ถาม :  หลวงพี่ครับ..ในเมื่อหลวงพ่อเป็นคนสั่งทำไมต้องมีใครมาห้ามนู่น ห้ามนี่ด้วยล่ะครับ?

      ตอบ :  อ้าว.. ตำแหน่งท่านใหญ่กว่านี่ ท่านเห็นว่าสมควรท่านก็ห้าม หลังจากที่หลวงพ่อท่านครอบครูให้แป๊บเดียวท่านก็มรณภาพ ถ้างานนั้นอาตมาไม่ดิ้นรนก็เป็นอันว่าอดรับประทานทั้่งหมดนั่นแหละ ก็เป็นอันว่า..การเป่ายันต์เกราะเพชรอาตมารับรองได้ว่าจะไม่ขาดสูญลงไป เพราะว่ายังมีพระที่รับช่วงไปได้ถึง ๙ องค์ด้วยกัน แต่ว่า ๙ องค์นี้ ขณะนี้อยู่วัดไม่น่าจะเกิน ๔ องค์ สึกไปบ้าง เท่าที่ทราบแน่ ๆ สึกไป ๒ องค์ ก็คือ หลวงพี่บัญชา กับท่านน้อย ท่านน้อยนี่บวชพรรษาเดียวกับอาตมาบวชพร้อมกัน ๒ องค์ ที่ออกจากวัดมาก็มีตัวอาตมาเอง มีหลวงพี่ปลัดวิรัช โอภาโส มีหลวงตาวัชรชัย ปัจจุบันคือพระครูภาวนาพิลาศ วัดเขาวง แล้วก็ท่านชาติชายที่ออกมา ที่เหลือก็เหลืออยู่วัดนิดเดียวล่ะ ก็กล้ายืนยันว่า การเป่ายันต์เกราะเพชรจะไม่ขาดสายลงถ้าหากว่าวาระและเวลาสมควรเมื่อไหร่ อาตมาถ้าได้รับคำสั่งมาจะประกาศบอกญาติโยมอย่างเป็นทางการ นะ..

            สมัยที่สิ้นหลวงพ่อลงใหม่ ๆ มีการประชุมสงฆ์กัน ทางกรรมการสงฆ์ลงความเห็นว่า ห้ามเป่ายันต์เกราะเพชรเด็ดขาด ยกเว้น ใครจะได้วิชชาสามหรือสมาบัติแปดขึ้นไป อาตมาเองเป็นคนชอบทะลุกลางปล้อง บอกว่าวิชชาสามผมไม่รู้เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้ทำนายให้ผม แต่สมาบัติแปดผมว่าหมูฉิบหายเลย แน่ะ คนปากเสีย ชอบอวดเก่ง ก็..ไปงัดข้อเขาอยู่เรื่อย ๆ ก็เลยออกมานอนอยู่ข้างนอกนี่สบายใจดี

            คราวนี้เรื่องการพุทธาภิเษกจำไว้ให้แม่น ๆ ว่า ไม่ใช่อาตมาทำหลวงพ่อท่านก็บอกว่าหลวงพ่อไม่ได้ทำ หลวงปู่ปานท่านก็บอกหลวงปู่ปานไม่ได้ทำ เมื่อถึงวาระถึงเวลา อาราธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดาให้ท่านสงเคราะห์แทน เพราะฉะนั้นวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ได้ทำไปที่เกิดอานุภาพขึ้นมาจนกระทั่งพวกเราอยากได้กันมาก ๆ นั้นเกิดจากบารมีพระท่านสงเคราะห์ อาตมาเองนั่งเฉย ๆ นั่งจนกว่าท่านจะบอกว่าพอ ตัวอย่างที่ผ่านมาก็ครั้งแรกที่ทำ ไม่ได้เจตนาจะทำ หลวงปู่ปานท่านบอก..ไอ้หนู ทำล็อคเก็ตรูปข้าสักห้าพันสิลูก บอก ไม่ค่อยมีตังค์ครับหลวงปู่ ท่านบอก ไม่เป็นไรข้าหาเงินให้เอง แล้วก็กราบเรียนท่านบอกว่า ถึงอย่างนั้นก็ดีผมพุทธาภิเษกไม่เป็น ท่านบอก ไม่เป็นไรตั้งเครื่องบวงสรวงไว้เดี๋ยวข้าทำเอง สบายดีมั๊ยแหม.. แทบโดดกอดเลยนะ รับปากมานี่สบายมาก คราวนี้..วันนั้นเป็นวันเสาร์ห้าทางวัดจัดฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง บ่ายสามโมงอาตมายังช่วยงานอยู่ที่วัดเลย ช่วยจัดฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังช่วยสงเคราะห์ญาติโยมให้

            คราวนี้..หลวงปู่ท่านนัดเวลา ๑ ทุ่มตรง พอบ่ายสามเศษ ๆ อาตมาก็ซิ่งจากวัดตรงมา มาถึงที่นี่ (บ้านอนุสาวรีย์) ๖ โมง ๔๐ นาที สบายใจมาทัน ๑ ทุ่ม โผล่พรวดเข้ามาปรากฏว่าของทุกอย่างวางอยู่ทิศใครทิศมัน ไม่มีใครจัดกลัวผิด เครื่องบวงสรวงนี่เขาจะมีสีประจำทิศของเขาอยู่ จะมีทิศทางที่เฉพาะ ระบุเอาไว้ชัดเลยถ้าหากว่าผิดโดยเฉพาะไก่ ถ้าหากว่าไก่ผิดเทศไม่อยู่ทิศเหนือนี่เป็นเรื่องแน่ ๆ ท้าวเวสสุวรรณท่านไม่ยอม ก็เลยไม่มีใครกล้าจัด อาตมาก็ต้องวิ่งเหงื่อหยดจัดตั้งจนกระทั่งมันเข้าที่เสร็จเรียบร้อยดูนาฬิกา ๑ ทุ่ม ๑๐ นาทีจ๊ะ เลยเวลาไป ๑๐ นาที ..

            ตั้งใจจุดธูปเทียนบูชาพระน้อมจิตกราบพระปุ๊บหลวงปู่ปานท่านบอก เสร็จนานแล้วลูก ไปไหว้พระเถอะ ..ไม่รู้แอบทำให้ตอนไหน สบายดีมั๊ย ท่านบอกให้ไปไหว้พระเถอะ บอกเสร็จแล้วผมก็เลิกได้นะครับ ท่านบอกว่านั่งต่อไปเดี๋ยวคนเขาไม่เชื่อ ง่ายดีมั๊ย วัตถุมงคลรุ่นนั้นเป็นล๊อคเก็ตเล็ก ๆ จ๊ะ ด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงปู่ปาน ด้านหนึ่งเป็นรูปหลวงพ่อ จะเป็นสีออกฟ้า ๆ หน่อยนึง ทางด้านสมุทรปราการ สมุทรสาคร เขาจะดังมาดังเพราะว่าลุงปาน นายปาน เมืองมูล นั่น..ลูกศิษย์ก้นกุฏิของท่านชาติชายเขา เจอหน้ากันทีไร แหม..อาจารย์ มาก็ไม่บอก ไอ้ที่ไม่บอกของเขาน่ะ ..ไม่บอกหวย ลุงปานแกชอบหวยจริง ๆ ตอนที่อาตมาอยู่ที่บึงลับแลประมาณ ๒ เดือนเศษ

            ลุงปานแกแบกข้าวแบกของเข้าไปอยู่เสมอไปสงเคราะห์ ก็เลยช่วยด้วยการว่าเขียนอะไรทิ้ง ๆ เอาไว้ข้างกองไฟให้ลุงเขาอยู่ แต่ลุงเขาโลภมาก เล่นหนัก ๆ ไอ้ตัวไหนเล่นน้อยก็ถูกตัวนั้นน่ะ แล้วก็ไปนั่งสั่นหัวว่า แหม..จะล้มเจ้ามือซะหน่อยล้มไม่สำเร็จ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องบุญเก่าที่เราทำมา ถ้าหากว่าไม่ได้ทำเอาไว้หรือว่าทำเอาไว้น้อยแล้วต้องการมากรับรองว่าไม่ได้เสียเงินเปล่า ใครเคยเล่นหวยแล้วได้ต่อไปอย่าเล่นมากกว่านั้น ถ้าเล่นมากกว่านั้นคือเกินบุญเก่ามันจะไม่ได้ ลุงปานเขาก็ขอเหรียญ บอกว่าจะเอาไปให้ลูก มีลูกอยู่ ๔-๕ คน คนละแม่หมด ลุงปานแกมีเมียทีละคน รวม ๆ จนถึงปัจจุบันนี้มี ๙ คนแล้ว

            คือแกเป็นที่ชอบเดินป่าไม่ค่อยจะกลับบ้าน เมียเบื่อขี้หน้าเมื่อไหร่ก็หนี ถ้าหนีแกก็หาใหม่ เพราะฉะนั้นลูกลุงปาน ๔-๕ คนทั้งผู้หญิงผู้ชายคนละแม่หมดเลย ลุงปานก็ขอเหรียญบอกว่าจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ติดตัวกันอันตราย ก็เอาล็อคเก็ตรุ่นนั้นให้ไป พอให้ไป..ลูกสาวทำงานในโรงงานทอผ้าที่อ้อมน้อย ไอ้รถรับพนักงานมันไปชนกับสิบล้อ ลูกสาวถูกหมกอยู่ใต้เลยเพราะมันชนน่ะแรงมาก แล้วตัวเองอยู่หน้า ๆ ก็กระเด็นไปติดทางด้านหน้าปุ๊บไอ้เพื่อนข้างหลังกระเด็นมาทับ ๆๆๆ กันขึ้นไป บาดเจ็บบ้าง ตายบ้าง แข้งขาหักบ้าง เขาคุ้ยไปคุ้ยมาเจอลูกสาวลุงปานนอนยิ้มอยู่ก้นนู่น ไม่เป็นอะไรเลย ทั้งเนื้อทั้งตัว ถามว่าเจ็บมั๊ยก็ไม่เจ็บ พอค้นดูทั้งเนื้อทั้งตัวมีล็อคเก็ตอันนั้นอยู่อันเดียว

            เพราะฉะนั้นตอนนั้นถ้าใครพกล็อคเก็ตรุ่นนั้นไปโดนปล้นแน่ นี่คือเรื่องของบารมีพระท่านสงเคราะห์ แล้วบางรายอย่างเช่นที่ได้ทำพระหลวงปู่ปานย้อนยุคไป ตอนแรกอาตมาก็คิดว่าพระที่ทำไปคงไม่ได้อย่างที่หลวงปู่ท่านทำเพราะว่าสามารถที่จะถอนพิษสัตว์ได้ ถ้าหากว่าโดนงู โดนพิษสัตว์กัดต่อย ให้เอาพระแช่น้ำตั้งใจอารธนาบารมีท่านสงเคราะห์ แล้วก็แปะหันศรีษะพระขึ้นด้านบน พระจะดูดติดกับแผลเพื่อที่จะดูดพิษออกมา ปรากฏว่ามีคนเอาไปใช้แล้วได้ผลจริง ๆ เป็นไปตามนั้นจริง ๆ อาตมาก็ดีใจว่าท่านสงเคราะห์ให้เหมือนอย่างที่สมัยหลวงปู่ปานท่านทำเหมือนกัน

            บางรายเมื่อไม่นานนี้เองล่ะ ไอ้เจ้าเอ้ ลูกศิษย์ตัวแสบของอาตมาเอง ไปถึงก็..อาจารย์ครับผมอยากได้ตะกรุดเม ไอ้ตะกรุดเมนี่พวกเรารู้จักกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ภาษาที่หลวงพ่อท่านใช้เรียกตะกรุดมหาสะท้อน ใครทำอะไรมาไม่ว่าจะดีจะเลวมันย้อนกลับไปเป็นร้อยเท่าพันทวีเลย ท่านบอกว่าให้ใช้แผ่นเงินแผ่นนากหรือว่าแผ่นทองหนัก ๑ บาทมาทำ โดยเฉพาะพวกไสยศาสตร์ใครทำมา มันจะย้อนกลับหมด ไอ้เจ้านั่นได้ยินก็อยากได้มันไปแคะแผ่นเงินมาจากไหนก็ไม่รู้บานเลยกว่าจะเขียนเสร็จเจ็บนิ้วเป็นบ้า ปรากฏว่ามันได้ไปยังไม่ทันจะโดนอะไรหรอก ฟ้าผ่า ก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ได้ยินแต่เสียงฟ้าผ่าแต่เพื่อนเห็นว่าสายฟ้ามันฟาดลงมาแล้วมันแยกออกเป็น ๒ ซีก ไอ้ตัวมันเองมันไม่เป็นไรหรอกไอ้เพื่อนอยู่ตั้งไกล โน่นไฟดูดซะกระโดดเหยงเลย แล้วเขาก็มาถามว่า อาจารย์ครับมันกันได้ด้วยหรือ บอกว่า เอ็งรอดตายมาหรือเปล่าล่ะ ถ้ามันกันไม่ได้ มันก็ไม่น่าจะรอดตายใช่มั๊ย แต่ว่าตะกรุดมหาสะท้อนนี่อันตรายมาก

            คือห้ามให้เด็ก แล้วก็ห้ามเข้าในสถานที่ ๆ ผู้หญิงหรือว่าสัตว์กำลังจะคลอด มันจะคลอดไม่ออกเพราะมันย้อนอย่างเดียว เมื่อวานนี้ผู้พันจรรย์นพโทรมาบอกว่าเมียคลอดเรียบร้อยแล้ว เจ็บท้องอยู่ข้ามวันเลย สงสัยว่าทำไมคลอดยากผิดปกติ อนุญาตให้หมอผ่าเสร็จเรียบร้อยแล้วเพิ่งรู้ว่าเมียพกตะกรุดอยู่ สั่งห้ามไปนานแล้ว เขาสารภาพว่า หลวงพ่อ..หนูลืมไปจริง ๆ เจ้าค่ะ ไอ้ผ่าออกไม่เป็นไร แต่คลอดธรรมชาติมันไม่ได้

            ส่วนที่อาตมาเพิ่งจะกลับมาจากฝั่งพม่าบรรดาทหารเขาขอวัตถุมงคลไว้บานเลย มันมีประสบการณ์เนื่องจากครูบาน้อย พระน้องชายองค์นี้ท่านเก่งมาก อยู่ทางด้านโน้นนี่พวกทหารอะไรมักจะมาขึ้นด้วย คราวนี้ท่านมาร่วมพิธีเสาร์ห้าที่นี่ก็นำวัตถุมงคลไปแจก ๆ เขา เขารับไปปรากฏว่ากลุ่มนั้นเป็นกลุ่มกะเหรี่ยงพุทธ กลุ่ม DKBA เป็นกลุ่มที่มาเข้ากับรัฐบาลพม่าเพราะว่าตอนนั้นกะเหรี่ยงคริสต์รังแกหนักมาก จะทำกิจกรรมทางศาสนาอะไรมันขวางหมด มันไม่ให้ทำแต่ตัวมันเองทำได้ คงเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า..ว่างั้น ก็เลยมาเข้ากับรัฐบาล เวลาฝ่ายหนึ่งเข้ากับรัฐบาลอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าก็เลยรบกันเอง

            คราวนี้ทางกะเหรี่ยงพุทธนี่จับเชลยศึกได้ ๑ คน ก็คือฝ่ายกะเหรี่ยงคริสต์นั่นแหละ ก็ลงมติว่าประหาร ไอ้เจ้านั่นไหน ๆ จะตายแล้วก็เลยสู้ พอมันเห็นเขาเผลอปุ๊บมันแย่งปืนเขาได้กระบอกแล้วเปิดแน่บ ทางด้านนี้ ๔-๕ คนก็ตามล่า ไอ้คุณหมู่หม่องเอหัวหน้าทีมตามไป ปรากฏว่ามันหนีไปซ่อนในขุมเหมืองไอ้ที่เขาขุด ๆ ทิ้งร้างแล้วมีต้นไม้ขึ้นน่ะ ทางด้านนี้ก็เดินเซ่อ ๆ ซ่า ๆ เข้าไปเพราะไม่รู้ไอ้พื้นดินเรียบ ๆ มันอยู่ ๆ มันจะมีหลุมเบ้อเร่ออยู่ ไอ้เจ้านั่นซ่อนอยู่ข้างในก็ยิงเอา ๆ ยิงเท่าไหร่ยิงไม่ออกจนกระทั่งฝ่ายนี้ได้ยินเสียงนกปืนสับก็เลยไปช่วยกันรัวซะพรุนไปเลย แล้วพอไปตรวจปืนมันดู..หนาวจ๊ะ กระสุนทุกนัดมีรอยสับหมดแล้วแต่ยิงไม่ออก

            คุณหม่องเอเขาบอกงานนั้นถ้ายิงออกพวกผมตายหลายศพแล้ว นั่นแหละ เขาก็เลยเดือดร้อนว่าครูบาน้อยเขาบอกว่าเป็นวัตถุมงคลที่เอามาจากที่นี่ อาตมาไปถึงก็เลยต้องติดหนี้พวกมันบานเลย มาขอเอาไว้ เดี๋ยวกลับไปต้องเอาไปให้ ไป ๆ มา ๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นผู้นำกะเหรี่ยงไปซะอีก แต่พวกเขานี่รู้สึกว่าจะเข้าถึงธรรมสูงมากโดยเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติ ชนิดที่เรียกว่าจิตเขาละเอียดมาก พอจะเข้าเขตวัดนี่ถอดรองเท้าทิ้งเดินเท้าเปล่าเข้าไป เขาเคารพขนาดนั้นน่ะ ไอ้ของเรายืนอยู่ถนนฝุ่นหนาเป็นคืบมันก็กราบลงทั้งฝุ่นอย่างนั้นน่ะ ดู ๆ แล้วมันน่ายืดได้นะ ไปร่วมงานปีใหม่กะเหรี่ยงเขามา ตัวแม่ทัพของเขาก็ให้ความเคารพครูบาน้อยท่านมากเหมือนกัน ไอ้วันกลับ นายทหารระดับบิ๊ก ๆ เขาก็มาส่งกัน ไอ้รถเมล์ป่านนี้มันคงยังไม่หายมึนน่ะ อยู่ ๆ นายทหารระดับบิ๊กเขาก็ชักแถวมาส่งพระเด็ก ๆ ๒ องค์ อือม์ เป็นไปได้เหมือนกันนะ

            คราวนี้อาตมาก็กล้ายืนยันว่าเรื่องของวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ทำไม่ใช่อาตมาทำเอง เป็นเรื่องของพระ เรื่องของครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ ในเมื่อท่านสงเคราะห์ก็อย่าได้ประมาทเพราะเราไม่ได้ทำบุญมาสม่ำเสมอ มันมีวาระ มีเวลา ที่บุญของเรามันขาดช่วงลง ถ้าถึงวาระ ถึงเวลา อุปฆาตกรรมมันเข้ามาของดีแค่ไหนก็คุ้มไม่ได้ สมัยหลวงพ่อท่านยังไม่ได้บวช ท่านถูกยืมตัวจากกองทัพเรือไปช่วยทางตำรวจอยู่พักหนึ่ง มีไอ้เสืออยู่คนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเหนียวมาก ยิงอย่างไรก็ยิงไม่ออก ปรากฏว่าวันนั้นโดนยิงตาย หลวงพ่อท่านได้ข่าวท่านก็แปลกใจมากท่านก็รีบไปดู ไปถึงก็ถามว่าทำไมมันถึงยิงตายได้ ปรากฏว่านายตำรวจที่เป็นมือปราบเจ้าเสือคนนั้นบอกว่าคุณลองลากศพมันออกจากที่ซักศอกนึงแล้วลองยิงดูใหม่ แค่ลากศพมันพ้นพื้นตรงนั้นศอกเดียวยิงเท่าไหร่ก็ยิงไม่ออก ท่านบอกว่า ที่ตายมันอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่ได้ตรงนั้นก็ทำอะไรมันไม่ได้

            เพราะฉะนั้น ทั้งวาระ เวลา สถานที่ ทุกอย่างมาบรรจบกันต่อให้เป็นพระองค์เองก็ตายเหมือนกัน อย่าลืม อย่างเช่นท่านมหากาลนะ เป็นพระโสดาบันก็ตาย ลงไปล้างหน้า โจรมันไปปล้นเขาแล้วมันหนีมา มันเห็นพระท่าน เห็นชาวบ้าน มันหนีไม่รอด ตอนเช้ามืดนี่ ท่านมหากาล ท่านไปรักษาศีลอุโบสถของท่านที่วัด เช้ามืดก็ลงมาล้างหน้า เออ...กะว่าลาศีลเสร็จก็กลับบ้านล่ะ ปรากฏว่าลงไปล้างหน้า โจรมันหนีชาวบ้านมาเห็นท่าว่าจะหนีไม่พ้นมันก็ทิ้งของไว้แล้วมันก็เผ่นตัวเปล่าไป ชาวบ้านวิ่งมาถึงเห็นของอยู่ข้าง ๆ จำหน้าโจรไม่ได้เพราะว่ามันมืด ๆ เขาก็ไล่ทุบเอาตายเลย นั่นพระโสดาบันนะ ส่วนต้นตำรับของผู้มีฤทธิ์ คือ พระโมคคัลลาน์ ก็โดนทุบซะกระดูกป่นเป็นเม็ดข้าวสารเลย ขนาดนั้นถ้าวาระของกรรมเข้ามายังไม่สามารถหนีพ้นได้

            พวกเราก็ไม่ควรประมาท โดยเฉพาะธรรมะทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์พระพุทธเจ้าท่านสรุปลงตรง “ไม่ประมาท” ตัวเดียวเท่านั้น ท่านบอกว่าความไม่ประมาทถ้าเปรียบกับรอยเท้าสัตว์ก็เป็นรอยเท้าช้าง..ใหญ่ที่สุด รอยเท้าของสัตว์ทั้งป่าเหยียบลงไปแล้วก็ไม่ใหญ่เกินนั้น ก่อนที่จะปรินิพพานท่านก็สั่งเอาไว้ว่า อามันตยาภิโว ภิกขเว ปฏิเวทะ ยาภิโว ภิกขเว วยะธัมมาสังขาราอับปมาเทนะสัมปาเทถะ บอกว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขอเธอจงยังประโยชน์ของตนและประโยชน์ผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด เทศน์มา ๔๕ ปี เหลืออยู่แค่นั้น พวกเราก็ประมาทไม่ได้ตัวของเราเองไม่ทราบว่ามันจะสิ้นชีวิตลงไปเมื่อไหร่ ชีวิตของเราอยู่ได้ด้วยลมหายใจเท่านั้น หายใจเข้าถ้าไม่หายใจออกมันก็ตายแล้ว หายใจออกถ้าไม่หายใจเข้ามันก็ตายแล้ว

           ต้องรู้ตัวไม่ประมาทอยู่เสมอ ถ้าหากว่าเราประมาทตายไปลงสู่อบายภูมิ เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็เสียทีที่เกิดมา ถือว่าขาดทุนยับเยิน ถ้าเราไม่ประมาทอย่างน้อย ๆ ขึ้นไปเป็นเทวดาได้ ก็เป็นอันว่ายังได้กำไรอยู่ ถ้าสามารถเป็นพรหมหรือไปนิพพานเลยก็ยิ่งได้กำไรมากเข้าไปใหญ่

            ปัจจุบันนี้พวกเราทุกคนซึ่งส่วนใหญ่แล้วเคยได้พบหลวงพ่อมาในสมัยโน้น ที่ไม่เคยได้พบได้ยินแต่ชื่อเสียงเกียรติคุณของท่านแล้วเลื่อมใสปฏิบ้ัติตามคำสอนที่ได้รับจากหนังสือก็ดี จากเทปก็ดี ก็มีเป็นจำนวนมาก แต่ว่า อาตมาดู ๆ แล้วทุกคนตั้งอยู่ในความประมาทมากเกินไป เหมือยังกับว่าเราจะไม่ตาย การทำความดีของเราต้องทำให้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะต่อเนื่องตามกันทุกลมหายใจเข้าออกยิ่งดี ถ้าเราไปประมาททำบ้างทิ้งบ้างเหมือนกับคนมีเวลามาก ถ้ามันตายเสียตอนนั้นถึงไม่ขาดทุนมันก็จะได้น้อยเกินไป ไม่ถึงจุดหมายที่เราหวัง

            เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนตั้งใจทำให้ดี พวกเราทุกคนปวารณาตนเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ไปไหนก็บอกด้วยความภูมิใจว่าผมหรือดิฉันเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง เป็นศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เราไปไหนก็ตามอย่าให้เสียชื่อพ่อของเรา อย่าให้เสียชื่อสำนักของเรา เป็นนักปฏิบัติต้องปฏิบัติให้จริง ๆ รักษาอารมณ์ของเราให้อยู่ในด้านดีให้ตลอด อาตมาระหว่างที่อยู่พม่าโดนทดสอบกำลังใจอยู่ตลอด นั่งยิ้มกับมัน เพราะมีสติรู้อยู่ว่า ข้อสอบนั้นมาถึงเราได้ทุกเวลา เราจะประมาทไม่ได้ มีทางเดียวคือต้องทำใจยอมรับมัน ก็นั่งแบบใจเย็นเลยล่ะ รถมันวิ่งไปได้ ๒๒ ไมล์เท่านั้น เป็นบ้านเราก็จับหักคอมันไปแล้ว รถวิ่งวันหนึ่งได้ ๒๒ ไมล์คบได้มั๊ยล่ะ มันได้แค่นั้นจริง ๆ ถนนดี ๆ ด้วย

           อาตมานั่งยิ้ม..สังหรณ์ใจตั้งแต่แรกแล้วมันเอาเราแน่ ตั้งท่ารับไว้แล้วก็เลยใจเย้น..เย็น นั่งมองหน้าพระอย่างเดียว ต้องเตรียมตัวรับอยู่เสมอข้อสอบมาอยู่ทุกเวลา รัก โลภ โกรธ หลง ๔ ตัว เท่านั้นแต่ข้อสอบมาเป็นหมื่นเป็นแสนข้อไม่ซ้ำกัน ประมาทเมื่อไหร่มันสอยเราร่วง ถ้าหากว่าเราร่วงลงไปแล้วส่วนใหญ่พื้นฐานเราไม่มี ในเมื่อพื้นฐานไม่มีมันก็จะล้มนาน แบบที่เรียกว่าจิตตก หรือกำลังใจตก หรือว่าสมาธิตก คราวนี้ถ้าหากว่าพวกเราประมาทไม่ได้ทำความดีต่อเนื่องถึงเวลากำลังใจตกมันก็จะตกนานแล้วมันก็จะคืนยาก ถ้าเราปล่อยตัวปล่อยใจให้ตามกระแสโลกไปให้สังเกตดู กว่าจะตีคืนมาได้นี่ลำบากยากแค้นแสนสาหัส เหมือนกับคนว่ายทวนน้ำอยู่ เมื่อว่ายทวนน้ำไประยะหนึ่งหมดแรงปล่อยลอยตามน้ำไป เมื่อปล่อยลอยตามน้ำไปถ้าหากว่าเราพยายามว่ายน้ำใหม่ มันอย่างดีก็มาแค่เดิม มันได้แต่งานไม่ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นเลย

           เหมือนกับกำลังใจของเรา กำลังใจของเราถ้าทำไปถึงระดับนั้นแล้วไม่พยายามที่จะต้องให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามันถอยหลังลงมาเราทำอีกมันก็ได้อย่างดีแค่เดิม แล้วถ้าหากว่ารามือหมดแรงเมื่อไหร่มันก็จะลอยตามน้ำไปอีก คือลอยตามโลกตามกระแสกิเลสต่อไป ดังนั้นพวกเราจะประมาทไม่ได้ ถ้าหากว่าเราประมาทก็เป็นหนทางแห่งความตายพระพุทธเจ้าท่านบอกชัด ปะมาโทมัจจุโนปะทัง ความประมาทเป็นหนทางของความตาย อะปะมาโท อะมะตังปะทัง ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตายนะ โดยเฉพาะความตายจากธรรมะเป็นความตายที่เจ็บปวดมาก เพราะว่าขาดทุนย่อยยับเลย เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ต้นทุนของเรามีแล้ว คือศีลห้า แต่ว่าถ้าประมาทลงไปกลายเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ขาดทุนยับเยินถึงขนาดล้มละลายเลย

            ดังนั้นในการปฏิบัติแล้วเราจะประมาทไม่ได้ คนประมาทตายแล้วไม่จบเพราะไม่ได้ไปนิพพานถ้าคนทั่ว ๆ ไปตายแล้วจบ ตายแล้วไปพระนิพพาน คนทั่ว ๆ ไป ในที่นี้หมายถึงผู้ที่ไม่ประมาทตั้งใจปฏิบัติอยู่ในทาน ศีล ภาวนา เป็นปกตินะ