ถาม:  การกระทำอย่างไรเรียกว่าเป็นการใช้พระ ? แล้วการที่เราให้พระเคาะหัวให้ ถือเป็นการใช้หรือไม่ ?
      ตอบ :  ถ้าจะถือก็ใช่
      ถาม :  เราจะทำอย่างไรที่เป็นการพูดเพื่อขอให้ท่านเมตตา แต่ว่าไม่ใช่การใช้ ?
      ตอบ :  ต้องดูเจตนา ถ้าเจตนาจะให้ทำอย่างนั้นแล้ว ไม่ว่าพูดอย่างไรก็ใช่...(หัวเราะ)...เอาเป็นว่า ถ้าเห็นท่านทำอยู่ก็รีบยื่นหัวเข้าไปก็พอ โดยสารไปกับคนอื่นเขาด้วย อย่างน้อย ๆ ก็ประเภทคิดครึ่งราคาเท่านั้น โทษไม่มากเท่าคนใช้
      ถาม :  จะมีโทษอย่างไรคะ ?
      ตอบ :  ถ้าไม่มีความชั่วอื่นเลย เกิดเป็นคนใช้ ๕๐๐ ชาติ แต่ถ้าเป็นคนใช้ได้อย่างนางขุชชุตตราท่านก็ถือว่าดีนะ โอ้...อันนั้นเป็นอริยสาวกด้วย แล้วเป็นผู้เลิศในทางธรรมถึก คือเป็นยอดนักเทศน์ด้วย เทศน์ครั้งเดียวคนได้โสดาบัน ๕๐๐ กับ ๑ คน
      ถาม :  การที่เรากราบขออาราธนาขอบารมีจากพระหรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จะทำให้บารมีของเราลดลงหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  ไม่ได้ลดลง ทำบ่อยเท่าไรดีเท่านั้น คำว่าทำบ่อยเท่าไรดีเท่านั้น เป็นเพราะการที่เราจะขอบารมีพระหรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม เราต้องนึกถึงท่านก่อนเป็นอนุสติ การที่เรามีอนุสติในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวตานุสติเป็นประจำ ๆ ทำให้บารมีของเรามากขึ้น แต่ขณะเดียวกันบางคนบอกว่า การที่เราเที่ยวไปขอโน่นขอนี่ให้ท่านสงเคราะห์ จะกลายเป็นว่าเราใช้บารมีเกินตัวแล้วจะทำให้หมด จริง ๆ แล้วไม่หมดหรอกจ้ะ อันนั้นเป็นการเข้าใจผิด โอกาสที่จะหมดไม่มี เพราะบารมีหรือกำลังใจมีแต่จะสะสมตัวมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ขณะเดียวกันสำหรับท่านที่สามารถที่จะขอขนาดนั้นได้ ขอแล้วจะเกิดผลตามที่ขอได้ ความดีที่ทำมาในอดีตจะต้องเพียงพอ
      ถาม :  ฟังเทศน์มหาชาติจะได้บุญมาก จริงไหมครับ ?
      ตอบ :  เทศน์มหาชาติ คำว่ามหาชาติคือชาติที่ใหญ่ ชาติที่ใหญ่ส่วนมากเขาเหมาเอาสิบชาติสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าก่อนที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ คือตั้งแต่เป็นพระเตมีย์ใบ้ไปจนถึงพระเวสสันดร แต่ว่าเทศน์มหาชาติจะเน้นเอาตรงพระเวสสันดรเป็นหลัก จะเริ่มตั้งแต่กัณฑ์แรกคือ ทศพร พระนางผุสดีท่านอยู่บนสวรรค์ ขอพรพระอินทร์ ๑๐ ประการเพื่อลงมาเกิดเป็นมารดาพระเวสสันดร ไล่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวพระเวสสันดรเกิด ทำบุญให้ทาน โดนไล่ออกป่า ไปลำบากลำบนอยู่กับเมียกับลูก กว่าที่เขาจะไปตามตัวกลับ แล้วเจ้าประคุณเถอะ แต่ละกัณฑ์บรรยายรายละเอียดเยอะมาก เรียกว่า เทศน์คาถาพัน คือจะเอ่ยบาลีขึ้นมาบทหนึ่ง เรียกว่าคาถาหนึ่ง ๆ แล้วขยายความไป คิดดูว่ากว่าจะขยายครบ แต่ละกัณฑ์นี่ว่ากันเป็นวัน บางครั้งเช่น พระเวสสันดรเดินป่า บรรยายการเที่ยวป่า สภาพป่าเป็นอย่างไร ? มีนกอะไร ? มีต้นไม้อะไร ? สิงสาราสัตว์อะไร ? โอ้โฮ...บรรยายมาซะจนประเภทนักพฤกษศาสตร์ นักสวัตศาสตร์ประเภทหลบเข้าข้างป่าไปเลยอย่างนี้
              ถามว่า “ได้บุญเยอะไหม ?” ถ้ากัดฟันทนฟังจบนี่บุญเยอะจริง ๆ ....(หัวเราะ)...กว่าจะจบ ๑๓ กัณฑ์ บางครั้งเทศน์กันเป็นครึ่งเดินก็มี อย่างไม่มีว่ากัณฑ์ละ ๒๔ ชั่วโมง ข้ามวันข้ามคืน ถ้าฟังจบอานิสงส์เยอะจริง ๆ แต่สมัยโบราณจะให้วิธีจองกัณฑ์ของใครของมัน อย่างคนนี้รับกัณฑ์ทศพร คนนี้รับหิมพาน คนนี้รับทานกัณฑ์ คนโน้นรับกัณฑ์วันประเวสน์ คนโน้นรับกัณฑ์ชูชก คนโน้นรับกัณฑ์กุมาร คนโน้นรับกัณฑ์มัทรี เลือกกัณฑ์ที่ตัวเองชอบ ถึงเวลาก็เอาไทยธรรมของตัวเองไป เพื่อฟังกัณฑ์ของตัวเองที่จองไว้โดยเฉพาะ จะนั่งฟังทั้งหมดก็ไม่ไหวหรอก กัณฑ์หนึ่งเทศน์กันเป็นวัน ๆ แล้วจะมีการตกแต่งสถานที่ ลักษณะเป็นป่าเป็นเขาเหมือนกับพระเวสสันดรโดนไล่เข้าป่าไป น่าสนุกนะ ส่วนใหญ่จะเป็นเทศน์แหล่ เคยได้ยินกันบ้างหรือเปล่า ? เขาจะแหล่สนุกดี บางนักเทศน์เก่ง ๆ นี่ใช้ปากทำเสียดนตรีได้ทุกเสียงเลย
      ถาม :  พระหลวงปู่ปานรุ่นย้อนยุค สามารถใช้ดูดพิษต่าง ๆ ได้ไหมคะ ?
      ตอบ :  ได้จ้ะ เขาดูดมาเยอะแล้ว รุ่นนี้แหละที่พี่ชายของผู้พันติ่งไปโดนยิงที่ชุมพร ๔๖ นัดไม่เป็นไรเลย ทหารมาล้อมกุฏิจะเอารุ่นนี้ให้ได้ บอกไม่มีแจกหมดไปตั้งหลายปีแล้ว รุ่นอื่นก็ไม่เอา จะเอาแต่รุ่นนี้
      ถาม :  การที่เราช่วยเหลือผู้อื่นที่เจ็บป่วย จะทำให้สิ่งที่เขาเจ็บจะลงมาหาตัวเรา อันนี้จริงหรือเปล่า ? และถ้าเป็นจริงแต่เรามีความต้องการสงเคราะห์เขา เราควรจะป้องกันตัวเองอย่างไร ?
      ตอบ :  หมอนวดเขาก็มีครู ถ้ามีการครอบครูไหว้ครูก่อน ถึงเวลาขอบารมีครูบาอาจารย์ท่านสงเคาะห์ก็สามารถกันได้ แต่ถ้าวันไหนเผลอก็หงายเก๋งเหมือนกัน แต่มีอยู่เที่ยวหนึ่ง ตอนนั้นหลวงตาวัชรชัยยังไม่ได้บวช พวกที่อยู่ข้างหลวงพ่อก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเฮี้ยนขนาดไหน...ใช่ไหม ? ช่วงนั้นมีการพุทธาภิเษกธงมหาพิชัยสงคราม (ธงแดง) รุ่นแรกที่วัดบวรฯ พอเสร็จแล้วก็เอามาจำหน่ายกัน เอามาแจกกัน พี่วัชรชัยตอนนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ยังชื่ออุดมอยู่ พอแกะเอาธงมาจำหน่าย แกเอาเศษที่ผูกธงแดง ๆ คาดหัวทำท่านินจาร่ายเวทให้ดู ...(หัวเราะ)...ปรากฎว่ากระเด็นไปติดข้างฝาโครม คอเอียงอยู่ตรงนั้น ไม่รู้บาทาใครยันเข้าให้ ประเภททะลึ่งดีนัก...
              คราวนี้บอกพวกพี่ตั้วพี่ม่ำ ตอนนั้นจะมีอยู่สามสี่เสือ พี่ตั้ว พี่ม่ำ พี่เอ๊าะ พวกนั้น บอกพี่ตั้วช่วยนวดให้หน่อย...คอเคล็ด เอียงคืนไม่ได้ พอพี่ตั้วจับปุ๊บสะบัดมือเลย บอกว่า “อย่างกับไฟฟ้าดูดเป็นพัน ๆ โวลต์แน่ะ” ต้องวิ่งไปเอาน้ำมนต์ของหลวงพ่อมาควั่นข้อมือเอาไว้ แล้วค่อยไปนวดให้จนหาย
              นั่นเรื่องของเทวานุภาพ แต่เรื่องของเราเป็นเรื่องของกรรม คือเขาทำเอาไว้ เลยมีอาการเจ็บป่วยในลักษณะนั้น ๆ ถ้าเราจะช่วยเขา ส่วนที่เราจะต้องพึงรับก็มีอยู่ เรื่องนี้ต้องถามลุงถนอม รวงผึ้ง บ้านอยู่ซอยวัดภคินีนาถ ลุงแกได้อภิญญา บอกแกนวดให้ป้าทีไรแกจะเห็นเลย เวลาแกเหยียบลงไปนี่ตัวของแกจะเป็นสีขาว คือเวลาแกจับคำภาวนาปกติทิพจักขุญาณของแกจะชัดมาก บอกตัวแกเป็นสีขาว พอแกเหยีบลงไปสีขาวแผ่ไปถึงร่างของป้า สีดำจะค่อย ๆ จมลงไป แต่ไม่ได้จมไปไหนหรอกไปรวมกันอยู่ข้างในนั่นแหละ แล้วถึงเวลาก็ค่อยๆ ขยายกลับคืนมาอีกที ก็จะมาปวดใหม่เมื่อยใหม่ แกต้องไปเหยียบให้ใหม่อีก
              ลักษณะของการนวดก็แค่บรรเทาชั่วคราว เพราะเรื่องของการเจ็บการป่วยเป็นเศษกรรมปาณาติบาติ เขาเคยทำมาเขาถึงได้รับ แล้วคราวนี้ถามว่า “ลุงเคยรับแทนบ้างไหม ?” ลุงบอกว่า “เถ้าเผลอก็โดนเหมือนกัน” รายนี้แกได้อภิญญาถึงได้รู้ตัว ได้มาตั้งแต่เกือบจะ ๒๐ ปีที่แล้ว แกเป็นพนักงานรถไฟอยู่สถานีบางกอกน้อย แกเดิน ๆ ภาวนาก้มหน้าก้มตาอยู่พอเงยขึ้นมาถึงบ้านแล้ว อภิญญาเขาไปกันอย่างนั้นน่ะ ตั้งใจจะกลับบ้านเสร็จแล้วก็ภาวนาเดินก๊อก ๆ ไปเรื่อยกะว่าจะให้ถึงบ้าน จะเงยขึ้นมาดูสักหน่อยว่าถึงไหน ? อยู่หน้าบ้านแล้ว เสร็จแล้วแกก็ติดขัดว่าแกจะไปหาครูบาอาจารย์ที่ไหนที่แนะนำแกได้ แล้ววันหนึ่งแกก็โผล่ไปวัดท่าซุง เห็นอาตมาก็บอกว่า “ใช่...องค์นี้แหละไม่ผิดเลย” อาตมาซวย แกเห็นในนิมิตมาก่อน คราวนี้พอแกเห็นก่อน เจอหน้าก็ล็อคคอตายเลย ไม่ยอมให้ไปไหนหรอก แกเชื่อว่าสอนแกได้แน่
      ถาม :  ตอนนั้นเขาภาวนาคาถาอะไร ?
      ตอบ :  พุทโธธรรมดา คนวิสัยเคยได้ขอให้จิตเป็นสมาธิกำลังเก่าจะคืนมา
      ถาม :  คาถาอะไรก็ได้ ?
      ตอบ :  อะไรก็ได้ กลัวแล้ว...ไม่เอาแล้ว ก็ได้ หลวงพ่อสมชาย วัดเขาสุกิม กลัวแล้วไม่เอาแล้ว ๆ ถอดจิตไปเฉยเลย พ่อทิ้งไว้บนศาลาตอนกลางคืน แล้วไปคุยกับเจ้าอาวาส ท่านเองท่านเป็นเด็กนี่ มืด ๆ ก็กลัว นั่งกอดเข่าเงียบ นึกในใจว่า “กลัวแล้ว...ไม่เอาแล้ว ๆ “ กายในหลุดไปเฉยเลย แกก็สงสัยว่าเมื่อครู่ยังมืดอยู่ ทำไมตอนนี้สว่างจัง คือในความเป็นทิพย์ไม่มีกลางคืนกลางวัน จะสว่างเป็นปกติเหมือนกันหมด
      ถาม :  การทำงานสมมติว่าเราทำเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ภาวการณ์แข่งขันในปัจจุบันนี่ พยายามเร่งเร้าให้เราทำถึงเป้าให้ได้ ถ้าไม่ได้อาจจะโดนให้ออกหรือโดนโทษอะไรต่าง ๆ นานา เราควรทำใจอย่างไรคะ ในการทำงานต่อไป ?
      ตอบ :  ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ได้เท่าไหนพอใจแค่นั้น ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะไปเครียดเต้นตามกระแสเขา คิดว่าถ้าไล่เราออกก็ดี จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีก
      ถาม :  วัวควายนี่ทำบุญร่วมกับท่านได้ไหมครับ ?
      ตอบ :  วัวควายคงทำบุญยากนะ แต่คุณจะร่วมปล่อยวัวปล่อยควายก็ทำได้ ป้ามุกดาไปไหนวะ ? ถ้าไม่อยู่เอามาไว้ตรงนี้ งวดนี้ได้ปล่อยแน่ ๆ เพราะเงินพอแล้ว เดือนที่แล้วไม่ได้ สองเดือนก่อนได้เดือนละตัว ตัวหนึ่งประมาณหมื่นสาม
      ถาม :  เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าเขาจะทำไร่ไถนาโดยใช้ควายเหล็ก แล้วเอาไปให้เขา แล้วเขาจะเอาไปทำอะไร ?
      ตอบ :  ชาวนาที่ยังใช้ควายอยู่ก็มี ?
      ถาม :  ถ้าเราไม่มีครูล่ะครับ ?
      ตอบ :  พระพุทธเจ้าเป็นครูใหญ่ที่สุด ไหว้ตรงที่ท่านเลย
      ถาม :  คาถาอิมัสมิง มาเล ที่หลวงพ่อให้ล่ะครับ ?
      ตอบ :  นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วก็นวดไป นึกถึงหลวงพ่อแล้วนวดไปขอบารมีท่านให้สงเคราะห์ ให้เกิดผลตามที่เราต้องการ
      ถาม :  ถ้าคนที่บอกว่า บางครั้งเขาฝันตอนเช้า ในความฝันนี่ชอบเป็นจริง จะเป็นจริงได้เสมอไปหรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  คนที่จิตเราวุ่นวายขนาดไหนก็ตาม หลังจากผ่านการนอนยาว ๆ ไประยะหนึ่งจิตก็เริ่มสงบ พอนิ่งก็เหมือนน้ำ ก้มหน้าลงไปก็สะท้อนเงา คราวนี้พอจิตเริ่มสงบ ความเป็นทิพย์ก็เกิดได้ง่าย ถ้าเทวดาท่านสงเคราะห์ หรือเรื่องของบุญของกรรมจะแสดงเหตุ จะสามารถรับได้ง่าย ก็จะรู้เห็นได้ล่วงหน้า เรียกว่าเทพสังหรณ์ ส่วนใหญ่ใกล้รุ่งนี่นอนมาตั้งค่อนคืนแล้ว บอกเขาแล้วกันว่าถ้าในลักษณะนั้นบ่อย ๆ ต่อไปถ้าฝันอะไรก็ให้ระวังไว้บ้าง ถ้ารวยได้เตรียมตัวรวย ถ้าไม่ดีจะได้ระวังแก้ไข
      ถาม :  การที่คนกินเหล้า แต่ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเลย ทำไมถึงผิดศีลห้าคะ ?
      ตอบ :  อันดับแรกตัวเองเดือดร้อน กินอย่างไรตัวเองก็เมา คนอื่นเมาแทนไม่ได้หรอก อันดับที่สองสูญเสียเงินทอง อันดับที่สามคนเมาเป็นประจำไม่มีใครเชื่อถือ อันดับที่สี่ คนเมาขาดสติ อาจจะละเมิดศีลอื่นได้ทุกข้อ อันดับสุดท้ายเสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ถ้าดีพระพุทธเจ้าท่านไม่ห้ามหรอก การกินแม้แต่เล็กน้อยขนาดไหนก็ตามทำให้สติขาด คนที่ขาดสติอาจจะล่วงศีลทุกข้อได้ง่าย แล้วการที่เราปล่อยให้ขาดสติด้วยการไปกินเหล้า เหมือนกับการปล่อยให้น้ำรั่วแทรกเขื่อนออกไปได้ แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม นาน ๆ ไปเดี๋ยวกำลังน้ำสูงขึ้นก็ดันเขื่อนแตก จะเป็นจุดเริ่มต้นของความประมาทที่จะทำให้ความดีสลายตัวได้ง่าย กินเหล้าบ่อย ๆ ดีไหม ? ดีเหมือนกัน ตับแข็งดี มีแต่แข็งคำเดียวแรงไม่มี
      ถาม :  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ?
      ตอบ :  ใช่จ้ะ เพราะฉะนั้น...ที่เรามานั่งกันอยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่บังเอิญหรอกต้องเคยตั้งเจตนาไว้เลย
      ถาม :  ถ้าเกิดนึกถึงภาพพระแล้วก็สร้างภาพพระขึ้นมา แล้วจับดวงจิตลักษณะใดครับ ?
      ตอบ :  ถ้ากสิณเราอาศัยภาพภายนอก อย่างเช่นจับภาพพระ แต่ถ้าเราเคยชินสามารถนึกถึงภาพพระเมื่อไรก็ได นั่นคือภาพพระในใจของเรา สภาพจิตกับภาพพระก็เป็นอย่างเดียวกัน จิตผ่องใสภาพพระก็ชัดเจน จิตขุ่นมัวภาพพระก็ไม่ชัดเจน
      ถาม :  ผมเคยอ่านหนังสือบอกว่าให้จับดวงจิตให้ชัดแจ้ง ?
      ตอบ :  อย่างไรก็ได้ จะนึกให้เป็นรูปพระ หรือเป็นดวงแก้ว หรือเป็นอะไรอยู่ที่เรา เพียงแต่อย่าให้จิตเคลื่อนไปจุดอื่น