ถาม :  ......................... ?
      ตอบ :  นินทารุ่นพี่หน่อย หลวงน้ามีชัย แกตัวใหญ่ เสียงดัง คราวนี้งวดนั้นเขานิมนต์ไปสวดธัมมะจักรที่บ้านหลวงตาสวัสดิ์ จังหวัดอยุธยา หลวงน้ามีชัยแกก็ประเภทขึ้นได้ก็จ้ำก็ไม่ฟังเสียงแล้ว เสียงดังกว่าเขานี่ แต่คราวนี้แกไปพลาดตรงที่จังหวะลงที่ต้องสวดว่า อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง แกไม่หรอก แกเล่น อิสิปะตะเน มิคะทาเย พาราณสิยัง ขึ้นต้นใหม่เลย โห้! สวดไปขนาดนั้นแล้วมาเริ่มต้นใหม่ พวกเราก็หยุดกันหมด แกก็จ้ำเอาจ้ำเอาไปเรื่อย พักเดียวแกนึกได้ เฮ้ย! มันน่าจะจบแล้วทำไมมันขึ้นใหม่ แกก็หยุดเอาดื้อ ๆ หลวงพี่โอแกรออยู่แล้ว พอหยุดปุ๊บ หลวงพี่โอก็ขึ้น อิติหะ เตนะ ขเณนะ ตอนจบไปเลย คนฟังไม่รู้เรื่องหรอก แต่คนสวดน่ะรู้ รู้ว่าถ้าขืนปล่อยหลวงน้าต่อล่มแน่
              ของหลวงพ่อเองท่านก็เจอมา ประเภทพระมีอยู่แค่ ๔ องค์ ๕ องค์ นิมนต์สวดธัมมะจักร แล้วหัวแถวเขาดันขึ้น หัวแถวเขาดันขึ้นข้าก็ไม่รับสิวะ ถามว่า ทำอย่างไรครับ ? ก็ปล่อยให้มันสวดคนเดียวไปสิมันอยากขึ้นนี่ แล้วลองคิดดูว่าคนสวดตายไหม เจอธัมมะจักรเข้าไปอย่างน้อย ๆ ก็ ๔๕ นาที กว่าจะจบ แค่ภุมมานัง เทวานัง เราก็จะแย่แล้ว เทวดา ๖ ชั้น พรหม ๑๕ ชั้น
      ถาม :  .............................. ?
      ตอบ :  ตอนช่วงนั้นหลวงพ่อท่านให้คนเกิดวันศุกร์ ปล่อยไก่สะเดาะเคราะห์ คราวนี้จะไปถึงวัดท่าซุงก็ไกล ก็เลยใช้วิธีปล่อยที่วัดเทพศิรินทร์แทน ก็ปล่อยใกล้ ๆ กุฏิหลวงปู่มหาอำพัน พอปล่อยแถว ๆ กุฏิหลวงปู่มหาอำพัน หมามันเห็นไก่มันก็ไล่ ไก่มันก็หนีสิ เรื่องอะไรจะอยู่ อยู่ก็ตายใช่ไหม ? ไก่มันบินขึ้นไปบนรั้ว แล้วก็ไปยืนเรียงแถวกันอยู่ข้างบน ลงมาข้างล่างไม่ได้หมากัดตาย ดูแล้วสงสารมัน ไอ้คนปล่อยไม่ได้ดูตาม้าตาเรือว่า วัดเทพศิรินทร์มันดงคอนกรีต จะมีต้นไม้อะไรให้ไก่ได้ล่ะ ใครเคยฆ่าไก่ ? ตอนแรกต้องเอารวงข้าว ๒ รวง ห่อกระดาษไปบูชาหน้าหิ้งพระ สวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้กับไก่ คราวนี้มันยุ่งมีคนประเภท เจ้าไก่นายเวร ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เขาก็เลยบอกกับหลวงพ่อ ๆ บอกว่าถ้าหากว่ามันยุ่งมากไม่อยากทำ ก็เปลี่ยนเป็นง่าย ๆ ก็ถวายผ้าไตรจีวรแทนก็แล้วกัน ก็เลยตกลงว่าได้ผ้าไตรกันตรึม คือลูกศิษย์หลวงพ่อเยอะ ขยับคนหนึ่งก็ตามกันหมด
              เพิ่งจะหายจากหวัดมรณะได้ ๔-๕ วัน ไม่มีแรงจะไปไกล เป็นมาตั้งแต่วันที่ ๔ เดือนที่ผ่านมาแล้ว บอกเขาว่าเป็น ไม่มีใครเชื่อ เพราะว่าตอนนั้นข่าวเพิ่งบอกว่าที่เมืองจีนมีเป็น แล้วตายไป ๓ คน เท่านั้นเอง แต่ของเราอาการมันบอกเห็นชัดเลยว่า หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ คราวนี้รู้ตัวเร็วมันได้เปรียบเขา ก็เลยไปซื้อยาแก้หวัดมาก่อน แล้วก็ขอให้เขาจัดยาแก้หลอดลมอักเสบกับปอดอักเสบมาต่างหาก กินยาแก้หวัดไป ๕ วัน กินยาแก้หลอดลมอักเสบกับปอดอักเสบไป ๗ วัน พอกินเสร็จอาการดีขึ้นแต่ว่าเสียงไม่มี แรงก็ไม่มี อย่างกับมีแต่เปลือกลวง ๆ นอนแล้วนอนอีก เขาเพิ่งจะมาฮือฮากันว่าจริง ๆ แล้วมันระบาดทั่วไทย
      ถาม :  ตอนนี้ยังไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ ?
      ตอบ :  อาตมาโดนมาเต็ม ๆ ร่วงไม่เป็นท่า ไม่เคยเจอหวัดอะไรดุเดือดขนาดนี้มาก่อน ขนาดสั่งน้ำมูกออกมามันยังเป็นสีส้มเลย สีอย่างกับน้ำส้ม
      ถาม :  ทำไมถึงรุนแรงมากอย่างนั้นคะ ?
      ตอบ :  เห็นเขาว่ามันติดมาจากสัตว์ พวกเปิบพิสดาร
      ถาม :  ประเภทเดียวกับเอดส์ใช่ไหมคะ มาจากสัตว์ด้วย ?
      ตอบ :  ใช่ เอดส์มาจากลิง คือพวกเชื้อนี้สัตว์เขามีภูมิต้านทานสูงกว่าคน ในเมื่อภูมิต้านทานสูงกว่าคน พอเขาเป็นเขาไม่เป็นอะไรมาก ถ้าเราเป็นนี่หงิกเลย เห็นว่าตอนนี้เมืองจีนตายตั้ง ๗๐-๘๐ คนแล้ว แล้วเขตการแพร่ระบาดตอนนี้มันไปเร็วมาก เพราะว่าแค่ ๓-๔ ชั่วโมง เครื่องบินก็บินผ่านไปหลายประเทศแล้ว ลงโน่นมั่งนี่มั่งยุ่งไปหมด จะว่าไปแล้ว จริง ๆ ก็คือว่า เรื่องของการเจ็บไข้ได้ป่วยทุกชนิดเป็นผลมาจากกรรมปาณาติบาต กรรมปาณาติบาตก็คือ ฆ่าคนฆ่าสัตว์มา โรคแปลก ๆ อย่างหวัดมรณะนี่กว่าจะฆ่าคงทรมานเขาน่าดู แต่ว่าตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นนั้น กลางคืนภาวนาอยู่แล้วก็เห็นเทวดาท่านไปแพร่เชื้อ ทำอย่างกับพระพรมน้ำมนต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเทวดาเขาเชื้อโรคมาแจกนะ หากแต่ว่าท่านแสดงให้รู้ว่าตอนนี้โรค อาการของโรคมันระบาดอย่างนี้ มีเขตบริเวณนี้ ๆ ทำอย่างกับพระพรมน้ำมนต์
      ถาม :  ระบาดไปทั่วเลยหรือคะ ?
      ตอบ :  มีเขตของมันอยู่ หลวงพ่อเคยเล่าให้ฟังสมัยหนึ่งว่า ท่านอยู่ที่จังหวัดชัยนาท ตอนนั้นพอช่วงกลางคืนภาวนาถอดกายในออกไป ก็ไปเห็นเทวดาเขานั่งตีเส้นกัน ขีดเส้นตั้งแต่ตึกนี้มาถึงบ้านนี้ บ้านที่ตัวเมืองชัยนาท หลวงพ่อถามว่าทำอะไรกัน ท่านบอกว่าบริเวณทีท่านขีดไว้ไฟจะไหม้ครับ เฮ้ย! เทวดาวางเพลิงได้หรือ ไม่ใช่ครับ คนทำกรรมไว้ถึงวาระถึงเวลามันจะต้องเป็น ผมรู้ว่ามันเป็นเขตนี้ก็ต้องกำหนดเขตเอาไว้ก่อนอย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นว่าถ้าคนที่ทำกรรมหนักนั้นมา ต่อให้เขาพยายามดับขนาดไหนก็ต้องไหม้จนกว่าจะครบเขตนั้นก่อน น่ากลัวเหมือนกัน เราเห็นคาตาจนเกือบจะประเภทกล่าวหาว่า เทวดาปล่อยเชื้อโรคแล้ว เขาทำภาพให้ดู เห็นชัด ๆ เหมือนกับพระพรมน้ำมนต์
      ถาม :  พวกที่รอดล่ะคะ ?
      ตอบ :  คือถ้าเราไม่ได้ทำกรรมเอาไว้ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือว่า สมเด็จพระคำข้าว สมเด็จพระหางหมากของหลวงพ่อนี่แหละ เพราะว่ากติกาของท่านมีอะไรบ้าง คือ ปลอดโรค ให้ลาภ แล้วก็ศัตรูพินาศ คราวนี้ตัวปลอดโรคนี่ ถ้าเราอธิษฐานขอให้อย่าเป็น สวดมนต์ไหว้พระอธิษฐานขอให้อย่าเป็นก็แล้วกัน แต่อาตมาเป็นเพราะว่าปลดอาวุธตัวเอง งวดนั้นไม่พกพระ แหม! กำลังจะไปพม่า ตูจะไปลุยกับมันให้ดู ปลดอาวุธซะ เรามั่นใจว่าเราแน่ เป็นหวัดงอมเลย
      ถาม :  พระต้องพกติดตัวตลอดหรือคะ ?
      ตอบ :  จ้ะ ต้องพกติดตัวตลอด แล้วก็ต้องสวดมนต์อาราธนาให้ท่านช่วย ถ้าติดตัวเฉย ๆ ท่านก็ไม่ช่วยหรอก
      ถาม :  แล้วอย่างเอาไว้บ้าน และขออาราธนาบารมีล่ะคะ ?
      ตอบ :  อ๋อ! ถ้าหากขอน่ะได้ จริง ๆ น่าจะติดตัวไว้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไกลเกินไป
      ถาม :  หลวงพ่อคะ ขอบารมีพระติดตัว หมายถึงว่าต้องมีพระคล้องคอเราอยู่ตลอดอย่างนั้นหรือคะ ?
      ตอบ :  ใช่จ้ะ อันดับแรก เป็นพุทธานุสติ อันดับที่สอง เคราะห์กรรมอะไรก็ตามถ้าหนักจะได้เป็นเบา เบาจะได้เป็นหาย แต่เขามีกติกากว่าจำเป็นจะต้องสวดมนต์ไหว้พระ อาราธนาพระให้คุ้มครองทุกวันจ้ะ ถ้าประเภทมีเท่าไหร่ไว้กับบ้าน ก็เจริญนะจ้ะ
      ถาม :  ซี.พี. ฆ่าสัตว์ไม่เห็นเขาบาปเลย เห็นอยู่สุขสบาย ?
      ตอบ :  ซี.พี. ได้ฆ่าที่ไหนล่ะ พนักงานฆ่า
      ถาม :  ก็เขาสั่งนี่ครับ
      ตอบ :  อย่าลืมว่าสิ่งที่เขาทำนั่นน่ะ มันต้องมีบุญเก่าหนุนเสริมมา บุญกับบาปนี่คนละส่วนกัน ตอนนี้บุญเก่าของเขายังหนุนเสริมอยู่ เขาก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าหากว่าเขาตายไปเมื่อไหร่ ส่วนของบาปมันเข้าถึงก็ซวยไป เพียงแต่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่มาถึงระดับนี้แล้วบุญเก่ามันยังมีอยู่ ปัญญาของเขาต้องมี
              เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ทำแต่ความชั่วตลอด เขาก็ทำความดีด้วย ก็มีทาน มีศีล มีภาวนาของเขาอยู่ คนเราต่อให้ชั่วแสนชั่ว แต่ก่อนตายเกาะความดีได้นี่เขาไปดีนะ ถ้าเขาไปดีปุ๊บนี่กำลังความดีทั้งหมดเขารวมตัวกันอยู่ คนที่อยู่ข้างบนเขาฉลาดกว่าเราเยอะ จ้างเขาก็ไม่ลงไปข้างล่างให้เสียเวลาของเขาหรอก เขาต่อบุญไปเรื่อย ส่วนคนเราถ้าหากว่าทำดีแสนดี บังเอิญก่อนตายเกาะในสิ่งที่ไม่ดีก็ลงนรกได้เหมือนกัน เพียงแต่ถ้าหากว่ากำลังความชั่วมันน้อยก็ลงไปแป๊บเดียว แต่แป๊บเดียวของนรกนี่มันเหลือกล้ำเหลือกลืนเหมือนกันนะ สัญชีพนรกขุมนี้ตื้นที่สุด วันหนึ่งเท่ากับ ๙ ล้านปีมนุษย์ ลองลงแป๊บเดียวดูสิ
      ถาม :  แล้วทุกคนจะมีสติตอนตายไหมคะ ?
      ตอบ :  ถ้าไม่ได้รับการฝึกมาก็ยาก ถึงได้ต้องมีการฝึกจิตของตนเองให้ดี เพื่อก่อนตายจะได้เกาะความดีให้ได้ ก็ถึงบอกว่าต้องทำให้ชินไงล่ะ
      ถาม :  ..........................
      ตอบ :  ถ้าใช้คำว่า เลว ไม่มีคนเลว แล้วก็ไม่มีคนดี มีแต่คนที่กำลังเป็นไปตามกรรม ซัดดัมนี่พวกเดียวกับคุณนั่นแหละ นั่นต้องพระโพธิสัตว์นะ ถ้าไม่ได้อย่างนั้นกำลังใจมันบ้าไม่พอ รู้ว่ารบไปก็แพ้ แต่กูจะสู้
      ถาม :  อย่างนั้นนะหรือ โพธิสัตว์ ?
      ตอบ :  เออ! ดูหน้าไว้ นั่นน่ะเพื่อนเอ็งล่ะ จำไว้ว่า พระโพธิสัตว์ ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนก็ตามจะต้องเป็นผู้นำเขาเสมอ แล้วจิตใจจะเข้มแข็งกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคอะไรง่าย ๆ
      ถาม :  พระโพธิสัตว์ก็ลงนรกเยอะแยะเหมือนกัน
      ตอบ :  เยอะ ขนาดนิตยะโพธิสัตว์ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว เกิดเมื่อไหร่ ตรัสรู้เมื่อไหร่ ป่านนี้ยังอยู่ในนรกอยู่เลย
      ถาม :  ใครครับ ?
      ตอบโตเทยยพราหมณ์
      ถาม :  ยึดติดเขามากไป แต่เราต้องมีหน้าที่ดูแลสงเคราะห์เขาเพราะเขาเป็นแม่ ?
      ตอบ :  ก็ทำอย่างพระพุทธเจ้าสิ การดูแลพ่อดูแลแม่ทำอย่างพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านถึงวาระถึงเวลาท่านก็เสด็จไปโปรดพุทธบิดาจนพระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระอรหันต์เข้านิพพาน เสด็จไปโปรดพุทธมารดาที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เสด็จไปโปรดพระนางพิมพา พระราหุลท่านก็รัก ในเมื่อพระองค์รักของท่าน ๆ ก็ไปสงเคราะห์เขาตามหน้าที่ ตามกำลังความสามารถ ความรักของท่าน ๆ รัก แต่ว่าท่านไม่ได้กังวล ท่านทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แล้ว ได้ผลแค่ไหนท่านพอใจแค่นั้น ของเราไปห่วงไปกังวล พอไปห่วงไปกังวลอยู่ตรงจุดนั้น จิตเราก็จะเศร้าหมองเอง เราจะแย่เอง เพราะฉะนั้นทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ผลมันเกิดแค่ไหน เราพอใจแค่นั้นจ้ะ
      ถาม :  วิตกกังวลไปหรือคะ ?
      ตอบ :  จ้ะ ถ้าหากว่าทำเต็มที่ เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดินแล้วล่ะก็ พอแค่นั้นแหละ ตำราโหงวเฮ้งจีนนี่ดูถูกกันไม่ได้ วิชาการสืบเนื่องมาเป็นพัน ๆ ปี ลักษณะของคนอายุยืนมีหลายลักษณะด้วยกัน ใบหูยาวใหญ่ อายุยืน ผิวหนังตกกระ ไม่ใช่พวกฝรั่งนะ ถ้าพวกฝรั่งผิวหนังตกกระถือเป็นเรื่องปกติ คนเอเชียถ้าผิวหนังตกกระคนนั้นอายุยืนหลวงพ่อใหญ่ ท่านเป็นอย่างนั้น หลวงปู่ทองเทสก์องค์หนึ่ง หลวงปู่บุดดาองค์หนึ่ง ตกกระทั้งตัวอายุยืนเป็นร้อยปีทั้งนั้น แล้วอีกอย่างหนึ่งคือ มีขนในรูหู ใครเคยเห็นบ้าง บางคนยาวออกมาข้างนอกหูเลยแหละ เต็มไปหมด นั่นแหละประเภทนั้นก็อายุยืน ตำราโหงวเฮ้งเขาระบุไว้ชัดเลย แล้วถ้าหากใครเจอลักษณะนี้ตายยาก ก็คิดดูสิท่านอยู่มาจนป่านนี้ เดี๋ยวท่านก็รับสมณศักดิ์ชั้นสุพรรณบัฏ
      ถาม :  เกิดปรากฎการณ์ โยมพ่อเล่า โยมพ่อมาเฝ้าไม่ให้ใครรบกวน ตามองไม่เห็น ฟ้าสว่างหมดเลย ดังครืน ๆ
      ตอบ :  เกิดเมื่อวันที่เท่าไหร่ ?
      ถาม :  วันที่ ๑ ครับ
      ตอบ :  วันที่ ๑ น่าจะใช่ ผมเห็นที่วัดท่าขนุน วันนั้นที่วัดท่าขนุนพอดีมีฝนตก แล้วคราวนี้ผมนั่งอบรมพระ ผมเห็นสายฟ้าวิ่งจากดินขึ้นฟ้า วิ่งจากฐานมณฑปขึ้นไปบนยอด ลักษณะนั้นโบราณเขาเรียกว่า อสูรยิงเทวดา เพราะว่ามันเป็นโปรตอนวิ่งหาอิเล็กตรอน ปกติอิเล็กตรอนจะวิ่งหาโปรตอน แล้วคราวนี้มณฑปสว่างเป็นสีชมพูม่วงไปทั้งหลัง ผมก็ เออ! มันต้องมีเหตุอัศจรรย์อะไรเกิดขึ้น แสดงว่าตรงกัน ผมรีบชี้ให้พระดู เพราะว่าพระองค์อื่นเขาหันหน้าไปหาผม ผมหันหลังออกพอดี ผมหันหน้าเข้าหามณฑปก็เลยเห็นชัด ๆ เลยว่ากระแสมันวิ่งปร๊าดขึ้นไปเป็นสีชมพูม่วง สวยมาก สว่างไปทั้งหลัง แทนที่จะฟ้าจะผ่าดินแต่เป็นดินผ่าฟ้า คือโปรตอนจากพื้นดินวิ่งหาอิเล็กตรอนในอากาศ ถ้าตามหลักวิทยาศาสตร์เขาว่าอย่างนั้น อย่างของพวกเราก็คือเรื่องของพระ เรื่องของเทวดา ท่านจะแสดง
      ถาม :  หลวงพ่อลงบัญชีทุกวันหรือครับ ?
      ตอบ :  ของพระนี่มันลำบาก เงินทุกบาททุกสตางค์หลวงพ่อท่านเตือนไว้ว่า ได้จากใคร ใช้ไปเรื่องอะไร ถ้าใครเขาสอบสวนเราต้องตอบได้ บังเอิญผมจำได้หมดแล้ว ยกเว้นว่าคนใหม่มาก็จะถามเขา จริง ๆ ถ้าหลวงพ่อท่านไม่บอกผมก็ขี้เกียจเหมือนกัน แต่คราวนี้ท่านสั่งเอาไว้อย่างนี้ ท่านบอกว่าถ้าหากว่าซื้อเป็นของให้พยายามขอบิลให้ได้ทุกใบ ผมไปเจอในห้องนอนหลวงพ่อ ตอนนั้นหลวงพ่อท่านจะซื้อเครื่องปั่นไฟ ท่านบอกว่าเล็กเอ้ย! ดูบิลในตู้หน่อยสิ เพราะว่าเคยซื้อเครื่องปั่นไฟไว้ประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๗ หาบิลให้ที เผื่อจะดูว่าราคามันขึ้นไปกี่เปอร์เซ็นต์ ผมก็ตายละกู ทั้งตู้เลยกี่วันกว่าจะเจอ พอเปิดออกมา โอ้โห! สบายใจ หยิบได้เลยครับ หลวงพ่อท่านแยกไว้เป็นแฟ้มแต่ละปี ๆ ละแฟ้ม เราก็เปิดแล้วก็พลิกหาแฟ้มนั้น ก็ท่านบอกว่าประมาณปีนั้น เราก็เปิดหาปีนั้น มันก็ได้เลย
      ถาม :  ท่านมีระเบียบมากเลยหรือครับ ?
      ตอบ :  โอ้โห! ท่าทำอย่างเรียบร้อยยิ่งกว่าสุภาพสตรีอีก สุดยอดเลยจริง ๆ แฟ้มแน่นทั้งตู้เลย แยกเอาไว้ บิลใหญ่บิลเล็กหัวเรียบเสมอกันหมด เจาะร้อยใส่ไว้อย่างดี พอถึงเวลาท่านบอก ถึงได้บอกว่าครูบาอาจารย์ท่านสั่งเราต้องทำ ทุกบาททุกสตางค์รับมาจากใคร ใช้ไปในงานอะไร ถ้ามีใครเขาสอบสวนต้องชี้แจงเขาได้หมด ไม่ใช่ชี้แจงเฉย ๆ เขาต้องสอบกับโยมได้ว่า โยมทำมาเดือนนั้น วันนั้นเท่าไหร่ จริงไหม ?
      ถาม :  ตอนนี้ท่านดำรงตำแหน่งอะไรครับ ?
      ตอบ :  ตอนนี้นะหรือ เป็นลูกวัดเต็มขั้น ตำแหน่งอื่นไม่เอา ออกหมดยอมเป็นหลวงตาแก่ ๆ อ๋อ! ตอนนี้โดนจัดให้เป็นประธานกรรมการจัดงาน “ไหว้พระดี ๒๐ ปี โรงพยาบาลทองผาภูมิ”
      ถาม :  ตอนนี้ท่านได้ข่าว...
      ตอบ :  ครั้งหลังสุดที่ได้ข่าว ท่านอยู่ที่เชียงตุง ประเทศพม่า อยู่ในป่าที่มีลักษณะแบบป่าดงดิบ แล้วก็เป็นหุบเขาก้นกระทะ อยู่กัน ๖๐ กว่ารูป
      ถาม :  มีโอกาสจะเจอท่านไหมครับ ?
      ตอบ :  เห็นท่านบอกไว้ว่า ถ้าอยากเจอท่านให้ตั้งใจนึกถึงท่านไปด้วยความมั่นคงจริง ๆ ชนิดที่เรียกว่าตายเป็นตาย แล้วก็เดินไปเถอะ ท่านบอกว่าเดี๋ยวท่านจะมารับเอง ท่านให้ไว้ขนาดนั้นท่านบอกว่าถ้าหากว่าประเภทคุณตายเป็นตายจริง ๆ ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่ามันจะไปทางไหน คุณลุยเข้าป่าไปเลย เดี๋ยวผมมารับเอง ท่านมารับเอง ท่านเดิน ๓ ก้าวก็ถึงแล้วจะไปกลัวอะไร
              ทางด้านพม่า คำว่า พระแก้ว ก็คือชีวิตจิตใจ ของเราสร้างให้วัดหนองบัว๙ องค์ ๓ ฤดู ตั้งที่หอพระ ๓ องค์ ร้อน-ฝน-หนาว ตั้งในโบสถ์ ๓ องค์ และตั้งในพระวิหารพระเจ้า ๓ องค์ วิหารพระเจ้าที่ จริง ๆ ก็คือโบสถ์นั่นแหละ แต่ว่าเป็นโบสถ์ที่ผู้หญิงเข้าได้ โบสถ์ที่มีเสมา ทางโน้นเขาจะไม่ให้ผู้หญิงเข้า เราก็เลยทำให้เหมือนกันทุกอย่าง ให้ผู้หญิงเข้าไปหลังหนึ่งเลย เพียงแต่ว่าไม่ได้ผูกพัทธสีมาเท่านั้นเอง คราวนี้ในเมื่อลูกเขามาก็เลยพาเขาไปไหว้ที่วัดจริง ๆ ถ้ายังอยู่ที่นี่มาทุกเดือนก็ได้ไปไหว้กันทุกเดือน ถ้ามานี่ต้องไปไหว้พระแก้วก่อน
              ตอนนี้เป็นฤดูร้อนก็จะทรงเครื่องเปิด ๆ หน่อย ถ้าฤดูฝนก็เปลี่ยนทีหนึ่ง พอฤดูหนาวก็เปลี่ยนอีกทีหนึ่ง จะว่าไปแล้วทางด้านพม่าชิวิตจิตใจของคนนี่อยู่กับศาสนาสูงมาก ความหวังแต่ละคนก็คือว่าเมื่อทำงานเก็บเงินได้แล้วขอให้ได้ไปไหว้พระสำคัญ ๆ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นความฝันของเขาก็คือ ถ้ามาเมืองไทยขอให้ได้ไปไหว้พระแก้ว ของเราเองบางทีไปแท็กซี่ บังเอิญนั่งซ้ำคันเขาจำเราได้ เขาถามว่าอาจารย์มาบ่อยหรือครับ เราตอบว่ามาทุกเดือน เขาบอกว่าผมขับรถผ่านทุกวันยังไม่ได้มาเลย
      ถาม :  คนดี เมืองไทยมองไม่เห็น
      ตอบ :  มองไม่เห็นเอง แล้วอีกอย่างหนึ่งของเราเอาประโยชน์เป็นใหญ่ เพราะว่าพม่าเขาไม่ชอบคุณสุรยุทธ์ คุณวัฒนชัย ถ้าหากว่าเราไม่โยกย้าย พม่าจะไม่ค้าขายด้วย แล้วคุณทักษิณก็ไปลงทุนเกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้เยอะ แล้วเขาก็เลยตามใจด้วยการโยกย้าย แต่ก็อย่างว่าท่านทั่งหลายเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นทหารอาชีพ ถือว่าผู้บังคับบัญชาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น จะไม่มีปากมีเสียงกับใคร เรื่องก็เลยจบง่าย
              สมัยก่อนพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ ตอนนั้นยังเป็นแค่พันโท พันเอก พลตรี แกไปหาหลวงพ่อประจำ หลวงพ่อเคยเตือนบอกว่า ไอ้เสือเอ็งระวังไว้นะ ถ้าเอ็งเผลอเมื่อไหร่ เอ็งจะโดนเพื่อนหลอกเหมือนเจ้าคุณทรงหลอกพระยาพหล เจ้าคุณทรงก็คือพระยาทรงสุรเดช เจ้าคุณพหลก็คือพระยาพหลพลพยุหเสนานั่นแหละ คุณพิจิตรก็ครับ ๆ ๆ ๆ หลวงพ่อ แล้วก็โดนหลอกจริง ๆ
              ตอนนั้นพอแกขึ้นมาช่วงคุณสัณห์ปฏิวัติ แกขึ้นมาตามอาวุโส แกจะต้องได้ขั้นพลโท ถ้าพลโทนี่ต้องไปเป็นแม่ทัพภาค ปรากฏว่าคุณชวลิตนี่แหละบอกว่า กองพลที่ ๑ รักษาพระองค์นี่มันสำคัญมากให้คุณพิจิตรอยู่ไปก่อน ถ้าหากว่าคุณพิจิตรอยู่กองพลที่ ๑ เสียก่อน ก็เท่ากับว่าคุณชวลิตขึ้นเป็นพลโทแล้ว อาวุโสก่อน เสร็จแล้วพอจะขยับขึ้นพลเอกอีก ก็ขอร้องคุณพิจิตรว่า เออ! ตอนนี้คุณเป็นแม่ทัพภาคอยู่ แม่ทัพภาค ๑ มันสำคัญมากคุณดูแลไปอีกหน่อย คุณชวลิตก็เลยขึ้นพลเอกก่อน พอขึ้นพลเอกก่อน อาศัยที่อาวุโสกว่าก็โดดขึ้น ผบ.ทบ.ไปเลย คุณพิจิตรก็แป๊ก ใครก็ ๆ ก็สงสาร ปรากฏว่าคนทำดีมีคนเห็น พอคุณพิจิตรเกษียณราชการ ในหลวงทรงเรียกไปเป็นองคมนตรี ไปไหนแทนในหลวง คนต้องเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีรับ แต่ว่าหลวงพ่อเตือนเอาไว้นานเหลือเกินแล้ว ท่านเองก็เภททหารมืออาชีพ ผู้บังคับบัญชาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น เขาของร้องให้อยู่ตรงนี้ก่อน เออ! อยู่ก็ได้ ไม่ได้ไปนึกถึงเรื่องอาวุโส โดนเขาหลอกต้ม อาวุโสทั้งพลตรี พลโท ไล่ไม่ทันเขาเพราะเขาโดดขึ้นพลเอกไปแล้ว เรื่องของวงการทหารก็มีเล่นกันในเกมส์อยู่เหมือนกัน
      ถาม :  .................................
      ตอบ :  เรื่องของยันต์เกราะเพชร เราทำอย่างไรก็ทำไม่ได้หรอก ต้องรอพระท่านสงเคราะห์อย่างเดียว ถ้าท่านไม่ได้สั่งเสือกไปทำ โอกาสสำเร็จไม่มีหรอก เพราะฉะนั้นต้องรอ อยากจะสงเคราะห์โยมแม่อยู่แต่ก็ต้องดูด้วย ทุนของเราไม่มีหรอกต้องรอทุนของท่าน งานต่าง ๆ ถ้าคิดเป็นงานของเรานี่มันจะลำบาก วันก่อนสอนพระบอกว่า รู้ไหมว่าที่คุณทำงานแล้วมันลำบากหัวหงอกไปเลย เพราะคุณไปคิดว่าเป็นงานของคุณ ในเมื่อคุณคิดว่าเป็นงานของคุณ ๆ ก็อยากให้มันสำเร็จ มันก็เครียดสิคราวนี้
              แต่ถ้าเป็นของผม ๆ คิดว่าเป็นงานของพระ ถ้าพระท่านให้ทำเมื่อไหร่ผมก็ทำ แต่ผมมีหน้าที่ทำ ท่านมีหน้าที่หาเงินใช่ไหม ? ถ้าหากเงินมาผมทำ เงินไม่มาผมก็นอน สรุปแล้วไม่เคยได้นอนหรอก แต่คราวนี้ของเขาไม่ใช่อย่างนั้น ของเขามักจะไปคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของงาน มันไม่ใช่ ในสังฆมณฑลหรือในพุทธอาณาจักรนี้ต้องพระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ ท่านเป็นเฟืองจักรใหญ่ที่สุด พอท่านขับเคลื่อนไป เราที่เป็นเฟืองเล็กเฟืองน้อยอย่าไปหยุดขัดเอาไว้เสียก็พอ คล้อยตามไปเถอะ ขึ้นมาถึงตรงจุดนี้มันชักจะเห็นชะตากรรมตัวเอง คือตั้งใจว่าพอทำแดนสงบเสร็จก็จะเผ่นกลับเกาะแล้ว เพราะว่างานที่รับปากหลวงพ่อจังหวัดท่านก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างจัดการได้
              ตอนนี้วัดวัดท่าขนุนถึงจะเป็นนอกพรรษา แต่มีพระ ๒๐ กว่ารูป รวมเณรด้วยก็เกือบ ๓๐ รูป ปกติของเขานิมนต์พระ ๘ รูป ก็ไม่พอ ต้องรอในพรรษา ส่วนพรรษาที่ผ่านมาก็ ๔๐ กว่ารูป เณรอีกต่างหาก ถือว่าดีมาก คราวนี้ทุกอย่างก็นับว่าอยู่กับร่องกับรอยหมดแล้ว งานการก่อนสร้างทั้งซ่อมของเก่าก็ทำให้แล้ว สร้างใหม่ก็ทำให้แล้ว โบสถ์ก็เพิ่งจะซ่อมเสร็จ กำลังรอจ่ายเขาอีก ๓๕๐,๐๐๐ บาท นี่งวดสุดท้ายแล้ว คราวนี้กะว่าเผ่นแล้ว ก็ปรากฏว่างานของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ศูนย์แหลมทอง ที่เป็นหัวหน้าศูนย์ เขาจะทำพิธีเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ เขาประชุมกันจะเอาวันที่ ๒๗ เมษายน ก็แปลว่าหลังสงกรานต์แล้วเราหนีไม่ได้ ก็ต้องรอ ๒๗ เมษายน
              คราวนี้อยู่ ๆ เมื่อวันที่ ๓๐ ที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลทองผาภูมิโทรศัพท์มาตอนที่เรานอทีหนึ่งแล้ว เฮ้ย! ป่วยอยู่กูไม่รับงานให้ใครหรอก ปรากฏว่ามารู้อีกที มหาสันติ แหม! ขนาดไล่เตะไปเรียนอยู่วัดปากน้ำแล้วยังมาทำพิษอีก คือมหาสันติมีพี่ชายคือ หมอฉลองแกบอกพี่ชายว่าถ้าจะจัดงานให้เสร็จต้องไปหาอาจารย์เล็ก ที่เขาโทรศัพท์มาเพราะได้เบอร์จากน้องเขา เราก็ไม่รับปาก เขาใช้วิธีอะไรรู้ไหมหมอฉลองกับมหาสันติเขาเป็นญาติกับเจ้าคุณจังหวัด แกก็วิ่งไปหาเจ้าคุณจังหวัด กราบขอนิมนต์เจ้าคุณจังหวัดมางาน แล้วก็บอกกับเจ้าคุณจังหวัดว่า งานนี้อาจารย์เล็กเป็นแม่งานให้ครับ มัดตีนเราเลย ไม่ใช่มัดมือชก แล้วงานของเขากลางเดือนพฤษภาโน่น สรุปว่าก็ต้องอยู่ไปอีกหน่อย แล้วคิดดูสิว่าตอนนี้ถ้าหากว่าอยู่ ๆ จังหวะเรื่องที่เราหนีนักหนีหนาก็คือ ตำแหน่งหน้าที่ต่าง ๆ ของสังฆาธิการเป็นคนไม่ชอบระเบียบ ลูกศิษย์หลวงพ่อทุกคนมีระเบียบ แต่ว่าระเบียบของบรรดาคณะปกครองสงฆ์นี่มันไปเอื้อประโยชน์ในลักษณะที่ไม่ดี เราเองก็ไม่อยากจะที่จะตกไปในวงจรนั้น พยายามหนีเขามาตลอด ขนาดตำแหน่งเจ้าคณะตำบล หนีเขามา ๓ รอบแล้ว ตอนนี้ตำแหน่ง เจ้าอาวาสทองผาภูมิ ก็กำลังจะหล่นใส่อีกแล้ว ว่าจะรีบหนีจะได้ไม่ต้องรับ ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดไหม
      ถาม :  อาจารย์ครับ ไสยดำแก้อย่างไรครับ ?
      ตอบ :  ไสยดำ ถ้าหากว่าเราภาวนาไม่ต้องมากหรอก เอาแค่มากกว่าอุปจารสมาธินิดหนึ่ง หลวงพ่อท่านใช้คำว่าอุปจารฌาน ไม่ต้องถึงปฐมฌานหรอก ถ้าเราทำได้ตั้งแต่อุปจารฌานขึ้นไปป้องกันได้แน่นอน แต่ห้ามเผลอ ถ้าจะเอาป้องกันจริง ๆ ก็ควรจะไปรับยันต์เกราะเพชร เพราะว่าถ้าเรารับยันต์เกราะเพชรอยู่แล้วให้สวดมนต์เป็นการปลุกยันต์อยู่ทุกวัน ใครทำไสยศาสตร์ใส่เรามันจะย้อนกลับเจ้าของเขาหมด หรือไม่ก็หาผ้ายันต์เกราะเพชรมาแล้วตั้งใจสวดอิติปิโส ๓ ห้อง ทุกวัน อธิษฐานขอให้ช่วยคุ้มครองก็ได้
              แต่อย่างที่เรียกว่าเราต้องขยัน คือสวดมนต์เช้า-เย็นได้ยิ่งดี ยันต์เกราะเพชรที่เป่าติดตัวนี่ดีตรงที่ว่าไม่หล่นหาย แต่ถ้าคุณกินเหล้าเมื่อไหร่เสื่อมเลย ขโมยของเขาเมื่อไหร่เสื่อมเลย ส่วนผ้ายันต์อาจจะหล่นหายได้ แต่คุณกินเหล้าไม่เสื่อม เลิกกินแล้วอาราธนาผ้ายันต์ใหม่ได้ ไสยศาสตร์จริง ๆ ไม่น่ากลัว กำลังใจเขาคิดเบียดเบียนคนอื่นมันไม่มีตัวอุเบกขา มันก็เลยเข้าไม่ถึงที่สุดของอารมณ์จริง ๆ แต่ว่ามันน่ากลัว เพราะว่าถึงขนาดเข้าไม่ถึงที่สุดนี่เขายังทำได้สารพัดเลย
      ถาม :  ........................................
      ตอบ :  ต้องทำตามนั้นเลยจ้ะ ข้อธรรมต่าง ๆ ที่ได้จากนิมิตกรรมฐาน เป็นเรื่องของเทวดาสงเคราะห์ มันจะเหมาะกับอารมณ์ใจของเราพอดี มีบางคนเล่นวิธีง่าย ๆ พอไปไหนไม่รอดก็เอาหนังสือหลวงพ่อขึ้นบูชา จุดธูปเทียนบอกกล่าวเสร็จเรียบร้อย เปิดเจอทุกทีแหละ เจอตรงที่ตัวเองติดพอดี
      ถาม :  สมเด็จโตเป็นพระโพธิสัตว์หรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  เป็นพระสงฆ์ สไตล์หลวงพ่อโตวัดระฆัง ถ้าหากว่าไม่ใช่พระโพธิสัตว์ปฏิสัมภิทาญาณท่านก็เป็นพระอรหันต์ไปเลย พระโพธิสัตว์นี่กำลังท่านสูง อารมณ์ใจของท่านเทียบเท่าพระอริยเจ้าได้ ความเป็นปฏิสัมภิทาญาณเกิดได้ ถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไปต่ำสุดต้องเป็นพระอนาคามี กำลังของปฏิสัมภิทาญาณถึงจะเกิดเพราะว่าปฏิสัมภิทาญาณ คุมทั้งอภิญญา ๖ วิชาสาม สุกขวิปัสสโกหมดกำลังสูงมาก ถ้าหากว่าไม่ได้ถึงระดับอนาคามีที่ละโลภละโกรธได้เต็มที่แล้วล่ะก็ มีสิทธิ์เล่นเอากฎของกรรมปั่นป่วนแน่เลย
              ธรรมวิจารณ์ที่ยากมีจุดหนึ่งที่เขาเรียกว่า วิสุทธิ ๗ คือ ความบริสุทธิ์ ๗ ประการ ที่ไล่ขึ้นมาจนกระทั่งถึงญาณทัสสนาวิสุทธิ อันนั้นแหละยุ่ง ๆ หน่อย แล้วก็จะมีไวพจน์ของวิราคะ ไวพจน์คือคำที่ใช้แทนกันได้ ไวพจน์ของวิราคะ คำว่า วิราคะ แปลว่า สิ้นแล้วของราคะ จะมี มทนิมฺมทโน-ย่ำยีเสียซึ่งความเมา ก็หมายความว่าความเมาต่าง ๆ มันขาดไปแล้ว วฏฺฏูปจฺเฉโท-ตัดขาดซึ่งวัฏฏะ ไม่ต้องเกิดอีกแล้วสิ้นราคะก็ไม่ต้องเกิดแล้ว อาลายสมุคฺฆาโต-ไม่มีความอาลัย ตณฺหกฺขโย-ถอนเสียซึ่งตัณหา นิโรโธ-เข้าถึงความดับ นิพฺพานํ-หาความเสียดแทงไม่ได้ ใช้แทนกันได้หมด คราวนี้ของเราก็ต้องมานั่งจำ ไม่อย่างงั้นถึงเวลาออกตามแบบล่ะตายเลย คือถ้าหากว่าเราจำได้แปลได้จะง่าย ให้รู้ว่าใช้แทนคำว่า วิราคะ คือสิ้นราคะเหมือน ๆ กัน
              อย่างคำว่า นิพฺพานํ ใช้แทนได้ นิพพาน ถ้าหากว่าแปลตามตัวหนังสือจริง ๆ เขาแปลว่า ไม่มีความเสียดแทง อ่านเที่ยวแรกไม่เข้าใจก็อ่านเที่ยวที่สอง เที่ยวที่สองไม่เข้าใจก็อ่านเที่ยวที่สาม สี่ เดี๋ยวก็เข้าใจเองนั่นแหละ จริง ๆ แล้วหนังสือนี่มันกลัวคนขยัน
      ถาม :  ตอนแรกได้ข้อธรรมมาแค่คำว่า “รูป” กับ “นาม” ท่านก็บอกว่าให้ไปเปิดอ่านในตำรานักธรรมเอก หรือนักธรรมโท ให้ไปศึกษาเอาเองก็พอได้บ้าง ก็ใช้เวลานิดหนึ่งค่ะ
      ตอบ :  ไม่เป็นไรหรอก พระเขาสอบตกคนละหลาย ๆ ปี หลวงปู่มหาอำพัน ท่านเป็นมหาเปรียญ ๖ แล้ว ท่านสอบนักธรรมเอกตกอยู่ ๑๒ ปี เพราะว่าถ้าสอบนักธรรมตรีได้เขาให้สิทธิ์เรียนถึงเปรียญ ๓ เขาเรียกว่าเปรียญตรี ๑,๒,๓ เปรียญตรีถ้าสอบได้นักธรรมโทให้สิทธิ์เรียนถึงเปรียญ ๖ เปรียญ ๔,๕,๖ เรียกเปรียญโท ต้องสอบนักธรรมเอกเขาถึงจะให้สิทธิ์เรียน ๗,๘,๙ ที่เป็นเปรียญเอก หลวงปู่ท่านตกแล้วตกอีก ท่านบอกด้วยตัวท่านเอง คือตอนนั้นไม่สบายก็เลยใช้คาถาสหัสสเนตโตช่วย เพราะไม่ได้อ่านหนังสือ ก็ไปสอบนักธรรมเอก ใช้เวลาทำประมาณวิชาละ ๒๐ นาทีเท่านั้น แล้วก็ไปสอบ ได้ที่ ๑ ก็ไปกราบเรียนหลวงปู่ และหลวงปู่ว่า เออ! คุณเก่งนะ ผมเองสอบตกอยู่ ๑๒ ปีเต็ม ๆ ท่านบอกเองเลย จนกระทั่งพระลูกพระหลานถามว่า หลวงปู่จะเรียนไปทำไม ? ท่านตอบว่าเรียนเอาบุญ ถือว่าการศึกษาเป็นเรืองที่เราไม่รู้ก็จะได้รู้ เรื่องที่รู้แล้วก็จะแตกฉานยิ่งขึ้น มันเป็นตำราที่เป็นธรรมะทั้งนั้น ท่านเลยใช้คำว่าเรียนเอาบุญ และพระลูกพระหลาน แหม! ตัวเองสอบตกก็หมดกำลังใจแล้ว หลวงปู่สอบตกมา ๑๒ ปี ยังจะเอาให้ได้ เขาไม่รู้ว่ากำลังใจของพระดีเป็นอย่างไร พระดี กำลังใจดี เรื่องแบบนี้ท่านไม่ถอยหรอก