ถาม :  ทีนี้มันมีอีกเจ้าค่ะ เวลาชาวบ้านรอบ ๆ ตัวเขาเกิดเหตุอะไรเราจะเห็นล่วงหน้าเจ้าค่ะ เราก็จะโทรไปบอกอย่างนี้ ต้องทำอย่างนี้ ต้องระวังอย่างนี้
      ตอบ :  คราวหน้าต้องระงับ ๆ ไว้หน่อย ต้องมีสตินิดหนึ่งว่า นี่เราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ในเมื่อกฎของกรรมเป็นตัวบังคับอยู่ เราจะไปเปลียนแปลงอย่างไร ถ้าหากว่ากำลังบุญของเขาไม่เพียงพอกรรมอันนั้นก็สนองเขาจนได้
              ดังนั้นก็พยายามหน่อยทำความคล่องตัวในด้านที่จะนึกรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เรารู้นั้นจะบอกเขาได้อย่างไร จะบอกเขาได้แค่ไหน ซ้อมตัวนี้ให้คล่องไว้แล้วหลังจากนั้นจะได้ไม่ไปดิ้นรนกระวนกระวาย แรก ๆ อาตมาก็อกจะแตกตายเหมือนกัน รู้แล้วบอกไม่ได้น่ะ มันจะคลั่งเอา แต่ว่าพอนาน ๆ ไปเดี๋ยวมันก็ชิน แล้วหลังจากนั้นก็ตายด้าน มันไม่มาล้มทับตีนดิ้นพราด ๆ ไม่ช่วยมันหรอก อุเบกขามันเริ่มเยอะขึ้น ความจริงมันออกไปทางเห็นแก่ตัวหน่อย ๆ เหมือนกันนะ
      ถาม :  บางทีปล่อยวางไม่ได้
      ตอบเมตตาเกินประมาณเราจะทุกข์เองนะ เขาไม่ได้ให้เมตตากรุณาอย่างเดียว แต่มีอุเบกขาด้วย
      ถาม :  ถ้าอย่างนั้นเห็นก็คงจะปล่อยวางจนกว่าเขาจะมาขอความช่วยเหลือ
      ตอบ :  ยิ่งทำอย่างนั้นได้ยิ่งดี ถ้าบุญเขามีเขาจะเข้ามาเองโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องมา
      ถาม :  ดูเหมือนกับว่าตัวเองวุ่นวายจังเลย
      ตอบ :  ใช่เลยจ้ะ วิเคราะห์ตัวเองได้แม่นมาก
      ถาม :  ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยวางต่อไปไม่ต้องยื่นเข้าช่วยเหลือเลยนะเจ้าคะ
      ตอบ :  ทำอย่างนั้นได้จะดี คือถ้าหากว่ากำลังบุญเขามีถึงวาระถึงเวลาเขาจะมาเอง แล้วเราก็บอกเขาถึงวิธีแก้ไขเป็นอย่างไร แต่ถ้าเขาไม่ได้ประเภทวิ่งมาล้มดิ้นพราด ๆ อยู่ตรงหน้าเราก็ยืนมองไปก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วมันจะวุ่นวายไปหมด เนี่ย...ที่ตือเขาไม่สามารถใช้อภิญญาเต็มที่ก็เพราะอย่างนี้ เพราะว่าถ้าได้เมื่อไหร่ก็จะไม่ดูฟ้าดูดินเลย ว่าเขาทำกรรมอะไรมาตั้งท่าจะช่วยท่าเดียว
      ถาม :  พระท่านพูดนะคะ ว่าให้เรานึกว่าตัวเรากายนี้ไม่มี แล้วจิตก็คือไม่มีด้วย เลยสงสัยว่ากายไม่มีนี่มันไม่เท่าไหร่ แต่จิตไม่มีด้วยนี่แล้วมันจะหายไปไหนล่ะเจ้าคะ ?
      ตอบ :  อาตมาก็ไม่ทราบเหมือนกันจ้ะ พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยสอน ถ้าอย่า่งนั้นฟังจากใครหรืออ่านจากไหนก็สืบหาจากต้นตอให้เจอแล้วต้องถามท่านโดยตรงน่ะ
      ถาม :  สรุปว่ากายไม่มีจิตยังมีอยู่ ?
      ตอบ :  มีอยู่ ขนาดนอกศาสนาอย่างพราหมณ์ของอะไรเขาก็ยังยึดจิตอย่างเดียว โดยไม่เอากายที่เป็นพวกอรูปพรหมน่ะ ถ้าจิตไม่มีด้วยแล้วมันจะอยู่ยังไง จิตเป็นสิ่งอมตะไม่มีคำว่าตาย หากแต่ว่าวนเวียนไปเรื่อยตามบุญตามกรรมที่ตัวเองทำอยู่ เปลี่ยนร่างเปลี่ยนภพภูมิไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน เพราะฉะนั้นจิตไม่มีเป็นไปไม่ได้
      ถาม :  แล้วจิตมีสภาพรับรู้ ?
      ตอบ :  รู้เป็นปกติเหมือนกับเครื่องบันทึกเทป บันทึกไปเรื่อย ๆ
      ถาม :  แล้วจิตมีอารมณ์มั้ยคะ ?
      ตอบ :  มีสิ เพราะว่าเขาจะนึกรู้ นึกปรุง นึกแต่งอยู่ตลอดเวลา แล้วเลยทำให้เกิดกรรมต่าง ๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้นเราก็ต้องควบคุมจิตของเราให้มันอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าไม่ให้ผิดศีลผิดธรรมเป็นอย่างน้อย ถ้้าสามารถทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปก็คือหยุดการปรุงแต่งของมันเสีย ถ้าหยุดการปรุงแต่งของมันได้ทุกอย่างก็หยุดหมดดับหมดการหลุดพ้นก็จะง่ายขึ้น
      ถาม :  เรื่องของการนั่งสมาธิ ตัวเองเพิ่งจะเริ่ม ๆ หัดนั่ง แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่พยายามจะกำหนดตามรู้ลมหายใจ แต่ว่าหลังจากนั่งไปแล้ว ผ่านไปวันรุ่งขึ้นมีอาการรู้สึกเจ็บหน้าอก เลยไม่แน่ใจว่าอันนี้เกิดจากการที่เราพยายามตามรู้ลมหายใจหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ลองทำดูอีกสักทีนะ ดูว่าจะเป็นอีกมั้ย ...
      ถาม :  คือว่าเจ็บทั้งวันเลยค่ะ พอวันรุ่งขึ้นก็หาย
      ตอบ :  ความจริงน่าจะทำต่อไปเลย เพราะว่าบางอย่างมันก็เป็นในลักษณะของขันธมาร คือ เขามาทดสอบเรา จริง ๆ ก็คือดึงความสนใจของเราไปจากสิ่งที่เราทำเพราะกลัวเราจะได้ดีเร็วเกินไป แล้วเราเองก็ให้ความสนใจในทางที่ผิด เพราะในทางปฏิบัติจริง ๆ เขาไม่สนใจร่างกายมาก อะไรจะเกิดขึ้นก็ช่างมัน...ถึงตายก็ยอม เขาสามารถจะดึงความสนใจของเราให้เปลี่ยนแปลงไปสนใจในจุดที่เขาต้องการได้ เราก็ลืมการภาวนาหรือทิ้งการภาวนาไป
      ถาม :  นั่นแสดงว่าเรากลัวตายใช่ไหมคะ ?
      ตอบ :  ชัดเลยจ้ะ มันอ้อมซะไกลเลย ทำเดี๋ยวจะเจ็บหน้าอก เจ็บแล้วจะเป็นยังไง เจ็บมาก ๆ แล้วตาย มันอ้อมไปไกลไปหน่อย บอกแล้วว่าความกลัวทุกอย่างมันจะเกิดจากกลัวตายตัวเดียว ตามดูมันอยู่นานดูซะจนชักคุ้นหน้ามันก็เลยพอจะจำหน้ามันได้ว่ามาหลอกแบบไหน
      ถาม :  ทำไมเวลากระแสจิตส่งถึงกัน ทำไมถึงส่งกันได้เจ้าคะ?
      ตอบ :  มันมีพลังของมันอยู่แล้วก็เป็นพลังที่ไม่จำกัดด้วยรูปแบบซะด้วย มันไม่ต้องวิ่งผ่านเครื่องไม่ต้องวิ่งผ่านสาย ไม่ต้องอาศัยเกาะไปตายในแก้วนำแสง มันนึกปุ๊บถึงเลยจ้ะ เป็นเครื่องมือที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถสร้างแบบนี้ได้ ปกติของมันเป็นแบบนั้น
      ถาม :  ขึ้นอยู่กับผู้รับผู้ส่งด้วยใช่มั้ยเจ้าคะ ?
      ตอบ :  สำคัญตรงผู้รับ ผู้ส่ง ๆ ไปแล้วจะรับได้แค่ไหน บางคนก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น บางทีก็รู้แต่เป็นแค่เลา ๆ ว่า เอ๊ะ ! ทำไมเราคิดถึงคนนั้น เราอยากจะติดต่อกับคนนั้น บางรายก็รับได้ชัดเจนเลยเหมือนยังกับเราไปยืนอยู่เฉพาะหน้า
      ถาม :  บังเอิญน่ะค่ะ แค่นึกเฉย ๆ ว่าอยากให้พี่คนนี้โทรมาหาแล้วประมาณสักหนึ่งวันเขาก็โทรมา เขาบอกว่าเขามีความรู้สึกว่าเราไปบอกเขาว่าเขาต้องโทรมาหาเรา
      ตอบแสดงว่ากำลังใจของเขาสะอาดใช้ได้ถึงสามารถรับได้ ถ้าหากว่ากำลังใจของเขามืดมัวมากกว่านั้น ก็ไม่สามารถที่จะรับได้ชัดเจน แหม...ช้าไปหน่อย ถ้าปุ๊บปั๊บโทรเลยจะดีกว่านี้มาก
      ถาม :  ก็ไม่ช้ามากหรอกเจ้าค่ะ พอนึกช่วงเช้า ช่วงเย็นเขาก็โทรมา
      ตอบ :  จ้ะ แต่คนอื่นนี่ห้ามนะ ใครนึกถึงอาตมานี้ห้าปีก็ไม่โทร หนอยแน่ะ ! จะใช้วิธีลัด บังเอิญอาตมาห่วยจ้ะ จิตใจมืดมัวมากรับไม่ค่อยได้ ปิดเครื่องตลอด ในวัดคลื่นเข้าไม่ถึง
      ถาม :  เวลาจะตายนี่จิตออกจากร่างทางไหนได้มั่งคะ ?
      ตอบ :  รอบร่างเลยจ้ะ ทุกขุมขนออกได้หมด เพราะฉะนั้นเขาจะออกทางไหนก็แล้วแต่เขา
      ถาม :  เคยอ่านเจอนะคะ ว่านักวิทยาศาสตร์ของพวกฝรั่งนี่ เขาพยายามที่จะทำห้อง แล้วก็พยายามที่จะเก็บจิตอะไรอย่างนี้ ?
      ตอบ :  ไม่มีสิทธิ์จ้ะ
      ถาม :  อะไรก็เก็บไม่ได้ใช่ไหมคะ ?
      ตอบ :  เก็บไม่ได้หรอก เพราะจิตมีสภาพพิเศษสามารถผ่านวัตถุทุกชนิดได้ ไม่โดนจำกัดด้วยข้อจำกัดทางโลกใด ๆ ทั้งสิ้น เอาไว้ในเซพสักกี่ชั้น เอาไว้ในห้องปลอดภัยของธนาคารชาติก็หลุดไปได้ เป็นไง....ห้องปลอดภัยหนาสักเมตรหนึ่งใช่ไหม ? น่าจะกักอยู่นะ...ไปจ้อยเลยล่ะ
      ถาม :  ถวายสังฆทานให้น้องที่ทำงานเขามอเตอร์ไซด์คว่ำแล้วคอหักตายเมื่อวันศุกร์ ต้องยกเครื่องอะไรหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  แล้วแต่เราจ้ะ ถ้าคิดว่าใจถึงก็ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นหนูส่งตรงนี้แล้วให้เขาโมทนา ตั้งใจนึกถึงเขาแล้วกันจ้ะ ส่วนใหญ่พวกเรามักจะไปคิดว่าเขาตายไม่ดี ความจริงตายแบบนี้ดีทำบุญให้เท่าไหร่ก็ได้ โดยเฉพาะมีประเภทเพื่อนดี ๆ ญาติดี ๆ ก็คือที่เขารู้ว่าถ้าเขาทำบุญในลักษณะนี้แล้ว เขาจะได้รีบทำให้ พวกนี้ถือว่าโชคดีซะด้วยซ้ำนะ
      ถาม :  อย่างนี้ขึ้นไปชั้น ๕ กระโดดลงมาเลยครับ (หัวเราะ)
      ตอบ :  เอาเลย เดี๋ยวจะทำให้ สัญญาเลยว่าทำให้ รับรองไม่โกหกทำให้จริง ๆ
      ถาม :  เผอิญต้องเลี้ยงลูกอีก ๒ คน
      ตอบ :  อุ้มลูกโดดมาด้วย
      ถาม :  ถ้าเกิดว่าฝันเห็นเปรตน่ะค่ะ ซึ่งเราไม่เคยฝันอย่างนี้มาก่อน หมายความว่าัยังไงคะ เขามาขอส่วนบุญหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ตอนนั้นถามเขาเลย ถามเขาว่ามีธุระอะไรมาเพื่ออะไร ? ถามเขาได้ในหรือไม่ในฝัน ถ้านึกออกถามเขานะ จะได้รับคำตอบที่ตรงเลย แต่ของเรามันแค่คาดว่า ...ถ้าหากคาดว่าโอกาสผิดมันสูง
      ถาม :  แล้วทำยังไงให้เราถามในฝันได้ ?
      ตอบพยายามสร้างสติให้มั่นคงอยู่ ถึงหลับก็รู้เหมือนกับตื่น ถ้าหลับก็รู้เหมือนกับตื่นนี่เราก็ทำได้ยังกับเราตื่นอยู่นั่นเอง สร้างสติให้มั่นคงกว่านั้นนิดหนึ่งจ้ะ ไม่ต้องมากหรอกนิดเดียว ฝันถึงนี่ถือว่าใช้ได้แล้ว ต่อไปก็เอาให้มันดียิ่งกว่าเดิม แล้วฝันบ่อยมั้ย ?
      ถาม :  ฝัน ๒ ครั้งแล้วค่ะ
      ตอบ :  ๒ ครั้ง ภายใน ๕ ปี ?
      ถาม :  ไม่ใช่ค่ะ เมื่อเร็ว ๆ นี้เอง
      ตอบ :  (หัวเราะ) จ้ะ ๆ ต่อไปไม่ต้องฝันก็ได้ ตื่นขึ้นมาแล้วก็ตั้งใจว่าบรรดาผีหรือเปรตทั้งหลายที่เราพบในความฝันนั่นน่ะ เราทำบุญอะไรมาขอให้เขาโมทนาแล้วก็ตั้งใจอุทิศให้เขาไป ของเขาเองจะหลับจะตื่นเขาเอาทั้งนั้นแหละ
      ถาม :  ถามเรื่องความฝันอีกคนหนึ่งได้ไหมคะ ?
      ตอบ :  ได้จ้ะ
      ถาม :  คือว่าฝันในคืนเดียวกันนะคะ ฝันว่านี่เป็นการฝันที่ว่าจะมีคนมาแย่งของรักของเรา แล้วในฝันตอนแรกที่เราโกรธแฟนเรามากเลย แต่ในที่สุดเราก็ตัดสินใจว่าเราไม่เอาเขาแล้ว ให้เขาอยู่กับคนนั้นไป ส่วนฝันที่สองถัดมาติดกันเลยค่ะ เป็นความฝันที่ว่าอยู่ ๆ ก็มีคนเหมือนกับว่ามาจากนรก เขาบอกเราว่าเราจะเหลือเวลาอีกแค่วันเดียวแล้วเราจะต้องตาย
      ตอบ :  โห ! ทำไมเหลือเยอะอย่างนั้นล่ะ วันหนึ่งของนรกขุมที่ต่ำสุดเท่ากับ ๙ ล้านปีมนุษย์ ความฝันอันไหนสร้างกำลังใจแก่เราได้ คือมันดีมันชื่นใจก็เก็บมันเอาไว้ อันไหนที่เรารู้สึกว่าไม่ดีลืมมันซะ ...ถ้าไม่ทำอย่างนั้น บางทีเราไปมัวแต่ฟุ้งซ่านกลัดกลุ้มอยู่ มันทำให้เสียการปฏิบัติหมด
      ถาม :  แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ความฝันอันนี้มันมีเหมือนกับเป็นสิ่งที่เขามาทดสอบเราหรือเปล่า ?
      ตอบ :  มันทดสอบทุกอย่าง จะหลับจะตื่นเขาทดสอบทั้งนั้น ในฝันถ้าหากเราสามารถล่วงศีลได้เราจะต้องรัก โลภ โกรธ หลงได้ แต่เราไม่ล่วงในศีลนั้น ไม่รัก โลภ โกรธ หลง ไปตามในฝัน สามารถควบคุมกำลังใจของเราได้ ถือว่าตอนนั้นกำลังใจของเราใช้ได้ แต่ถ้าหากว่เราล่วงศีลไปเรารัก โลภ โกรธ หลง ไปตามเหตุการณ์ในฝันนั้น ๆ ก็แสดงว่ากำลังใจของเรายังใช้ไม่ได้ เอาไว้เป็นเครื่องวัดของเราเอง เก็บเอาไว้วัดกำลังใจของเราเอง