ถาม :  อย่างทุกวันนี้ จะว่าไปแล้วเกือบจะไม่เป็นพระกันทั้งประเทศอยู่แล้วน่ะ แล้วอย่างนี้เวลาไปทำบุญหรือต้องออกไปทำสังฆกรรมข้างนอก ทำบุญขึ้นบ้านใหม่อะไรอย่างนี้ คนที่เขานิมนต์พระซึ่งตอนนี้ไม่ใช่พระแล้วเนี่ย ได้อานิสงส์ของการทำบุญครบไหมครับ?
      ตอบ:   ถ้าตั้งใจเป็นสังฆทานได้ครบ
      ถาม :  ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นพระหรือเปล่า?
      ตอบ:   ใช่ จะชั่วขนาดไหนก็ตาม เพราะว่าสังฆะนี่หมายถึงหมู่สงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานตั้้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ว่าตัวของเราเองถ้าหากว่ามีความผิด ปฏิบัติดีไม่ได้ นำทานที่เขาเจตนาให้โดยบริสุทธิ์ไปกินไปใช้นี่มันมีแต่จะหนักไปทุกวัน หลวงพ่อท่านบอกว่ากลืนก้อนเหล็กเผาแดง ๆ ซะยังดีกว่า มันทรมานแล้วตายในยกเดียว แต่ถ้าเราอยู่ทำชั่วนี่มันตกนรกไม่รู้จบ
      ถาม :  แล้วเรื่องอย่างนี้ระหว่างเพื่อนพระด้วยกัน ถ้าองค์หนึ่งขาดจากความเป็นพระด้วยสังฆาทิเสส ไอ้ที่เหลือก็มาร่วมสังฆกรรมกันนี่ เขาก็ยังไม่ผิดเยอะสิครับ เพราะถ้าเข้าไปร่วมสังฆกรรมกันยังไงมันก็ไม่ได้อยู่แล้ว
      ตอบ:   เป็นอันว่าสังฆกรรมอันนั้นไม่เป็นสังฆกรรมตั้งแต่แรกแล้ว มันต่างคนต่างผิดทั้งหมด
      ถาม :  แต่อย่างน้อยก็ยังผิดน้อย ใช่หรือเปล่าครับหลวงพี่?
      ตอบ:   ใช่ ถ้าหากว่าส่วนอื่นบริสุทธิ์ แต่ตัวของเราเองแย่อยู่คนเดียวนี่โทษหนักเลย
      ถาม :  ผมหวนนึกไปตอนที่ผมบวชแล้วเราก็เคยทำไม่ดีไว้ อย่างนี้ค่อยยังชั่วหน่อยครับ
      ตอบ:   (หัวเราะ) สู้ไอ้แจ๊คไม่ได้ ไอ้แจ๊คเขาเป็นเด็กที่ศูนย์ต้นน้ำ เขาบวช ตอนสึกแล้วเขาเอารูปมาให้ดู มันกำลังนั่งโซ้ยมาม่ากลางคืนแล้ว คนเขาถ่ายรูปไว้ ถามว่า “ทำไมเอ็งกินข้าวเย็น?” “ผมทนไม่ไหวครับ ผมอดได้แค่ ๗ วันเอง เขากินกันทั้งวัดเลยต้องกินกับเข้ามั่ง”
      ถาม :  อย่างนี้ก็ขาดความเป็นพระกันทั้งวัดเลยสิครับ?
      ตอบ:   มันศีลขาด ถ้าหากไม่ได้ทำความชั่วอื่น ถ้าขาดความเป็นพระมันต้องอาบัติใหญ่ แต่อันนี้เรียกว่าไม่ใช่พระแล้ว มันเจตนาล่วงศีล อุตส่าห์อดได้ตั้ง ๗ วันนะ บวช ๒๘ วัน เหลืออีก ๒๑ วันมันอดไม่ได้
      ถาม :  เหมือนความดีต้องลองหนัก ๆ ?
      ตอบ:   ไอ้รายนี้จริง ๆ แล้วดวงมันเฮง นิมนต์เราไปเทศน์ตอนบ่ายโมง รอจนบ่าย ๒ ครึ่งยังไม่ได้เทศน์เลยลาโยมกลับ มันมัวแต่ไปโห่ไปแห่กันทีละบ้าน ๆ ลาญาติ ลาพี่ ลาน้อง ไม่รักษาเวลา ไอ้ของเรา ๆ ก็นัดโยมเอาไว้เวลาถัดไป ใครจะไปรอมันได้ เขานิมนต์เราเทศน์บ่ายโมงนะ ฎีกาบอกชัดเจนเลย บ่าย ๒ ครึ่ง ยังไม่ได้เทศน์เลยลาโยมกลับ อบรมกันเองก็แล้วกัน มันเลยออกมาสภาพนั้นแล้วอดได้ ๗ วัน ถ้าหากเราอบรมด้วยอาจจะได้สัก ๘ วัน(หัวเราะ) อย่างน้อยมันก็ยังดีขึ้นมาอีกวันหนึ่ง
      ถาม :  อาบัติปาราชิกนี่มีอะไรบ้างครับ?
        ตอบ:     ปาราชิก มีเสพย์เมถุน คือ ร่วมเพศ ไม่ว่าจะคน จะสัตว์ จะซากศพ ไม่ได้ทั้งนั้น โอ๊ย...สมัยก่อนเขาหัวหมอกว่าเราเยอะ พอห้ามเขาก็ออกไปเรื่อย ตะแบงข้างไปเรื่อย ๆ สุดท้ายว่าห้ามองค์กำเนิดคือ อวัยวะเพศ เขาก็ออกไปทางอื่น ขนาดซากศพเป็นแผลก็แทนได้ เขาไปของเขาเรื่อย ถ้าหากว่าพระพุทธเจ้าบัญญติศีลห้ามไว้เสียตั้งแต่แรก คนจะไม่เชื่อว่ามันจะตะแบงข้างได้ถึงขนาดนั้น คราวนี้ท่านก็เลยค่อย ๆ ห้ามไปทีละข้อ เอ็งมีปัญญาทำข้าก็มีปัญญาบัญญัติเพิ่มเหมือนกัน คนเขาทักท้วงมาหลายคนแล้วเรื่องพระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญูรู้ทุกอย่าง ทำไมไม่บัญญัติกันไว้ก่อน
        ถ้าบัญญัติกันไว้ก่อนใครมันจะไปเชื่อว่ามันจะไปได้ถึงขนาดนั้น ก็มีเสพย์เมถุน, ลักของเขาราคาตั้งแต่ ๕ มาสกขึ้นไป, ฆ่ามนุษย์ให้ตาย ฆ่าสัตว์นี่ไม่โดนปาราชิกนะโดนอาบัตปาจิตตีย์ โดนเบากว่า, อวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน ตัวนี้ท่านระบุไว้เลยว่า เป็นฌาน เป็นวิโมกข์ เป็นวิมุติ เป็นอะไรพวกนี้ สมาธิสมาบัติ ถ้าไม่มี...ปรับ
      ถาม :  เอ๊...แล้วฆ่าสัตว์นี่นับสัตว์ใหญ่หรือสัตว์เล็กครับ
      ตอบ:   สัตว์ใหญ่ สัตว์เล็กอะไรก็ตามปรับ เพราะว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ว่าถ้าเป็นมนุษย์โอกาสบรรลุธรรมของเขามี โดนปาราชิกไปเลย
      ถาม :  ถ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานไม่มีสิทธิ
      ตอบ:   เข้าถึงไตรสรณคมน์ได้ แต่ว่าบรรลุธรรมไม่ได้ ปาราชิก ๔ ข้อ นี่ของภิกษุนะ ถ้าภิกษุณี ๘ ข้อ ภิกษุจับต้องกายหญิงด้วยจิตกำหนัด อย่าลืมคำว่าจิตกำหนัดนะ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส แต่ภิกษุณีจับต้องกายเด็กชายแม้แรกเกิดในวันนั้นมีจิตกำหนัดหรือไม่ก็ตามโดนปาราชิกขาดความเป็นภิกษุณีไปเลย
      ถาม :  แล้วถ้าเห็นเด็กตกจากที่สูงแล้วตกใจกลัวเด็กจะเป็นอะไร ?
      ตอบ:   ก็ต้องยอม คือช่วยเด็กได้แต่ตัวเองต้องสึก
      ถาม :  ทำไมล่ะ? ก็จิตใจไม่ได้มีอะไร
      ตอบ:   ใช่ แต่ถ้าไม่ห้ามเอาไว้ขนาดนั้นมันจะเละยิ่งกว่านี้ พระพุทธเจ้าท่านรู้ว่า ที่ไหนก็ตามทีผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันโอกาสที่พรหมจรรย์จะทรงตัวได้มันน้อยเหลือเกิน มีน้อยมาก ก็เลยต้องห้ามเอาไว้หนัก ๆ ไว้ก่อน ต้องชมกำลังใจว่าพระนางปชาบดีโคตมี พระน้านางต้องเรียกพระมาตุจฉาใช่ไหม? กำลังใจท่านเหลือเกินจริง ๆ ท่านตั้งใจจะบวชให้รับครุกรรม ๘ ประการ เป็นเราได้ยินก็ถอยกรูดแล้วใช่ไหม แต่ว่าท่านเอา ขอให้ได้บวชเท่านั้นแหละ เสร็จแล้วยังยากถึงขนาดว่าต้องเป็นสิกขมานาก่อน ๒ ปี ลักษณะก็เหมือนเป็นสามเณรผู้หญิงนั่นแหละ รักษาสิกขาบทให้เคร่งครัดภายใน ๒ ปี ถ้าไม่ขาดเลยถึงอนุญาตให้บวช
        เมื่อบวชในสำนักภิกษุณีแล้วต้องมาญัตติในสำนักภิกษุอีก แต่ว่าที่ภิกษุณีขาดลงเพราะว่าช่วง ๆ หลังนี่บางทีสิกขมานายังไม่ครบ ๒ ปี อุปัชฌาย์ตายแล้ว มันก็เลยค่อย ๆ ขาดไป ๆ จนกระทั่งไม่มี ปัจจุบันมหายานเขาว่าของเขายังมีอยู่ ปัจจุบันประเทศไทยก็ยังมีภิกษุณีอยู่ ๑ องค์ คือแม่เลี้ยงเจ้าลูกเกด อุตส่าห์ไปบวชยันโน่นแน่ อินเดียหรือว่าลังกาก็ไม่รู้
      ถาม :  ถ้านับตามจริงนี่มีไหมครับ?
      ตอบ:   ไม่มี
      ถาม :  อย่างนี้เวลาเขาทำอะไรนี่เขาได้บุญ ม้นเหมือนกับเราบอกว่า เราเอาใจตัวตั้งขึ้นใช่ไหมครับ ในเมื่อใจเราบอกว่าเราเป็นภิกษุณีแล้ว ถือว่าเราเป็นภิกษุณีไหมครับ?
      ตอบ:   ไม่เป็น
      ถาม :  อย่างนี้ผู้หญิงก็เป็นเพศที่โชคร้ายสิครับ?
      ตอบ:   เรียกว่าโชคร้ายก็ได้นะ แต่จริง ๆ แล้วน่าจะโชคดีมากกว่า เป็นฆราวาสมันทำง่ายกว่าพระเยอะ จะไปแบกศีล ๓๑๑ ข้อ หรือจะเอา ๕ ข้อดี ไอ้ถนนมันมีรู ๕ รู เดินไปหลบซ้ายหลบขวามันก็พอพ้นนะ ไอ้ ๓๐๐ กว่ารูนี่เดี๋ยวก็ร่วงแอ้กจนได้ ก็เลือกเอา
      ถาม :  อ๋อ อย่างพระโสดาบันก็แค่ศีลห้าบริสุทธิ์ใช่ไหมครับ?
      ตอบ:   ใช่ อยากทำของยากเผื่อสำเร็จอาจจะดัง (หัวเราะ) ๓๑๑ เยอะกว่าพระ พระ ๒๒๗ ต้องไปดูในภิกขุณีวิภังค์ในพระไตรปิฎก โหแต่ละข้ออ่านแล้วสะอึก ไม่มีผ้ารัดอกออกจากกุฏิไม่ได้ เข้าไปยังสำนักของท่านใช้คำว่า สำนักของมนุษย์ คือ เข้าไปอยู่ในเขตบ้านคนไม่ได้ กระทั่งการแต่งเนื้อแต่งตัวยังบังคับไว้หมดเลย
      ถาม :  อ้าว แล้วถ้าเกิดที่มีอยู่นี่ชีวิตทำยังล่ะครับ?
      ตอบ:   เขาต้องหาครบก่อน หาครบก่อนถึงบวชได้ ลำบากมากเลยอยู่ในอาวาสที่ปราศจากภิกษุไม่ได้ แต่อยู่ร่วมกับภิกษุไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องอยู่ในเขตอาวาส คือ ในบริเวณวัด อาจจะเป็นมุมใดมุมหนึ่งที่กันเขตให้ต่างหากไป เพราะว่าสมัยก่อนพวกโจรพวกปล้นเยอะ บางทีก็โดนเขาปล้น โดนเขาฆ่า โดนเขาข่มขืน
      ถาม :  แล้วในสมัยนั้นมีพระภิกษุณีที่เป็นปฏิสัมภิทาญาณไหมครับ?
      ตอบ:   บานเบิกเลย (หัวเราะ) จะเอาสักเท่าไหร่ล่ะ พระนางเขมาเถรี นี่เป็นอัครสาวิกานะ เลิศทางปัญญา พระนางอุบลวรรณาเถรีเลิศทางมีฤทธิ์ มีเหมือนกัน เป็นอัครสาวิกาเหมือนกัน มีมหาสาวิกาเหมือนกัน มีอยู่หลายต่อหลายองค์ สมัยโน้นเขาเป็นกันง่ายเพราะฉลาด สมัยของเราเป็นยากเพราะเราฉลาดกว่า
      ถาม :  ยังติดอยู่ตรงภิกษุณีครับ ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจทำดี?
      ตอบ:   ภิกษุไม่มีปัญหา แต่ถ้าภิกษุณีโดนแน่เลย ผู้หญิงตกน้ำอุ้มได้ช่วยได้ แต่ต้องจิตไม่กำหนัดนะ แต่ว่าภิกษุณีนี่ไม่มีจิตกำหนัดก็โดนเลย
      ถาม :  ทั้ง ๆ ที่เห็นคนจะตายต่อหน้า ?
      ตอบ:   ตายต่อหน้า? ถ้าจะให้ดีก็ต้องยอมขาดจากความเป็นภิกษุณี
      ถาม :  อย่างนี้ผมว่าเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณง่ายสุด
      ตอบ:   ดีดบึ๊งเดียว (หัวเราะ) ของท่าน ท่านเจตนาบอกแล้วว่า หากว่าในศาสนานี้มีภิกษุณีอยู่จะตั้งได้ไม่ถึง ๕,๐๐๐ ปี ก็ไอ้ปัจจุบันนี้อยู่นอกวัดมันยังลากเข้าไปในวัดจนเป็นข่าวเป็นคราวกันตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ จนลูกโตแล้วเป็นแถว อยู่ในวัดด้วยกันมันไม่ง่ายกว่ารึ? เป็นยังไงฟังแล้ว อยู่ในบ้านเขายังลากเข้าวัดไปได้หรือไม่ก็ออกจากวัดไปหา