ถาม :  คือได้ฟังหลวงพ่อฤๅษีท่านพูดเกี่ยวกับเรื่อง....(ไม่ชัด)....ว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นยอดเหนือครูอื่นใด แล้วท่านก็พูดว่าคนเรามันเป็นที่พึ่งแห่งตน ผมก็มาคิดดูว่าผมควรจะพึ่งตัวเองในการทำอะไร แต่ว่าการตัดสินใจพึ่งตนเองทำให้ผู้อื่นติว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไปในตัวโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ?
      ตอบ :  พึ่งตัวเองแล้วทำไมคนอื่นเดือดร้อน
      ถาม :  เป็นความคิดของคนอื่นเขาล่ะครับ ?
      ตอบ :  คุณไม่ต้องไปแคร์ความคิดเขาหรอก “แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา”
      ถาม :  แต่ตอนนี้จะทำอะไรก็กลัวผลกรรมไปหมด จิตใจ...(ฟังไม่ชัด)....?
      ตอบ :  เอ้า... “รักษาตัวกลัวกรรมอย่าทำชั่ว จะหมองมัวหม่นไหม้ไปเมืองผี จงเลือกทำแต่กรรมที่ดี ๆ จะได้มีความสุขพ้นทุกข์ภัย” หลวงปู่มหาอำพันท่านท่องให้ฟัง เราก็ดันจำแม่น ท่องมาก็จำได้ รู้จักกลัวกรรมได้ล่ะมันดี ละอายชั่วกลัวบาปนี่โอกาสที่จะตกต่ำมันน้อยแล้ว
      ถาม :  มีดาราคนหนึ่งผู้หญิงครับเอารูปในวัยเด็กมาให้ดูอายุประมาณ ๔ ขวบ ปรากฏว่าตัวดำมากแล้วก็ผมหยิก ตัวดำเหมือนนิโกร เขาบอกว่าไปโรงเรียนเพื่อนรังเกียจเพื่อนล้อเลยตั้งใจตั้งแต่ ๔ ขวบเลยว่า ต่อไปนี้ทุกวันจะใส่บาตรทุกวันแล้วก็ตั้งจิตว่าโตขึ้นเป็นสาวขอให้สวย ตอนนี้ก็ผิวพรรณขาวมาก หน้าตาสะสวย อย่างนี้เป็นผลกรรมในอดีตหรือว่าเป็นอธิษฐานบารมีที่ตั้งใจครับ ?
      ตอบ :  เป็นทั้ง ๒ อย่าง อย่าลืมว่าสิ่งที่ทำวินาทีนี้วินาทีหน้าตรงนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว นั่นตั้งแต่ ๔ ขวบ ตอนนี้โตเป็นสาวมันตั้งกี่ ๑๐ ปีล่ะ ? ถ้าหากว่าสิ่งที่เขาทำ ๆ ด้วยเจตนาตั้งใจแน่วแน่ ผลมันมาเร็วเพราะกำลังใจเขามั่นคง อีกอย่างหนึ่งคน ๆ นี้บุญเก่าเขาต้องดีแน่นอน ถ้าบุญเก่าไม่ดี เด็กอายุ ๔ ขวบ มีหรือที่จะตั้งอกตั้งใจใส่บาตรทุกวัน คุณลองคิดดูใช่มั้ย ? เพราะฉะนั้นบุญเก่าเขาหนุนเสริมของเขาอยู่แล้ว ในเมื่อบุญเก่าเขาหนุนเสริมบวกกับของใหม่ทำไปด้วย ๒ แรงบวกกันสิ่งที่ควรได้มันก็มาเร็วหน่อย
      ถาม :  ไปซอยสายลมครับ พอดีเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวเหมือนชาวบ้านธรรมดามีคนรุมล้อมแล้วก็ยกมือพนมเวลาเขาพูด ?
      ตอบ :  อ๋อ... หมอสมศักดิ์มั้งใส่แว่นรึเปล่า ?
      ถาม :  ใส่แว่นครับ
      ตอบคุณหมอสมศักดิ์ คือคุณหมอเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นแรก ๆ รุ่นบุกเบิกเลยค่อนข้างจะสูงด้วยคุณธรรม หมอสมศักดิ์นี่หลายคนชมว่าท่านเป็น “พระไตรปิฎกเคลื่อนที่” สิ่งที่ท่านพูดมาส่วนใหญ่ก็เป็นพระพุทธวัจจนะในพระไตรปิฎกนั่นแหละ ดังนั้นเขาพนมมือเขาเคารพในธรรม อีกอย่างคุณหมอเขาก็แก่มากแล้ว (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นพนมมือพูดกับคนแก่ก็ถือว่าน่ารักไปอีกแบบหนึ่ง
      ถาม :  น่าบวชไปเลยนะคะ ?
      ตอบ :  น่าบวช หมอเขาปรารภเมื่อเจอกันในงานทำบุญถวายหลวงพ่อครั้งล่าสุดที่เจอท่าน บอกหลวงพี่ครับผมเชื่อแล้วครับ พระพุทธเจ้าตรัสอะไรไม่มีผิดจริง ๆ ก่อนหน้านี้เราก็โง่ไปหน่อยหนึ่ง คิดว่าได้เงินบำเหน็จบำนาญอะไรมาเสร็จแล้วจำนวนแค่นี้ ๆ เราฝากธนาคารไว้ได้ดอกเบี้ย แค่นี้มันพอใช้สบายใจแล้วลาออกจากราชการ ปรากฏว่าเศรษฐกิจมันตกดอกเบี้ยมันลด คราวนี้ไม่พอใช้ (หัวเราะ) เป็นยังไงพระพุทธเจ้าตรัสไม่ผิดจริง ๆ ใช่มั้ย ? เล่นเอาหมอซึมไปเลยเจอหน้ากันทีไรวิ่งคว้าแขนชอบคุย คือคุณหมอจะหาคนที่ประเภทไล่ต้อนคุณหมอได้ ท่านไม่อยากจะเอาที่นั่งฟังอย่างเดียว
      ถาม :  เห็นเขาเอาพวกของกินอะไร แล้วก็เอาวางไว้ตรงข้างหน้าแล้วก็รวบรวมเงิน ....(ไม่ชัด)....คนเขาสงสัย ?
      ตอบ :  ตอนนั้นไม่ต้องสงสัยหรอกของกินให้ไปไม่มีปัญหาอะไร แต่เงินน่ะหมอเขาเอาไปทำบุญแน่ ๆ ไม่ได้เอาไปไหนหรอก พล.ต.ท. นายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน เป็นแพทย์ใหญ่กรมตำรวจแล้วท่านลาออกตั้งแต่อายุ ๕๕ แคนดิแคท อธิบดีอันดับที่ ๕ พูดง่าย ๆ ว่าคุณใช้เส้นแล้ววิ่งเต้นคุณมีสิทธิ์จะเป็นอธิบดีกรมตำรวจได้ แต่คุณหมอเขารู้จักพอ เขาบอกว่าเขา่ลาออกคนหนึ่งทำให้คนได้เลื่อนขั้นทั้งหน่วยงาน เพราะฉะนั้นผมออกดีกว่า อยู่ไปรับราชการไปมันก็คงไม่ก้าวหน้าไปกว่านี้แล้ว
      ถาม :  ท่านคงไม่อยากได้อะไรแล้วมั้งครับ ?
      ตอบ :  เบื่อ...เซ็งเต็มทีแล้ว ติดตามหลวงพ่อมาตลอด หลวงพ่อท่านเจ็บไข้ได้ป่วยเสมอ คุณหมอก็ช่วยดูแลอยู่ตลอด มาระยะหลัง ๆ ก็มีหมอสุธรรม มีหมอกฤษณะ มีหมออะไรเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน แรก ๆ มีนั่นแหละหมอสมศักดิ์ เป็นยังไง...ตามตั้งแต่พันโทพันเอกอยู่ตามจนเป็นรายพล ดี เราเห็นอะไรผิดท่าผิดทาง ผิดหู ผิดตา แล้วกล้าถามน่ะมันดี เก็บไปคิดเองแล้วเราไม่รู้จริงแล้วไปคิดเอง บางสิ่งบางอย่างที่เราคิดมันเป็นโทษแก่ตัวเอง มันอาจไปปรามาสผู้ทรงคุณธรรมเขาโดยที่เราเองก็ไม่ได้ตั้งใจ
      ถาม :  ผมก็กลัว ?
      ตอบ :  นั่นแหละพูดง่าย ๆ ว่าวัยวุฒิ คุณวุฒิ แล้วก็คุณธรรมของท่านนี่ถือว่าสูงมาก คุยกันนี่กำลังใจของท่านละเอียดมาก ละเอียดอย่างชนิดที่เรียกว่าพระปฏิบัติจำนวนมากนี่สู้ท่านไม่ได้ บวชเมื่อไรนี่เราจะมีพระดีไหว้ได้เต็มได้เต็มมือเลย ความจริงท่านตั้งใจบวชนานแล้ว แต่คราวนี้ว่า ...ก็คงจะได้สัมผัสอะไรบางอย่างที่ลักษณะว่าเป็นฆราวาสดีกว่า นักบวชมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันมีโอกาสเสมอตัวกับขาดทุนซะเยอะ โอกาสกำไรมันน้อย
      ถาม :  แล้วอย่างคนที่จะมานั่งสนทนาเป็นคู่สนทนากับหลวงพ่อหรือว่ากับพระครูปลัดอย่างนี้ต้องถึงยังไง ถึงจะเป็นได้ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าอย่างของหลวงพ่อนี่ก็อย่างอาจารย์ยกทรง อาจารย์ยกทรงนั่นเป็นนักเทศน์เก่า บวชมาตั้ง ๒๒ พรรษาแล้วถึงสึก นักเทศน์รุ่้นเก่านี่ปฏิภาณจะดีทุกคน แกมีลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้คนฮาได้ตลอด บางทีก็แกล้งโง่ บางทีก็แกล้งเซ่อ มันต้องมีลูกล่อลูกชนตลอด บางทีเหมือนท่านไม่ให้ความเคารพหลวงวพ่อไล่จี้ติดเลยอย่างนั้น แต่ว่ามันจะทำให้คนได้อะไรดี ๆ เพิ่มขึ้นเยอะ ท่านก็ทำหลังจากที่จบแต่ละงานก็ต้องไปกราบขอขมาหลวงพ่อ
              เพราะฉะนั้นถ้าหากว่า ...ได้ผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบดีมีการปฏิบัติดีแล้วก็รู้จริง ๆ ได้อะไรต่อมิอะไรเยอะเลย สมัยก่อนที่เขาเทศน์กัน ๒ ธรรมาสน์, ๓ ธรรมาสน์, ๕ ธรรมาสน์ ถ้าหากว่าเป็นพระปฏิภาณดี ๆ ประเภทความรู้แน่นแม่นตำราญาติโยมได้เยอะ ฟังไม่รู้เบื่อ หลวงพ่อท่านบอกว่าหลวงพ่อพระครูโว น่ะสุดจะเยี่ยมเลย พระครูโวทานธรรมาจารย์เลยเรียกพระครูโว คราวนี้หลวงพ่อพระครูโวลูกศิษย์ลูกหาท่านเป็ฯนักเทศน์ดัง ๆ ทั่วประเทศเลย
              ในยุคนั้นงานศพพระครูโวลูกศิษย์ถวายผ้าไตรคนละไตร เงินคนละ ๕๐๐ บาท สมัยก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์มันเท่าไร ? ไม่ต้องพึ่งพาใครเลยจัดเทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ (หัวเราะ) ลูกศิษย์ท่านแสดงว่าต้องไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ คน ไม่งั้นจับเทศน์ ๕๐๐ ธรรมาสน์ไม่ได้ จัดงานศพพระครูโว พระครูโวมานั่งฟังเทศน์งานศพตัวเอง (หัวเราะ) ท่านจัดงานศพตัวเองแต่ตัวท่านยังไม่ตาย ท่านบอกถ้ากูตายแล้วกูไม่ได้เห็นก็จัดตอนนี้ (หัวเราะ) เอากะท่านซิ ถ้ากูตายแล้วกูไม่ได้เห็นกูจะจัดตอนนี้เฮ้อ...ลูกศิษย์ลุกหาก็มาเหมือนกับตายจริง ๆ นั่นแหละ ท่านก็ฟังเทศน์ในงานของท่าน ลูกศิษย์ลูกหาคนไหนลีลาไม่ทันเขาก็โดนด่าขโมงโฉงเฉงไป แต่จริง ๆ แล้วที่ขึ้นเทศน์นั่นน่ะเสือเขี้ยวลากดินทั้งนั้น ไม่มีหรอกที่ไม่ทันกันมีแต่จะไล่บี้อีกคนหนึ่งร่วงซะให้ได้ แล้วเลาขึ้นธรรมาสน์เทศน์นี่ต้องไม่มีเด็กไม่มีผู้ใหญ่เหมือนอย่างกับเวลาประชุมสงฆ์ เวลาประชุมสงฆ์นี่ไม่ต้องเกรงใจอาวุโสไม่ต้องเกรงใจตำแหน่หงน้าที่คนหนึ่งเสียงหนึ่งเท่ากัน แต่ว่าหลังประชุมแล้ว สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เราทำไปอาจจะเป็นการล่วงเกินผู้อาวุโสกว่าต้องกราบขอขมากัน เวลาเทศน์ก็เหมือนกันหลวงพ่อเคยไล่พระครูโวเกือบตาย
              ตอนนั้นมันช่วงสงครามเทศน์กันอยู่บนศาลา หลวงพ่อพระครูโวก็เทศน์ประเภทญาติโยมทั้งหลายอะไรประมาณนี้ เราเป็นคนมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไปไหนไม่ต้องเกรงกลัวใคร..หวอขึ้นนะสิ !?สัญญาณว่าเครื่องบินข้าศึกมันทิ้งระเบิดญาติโยมก็เผ่นพรวดจากศาลาวิ่งไปหมอบกันกลางทุ่งนู่น หลวงพ่อพระครูโวงัดพระพวงเบ้อเร่อมาใส่คอ มือหนึ่งหิ้วย่ามมือหนึ่งถือคัมภีร์เทศน์ก็วิ่งตามชาวบ้านเขาไปด้วย ท่านอ้วนนี่ท่าวิ่งก็ดูตลกไปหอบแฮก ๆ อยู่กลางทุ่ง
              พอถึงเวลาหวอปลอดภัยดังขึ้นก็กลับมา หลวงพ่อยังนั่งคาธรรมาสน์อยู่เลย เทศน์คาอยู่ไม่ลงหรอก มาถึงหลวงพ่อว่าญาติโยมทั้งหลายดูนะไอ้คนเราน่ะมันบวชมามันบอกมีศีล ๒๒๗ ข้อ แก่จะตายห่าจนป่านนี้แล้วโกหกตอแหลโยมซึ่ง ๆ หน้า (หัวเราะ) หลวงพ่อพระครูโวนั่้งบนธรรมาสน์ มึงว่าใครวะ ? ผมก็ว่าไอ้คนโกหกนั่นแหละครับ ดูสิเขาบอกว่าตัวเองเป็นที่พึ่งได้นะ ที่ไหนได้พอถึงเวลาก็วิ่งตาลีตาเหลือกไปกับญาติโยมเขานั่นแหละ แล้วมันจะเป็นที่พึ่งเขาได้ยังไง กลัวตายขนาดนั้น (หัวเราะ) หลวพ่อพระครูโวบอก มึง ๆ ไอ้อกตัญญู ตัวเองไปเป็นที่พึ่งชาวบ้านไม่ได้ยังมาด่ากูซึ่งเป็นที่พึ่งชาวบ้านซะอีก มึงเห็นมั้ยว่านี่อะไร ? รูปพระพุทธเจ้าใช่มั้ย ? ใช่ เออ...เนี่ยพระพุทธ ที่ในมือกูถือเนี่ย คัมภีร์พระธรรมเนี่ยพระธรรมตัวกูเนี่ยพระสงฆ์ กูไปครยรัตนตรัยตามไปคุ้มครองญาติโยมกลางทุ่ง มึงน่ะอกตัญญูไม่ยอมไป (หัวเราะ) ญาติโยมฮากันฉี่ราด (หัวเราะ) นั่นน่ะ ปฏิภาณขนาดนั้นน่ะรอดไปได้ซึ่ง ๆ หน้า เป็นเราตีกันขนาดนั้นตายคาที่แล้ว โอ้โห...ของท่านเองนี่ไม่ต้องพยายามไปน้ำใส ๆ เลย (หัวเราะ) ลงธรรมาสน์แล้วหลวงพ่อไปกราบขอโทษท่านบอกเออ ๆ ไม่เป็นไร มันต้องอย่างนี้แหละ ถ้าเองไม่ลงมือข้าจะซัดเองซะเอง ท่านว่า (หัวเราะ) ถึงเวลาไม่ต้องเกรงใจครูบาอาจารย์ เอาให้หนักไว้ ญาติโยมเขาสนุกแล้วถึงเวลาเขาจะอยากฟังเทศน์
              ตัวอยากฟังเทศน์จิตมันจะเกาะธัมมานุสสติใ่ช่มั้ย ? นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เทศน์เก่ง ๆ ก็เป็นสังฆานุสสติไปวัดไปวาไปทำบุญใส่บาตรเป็นจาคานุสสติเป็นทานบารมี ตั้งใจไปวัดต้องได้เจอพระอย่างน้อย ๆ กราบพระพุทธรูปก็เป็นพุทธานุสสติ...ได้สารพัด เพราะฉะนั้นเรื่องของการเทศน์ถ้าหากว่าเป็นในลักษณะว่าทำเพื่อเป็นธรรมทานจริง ๆ บุญมันมหาศาล หลวงพ่อเองท่านบอกว่าท่านเทศน์ที่ไหนก็ตามกัณเทศน์ท่านจะให้เจ้าอาวาสวัดนั้นไว้ ถวายวัดนั้นไว้เลยไม่มีการเอากลับถือว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นธรรมทาน ของเราไปเทศน์วัดท่าขนุนก็ถวายเขาเอาไว้
              บางทีอาจารย์สมพงษ์ ท่านเกรงใจจะถวาย บอกไม่ต้องผมถือว่าเป็นธรรมทานผมเทศน์เป็นธรรมทาน แล้วเงินส่วนนี้โยมเขาถวายผมมาผมถวายเป็นเงินสงฆ์เป็ฯสังฆทานเป็นวิหารทานไป ผมก็ได้บุญด้วย
      ถาม :  ผมได้ฟังหลวงพ่อท่านเล่าเรื่องสงครามในอนาคต ท่านบอกว่าอย่างน้อย ๆ ให้เราสวดมนต์ไหว้พระทุกวันถึงจะปลอดภัยจากอาวุธเคมี จากอาวุธเชื้อโรค แล้วอย่างนี้คนอื่นก็จะไม่รอดหรือครับ ?
      ตอบ :  อันนั้นบางทีเขาก็มีกรรมของเขาอยู่ จำไว้ว่าเราต้องทำเราถึงได้รับ ถ้าเขาทำเอาไว้มันจำเป็นต้องรับเศษกรรมอันนั้น ทำให้กรรมอันั้นมาสนองเขาต้องถึงแก่ความตายด้วยสารเคมีก็ดี ด้วยเชื้อโรคก็ดี ด้วยรังสีก็ดี อันนั้นถือว่าเป็นกฎของกรรมไป สังเกตมั้ยว่าเวิลด์เทรดมันระเบิดโครมครามทำไมคนตายมันแค่นั้นเอง คนที่ไม่ได้ทำกรมร่วมกันมามันไม่เป็นไรหรอก มันรอดเอาดื้อ ๆ
      ถาม :  แล้วอย่างที่เป็นข่าวว่าโดนยิงตายนี่ครับเป็นเพราะว่ากรรมเก่าเขาเคยฆ่าคนมาหรือว่าเป็นเพราะคนนั้นมันเมาก็เลยยิง ?
      ตอบ :  มันต้องมีกรรมเก่าเนื่องกันมา ถ้าหากว่ากรรมเก่ามาไม่ถึงผลบุญรักษาอยู่ทำยังไงก็ไม่ตายที่โบราณบอกไว้ว่า
              ถ้ายังไม่ถึงที่ตายวายชีวาตม์       ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ
              ถ้าหากถึงคราวตายวายชีวัน       ใครไม่ทันทำร้ายก็ตายเอง
      ถาม :  เมื่อสองสามวันก่อนนี่แฟนเพื่อนไปอธิษฐานหน้ารูปหลวงพ่อที่อยู่ที่บ้านเขา ขอให้ถูกหวยซักงวดหนึ่ง ก็ซื้อเลย ๔๗๒ ปึ้งแทงสองตัวด้วย ๗๒ ก็ไปแทงพอตอนบ่ายกลิ่นน้ำอบน้ำหอมเต็มบ้านไปหมด แทบจะวิ่งหนีออกจากนอกบ้านกลัว หวยออกมาโดนตรง ๆ เลย
      ตอบ :  คราวนี้ก็รีบไปแก้บนซะ ไม่ได้บนหรอกขอดื้อ ๆ แต่รีบไปทำบุญใหญ่ซะ คือแสดงว่าวาระบุญของเขามาถึง ถ้าหากว่าวาระบุญที่เกิดจากทานบารมีมาไม่ถึงนี่ซื้อให้ตายก็ไม่ถูก
      ถาม :  อยากจะเล่าให้ฟังเรื่องคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า คือผมเริ่มท่องมาได้ประมาณเจ็ดแปดเดือนแล้ว แล้วตอนนี้รู้สึกว่าเงินในกระเป๋าไม่เคยขาดจะมีแต่เพิ่มขึ้น แต่รู้สึกว่ายังไม่ถึงขั้นที่ว่า....
      ตอบ :  ค่อย ๆ ทำไป ถ้าหากว่าเราทำโดยที่กำลังใจของเราคิดว่าเราทำเพื่อบูชาคุึณครูบาอาจารย์ เรามีหน้าที่ทำเพื่อรักษามรดกล้ำค่าที่หลวงพ่อให้เราไว้ แล้วก็ท่องบ่นภาวนาของเราไปโดยที่ไม่ได้คิดอยากได้ใคร่ดีอะไรกับผลตอบแทนอันนั้น เรามีหน้าที่ท่อง ผลตอบแทนจะเป็นยังไงช่างมัน ถ้าอย่างนั้นจะมาเยอะมาเร็วด้วย แต่ถ้าหากว่าเราท่องแล้วใจมันคิดอยากได้ตัวอยากมันจะตัดไปเยอะ อันนี้กล้ายืนยันเพราะอาตมาทำเอง แล้วก็ทำมาตลอด
      ถาม :  หลวงพ่อท่านบอกว่าหลวงปู่ปานท่านให้ทั้งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติและนิพพานสมบัติและท่านก็บอกว่าด้วยพระคาถานี้คนไปนิพพานกันเยอะแล้ว ก็เลยท่องมาเรื่อย
      ตอบ :  คือคาถานี้อย่างน้อย ๆ เราก็ต้องคิดว่าเป็นหลวงปู่หลวงพ่อให้ เจ้าของคาถาก็คือพระปัจเจกพุทธเจ้า และถ้าเป็นคาถาในส่วนที่เป็นคาถาเงินล้านหลายบที่พระัพุทธเจ้าท่านให้มา ถ้าใจของเราเกาะหลวงพ่อ ใจเกาะพระปัจเจกพุทธเจ้า ใจเกาะพระพุทธเจ้า คิดว่าท่านเองทรงความดีถึงขนาดนั้นเป็นผู้ให้คาถาเรามา ถ้าเราตายเราขอไปอยู่กับท่านอย่างนั้นโอกาสไปนิพพานก็สูง มันอยู่ที่ทำได้หรือทำเป็น ถ้าหากว่าทำเป็นนี่ประโยชน์เยอะ
      ถาม :  ถ้าเราท่องตามอย่างนี้ ....(ไม่ชัด)....
      ตอบ :  ไม่หรอกคือให้เราตั้งใจสิ เพราะส่วนใหญ่เหล่านั้นก็มักจะเป็นภาษิตหรือว่าการสั่งสอนซึ่งถือว่าเป็นธรรมอย่างหนึ่ง ถ้าเราท่องตามด้วยความเคารพในธรรมไม่มีปัญหาอะไร อย่างท่านบอกว่า อภิวา ทะนะสีลิสะนิจจัง บุคคลผู้ที่มีปกตินอบน้อมต่อผู้ทรงศีล วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโรธัมมาวัตทันติ ย่อมเป็นปัจจัยให้ธรรมะทั้งสี่ประการเจริญขึ้น อายุวรณโน สุขังพลังก็คืออายุ วรรณะ ความสุขและกำลัง คำสอนแท้ ๆ เลยเพียงแต่เราแปลออกมั้ย ? อันั้นก็ถือว่าคำสอนนี้เป็ฯธรรมะ ในเมื่อเป็นธรมะเราตั้งใจว่าด้วยความเคารพในธรรมก็เป็นธัมมานุสสติ ยิ่งเราท่องได้ด้วยถ้าถึงเวลานึกออกหมดทุกบทยิ่งดีใหญ่เลย ถ้าหากว่าพระสวดเสียงเบาก็ช่วยสวดด้วย (หัวเราะ)
      ถาม :  แล้วถ้าก็อย่างหลวงพ่อเวลาท่านสวดบทปุริมัญจะ ทิสังราชาเราท่องตาม
      ตอบ :  ลักษณะเดียวกัน คือว่าเราตั้งใจน้อมอัญเชิญท้าวมหาราชด้วยความเคารพ ตั้งใจคิดว่าสิ่งใดที่ท่านเมตตาสงเคราะห์มาเราขอน้อมรับทั้งหมด แล้วจะเอาอะไรก็อธิษฐานว่าไป ได้เปรียบเขาเยอะเลย มันได้เปรียบตรงที่ว่าจิตเราเกาะหลวงพ่อ ท่องเมื่อไหร่นึกได้ทันทีและจำได้ด้วยว่าท่องยังไงแล้ว่าตามได้อนุสสติมันดีกว่าเขาเยอะ แต่อย่าลืมตรงจุดที่ด้วยความเคารพนะ