ถาม :  แล้วอย่างเดวิด คอปเปอร์ฟิล ที่ตัดตัวเองขาเดินไปก่อนแล้วตัวตาม...สุดยอด !
      ตอบ :  นั่นมันตัดอีกกี่ท่อนมันก็เดินได้ ของเขานั้นมันไม่ใช่เล่นกลนะ อันนั้นของจริง แต่ว่าคนทั่ว ๆ ไปคิดว่าเป็นการเล่นกล เล่นกลมันต้องอาศัยแสง สี เหลี่ยม มุม อะไรต่าง ๆ แล้วก็ระยะเวลาเพื่อที่จะยังตาให้คนเห็นตามที่เขาต้องการ แต่อันนั้นของเขาจะให้เห็นอย่างไรเมื่อไหร่ก็ได้
      ถาม :  เขาทำได้ยังไงคะ ?
      ตอบ :  นั่นน่ะอภิญญา เขาบอกว่าเขาฝึกกับพระมา เพราะฉะนั้นฝรั่งที่ได้อภิญญาชัดที่สุดก็ต้องคอปเปอร์ฟิลนั่นแหละ
      ถาม :  เราจะทำได้อย่างนั้นไหมคะ ?
      ตอบ :  ได้จ้ะ ถ้าทำกสิณ ๑๐ ได้เก่งกว่าเขาอีก
      ถาม :  เขาได้กองไหนครับถึงได้เก่งขนาดนี้ ?
      ตอบ :  อันนั้นต้องถามเขาเองจ้ะ
      ถาม :  ความจริงถ้าได้ก็เปิดแสดง (หัวเราะ)
      ตอบ :  เล่นได้เลย คนเขาก็จะคิดว่าเป็นเล่นกลเหมือนกันใช่มั้ย ? อย่างเช่นว่าใช้นีลกสิณอย่างนี้ พอถึงเวลาก็เอาผ้าคลุมจัมโบ้เจ็ทเอาไว้สักลำหนึ่ง อธิษฐานนีลกสิณว่าให้มันมืดมองไม่เห็นแล้วก็ดึงผ้าออก มันก็หายไปแล้ว
      ถาม :  จะช่วยกันถามก็ได้ค่ะ อยากรู้ปัญหาของคนอื่นบ้าง
      ตอบบางทีการที่หลาย ๆ คนถามกระแสมันไม่ต่อเนื่องกัน อาตมาเองไม่เป็นไร แต่ว่าคนฟังบางทีอารมณ์ใจมันจะสะดุดมันไม่ต่อเนื่องกันจ้ะ เขาเองจะเหมือนยังกับว่าวิ่งไปตามถนนที่เป็นหลุมเป็นร่องไปเรื่อย มันจะไม่ลื่น
              อาตมาเองไม่เป็นไรหรอก ขึ้นได้ลงได้จ้ะ โหนรถเมล์บ่อย แต่คนอื่นเขาบางทีเขาขึ้นไปแล้ว เขาลงไม่เป็น พอลงไม่เป็นต้องลงปัญหาที่มันต่ำจะรู้สึกหนักและเหนื่อย บางคนของเราฟังปัญาหาของคนอื่นแล้วรู้สึกว่าเหนื่อยใจ ให้รู้ำไว้เลยนะไอ้นั่นของเราขึ้นสูงกว่าของเขาดึงต่ำลงไปเราจะเหนื่อย อาตมาโหนรถเมล์บ่อยก็เลยไม่ค่อยเหนื่อย
      ถาม :  ถ้าเกิดสมมุติว่า เวลาเราเดินเข้ามานี่เราเห็นว่า เออ...คนนี้จะถูกแทง แล้วเราบอกเขาบอกว่าคุณจะถูกแทงนะให้ไปทำ...?
      ตอบ :  บอกตรงไม่ได้จ้ะ
      ถาม :  พอบอกไปแล้วเขาก็โดนแทงอยู่ดี
      ตอบ :  มันก็โดนอยู่ดีเพราะเขาไม่เชื่อ แต่ขณะเดียวกันเราเองก็จะมีโทษด้วยเพราะบอกตรงเกินไป ใช้ในลักษณะที่ว่าหลอกถามเขาก็ได้ จับมือเขาขึ้นมา เอ๊ะ ! ลายมือคุณบอกว่าจะมีเคราะห์ให้ระวังหน่อยนะ อาจถึงเลือดตกยางออก ถ้ายังไงก็ไปถวายสังฆทานหรือปล่อยชีวิตสัตว์ซะหน่อย ...อะไรอย่างนี้ ตัวอย่างนี้คนเขาจะเชื่อมากกว่าเพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์หน่อย ไอ้ที่เราอยู่ ๆ ไปถึงบอกคุณจะถูกแทงนะเดี๋ยวเขาก็ว่าเราไม่สบาย มันต้องมีศิลปะจ้ะ “สิปปัน จะ เอตัมมังคะละมุตตมัง” ไง ... ในมลคล ๓๘ ประการ พระพุทธเจ้าบอกว่าการมีศิลปะเป็นมงคลอย่างยิ่ง
      ถาม :  ต้องแจกแจงศิลปะในที่นี้เจ้าค่ะ
      ตอบ :  (หัวเราะ) อันนี้สอนกันยากจ้ะ มันเป็นประสบการณ์ด้วย ถ้าหากว่าเราได้ทิพจักขุญาณเราต้องกำหนดรู้ไปด้วยว่า ถ้าเราบอกเขาไปความพอที่เราจะพูดได้แค่ไหน
      ถาม :  มีแค่ไหน ?
      ตอบ :  เราต้องกำหนดใจรู้ด้วยแล้วเราเองจะรู้ว่ามันจะบอกได้แค่ไหน ตอนนี้อาจจะไม่คล่องตัวปฏิสัมภิทาญาณเกิดขึ้นเมื่อไหร่รู้ทันทีเลยว่าพูดได้แค่ไหน มันจะรู้เลยว่าหนักเบาเป็นยังไง พูดได้แค่ไหน ทำได้แค่ไหน ไล่ไปซะไกลเลย ....
      ถาม :  เจอคนอยู่คนหนึ่งนะคะ ทำไมเขานั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์แล้ว แต่ตัวเขาไปเดินอยู่รอบนอก
      ตอบ :  เรื่องนั้นมันอยู่ที่ว่าสภาพจิตภายในของเขาเป็นอย่างไรนะ ภายในของเรามันไม่เหมือนกับภายนอก ภายในนี่มันเป็นไปตามบุญบาปที่ตัวเองทำอยู่ เขาเองเขาอยู่ข้างในแต่จิตเขาฟุ้งซ่านอยู่ข้างนอกก็ได้ ในเมื่อจิตเขาฟุ้งซ่านอยู่ข้างนอกจิตของเขามีบุญมีบาปเท่าไหร่ ก็จะแสดงออกตามสภาพอย่างนั้น ถ้าหากว่าตายตอนนั้นนี่เป็นอย่างแน่แท้เลย ถ้าหากว่ากายภายในเป็นเปรตก็เป็นเปรตไปเลย ถ้ากายในเป็นสัตว์นรกก็เป็นสัตว์นรกแน่จ้ะ
      ถาม :  เป็นตั้งแต่ยังไม่ตายนี่นะเจ้าคะ ?
      ตอบ :  จ้ะ เขาเรียกว่า มนุสสเปโต แปลว่า มนุษย์เปรต ไม่ใช่ติดสเปโตนะ อมสองดอกจิกกับควีนโพดำไปเยอะ (หัวเราะ) เจ้านี่ชอบนอกคอกอยู่เรื่อย พระไล่ต้อนมันไม่ค่อยทันหรอก
      ถาม :  ตอนนั้นเคยขับรถเข้าไปหลงกันอยู่ในป่าช้าตั้งนาน ทีนี้ก็เห็นผีเปรตเดินกันอยู่ในป่าช้า แล้วเราสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้เขา เขาจะเปลี่ยนสภาพจากเปรต...เปลี่ยนได้ไหมคะ ?
      ตอบ :  ได้จ้ะ ถ้าเขาตั้งใจโมทนาแต่อย่าลืมว่าเปรตมีตั้ง ๑๒ จำพวก มีแต่ปรทัตตูปชีวีเปรต ที่มีกรรมอันเบาบางลงแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถโมทนาได้ ที่เหลือก็ยังคงแย่ต่อไปจนกว่าจะพ้นจากจุดนั้นขึ้นมา
      ถาม :  ถ้าคิดว่าเราอุทิศส่วนกุศลไปเรื่อย ๆ คนที่เขารับอุทิศส่วนกุศลมาเขาก็ต้องไปเป็นเทวดาแล้วเขาจะกลับมาเป็นกำลังให้เราเยอะ ๆ นี่ อย่างนี้คิดผิดไหมครับ ?
      ตอบ :  ไม่ผิด คิดถูก แต่ว่ามันไม่ใช่ตัวบุญที่เป็นอัปปมัญญา จริง ๆ เพราะมันยังหวังผลตอบแทนอยู่ลึก ๆ ตัวอัปปมัญญาของเขาเสมอหน้ากันหมด ไม่่ว่าจะดี จะชั่ว จะรวย จะจน จะสวยงาม จะอัปลักษณ์ จะเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นภพใด เหล่าใด ภูมิใด ก็ตาม ตั้งใจสงเคราะห์เขาเสมอกันหมด
      ถาม :  แต่พออยู่ ๆ แล้วใจมันจะตวัดคิดถึงช่วงหน้าอยู่เสมอ เหมือนพอทำปั๊บรู้ทันที เฮ้ย ! ทำได้แล้ว ๆ
      ตอบ :  เบรคมันให้ทัน อุเบกขา
      ถาม :  เคยเจอมนุษย์ต่างดาวไหมคะ ?
      ตอบ :  ถามว่าเคยเจอมนุษย์ต่างดาวมั้ย ...? บอกได้ว่าไม่เพียงแต่อาตมาที่เคยเจอเท่านั้น โยมทุกคนก็ต้องเคยเจอมาแล้ว เพียงแต่บางทีไม่รู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว พระพุทธเจ้าของเราก็มีเชื้อสายมนุษย์ต่างดาว
      ถาม :  อันนี้ต้องอธิบายยาวแล้วค่ะ
      ตอบ :  คือว่าในช่วงที่โลกมีพระเจ้าจักรพรรดิอยู่ โดยธรรมเนียมแล้ว ต้องปราบในทวีปทั้ง ๔ ทวีปทั้ง ๔ ก็คือบรรดาดาวต่าง ๆ นี้เอง อย่างอุตระกุรุทวีป ก็คือ ดาวพลูโต เป็นต้น เมื่อปราบในทวีปทั้ง ๔ ได้แล้ว ก็จะนำเอาประชากรของทวีปนั้น ๆ มาเพื่อเป็นการแสดงออกถึงพระราชอำนาจ ท่านก็จะกวาดต้อนคนจำนวนหนึ่งมาไว้ในโลกมนุษย์นี้ พวกอุตระกุรุทวีปนี้เขาก็จะอยู่ที่กัมมาสะธัมมะนิคม หรือแคว้นกุรุเคยได้ยินใช่มั้ย ? ต้นกำเนิดของมหาสติปัฏฐานสูตรเลย พวกอมรโคยานทวีปจะอยู่ที่เมืองอมรปุระ
              อยากรู้ว่าอมรปุระอยู่ที่ไหน ต้องถามท่านนาวิน-ครูบาน้อยเขารู้ พวกปุพพะวิเทหะทวีป จะอยู่ที่เมืองเทวะทหะ เทวะทหะนี่เป็นเมืองแม่พระพุทธเจ้าใช่มั้ย ? วิธีสังเกตง่าย ๆ ผู้ที่เป็นเชื้อสายของอุตระกุรุทวีปจะมีหน้ากลมเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ผู้ที่เป็นเชื้อสายของอมรโคยานทวีปลักษณะใบหน้าเหมือนพระจันทร์เสี้ยว คางค่อนข้างแหลม เออ...ลักษณะใบหน้าของแม่มดน่ะ พวกที่เป็นเชื้อสายของปุพพะวิเทหะทวีปใบหน้าจะออกไปทางสี่เหลี่ยม มนุษย์ต่างดาวเดินอยู่รอบตัวเลยจ้ะ ไม่ได้รู้เรื่องเลย เอ้า ! จบนิทานโกหกแต่เพียงแค่นี้ก่อน

      ถาม :  แล้วมนุษย์ต่างดาวนี่ไม่ใช่แบบหัวโต ๆ ตัวเล็ก ๆ แบบที่ในโทรทัศน์ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าคุณใส่หมวกกันน็อคไปให้เขาเห็น เขาจะว่าคุณหัวกลมเหม่งแล้วก็มีลูกตากลม ๆ ใหญ่ ๆ อันเดียว...เครื่องแต่งกายของเขาจ้ะ เราเองเห็นบางทีมันก็ว่าไม่ตรงเหมือนกัน ลักษณะหน้าตารูปร่างของเขาคล้ายของเรา ส่วนใหญ่จะสวยกว่าทั้งนั้น ชุดท่องอวกาศของเขานี่แหละที่เราเห็นนั่นน่ะ
      ถาม :  แล้วชาวโลกแท้หน้าตาเป็นยังไงครับ ?
      ตอบ :  ชาวโลกแท้มีเขาจ้ะ (หัวเราะ) จำได้ไหม ...โฆษณา “ปุ๋ยไข่มุก” ชาวโลกแท้ต้องมีเขาจ้ะ
      ถาม :  ทำไมถึงมีเชื้อสายที่สวยกว่าครับ ?
      ตอบ :  ก็อย่างสมัยพุทธกาล โชติกะเศรษฐีก็ได้ภรรยาจากอุตระกุรุทวีปเพราะกำลังบุญท่านสูงหาคนที่เหมาะด้วยไม่ได้ เทวดาก็ต้องลำบากไปนำผู้หญิงจากอุตรกุรุทวีปมามอบให้ พระเจ้าจักรพรรดิจะมีพระราชินีหรือพระมเหสีส่วนใหญ่จะเป็นชาวอุตระกุรุทวีป ชาวอุตระกุรุทวีปนี่บุญเขาสูงมาก ลักษณะความเป็นทิพย์ของเขากึ่ง ๆ เทวดาทั้งเมือง ทั้งประเทศ ทั้งโลกของเขามีแต่แก้วมณี อาศัยแก้วมณีเป็นเครื่องอยู่ก็ได้แล้ว แต่ว่าเขามีอาหารเหมือนกัน อาหารจะเป็นข้าวไม่มีเปลือกเก็บมาใส่หม้อใส่น้ำแล้วตั้งไว้บนแก้วมณีก็จะสุกเอง...ง่ายกว่าไมโครเวฟสมัยนี้ีอีก เพราะยังไง ๆ ก็ไม่ไหม้อยู่แล้วสุกพอดีทุกที แล้วคราวนี้อยากจะกินกับอะไรก็นึกเอา...โผล่ขึ้นมาเอง
              คนอุตระกุรุทวีปมีความเมตตาเป็นปกติ เด็ก ๆ ทิ้งไว้ที่ไหนก็มีคนเลี้ยง ประเภทคลอดออกมาปั๊บกองไว้ข้างถนน ก็มีคนเลี้ยงทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายเลี้ยงเด็กได้เหมือนกันหมด เพราะว่าเอานิ้วชี้ใส่ปากก็จะมีน้ำนมไหลให้กิน ง่ายดีนะ เออ...เอาสักคนไหม ?
              ชาวอุตระกุรุทวีปเมื่อกำลังบุญสูงกำลังปัญญาก็สูงไปด้วย พระพุทธเจ้าท่านเทศน์มหาสติปัฏฐานสูตรเพื่อโปรดชาวอุตระกุรุทวีปโดยเฉพาะ ชาวแคว้นกัมมาสะธัมมะนิคม ที่แคว้นกุรุนั่นคือชาวอุตรกุรุทวีป ปัญญาสูง ถึงขนาดนกแขกเต้าที่ภิกษุณีเลี้ยงไว้โดนเหยี่ยวโฉบไป ภิกษุณีท่านถามว่ารู้สึกอย่างไรในขณะที่เหยี่ยวจับไป นกแขกเต้าตอบว่ารู้สึกว่าร่างกระดูกกำลังเอาร่างกระดูกไปกิน ขนาดนกแขกเต้านี่เขาเจริญอสุภกรรมฐานเป็นปกติ
      ถาม :  ทำไมมีสติได้ล่ะครับในเมื่อเขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ?
      ตอบ :  ก็ของเขามันมั่นคงขนาดนั้น มันไม่ตกใจนี่
      ถาม :  แล้วทำไมต้องมาเสวยกรรมเป็นสัตว์ ในเมื่อกำลังใจสูงขนาดนั้น ?
      ตอบ :  บุญมี...แต่กรรมก็มีด้วย ถ้าหากว่าถามอย่างนี้ต้องตอบว่า ทำไมพญานาค ต้องเป็นสัตว์ไม่เจ๋งกว่านกแขกเต้าหลายเท่าเหรอ....แบบเดียวกันนะ กรรมของเขามีอยู่ คราวนี้ในพระไตรปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์มีพระอภิธรรมที่พระพุทธเจ้าเทศน์สอนเทวดาโดยเฉพาะกับมีมหาสติปัฏฐาสูตรที่เทศน์สอนชาวกุรุโดยเฉพาะไม่ใช่ทั่ว ๆ ไป
              ดังนั้นถ้าหากว่าใครไปจับพระอภิธรรมเข้าส่วนใหญ่จะรู้สึกเหมือนเข็นภูเขาหิน หรือไม่ก็จับมหาสติปัฏฐานสูตรจะรู้สึกว่าละเอียดเหลือเกิน เข้าถึงได้ยาก เพราะว่าเป็นการสอนเฉพาะปัญญาเขาสูงเขาฟังแล้วเขาเข้าใจได้ง่ายมาก แต่สำหรับเราฟังแล้วจะรู้สึกว่ายาก ของเราจะจับติดแต่บรรพคือตอนต้น ๆ เท่านั้น อย่างอานาปานสติ เป็นต้น อิริยาบถ สัมปชัญญะ เป็นต้น แต่ว่าของเขาทางท้าย ๆ ที่เวทนา จิต ธรรมนี่ของเขาง่ายจะยากของเรา
      ถาม :  ถามเรื่องพญานาคน่ะเจ้าค่ะ พญานาคนี่ตัวตนจริงที่เขาแสดงให้เราเห็นกับรูปลักษณ์ที่เขาเปลี่ยนไปอันไหนเป็นตัวตนจริง ?
      ตอบ :  เขาต้องการให้เห็นเป็นแบบใดก็ได้นะ พญานาคมี ๒ ประเภท ประเภทหนึ่ง คือเทวดาชั้นจาตุมหาราช จะเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์นะ ร่างที่แท้จริงของท่านก็คือเทวดา ...สวยงามเป็นปกติ แต่เวลาทำงานจะแสดงออกในลักษณะของงูใหญ่ นั่นก็ถือว่าเป็นเครื่องแบบในการทำงานของท่านแบบเดียวกัน ถ้าหากว่าเป็นลูกน้องของท้าวเวสสุวรรณปกติจะสวยสม แต่ถ้าหากออกไปทำงานก็จะแสดงออกในร่างของยักษ์ นั่นเป็นเครื่องแบบที่ท่านแต่งในเวลาทำงาน
              พญานาคที่เราพูดถึงส่วนใหญ่จะหมายถึงเดรัจฉานกึ่งทิพย์ที่มีความสามารถพิเศษมีเขตอยู่เฉพาะของเขา แต่ถ้าหากเข้าไปในเขตนั้นเขาจะกลับร่างเป็นมนุษย์ ที่มีรูปร่างหน้าตาผ่องใสสวยงาม แต่ว่าถ้าหากว่าออกนอกเขตของเขามา ถ้าตั้งใจให้คนเห็นก็จะแสดงออกในร่างของงูใหญ่ แต่ว่าขณะเดียวกัน เขาจะแสดงให้เห็นเป็นอะไรก็ได้ เป็นพญานาคในความหมายของเราว่าเป็นงู แต่อยู่ ๆ อาจจะเป็นช้างมาทั้งตัวก็ได้ อาจะเป็นคนเดินมาทั้งกลุ่มก็ได้ เดี่ยวก็ได้ แล้วแต่ว่าเขาตั้งใจให้เห็นเป็นอย่างไร อันนั้นเป็นฤทธิ์ที่เกิดจากกรรมวิบากของเขา ทำให้เขาสามารถทำได้ เรียกว่ากรรมวิปากะชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม
      ถาม :  แล้วทำไมถึงเรียกว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานละครับ ?
      ตอบ :  ก็อยู่ในภูมิของเดรัจฉานแต่มีความเป็นทิพย์อยู่ ถ้าหากว่าต้องการสามารถที่จะให้เราไม่เห็นก็ได้เห็นก็ได้ เห็นในลักษณะไหนก็ได้
      ถาม :  แต่ว่ากลับเข้าที่แล้วสภาพก็....?
      ตอบ :  เขาจะคืนกลับเป็นร่างของคน แต่ว่าในลักษณะนั้นเขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนร่างเมื่อไหร่ก็ได้น่ะลองไปดูมั้ย ? เมืองพญานาคต้องมีฝีมือดีหน่อยไม่งั้นพอเข้าเขตก็ชักแด็ก ๆ ตายแล้ว เพราะว่าเขามีพิษเป็นปกติ ผ่านไปที่ไหนก็ตามจะทิ้งพิษเอาไว้ สภาพของพิษของเขาร่างกายของเราทนไม่ได้ พิษบางอย่างร้ายแรงมากเราเข้าไปในเขตนี่ถ้าหากว่าเป็นร่างกายมนุษย์ธรรมดาจะกลายเป็นเถ้าถ่านไปเลย เพราะมันร้อนและเผาไหม้ได้ขนาดนั้น
      ถาม :  แล้วพังพอนล่ะครับ ?
      ตอบ :  พังพอนที่สู้กับพญานาคยังไม่เคยเจอ
      ถาม :  มังกรก็พวกเดียวกัน ?
      ตอบ :  พวกเดียวกัน มังกรกับพญานาคมันก็พวกเดียวกัน แต่ว่าคนที่เห็นมันคนละเชื้อชาติกัน ในเมื่อคนละเชื้อชาติกันสิ่งที่ยึดถือมาเดิม ๆ ลักษณะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ ของเขาเอง พอถึงเวลาวาดให้คนอื่นเห็นมันก็ออกไปคนละทิศคนละทางกัน แต่ว่ามันก็สไตล์เดียวกัน ก็คืองูใหญ่ที่มีฤทธิ์เหมือนกัน
      ถาม :  เสวยอายุเท่าไหร่ครับ ?
      ตอบ :  อายุขัยเป็นยังไงแล้วแต่เขา ทำกรรมเอาไว้เยอะก็อยู่นานหน่อย ทำบุญเอาไว้เยอะก็อยู่สั้นหน่อย
      ถาม :  ทำไมต้องนอนเยอะขนาดนั้นด้วยล่ะครับ ?
      ตอบ :  มีตัวเดียวที่ชอบนอน ส่วนใหญ่แล้วงูเวลาจำศีลก็จะมีลักษณะนั้นแหละ คือว่าจะจมอยู่กับห้วง...ใช้คำว่าฌานก็ได้นะ...ของเขา อยู่อย่างนั้น คราวนี้พญากาฬนาคราชนี่ แหม...แสดงว่าฌานลึกมาก ได้ยินเสียงกริ๊กหนึ่งลืมตา อ้าว...อีกองค์แล้วเหรอเพิ่งแป๊บเดียวเอง