ถาม :  เห็นเป็นตัวเป็นตนเลยนะครับ ?
      ตอบ :   ทุกคนสามารถเห็นได้เพียงแต่ว่าเขาทอดทิ้งการกระทำอันนั้นเสียเพราะว่าขาดความอดทน ถ้าหากว่ามีความอดทนเพียงพอตั้งใจปฏิบัติมันได้ทุกคนแหละ โอกาสที่มันจะเข็นยากเต็มที่น่ะไม่มีหรอก เพราะว่าขนาดเนยยะก็คือประเภทที่ต้องเคี่ยวเข็นกันพระพุทธเจ้าท่านยังบอกว่าโอกาสที่จะเข้าถึงไตรสรณคมน์ของเขาก็มี พอเข้าถึงไตรสรณคมน์นี่สวรรค์เปิดโล่งอยู่แล้วล่ะไปได้สบาย ๆ
              ปทปรมะนี่ไม่ใช่โง่นะ ฉลาดเกินไป ปทปรมะนี่ภาษาบาลีเขาแปลว่ามากด้วยบทบาท พวกนี้ฉลาดเกินไปชอบเถียงครู มันเก่ง ปทปรมะที่บอกว่าสอนไม่ได้นี่ไม่ใช่ว่าเขาโง่ หากแต่มันไม่ฟังใคร ยึดความเห็นของตัวเองเป็นใหญ่ ตะแบงข้างหรือไม่ก็ที่เขาเรียกว่าคนขวางโลกอะไรพวกนั้น มันเลยเป้า เราต้องการแค่หัวมัน เอื้อมมือเลยหัวทุกที
      ถาม :  อย่างนี้พระโพธิสัตว์บารมีเข้มจะเป็นปทปรมะไหมครับ ?
      ตอบ :   ก็ไม่แน่เหมือนกันนะ ตัวอย่างโตไทยพราหมณ์ ก็ยังอยู่อเวจีอยู่นี่ อันนั้นเจตนาขวางพระพุทธเจ้าเลยเพราะว่ากลัวว่าพระพุทธเจ้ามาจะเอาบริวารตัวเองไปหมด พระโพธิสัตว์เขาต้องมีบริวาร โตไทยพราหมณ์ จริง ๆ ก็คือคนไทย โต-ไทย–ยะ-พราหมณ์ =พราหมณ์คนไทยชื่อนายโต สมัยก่อนเขาไม่มีนามสกุล เขาก็เลยต้องมีฉายาต่อท้าย สมัยก่อนเขาใช้ฉายากันใช่ไหม ภัททิยะศากยราชา ก็จะได้รู้ว่า ภัททิยะที่เป็นราชาของเหล่าศากยะเขา เพราะว่าชื่อภัททิยะเขามีเยอะ อลกุณฑกะภัททิยะ ภัททิยะที่เป็นคนเนี้ย,คนค่อมน่ะ เขาบอกเอาไว้ชัด ๆ ไม่งั้นชื่อซ้ำกันจะแยกไม่ออกว่าเป็นคนไหน
              คราวนี้พระพุทธเจ้าเข้าไปประกาศศาสนาในเขตนั้นโตไทยพราหมณ์เขากลัวว่าจะเอาลูกศิษย์เขาไปหมด เลยไปยืนลำเลิกเบิกประจานด่าพระพุทธเจ้าไล่ให้ออกไปจากเขต ตายตอนนั้นยังไม่ลงนรกนะ กลายเป็นหมา เกิดเป็นลูกหมาก่อน เกิดเป็นลูกหมาอยู่ในบ้านตัวเอง พระพุทธเจ้ามาบิณฑบาตมาเห่าอีก พอมาเห่าไล่พระพุทธเจ้าก็บอกว่า โตไทยพราหมณ์สมัยเธอเป็นคนอยู่ก็ขวางทางตถาคตแล้ว เกิดเป็นหมาแล้วยังจะทำอย่างนี้อีกหรือ โตไทยพราหมณ์ก็ตกใจ เอ๊ะ สมณโคดมรู้ด้วยว่าเราเป็นใคร ก็เลยเสียใจไปนอนซุกกองขี้เถ้าไม่ยอมกินอะไร บรรดาคนใช้เขาได้ยินเขาก็ไปฟ้องเจ้านาย ไปฟ้องสุภมานพ ที่เป็นลูกของโตไทยพราหมณ์ บอกว่าสมณโคดมประจานตระกูลนี้ว่าโตไทยพราหมณ์ที่จะต้องเกิดเป็นพรหมแน่ตามความเชื่อของเขาน่ะ เกิดเป็นเดรัจฉาน สุภมานพก็เลือดขึ้นหน้ากะว่าจะบุกไปโซ้ยพระพุทธเจ้าถึงเชตวันเลย พาบริวารพาอะไรไปพอไปถึงก็ว่า ถ้าหากว่าพระสมณโคดมพิสูจน์ไม่ได้ว่าลูกสุนัขตัวนี้เป็นบิดาของเรา เราก็จะประจานสมณโคดมต่อหน้ามหาชน เขาตั้งความคิดไว้อย่างนั้นเลย
              พอไปถึงพระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่า ท่านกล่าวอย่างนั้นจริง ๆ เอาอย่างนี้สิ ให้เอาลูกสุนัขนั้นมาอาบน้ำทำความสะอาดให้ดีหาอาหารให้กิน พอเขากินอิ่มแล้วกระซิบตรงข้างหูว่า สมบัติอะไรที่พ่อยังไม่ได้บอกแก่ลูกขอให้ช่วยบอกด้วย สุภมานพก็เอา ไอ้เรื่องแค่นี้มันพอทำได้ก็ทำดู ถ้าไม่ได้อย่างนั้นจริง ๆ แล้วค่อยกลับมาด่าใหม่ ก็ไป พอทำอย่างนั้นปุ๊บโตไทยพราหมณ์ได้ยินลูกพูดอย่างนั้นก็ความลับแตกแล้วน่ะ ก็เลยพาไป ตะกุยดินตรงไหนสุภมานพก็ขุดตรงนั้นได้มาลัยทองราคาตั้งแสนกหาปณะ ได้ถาดทองราคาตั้งแสนกหาปณะ อะไรขึ้นมาบานเบิกเลย
              สุภมานพก็ อ๋อ พระพุทธเจ้าท่านตรัสจริง ก็เลยเลื่อมใสนับถือพระพุทธเจ้าปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ แต่โตไทยพราหมณ์เขาใช้คำว่าอกแตกตาย ก็คงหัวใจสลายน่ะนะ คนอื่นรู้ความลับตัวเองหมดทั้ง ๆ ที่คิดว่าพราหมณ์เป็นตระกูลที่สูงมากอย่างไร ก็ต้องเกิดเป็นพรหมมันกลับไปเกิดเป็นลูกหมาซะได้ ตายในขณะที่จิตเศร้าหมองคราวนี้ลงอเวจีไปเลย
      ถาม :  หลวงพ่อเคยบอกไว้ไม่ใช่หรือครับว่าหมานี่ไม่มีทางไปต่ำ ?
      ตอบ :   ท่านบอกว่าส่วนน้อยที่จะไปอย่างนั้น โอกาสที่จะพลาดมันมีแต่มันน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วก็ไปแค่หมา แต่ไอ้ส่วนน้อยมันมีอยู่อาจจะเปอร์เซ็นต์เดียว แล้วไอ้เปอร์เซ็นต์เดียวมันดันลงไปให้เห็นชัด ๆ ซะด้วย
      ถาม :  พระพุทธเจ้าท่านเคยพยากรณ์ไว้หรือเปล่าครับว่าโตไทยพราหมณ์เป็นพระโพธิสัตว์ชั้นไหน
      ตอบ :   นิยตะโพธิสัตว์แน่นอนด้วยว่าจะตรัสรู้ในภัทรกัปนี้
      ถาม :  ทำไมเรียกภัทรกัปล่ะครับ ?
      ตอบ :   ภัทรกัปแปลว่ากัปที่มีความเจริญมาก
      ถาม :  ไม่ใช่ ๕ องค์ ใช่ไหมครับ ?
      ตอบ :   กัปที่มีพระพุทธเจ้าจะประกอบไปด้วยสารกัป มีพระพุทธเจ้า ๑ องค์ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๒ องค์ วรกัป มีพระพุทธเจ้า ๓ องค์ สารมัณฑกัปมีพระพุทธเจ้า ๔ องค์ และภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ องค์ คราวนี้มันจะมีพวกสุญกัป อันตรายกัป ที่ว่างจากพระพุทธเจ้ามีแต่สิ่งชั่วร้ายอะไรต่าง ๆ เยอะแยะไปหมดนาน ๆ ถึงจะมีกัปที่มีพระพุทธเจ้าขึ้นมาทีหนึ่ง แต่ปรากฏว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟลุคที่สุดเป็นภัทรกัป ๒ กัปติดกันมีพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ องค์ ใครเกิดช่วงนี้เฮงที่สุดแล้วก็ซวยที่สุด เฮงที่สุดก็คือทำความดีไม่ต้องมากหรอกขึ้นไปได้แค่สวรรค์น่ะ พระศรีอาริยเมตไตรย์ขึ้นไปตรัสโดยเฉพาะพวกเรายึดในทานศีลภาวนาอยู่รับรองว่า ตอนนั้นสวรรค์ร้าง ท่านคงกวาดไปหมด แต่ถ้าพลาดลงนรกนี่เอาแค่ขุมตื้น ๆ เท่านั้นนะ ผ่านไป ๑๐ องค์นี่ยังไม่ทันได้โผล่หรอก เพราะฉะนั้นเฮงที่สุดแล้วก็ซวยที่สุดในเวลาเดียวกัน
      ถาม :  อย่างนี้มาเกิดในพุทธศาสนานี่ก็วัดดวงที่สุดเลยสิครับ ?
      ตอบ :   ก็โดยเฉพาะโตไทยพราหมณ์กับสุภมานพตรัสรู้ติดกันสุภมานพตรัสรู้ก่อน สุภมานพจะเป็นสมเด็จพระพุทธเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า โตไทยพราหมณ์จะเป็นสมเด็จพระพุทธนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่อไปทีหลังลูก ลูกได้ก่อน คำพยากรณ์เขาพยากรณ์แน่นอนอยู่แล้ว อาจจะป็นไปได้ด้วยว่าช่วงนี้ท่านลงกว่าจะขึ้นมาก็เลยไปทีหลังลูกก็ได้
      ถาม :  อย่างนี้ก็ครบ ๑๐ องค์แล้วนี่ครับ พระศรีอาริยเมตไตรย์ หลวงปู่ปาน ?
      ตอบ :   เกิน เขาบอกเอาไว้เกิน แสดงว่าจะต้องมีผู้ที่ลาพุทธภูมิในช่วงนี้อีก พระที่รู้แน่ ๆ ก็คือพระยามาราธิราชลาใช่ไหม ในอนาคตวงศ์เขาเริ่มพระศรีอาริยเมตไตรย์องค์ที่ ๑ ช้างปาลิไลยกะองค์ที่ ๑๐ แต่ว่าเราต้องการแค่ ๖ เพราะฉะนั้นต้องลาอย่างน้อย ๔ องค์ พระยามาราธิราชลาไปแล้วก็เหลืออีก ๓ องค์ ก็ดูว่าใครจะสละสิทธิ์
              เมตเตยยพราหมณ์จะเกิดเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระรามจะเป็นสมเด็จพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลจะเป็นสมเด็จพระพุทธธรรมราชาสัมมาสัมพุทธเจ้า
      ถาม :  องค์นั้นไปแล้วนี่ครับ ?
      ตอบ :   อันนั้นน่ะมหาปเสนทิโกศลนะ เป็นหลวงปู่ปาน เป็นองค์พ่อกษัตริย์ผู้ครองแคว้นโกศลเขาเรียก ปเสนทิโกศลทุกองค์แหละ ก็พระยามาราธิราชถ้าไม่ลาซะก่อนจะเกิดเป็นสมเด็จพระธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้า อสุรินทราหูถ้าหากว่าไม่ลาก็จะเกิดเป็นสมเด็จพระพุทธนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า
      ถาม :  ใครนะครับองค์นี้ ?
      ตอบ :   ราหู ไม่ใช่ราหูอมจันทร์นะ ท่านเคยบอกไว้ว่าท่านไม่ไปอมขี้ดินหรอก คนมันลือกันไปเอง (หัวเราะ) ก็พระพุทธรูปจะมีอยู่ปางหนึ่งปางไสยยาสน์น่ะ ไสยยาสน์พระบาทเสมอเป็นปรินิพพาน ถ้าหากว่าไสยยาสน์พระบาทซ้อนเหลื่อมก็จะเตรียมตัวลุก แต่มีปางไสยยาสน์อยู่อันหนึ่ง เขาเรียกว่าไสยยาสน์ลืมเนตร ไม่ได้หลับตา อันนั้นเขาเรียกว่าปางโปรดอสุรินทราหู ไปโปรดพระราหูเพราะพระราหูนี่ท่านคิดว่าตัวท่านใหญ่มาก ตามในบาลีเขาบอกว่ารอยต่อระหว่างคิ้วนี่โยชน์หนึ่ง ๑๖ กิโลเนี่ย ของเรามันได้ ๒ นิ้วมือหรือเปล่าก็ไม่รู้ คราวนี้ตัวท่านใหญ่ขนาดนั้นก็เลยว่าจะไปกราบพระพุทธเจ้าแต่กลัวว่าจะเป็นการไม่เคารพ เพราะว่าตัวใหญ่ต้องก้มลงดูพระพุทธเจ้า อยากจะไปแต่ไม่ได้ไปกลัวจะเป็นการปรามาสพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านเลยเสด็จไปโปรด ปรากฏว่าพระพุทธเจ้านอนตัวใหญ่กว่าราหู (หัวเราะ) ปางนั้นแหละเขาเรียกว่าไสยยาสน์ลืมเนตร-ปางโปรดอสุรินทราหู
      ถาม :  แล้วอย่างนี้คนสร้างเขารู้ประวัติความเป็นมาหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :   ส่วนใหญ่แล้วบรรดาที่เขาเขียน ๆ ขึ้นมาก็มักจะป็นผู้ที่ได้อภิญญาได้อะไร แต่ว่าต่อมาหลัง ๆ มันมีเฝือเยอะ ถ้าอธิบายพระไตรปิฎกลงมาเป็นอรรถกถานี่โอเคล่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณไม่ใช่ส่วนใหญ่ล่ะทุกองค์ แต่อรรถกถามาฎีกา ฎีกามาเป็นอนุฎีกา อนุฎีกามาเป็นเกจิอาจารย์นี่ไม่ไหวแล้ว ชักจะเลอะ ก็เลยกลายเป็นว่าเพิ่มอะไรขึ้นมาเยอะเกินไป มันเฝือ ทีนี้ถัดจากอสุรินทราหูก็เป็นโสณพราหมณ์ จะเป็นสมเด็จพระพุทธรังสีมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เป็นสุภมานพเป็นสมเด็จพระพุทธเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า โตไทยพราหมณ์เป็นสมเด็จพระนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ช้างนาฬาคิรี ที่เทวทัตปล่อยไปจะเหยียบพระพุทธเจ้าน่ะ จะเป็นสมเด็จพระพุทธติสสสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วช้างปาลิโลยกะ ที่อุปฐากพระพุทธเจ้าตอนที่อยู่ป่าเลไลย์น่ะ ตอนหนีภิกษุโกสัมพีที่ทะเลาะกัน นั่นจะเป็นองค์สุดท้าย จะเป็นสมเด็จพระพุทธสุมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า
              อันนี้ก็เกินโควต้า เพราะต้องการ ๖ มาตั้ง ๑๐ จะต้องมีอย่างน้อย ๆ อีก ๔ องค์ที่จะลา เรารู้แน่ ๆ คือท้าวมาลัย ท้าวมาราธิราช ลาแล้ว ที่เหลือท่านไม่ได้พยากรณ์มิบังอาจบอก ลาก็คือลา ไปแทรกคิวเขาไม่ได้เดี๋ยวโดนดีเขี้ยวมันยาวจัด (หัวเราะ)
      ถาม :  อย่างนี้คิวก็มีไปเป็น
      ตอบ :   โหไม่ต้องนับเลยล่ะ แค่ที่บารมีเต็มอยู่นี่เข้าคิวกันยาวกี่กิโลก็ไม่รู้ ต้องชมบรรดาพระโพธิสัตว์ว่ากำลังใจท่านทรงตัวจริง ๆ กำลังใจท่านทรงตัวมาก อย่างพลตรีศรีพันธ์ วิชชุพันธุ์ น่ะ หลวงพ่อท่านถาม “ไอ้แดง ของเอ็งน่ะอีก ๘๑ กัปนะ สู้ไหม” “สู้ครับ” ๘๑ กัปนะ ไม่ใช่ ๘๑ องค์ แต่ละกัปอาจจะเกิดหลายองค์ก็ได้ สู้ครับ มันไม่ถอยน่ะ กำลังใจของพระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่แล้วเข้มแข็งมาก เรื่องลำบากไม่กลัว
      ถาม :  ถ้าเราเป็นนี่เราจะรู้ไหมครับว่าอีกนานไหม ?
      ตอบ :   ถ้าทำถึงเดี๋ยวมันรู้เองแหละ หรือไม่ก็รอได้รับการพยากรณ์ พยากรณ์ว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แบบเดียวกับพระพุทธเจ้านามว่า ปทุมมุตรพยากรณ์...ญาติพระเจ้าพิมพิสาร “อีก ๙๑ กัปญาติของเธอจะเกิดเป็นพระราชานามว่าพิมพิสาร ถึงเวลานั้นแล้วเธอจะได้ส่วนบุญ” ดีใจแทบตาย ๙๑ กัป
      ถาม :  แล้วหลวงพ่อท่านพยากรณ์ว่าอีก ๘๑ กัปได้ด้วยเหรอครับ ?
      ตอบ :   พระท่านบอกจ้ะ ท่านก็ว่าต่อ ท่านเองท่านไม่เสียเวลามาพยากรณ์หรอก สำหรับหลวงพ่อเองท่านบอกว่าถ้าไม่ลาซะก่อนอีก ถัดจากพระศรีอาริยเมตไตรย์ไปอีก ๒๒ องค์ รอกันอ่วมเลยท่านบอกรอไม่ไหว ไปดีกว่า พวกที่หมดเรื่องแล้วรอได้ ไอ้ที่มีเรื่องต้องลงเรื่อย