ถาม :  อย่างงั้น อรูปพรหมก็.....(ฟังไม่ชัด)....
      ตอบอรูปพรหมนั้นไม่มีสิทธิ์ เพราะท่านเหลือแต่จิตแล้ว ในเมื่อเหลือแต่จิตแล้วทุนเดิมมีเท่าไหร่ก็ใช้แค่นั้น คือท่านไม่ต้องการอย่างอื่นนอกจากความมีจิตอย่างเดียว ไปยึดเอาความว่างของอากาศ ไปยึดเอาความไร้ขอบเขตของวิญญาณ ไปยึดเอาความไม่มีอะไรเลย มันก็เลยทำให้ท่านไม่สามารถรับรู้อย่างอื่นได้ นอกจากสิ่งที่ตัวเองยึดอยู่ มีทุนเท่าไหร่ก็ใช้แค่นั้น
              ถ้าทุนหมดแล้วทำชั่วไว้เยอะก็ลงยาวไปเลย ถ้าพอมีความดีอยู่บ้างก็เกาะอยู่ในขอบเขตของสถานที่ ๆ พอที่จะทำความดีต่อได้ อรูปพรหมอย่างหนึ่ง อสัญญีอสันตาพรหมอย่างหนึ่ง ๒ อย่างนี้บอกให้โมทนาบุญเท่าไหร่ท่านไม่เอากะเราหรอก
      ถาม :  แสดงว่าท่านเสร็จแล้วซิครับก็ต้องลงนรก ?
      ตอบ :  ก็ไม่แน่ เพราะบางทีเศษบุญของบุญก็ยังมีเหลืออยู่อาจจะลงมาเป็นมุนษย์ก็ได้ บางทีเศษของเทวดาแต่ว่ามันเป็นของเหลือเฟือของมนุษย์ มากกว่าที่เราคิด อาจจะเกิดเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์เป็นผู้นำคนอะไรไปเลย แต่ถ้าหากว่าทำบาปเอาไว้เยอะ ผลบุญที่เป็นเทวดาขาดช่วงลงปั๊บกำลังบาปมันสูงกว่ามันก็ดึงยาวลงไปเลย
      ถาม :  ...........................
      ตอบ :  ถ้าหากว่ายังเป็นพรหมอยู่ พรหมมี ๑๖ ชั้น ที่เป็นรูปพรหมคือยังมีร่างกายอยู่ ส่วนอรูปพรหมที่มีแต่จิตอีก ๔ ชั้นรวมแล้ว ๒๐ นะถ้าลงท้ายด้วยพรหมก็คือต้องเป็นพรหม ๑ ใน ๒๐ นี้ แต่ว่าพระวิสุทธิเทพหมายถึงผู้ที่เข้าพระนิพพานได้แล้ว ไปอยู่พระนิพพานแล้ว มีตั้งแต่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านเรียกว่าวิสุทธิเทพ คำว่าเทพคือเทวดามี ๓ ประเภทคือ
              ๑. สมมติเทพ แปลว่าเป็นเทวดาโดยการนับถือยกย่องกันขึ้นมาเอง อย่างเช่น พระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าจักรพรรดิ์
              ๒. อุปัติเทพ เกิดเป็นเทวดาโดยตรงคือ บรรดาอากาศเทวดาหรือว่ารุกขเทวดา ภูมิเทวดา ตลอดจนถึงพรหมทั้งหมด
              ๓. วิสุทธิเทพ เทวดาที่บริสุทธิ์โดยสิ้นเชิงแล้ว หมายถึงตั้งแต่พระอรหันต์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้า
      ถาม :  ที่ท่านทำสมาธิและทำกรรมฐานแล้วสามารถสอนตัวเองได้เลย พรหมท่านจะมาทรงฌานอยู่ตลอดเวลา ทำไมตรงนั้นไม่สามารถจะต่ออายุของท่านได้ ?
      ตอบ :  ตรงนั้นข้อจำกัดมันมีอยู่ว่าถ้าหากเป็นโลกียพรหมยังไม่ได้อยู่ในชั้นสุทธาวาส ก็จำเป็นที่จะต้องลงมาเกิดอีก แต่ถ้าเราอยู่ในชั้นสุทธาวาสท่านเป็นพระอนาคามีขึ้นไปแล้ว การลงมาเกิดก็ไร้ความหมายสำหรับท่าน ท่านก็อยู่ข้างบนต่อไปนิพพานเลย แต่ว่าท่านที่ทำความดีถ้าหากว่ายึดฌานโลกีย์อย่างเดียวมันไปนิพพานไม่ได้อยู่แล้วใช่มั้ย ? มันยังไม่เข้าถึงความบริสุทธิ์โดยแท้จริง
              อย่างสมัยพุทธกาลท้าวผกาพรหมพอท่านหมดอายุปุ๊บท่านก็เกิดเป็นพรหม หมดอายุปุ๊บท่านก็เกิดใหม่เป็นพรหม หมดอายุปุ๊บท่านก็เกิดใหม่เป็นพรหม จนกระทั่งท่านเชื่อว่าพรหมเลิศที่สุดแล้วเป็นอมตะแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว เพราะความเข้าใจผิดอันนี้เป็นมิจฉาทิฐิ พระพุทธเจ้าถึงต้องเสด็จไปโปรด ถ้าไม่ไปสงเคราะห์ท่านก็แหงแก๋อยู่แค่นั้นแหละเป็นมิจฉาทิฐิไป
      ถาม :  .........(ไม่ชัด)....จิตของท่านก็จะอยู่ที่นั้นจุดเดียวเลย ความเสื่อมของจิตจะเกิดจากอะไร ?
      ตอบ :  มันอยู่ตรงที่ว่าหมดบุญ หมดกำลังบุญที่ทำมา ในเมื่อหมดกำลังบุญที่ทำมาก็ต้องจุติ ถ้าทำชั่วเอาไว้เยอะบางทีก็ลงยาว แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วถึงระดับนั้นแล้วความดีของท่านมาก เพราะฉะนั้นเศษของความดีที่เหลืออยู่ก็เกิดเป็นมนุษย์ได้ ก็ทำบุญกันใหม่หรือว่าถ้าทำบาปอีกคราวนี้ก็พักเป็นมนุษย์หน่อยก็ลงยาวเหมือนกัน
      ถาม :  .........................
      ตอบ :  เขาทำหน้าที่ของเขาถึงที่สุดแล้วเดี๋ยวหาตัวใหม่ หาตัวใหม่อย่างน้อย ๆ จะได้มีเพื่อน พวกนี้หู ตาเขาไวนะ จมูกหมาดีกว่าคน ๔๐ เท่า สายตาหมาดีกว่าคนประมาณไม่ถูก หลวงพ่อท่านบอกเคยไปเทศน์ที่สมุทรสาคร กลางคืนหมามันมองออกไปทางนอกศาลา ท่านเองท่านนอนศาลาริมน้ำมองออกไปนอกศาลาไปทางในน้ำแล้วเห่าใหญ่ ท่านเองท่านก็แปลกใจ ส่องไฟไปจนสุดสายตาก็ไม่เห็นอะไร
              พออีกตั้งพักใหญ่ ๆ ถึงได้ยินเสียงแจวกระทบน้ำแล้วก็มีเรือพายเข้ามา ส่งไฟตอนนั้นถึงเห็น ขนาดสุดแสงไฟนะเรามองไม่เห็น หมามันเห็นตั้งแต่ไกลกว่าแสงไฟอีก แล้วท่านบอกว่าท่านทดสอบจมูกหมาดู โดยการใช้น้ำผึ้งห่อผ้าใบ ทดสอบระหว่างหมากับมดว่าใครจะจมูกดีกว่ากัน ท่านเอาน้ำผึ้งเทใส่ผ้าใบแล้วห่อมัดไว้ชั้นที่ ๑ มดก็ตอมนะ ชั้นที่ ๒ มดก็ตอมพอชั้นที่ ๓ นี่มดเลิกสนใจมันไม่ได้กลิ่นแล้ว
              แต่ว่าท่านบอกว่าห่อเนื้อแล้วก็แขวนไว้ชั้นที่ ๑ หมาก็ตะกายเสา ชั้นที่ ๒ ก็ตะกาย ๓ ก็ตะกาย ๔ ก็ตะกาย ๕ ตะกาย ๖ ก็ตะกาย ชั้นที่ ๗ โน่น ผ้าใบมันหนานะ ๗ ชั้นโน่นหมามันถึงไม่ได้กลิ่น แต่ว่ามดนี่แค่ ๓ ชั้นบ้อท่านะ ฉะนั้นจมูก ตาของเขาดีกว่าเราเยอะ โดยเฉพาะสายตาของเขานี่เห็นผีได้โดยไม่ต้องฝึกทิพจักขุญาณเลย อันนี้มันเป็นฤทธิ์โดยกรรมวิบากของเขา วิบากกรรมทำให้เขาเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่ก็มีความพิเศษตรงที่ว่าเขาสามารถเห็นผีได้เป็นปกติ ไม่ต้องเสียเวลาฝึกอย่างเรา เขาเรียกว่าฤทธิ์ที่เกิดโดยกรรมวิบาก บาลีเรียกกัมมวิปากชาฤทธิ์
      ถาม :  แล้วอย่างข่าวที่หนังสือพิมพ์ลงที่ว่าเด็กคนนั้นตายแล้ววิญญาณเขาเข้าตัวเงินตัวทองนั้น ?
      ตอบ :  อันนั้นน่าจะเป็นเปรตจ้ะ เปรต ๑๒ จำพวก มีอยู่จำพวกหนึ่งเป็นเปรตในร่างสัตว์เดรัจฉานเรียกว่า อชรังคเปรต พวกนี้จะเป็นโอปปาติกะคือเกิดปุ๊บก็โตเลย ไม่อย่างนั้นไม่มีทางหรอก ตัวเงินตัวทองอายุมันก็นานกว่าจะโตได้ขนาดนั้น แต่ถ้าหากว่าเป็นเปรตเขาเป็นโอปปาติกะ เกิดขึ้นก็โตเลย
              ทีนี้เขายังจำได้อยู่ว่าตัวเองเป็นใครเขาก็ย้อนกลับไปที่เดิม ลักษณะนี้เคยเจอมาทีหนึ่งเป็นงูเหลือมใหญ่ พ่อตายยังไม่ครบ ๗ วันเลยงูเหลือมใหญ่เลื้อยมา มันมานอนใต้โลง คนก็แตกตื่นกันหมดลูกเมียก็จุดธูปบอกบอกว่าถ้าเป็นพ่อกลับมาจริง ๆ ต้องการจะบอกเรื่องอะไรก็ขอให้แสดงออก งูเหลือมมันเลื้อยขึ้นไปบนขื่อแล้วก็เลื้อยกลับลงมา แล้วมันก็เลื้อยขึ้นไปบนขื่อแล้วก็เลื้อยกลับลงมา ๒-๓ วาระด้วยกัน
              เขาแปลกใจเอาบันไดพาดปีนขึ้นไปดูปรากฏว่าตานั่นเขาเจาะขื่อที่มันเป็นกระบอกไม้ไผ่ เขาเลื่อยแล้วเอาสิ่วตอกมันออกเอาทองใส่ไว้ในนั้นแล้วก็ครอบปิดเอาไว้ ใจมันห่วงก็เลยไปเสวยความดีไม่ได้เลยกลายเป็นเปรตมา แต่เป็นเปรตในร่างของงูเหลือมใหญ่เขาเรียกอชรังคเปรต เปรตจำพวกนี้อยู่ในร่างของสัตว์เดรัจฉานนะ

      ถาม :  แล้วอย่างนี้ทำไมพ่อแม่เขาไม่ถามพระที่ท่านรู้ ?
      ตอบ :  บางทีของเขาเองเขามั่นใจแล้วนี่ ทุกอย่างมันเป็นอาการของลูกชายเขา แต่เสียท่าอยู่อย่างเดียวโดนรูดซะหนังถลอกเลย (หัวเราะ) มันจะขัดเอาตัวเลขอย่างเดียว น่าสงสารจัง (หัวเราะ)
      ถาม :  อย่างนี้ก็แสดงว่า เขามีบุญในตอนที่เป็นมนุษย์เล็กน้อยแต่ตอนหมดบุญ....?
      ตอบผลบุญเขาอาจจะเยอะแต่ตอนตายจิตไม่ได้เกาะบุญอาจจะเศร้าหมองไปนึกถึงความไม่ดีอะไรบางอย่างเอาไว้ ก็เลยไปเกิด แต่ว่าเกิดเป็นเปรตเสียนี่ ในสายตาของอาตมาถือว่าโชคดีแล้ว กรรมมันน้อย ถ้าลงนรกนี่ซิมันนานกว่าจะหลุดขึ้นมาได้ อันนี้อย่าถือเป็นข้อยุตินะมันอาจจะกลายเป็นตัวเงินตัวทองดวงเฮงก็ได้ มาเจอชาวบ้านขัดซะจนดังไปทั่วประเทศเลย
      ถาม :  แต่มันก็แปลกนะคะคือพอเขาเรียกชื่อลูกเขา มันก็ตาม....
      ตอบ :  ลักษณะนั้นถ้าเป็นตัวเขาเองเขาจำได้ ก็แบบเดียวกับตานั่นที่เป็นงูเหลือมน่ะ
      ถาม :  เพราะปกติตัวเงินตัวทองนี่เห็นคนเขาวิ่ง....
      ตอบ :  ของอาตมานี่มันเดินส่ายตะโพกข้ามถนน (หัวเราะ) เจ้าพวกนี้ถ้ามันไม่ส่ายตะโพกมันเดินไม่ออก แปลกมาก บางทีมานี่ตัวหยั่งกับตะเข้ สมัยที่อยู่ชายแดนตาพระยาบางตัวยาว ๖ ฟูต ตะเข้ดี ๆ นี่เอง มันใหญ่ขนาดนั้น
              เพราะว่าช่วงอาตมาอยู่ชายแดนนั่นไทยยังรบกับเขมรย่อย ๆ เหตุการณ์โนนหมากมุ่นตายกันที ๑๐๐ ศพก็มี เจ้าพวกนี้มันกินศพมันก็ใหญ่เป้งเลย อีกาตัวใหญ่กว่าแม่ไก่อีกขนมันวับเลย (หัวเราะ) เจ้าพวกนี้มันคุ้ยศพขึ้นมากิน บางทีมันทุเรศลูกกะตาทนไม่ได้ก็ลากพลั่วไปกลับให้มันที ตายเกลื่อนกลาดไปหมด บางศพก็ผูกติดกับต้นไม้ ยิงทิ้งเสร็จก็ปล่อยอยู่อย่างนั้น เน่าเหลือแต่กระดูกมั่ง หนังติดอยู่หน่อยหนึ่งแห้งแหงแก๋อยู่อย่างนั้นก็มี คราวนี้มันเกลื่อนกลาดไปหมด
              มีอยู่คืนหนึ่งกำลังอยู่เวรหน้าด่านมันราว ๆ ๕ ทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืนแปลกมาก เวลานี้เป็นเวลาที่อาตมาโดนผีหลอกประจำช่วง ๕ ทุ่มกว่าช่วงหนึ่งกับช่วงใกล้ตี ๒ กว่าช่วงหนึ่ง ช่วงนี้จะโดนผีหลอกประจำเลย อยู่ ๆ มันมีเสียงประหลาดบอกไม่ถูก มันโหยหวนบาดลึกเข้าไปในหัวใจ เหมือนใครเป็นหมื่นเป็นแสนมันร้องเข้ามาแน่นไปหมดทุกด้าน แล้วหมาในหมู่บ้านทับเซียมที่ห่างไปซัก ๒ กิโลมันหอนประสานกันทั้งหมู่บ้านเลย ไอ้เราก็ตายแล้วหว่ากูวันนี้เจอกองทัพผีเข้าแล้ว บอกกับเพื่อนที่อยู่เวรด้วยกันเขารุ่นพี่ เอ้าเฮ้ย! เอ็งฉายไฟข้าจะยิง ลองกับผีมันดูหน่อยเราก็เตรียมเอ็ม ๑๖ พร้อมเลย
              พอเพื่อนมันฉายไฟปุ๊บ ลักษณะเสียงที่มันร้องเข้ามาคือไม่น่าจะเกิน ๒ เมตรแล้ว มันไม่มีอะไรเลยมันเป็นทุ่งนาโล่ง ๆ นั่นแหละ ไอ้เจ้านั่นเขาคงอยากจะมาขอส่วนบุญแต่บังเอิญเจอเขาอุทิศส่วนกุศลด้วยกระสุนเอ็ม ๑๖ เลยเปิดกันหมด ถือถ้ามาขอดี ๆ ไม่เป็นไร อาตมาประเภทใจดี แต่หากว่ามาในลักษณะนั้นมักจะสู้ เป็นคนที่กลัวนะ แต่กลัวลักษณะกลัวแล้วไม่หนี กลัวแล้วสู้ เจอบ่อยอีกทีหนึ่งนั้นช่วงประมาณตี ๒ อยู่เวรกับรายเดิมนั่นแหละ เขาจัดเวรเป็นคู่ ๆ กันประมาณตี ๒ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาใส่เสื้อแขนกระบอกสีดำยาวถึงนี่ แล้วก็ผ้าถุงสีดำ ไว้ผมยาวเกือบถึงก้น แกใส่ชุดดำปี๊ดปี๋เลยนะ แต่แปลก
      ถาม :  .......................
      ตอบ :  คราวนี้ก็คิดว่าเป็นพวกชาวบ้านเขามาหาหมอทหาร เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยฉุกเฉินเขาจะวิ่งมาหาหมอทหาร ก็ถามว่า อีหนู... มีธุระอะไร? มันไม่ตอบ มันเอื้อมมือจะคว้าคอเราเลย เราก็ผงะหลบ คราวนี้ตัวเองนั่งอยู่ แท่นที่เข้าเวรน่ะมันเป็นป้อมสูง โห.... ตกลงไปก็คอหักสิ มันเป็นเนินเขานะ พอผงะหลบตั้งใจมองหน้ามันคราวนี้ใจแป้วเลย ลูกตามันยังกับลูกแก้วใส ๆ เลย เราก็ตกใจ ยายนั่นก็เดินทื่อเข้ามาจะทำไงดีหว่า ? มันเดินเข้ามามันกั้นตัวเรากับปืนเอาไว้เอื้อมมือก็ไม่ถึง (หัวเราะ) ฉุกเฉินนึกอะไรไม่ทัน
              ตอนนั้นภาวนาคาถาอยู่หลายบท นึกถึงคาถาชินบัญชรก็ตั้งใจนึกถึงหลวงพ่อโตวัดระฆังว่า ชะยาสะนาคะตาพุทธา... ยังไม่ทันจะครบประโยค มันหายวับไปยังกับหนังขาดโดนกระชาก เคยดูหนังที่ถึงเวลาแล้วฟิล์มมันขาดใหม ? วึ๊บเดียวภาพหายเกลี้ยงเลยหรือไม่ก็เหมือนโดนใครกระชากหายไป เราก็มานั่งอกสั่นขวัญแขวนทบทวนแล้ ทบทวนอีก ใครวะ ? เราอยู่ที่นี่ทหารที่ปะทะกันมันยิงฆ่ากันก็เรื่องปกติ แต่เราไม่เคยยิงผู้หญิงนี่หว่า ?... แล้วทำไมผีผู้หญิงถึงจะมาหักคอเรา นึกไปนึกมานึกได้
              ตอนช่วงบ่ายเป็นช่วงว่างของเราไปซ้อมขว้างมีดปลายปืนกัน มีดปลายปืนจะยาวสักคืบน่ะ แล้วด้ามหนัก ๆ จะสวมติดกับลำกล้องปืนเอาไว้เวลาถ้ายิงกับจนหมดแล้วมันจะเป็นอาวุธยาวได้ ซ้อมกับต้นไม้ ขว้างซะพรุนไปเลย นึกขึ้นมาได้ปุ๊บก็ อ๋อ...สงสัยว่าจะเป็นนางไม้ที่ต้นนั้นแหละ แม่เจ้าประคุณคงยั๊วะเต็มที่แล้ว ต้นนั้นอยู่บนจอมปลวกใหญ่ด้วย เป้าเด่นดีใช่ไหม ? ซ้อมขว้างซะพรุนไปเลย ตั้งใจว่าเดี๋ยวตอนเช้าจะไปขอโทษ
              ตอนเช้าก็เลยจัดอาหารหน่อยหนึ่ง ไม่เยอะหรอก มีข้าวหน่อยหนึ่ง น้ำหน่อยหนึ่ง กับหน่อยหนึ่ง ไปถึงก็จุดธูปปักเลย บอกว่าสิ่งที่ล่วงเกินเธอโดยไม่ได้เจตนานั้นขอโทษด้วยนะเพราะว่าไม่รู้จริง ๆ ว่าเธออยู่ตรงนั้น ถ้าหากว่าโกรธแค้นอะไรก็ขอให้อภัยกันด้วย ต่อไปถ้าทำบุญอะไรแล้วจะอุทิศให้ เรื่องมันก็เงียบไปเฉย ๆ คือคืนต่อมาก็ไม่มารบกวนอีก อยู่ที่นั่นผีหลอกประจำจ้ะ มันหลอกทั้งเห็นตัวหลอกทั้งได้ยินแต่เสียง หลอกมาตั้งแต่กลิ่นอะไรสารพัดสารเพ เพราะว่ามันตายซับตายซ้อนนับกันไม่ถ้วน
              มีอยู่เที่ยวหนึ่งเขาวิทยุมากลางดึกบอกว่าฝ่ายตรงข้ามมันเคลื่อนไหวกันคึกคัก ดูท่ามันเข้าตีเราคืนนี้แน่ ผบ. ร้อยสั่งการให้ทหารเคลื่อนกำลังออกไปยันไว้ก่อน พอไปถึงเข้าจัดวางกำลังกัน คนอื่นเขาต้องไปวางกำลังตามจุดของตัวเอง ของเราประจำอยู่กองบัญชาการกองร้อยไปไหนไม่ได้ เขาบอกเอ็งเฝ้ารถไว้ เรามองดูรถมันจอดอยู่บนคันคูยุทธศาสตร์
              คนไทยเราฉลาด พื้นที่ข้างหน้าของเราน่ะแผ่นดินไทยนะ แต่เรายอมร่นพื้นที่ลงมา ๒ กิโลเมตร แล้วขุดเป็นคูยาวตลอดเลย บนคันคูก็เอาดินขึ้นมาถม ต้องถมเป็นคันใหญ่เบ้อเร่อเป็นถนนให้พวกเขมรเขาอาศัยอยู่ได้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรนี่เรายิงเขาได้ทันทีเลย เพราะว่าเขาบุกรุกอยู่ในพื้นที่เรา ๒ กิโลเมตร เขาเคลื่อนไหวผิดปกติดูท่าว่าจะเข้าตีก็เลยต้องทำวิธีนั้น