐ บาท เพื่อนก็เลยต้องจำใจซื้อไป เขาเก็บหวยไว้เฉย ๆ
ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นถูกหวย ๖ ล้าน จ่าตำรวจที่ขายหวยให้เพื่อนไป ๕๐ บาท คว้าปืนจะเอามายิงหัวตัวเองเพื่อต้องห้ามกันอุตลุต เขาโกรธตัวเองที่โยนเงิน ๖ ล้านให้เพื่อนในราคา ๕๐ บาท แล้วบังคับให้เขาเอาด้วยนะ แสดงว่าคนเราสร้างบุญเอาไว้ ถ้าบุญจะสนองอย่างไรก็ต้องมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
*************************
“จริง ๆ แล้วถึงเราไม่มีตะกรุดมหาสะท้อน ใช้คาถาอย่างเดียวก็ได้ผล แต่สมาธิต้องทรงตัว เราภาวนา เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา ไปเรื่อย ๆ ถ้าสมาธิทรงตัว จะมีอานุภาพเหมือนกับใช้ตะกรุดมหาสะท้อน เพราะตะกรุดก็ปลุกด้วยคาถานี้ ต่างกันแค่พวกเราขาดความมั่นใจเท่านั้นเอง ถ้าสมาธิดีหน่อย มีความมั่นใจ ไม่ต้องไปเสียเงินบูชาตะกรุดแพง ๆ ก็ได้
เมื่อเช้านายทหารเขาเอาเช็คมาให้ เขาบอกว่าทำกระเป๋าเงินหายแล้วตะกรุดอยู่ในนั้นเลย ก็เลยต้องเสียเงินอีกหนึ่งหมื่นมาเอาของใหม่ อาตมาอยากจะบอกว่า คุณเป็นถึงระดับผู้บังคับบัญชาแล้ว ไม่ควรที่จะงมงายเรื่องนี้ แต่ก็พูดไม่ออก
วัตถุมงคลทุกประเภทสำคัญตรงกำลังใจของคนใช้ วัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่ง มีการส่งคลื่นอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของคนใช้ไม่เปิดรับมีวัตถุมงคลไว้ก็เท่านั้น เหมือนกับไม่มีนั่นเอง
ดังนั้น...เราจะเห็นได้ว่า คนที่เอาวัตถุมงคลไปใช้ ถึงเป็นของรุ่นเดียวกัน อย่างเดียวกันก็จริง แต่ได้ผลไม่เท่ากันหรอก คนที่กำลังใจเข้มแข็งมาก มีความศรัทธาเชื่อมั่นมากใช้ได้ผลมากกว่า คนที่อยู่ต่างประเทศใช้ได้ผลมากกว่าคนในประเทศ เพราะว่าอยู่ไกลแล้วไม่รู้จะพึ่งอะไร จึงต้องอาศัยวัตถุมงคลเป็นหลัก”
*************************
“เมื่อวานมีคนคิดมิดีมิร้ายกับรองเท้าของอาตมา รองเท้าเลยต้องหนีไปซ่อน เฟิร์สเขาถามว่า เมื่อไรถึงจะรู้ได้ขนาดหลวงพ่อ ?
อาตมาบอกไปว่า มีสองวิธี วิธีแรก คือซ้อมบ่อย ๆ ให้คล่องตัว
วิธีที่สองคือ อธิษฐานทุกครั้งว่า เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น โดยไม่ต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด”
“คนเราถ้ายังไม่ถึงที่ตายอย่างไรก็รอด แต่ถ้าถึงวาระจะตายอย่างไรก็ต้องตาย
สมัยอาตมาเด็ก ๆ มีโยมอยู่คนหนึ่ง หมอดูบอกเขาว่าวันนี้จะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต แกก็เลยใช้วิธีนอนอยู่ในมุ้ง กะว่าถ้าไม่ออกไปไหนอย่างไรก็ไม่ตาย
ปรากฎว่าตอนสายแม่ไก่ออกไข่ แล้วบินขึ้นไปกระด๊ากบนขื่อ เกาะอยู่บนนั้น แต่ไก่ไปเกาะที่ปลายหอกพอดี พอน้ำหนักกดลง หอกก็พุ่งปราดลงมาเสียบคามุ้งเลย ฉะนั้น...อยู่ในมุ้งก็ตาย
หากไม่ถึงคราวตายวายชีวาตม์ ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
หากว่าถึงคราวตายวายชีวัน ไม้จิ้มฟันทิ่มเหงือกก็เสือกตาย”
*************************
“ที่มานั่งรับสังฆทานที่นี่ จริง ๆ แล้วไม่ได้มานั่งเอาเงิน ถ้ามานั่งเพื่อเงินไม่มานั่งหรอก ทรมานขนาดนี้
มาที่นี่ก็เพื่อสงเคราะห์ญาติโยมเขา อย่างน้อยให้เขาทำความดีอะไรบางอย่าง ที่เป็นปัจจัยไปสู่ภพภูมิที่ดีในภายภาคหน้าได้อาตมาก็พอใจแล้วจะมานั่งเอาเงินหรือ ? อาตมากลับไปนอนที่วัดดีกว่า เพราะถ้าได้เงินมาก็ต้องทำนั่นทำนี่...เหนื่อยจะตายชัก ถามว่ากลัวเหนื่อยไหม ? ไม่ได้กลัวหรอก แต่เบื่อว่ะ...!”
*************************
ถาม : ทำงานร่วมกับพี่ ร่วมหุ้นทำกิจการกัน แล้วจะมาเกลียดกันทีหลังหรือเปล่า ? กลัวทำด้วยกันแล้วมีปัญหา ?
ตอบ : ของอย่างนี้ไม่มีใครรับรองให้คุณได้หรอก ต้องดูในธรรมบท มีชายคนหนึ่งต้องการจะทำบุญก่อน พระโมคคัลลานเถระก็ไปบอกเศรษฐีเจ้าของกิจนิมนต์ว่า ช่วยสละให้ชายคนนั้นก่อนได้ไหม เศรษฐีบอกว่าถ้าพระโมคคัลลานเถระประกันให้เขาได้สามอย่าง เขาก็จะให้ก่อน ถามว่าประกันอะไรบ้าง
๑. ประกันศรัทธา ศรัทธาเขาต้องไม่ถอย เขายังต้องคิดทำบุญอยู่
๒. ประกันฐานะ ฐานะเขายังต้องดีอยู่เหมือนเดิม เขาจึงจะได้ทำบุญ
๓. ประกันชีวิต ถ้าหากวันนี้ไม่ได้ทำ พรุ่งนี้เขาจะต้องมีชีวิตอยู่ เขาจึงจะได้ทำบุญ
พระโมคคัลลานเถระบอกว่า ประกันฐานะกับประกันชีวิตให้ได้ แต่ประกันศรัทธาไม่ได้ ศรัทธาเป็นกำลังใจของท่านเอง จะขึ้นหรือจะลดก็แล้วแต่ท่านเศรษฐี
เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ตอนไหนที่สติสัมปชัญญะเราดี ก็ดีกัน..ใช่ไหม ? แต่ถ้าหน้ามืดตามัวขึ้นมาหรือผลประโยชน์ขึ้นหน้า แล้วใครจะไปประกันให้คุณได้ ? เรื่องพวกนี้ถ้าไปถามหมอดู หมอดูก็คงรวย เดี๋ยวเขาก็คงหาวิธีสะเดาะเคราะห์ให้
ไม่มีอะไรที่ประกันความเสี่ยงได้หรอก ถ้าจะทำก็ทำ อย่ามาจับพระเป็นตัวประกัน...!
*************************
ถาม : โรคภัยไข้เจ็บตัวใหม่ที่เกิดขึ้น จะมีวิธีป้องกันอย่างไร ?
ตอบ : ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือ อย่าไปคลุกคลีกับคนที่ป่วย
ถาม : ถ้าจะอาราธานาบารมีพระ หรือวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก ?
ตอบ : ต้องมีความมั่นใจจริง ๆ กำลังใจต้องทรงตัวจริงๆ และเวรกรรมเก่าตามไม่ทันจริง ๆ ถ้าตามทันอย่างไรก็ไม่รอด เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกังวลหรอก
สมัยก่อนโรคเอดส์ระบาด แล้วมีแค่ยันต์เกราะเพชร ความรู้สึกของอาตมาบอกชัดว่า “ชีวิตนี้เอ็งไม่เป็นเอดส์แน่ แค่ยันต์เกราะเพชรอย่างเดียวก็กันได้แล้ว...” รุ่งขึ้นเลยไปถามหลวงพ่อว่า “จริงหรือเปล่าครับ ที่ความรู้สึกผมบอกว่าแค่ยันต์เกราะเพชรก็กันเอดส์ได้แล้ว ?”
ท่านบอกว่า “ยันต์เกราะเพชรเขาเอาไว้กันไสยศาสคร์ ไสยศาตร์ละเอียดกว่าเชื้อโรคเยอะ ในเมื่อเรามีความมั่นใจจริง ๆ สิ่งที่หยาบกว่าทำไมจะกันไม่ได้” แต่ที่อาตมารอดจากเอดส์มาได้จนทุกวันนี้ เพราะไม่เคยไปยุ่งกับใคร...!
*************************
“เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าไม่ไปใส่ใจนัก ก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก
คุณยายประคิน อยู่เชียงใหม่ อายุ ๘๐ กว่าแล้ว เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ตลอด แต่บ้านนั้นแปลก ทั้งบ้านมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้นทั้งนั้นเลย
ยายแกนั่งรอวันตาย บางวันยายก็นั่งหัวเราะ ลูกสาวก็ถาม “แม่ ๆ หัวเราะอะไร ?” ยายก็บอกว่า “แม่กำลังดูโรค มันไม่รู้หรอกว่า ถ้ามันเล่นข้าตาย มันก็โดนเผาไปด้วย” ยายแกหัวเราะขำเชื้อโรค
ตรงนี้เราจะเห็นชัดว่า คนที่เห็นความตายเป็นเรื่องปกติ เขาไม่ได้รู้สึกว่าความตายเป็นส่ิงที่น่ากลัว เพราะก็แค่เปลี่ยนรูป เปลี่ยนขันธ์ เปลี่ยนภพ เปลี่ยนภูมิไปตามกรรมที่เราทำมา ทำสิ่งที่ดีไว้ก็ขึ้นสูง ทำสิ่งที่ไม่ดีไว้มากก็ลงต่ำเท่านั้นเอง
“คนที่นั่งรอความตายถึงขนาดหัวเราะให้กับความตายได้นี่หายากมาก”
ถาม : ทำบุญโดยถวายเครื่องปรับอากาศจะมีอานิสงส์อย่างไร ?
ตอบ : เกิดมาชาติใหม่ น่าจะเย็นกายเย็นใจ ประเภทอยู่เย็นเป็นสุข
*************************
ถาม : นั่งสมาธิต้องนั่งอย่างไร ?
ตอบ : นั่งอย่างไรก็ได้ แต่เวลายืน เดิน นั่ง นอน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา อยู๋ที่ลมหายใจเข้าออก ไม่ไปคิดเรื่องอื่น
ถาม : จะรู้ได้อย่างไร ว่าสมาธิเราก้าวไปอีกขั้นแล้ว ?
ตอบ : ไปศึกษาเรื่องการทรงฌาน แล้วทำให้ต่อเนื่อง อย่าให้ขาดช่วง ถ้าทำแล้วขาดช่วง กิเลสกินได้ สมาธิจะถอยหลัง ก็เลยอยู่ที่เราจะต้องใช้สติประคบประคองกำลังใจให้ต่อเนื่องเข้าไว้ อย่าให้ขาด ถ้าทำได้ไม่ขาดช่วง เวลาสมาธิก้าวหน้าขึ้นเราจะรู้ได้ เพราะผลที่เกิดก็เหมือนกับทำตำราบอกเอาไว้
*************************
ถาม : จะถวายผ้าไตรจีวรในระหว่างพรรษา พระท่านจะรับได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าคนถวายสะดวกเวลาไหนก็ได้ ความจริงพระพุทธเจ้าระบุเวลาถวายจีวรเอาไว้ เรียกว่า จีวรกาล เพื่อป้องกันไม่ให้พระไปรบกวนขอชาวบ้านเรื่อยไป แต่นี่ถ้าโยมมีศรัทธาจะถวายเองก็รับเอาไว้ได้
ถาม : ถามพระ ท่านบอกว่าต้องไปถวายรูปอื่นต่อ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าท่านให้มีผ้าไตรจีวรชุดเดียว ถ้ามีมากกว่านั้นท่านใ้ห้ทำ วิกัป คือ อย่างน้อยต้องมีบุคคลอื่นร่วมเป็นเจ้าของด้วย เพื่อป้องกันพระเณรจะโลภแล้วไปสะสมของเอาไว้เยอะ ๆ
จริง ๆ แล้วถ้าอยากถวายก็ถวายไปเถอะ ท่านที่รู้ท่านก็ส่งเข้าคลังเป็นของกลาง ไม่เอาเป็นของตัวเอง ถึงเวลาใครจะใช้ก็ไปเบิกเอา ไ้ด้อานิสงส์สองต่อด้วย
*************************
ถาม : ไปเจอพระอยู่ในถ้ำ มีแม่ชีนั่งชุนจีวรให้ คิดว่าจะไปถวายจีวรท่าน เพราะอากาศที่นั่นเย็น ?
ตอบ : หาผ้าแบบที่เป็นสังฆาฏิสองชั้น จะเป็นผ้าสำหรับพระธุดงค์โดยเฉพาะ ผ้าของพระธุงดงค์บางสายหนาเป็นผ้าใบเลยก็มี ถ้าได้จีวรแบบนั้นไปกันหนาวได้แน่นอน แต่อาตมาเคยห่มจีวรสองชั้นเข้าไปไม่กี่ทีก็เข็ด เพราะว่าหนักมาก ...!
*************************
ถาม : พระจะเป็นเจ้าอาวาสได้อย่างไร ?
ตอบ : จะเป็นเจ้าอาวาสได้อย่างน้อยต้องมีพรรษาพ้น ๕ ก็คือ พอออกพรรษาที่ ๕ แล้วก็เป็นได้
ข้อที่สอง ต้องจบนักธรรมเอกเป็นอย่างน้อย เพื่อที่จะได้มีความรู้พอที่จะปกครองคนได้
ข้อที่สาม ต้องเป็นบุคคลที่ทั้งพระและฆราวาสในบริเวณนั้น เห็นพ้องต้องกันว่าสมควรจะเป็น โดยเฉพาะพระผู้บังคับบัญชาอย่างน้อย ๓ รูป กฎหมายระบุเอาไว้เลยว่า คือ เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าอาวาสในบริเวณใกล้เคียงวัดนั้น ลงความเห็นร่วมกันว่าท่านนี้ควรจะเป็น
พูดง่าย ๆ ว่า ต้องให้ชาวบ้านและพระมีความเห็นร่วมกันว่าท่านสมควรเป็น ชาวบ้านฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ พระฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
*************************
ถาม : อยากได้ลูกน้องที่ดี ๆ เก่ง ๆ ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ตั้งเครื่องบวงสรวง ขอกับเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ
ถาม : ตั้งกลางแจ้งใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่…เมื่อสำเร็จแล้วก็แก้บนแบบนั้นอีก ๑ ชุด
*************************
ถาม : ถ้าต้องการเจิมรถ โดยไม่รบกวนท่าน ต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : เจิมเอง
ถาม : ใช้อะไรบ้างครับ ?
ตอบ : แป้งหอม น้ำมันหอม คาถา บวกกับสมาธิเยอะ ๆ
ถาม : แล้วน้ำมันชาตรี ?
ตอบ : น้ำมันชาตรีเจิมได้ ดีที่สุดเลย เอาอย่างนี้สิ หาวัตถุมงคลที่เรามั่นใจอาราธนาติดรถไว้ด้วย
จริง ๆ แล้วเราสามารถเจิมเองได้ เวลาเจิมให้ตั้งใจนึกถึงภาพพระครอบตัวไว้ ว่าเป็นพระหรือครูบาอาจารย์ท่านเจิม ถ้ารู้สึกแน่น ๆ หรือของขึ้นก็ไม่ต้องแปลกใจ แสดงว่าใช่เลย ออกรถเอาสีอะไรก็ได้ แต่อย่าไปใช้สีดำ
*************************
ถาม : เป็นพระถอนขนรักแร้ได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ในพระวินัยห้ามไว้ชัดเลย
ถาม : โกนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้
ถาม : ต้องให้ร่วงโดยธรรมชาติ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว เกิดจากพระไปอาบน้ำที่ท่าน้ำแล้วช่วยกันถอน มีคนเขาตำหนิว่า ในเมื่อเป็นพระแล้วทำไมยังทำอาการเหมือนฆราวาสที่ยังเสพกามอยู่ พอพระพุทธเจ้าทรงทราบ ก็เลยห้าม ป้องกันชาวบ้านติเตียน พระแล้วเกิดโทษแก่เขา
*************************
ถาม : ภิกษุฉันน้ำเต้าหู้ได้หรือไม่ ?
ตอบ : ภิกษุสามเณรห้ามฉัน ไม่ว่าจะเป็นนมถั่วเหลือง ไวตามิลค์ น้ำเต้าหู้ ถือว่าเป็นตระกูลเดียวกัน เพราะว่าสิ่งที่เป็นถั่วจัดว่าเป็นอาหาร ถึงทำเป็นปานะก็ไม่ควร แต่ถ้าฆราวาสถือศีลแปดกินเข้าไปเถอะ ท่านไม่ได้ห้ามหรอก เพราะท่านห้ามศีลพระไม่ใช่ศีลฆราวาส
ถาม : นมสัตว์ห้ามไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากเป็นนมข้น พระธรรมยุติจะไม่ฉัน เนื่องจากมีส่วนผสมของแป้งที่เป็นอาหารเหมือนกัน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องพูดถึงไมโล โอวัลติน นั่นเป็นข้าวบ้าง ไข่บ้าง ยิ่งเป็นอาหารหนักเข้าไปใหญ่
นึกถึงหลวงตาบัว ท่านบอกว่าสมัยที่ท่านยังเดินธุดงค์อยู่ ไมโล โอวัลติน หน้าตาเป็นอย่างไร แค่จะฝันก็ยังฝันไม่ถึงเลย เพราะไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องพูดว่าจะได้ฉัน
ที่จะได้ฉันก็คือ ใบไม้ รากไม้ แก่นไม้ ที่เอามาต้มเป็นสมุนไพรโดยเฉพาะน้ำต้มบอระเพ็ด น้ำต้มใบชุมเห็ด หรือถ้าเป็นพวกผลเภสัช อย่างสมอหรือมะขามป้อมก็พอได้อยู่ แต่อย่างอื่นในป่าไม่มี
พอพูดถึงตรงนี้ก็นึกถึง หลวงพี่โอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) แต่ละเดือนเมื่ออาตมาลาหลวงพ่อได้ก็จะไปธุดงค์ พอกลับมาก็มาไหว้พระผู้ใหญ่ที่อยู่ในวัด ก็คือ ไปลามาไหว้ พี่โอท่านก็ปรารภว่า “ไปธุดงค์อย่างท่านผมก็อยากไป แต่ในป่าไม่มีกาแฟว่ะ...!”
ท่านบอกว่า ท่านขาดกาแฟไม่ได้ ถ้าปรารถนาพุทธภูมิ ท่านจะอธิษฐานตรัสรู้ใต้ต้นกาแฟ...! แสดงว่าเป็นเอามาก อาตมาก็เพิ่งรู้จากหลวงพี่โอนั่นแหละ ว่ากาแฟมีทั้งฝาแดง ฝาดำ ฝาทอง ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน เพราะไม่ได้ฉัน
*************************
|