สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๖ (ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

      ถาม:  ร้อยกิโลกรัม นึกไม่ออกเลยว่าตัวเท่าไหน ?
      ตอบ :  สูงเลยเอวอาตมาอีก เสร็จแล้วตอนไปหา “มุบื่อ” ที่บ้านตะเพินคี่ จากแยกบ้านป่าผากวิ่งมาแยกบ้านกล้วย สิบโมงกว่าจะสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว หมูป่าวิ่งพรวดออกจากดงข้าวโพดแล้วตัดขึ้นเขาพรืดไป โอ้โฮ...ไอ้นี่มันโคตรฉลาดเลย มิน่า...ถึงรอดอยู่ได้ ปกติสัตว์จะหากินตอนดึก แล้วก็รีบกลับรังตอนใกล้รุ่ง เพราะกลัวอันตราย
              ไอ้หอกนี่กินเสร็จนอนเขลงอยู่ในไร่นั่นแหละ เพราะตอนใกล้รุ่งส่วนใหญ่พรานเขารอล่าอยู่ รอจนสิบโมงกว่าคนเลิกล่ากันหมด แดดเริ่มร้อนแล้ว ก็วิ่งพรวดเดียวข้ามถนนเข้าป่าไปเลย แหม...ไอ้นี่โคตรเซียนจริง ๆ ถึงอยู่รอดมาได้ คิดดู...ถนนเส้นนั้นน่ะรถผ่านอยู่ตลอดก็ไม่ว่าหรอก บ้านคนยังเรียงเป็นตับเลย แต่ไอ้ตัวนี้กล้าเข้าไปกินในไร่เขา ถ้าไม่เก่งจริงไม่รอดหรอก
      ถาม :  ฉลาดจังเลย ?
      ตอบ :  ถึงได้ว่าตอนแรกอาตมาคิดว่าสัตว์คิดไม่เป็น พอไปเป็นเข้านี่ แหม...คิดเป็น...คิดเก่งด้วย
      ถาม :  แต่คงคิดแค่บางชนิดหรือเปล่าคะ ที่ไม่ต่ำเกินไป ?
      ตอบ :  สัตว์มีความคิดทั้งหมด เพียงแต่สามารถแสดงให้เรารู้ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง ถึงได้บอกว่าเราพูดอะไรหมารู้เรื่องหมดแหละ แต่หมาพูดมาเราไม่รู้เรื่อง เพราะสัตว์พูดด้วยภาษากายบ้าง ภาษาใจบ้าง ปนกันให้มั่วไปหมด
      ถาม :  แมวฉลาดกว่าหมาไหมคะ ?
      ตอบ :  ต้องดูก่อนว่าหมาที่ฉลาดจริ งๆ เป็นอย่างไรวันก่อนทางกำแพงแสนเขามีหมาตาเพชรอยู่ตัวกหนึ่ง พอเขาออกข่าวอาตมารู้เลยว่าตัวนั้นของแท้ เพราะได้ยินเจ้าของเขาบอกว่าไม่มีตาดำ พวกหมาตาเพชรเสือตาเพชร แมวตาเพชรอะไรพวกนี้ ตาดำไม่มีหรอก ตาจะเป็นสีเดียวกันทั้งดวง
      ถาม :  ถ้าเขาตายแล้วทำอย่างไรคะ ถึงจะได้ตาเขา ?
      ตอบ :  เอาใส่หม้อดินฝังทรายทิ้งไว้ ๓ เดือน แล้วขุดขึ้นมา นิมนต์พระมาทำบุญกระดูกให้เขา จากนั้นปูผ้าขาวเทหม้อกระดูกลงบนนั้น ค้นหาเอาจะเจอเอง
              พวกนี้จะเป็นของวิเศษคู่ตัวเขา แสดงว่าเป็นพระโพธิสัตว์แน่ คนก็แสนรู้เหลือเกินนะ เที่ยวไปเสาะหามา ของบางเช่น เดือยงูเหลือมอย่างนี้ เกล็ดปิดตูดลิ่นอย่างนี้ ต้องไปพลิกดูกี่ตัวกว่าจะเจอ แล้วอุตส่าห์ไปหามาของคู่ตัวเขาแท้ ๆ
      ถาม :  พูดถึงพวกเชื้อโรคหรืออะไรที่นักวิทยาศาสตร์เขาวิจัย พวกนี้มีชีวิตไหมคะ ?
      ตอบ :  พวกนี้เป็นแค่วิญญาณไม่ใช่จิต เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น คือในลักษณะของสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่ยังไม่มีตัวรู้อยู่ เป็นพัฒนาการแค่ขั้นต้นเหมือนอย่างกับพวกต้นไม้กินแมลงอะไรพวกนี้ เคลื่อนไหวได้ กินอาหารได้ สืบพันธุ์ได้ แต่ไม่มีจิตสำหรับคิด มีแค่วิญญาณเท่านั้น
      ถาม :  ไม่มีจิตเพราะฉะนั้น...ไม่มีชาติภพ ?
      ตอบ :  ต้องดูด้วยว่าพัฒนาการขั้นไปได้สูงกว่านั้นไหม ? ถ้าพัฒนาการขึ้นไปจนมีจิตเมื่อไร ก็มีเมื่อนั้น
      ถาม :  พระถ้ามีเจตนาจะไม่ฉันยาปฏิชีวนะที่ฆ่าเชื้อโรค ตรงนี้ผิดไหมคะ ?
      ตอบ :  พระพุทธเจ้าท่านยังฉันเลย ต้องดูต้นตำหรับ
      ถาม :  นักธรรมโทมีคำถามหนึ่งที่ว่า “ทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่ให้จำพรรษาตลอด ๔ เดือนในฤดูฝน ?”
      ตอบ :  เพื่อความสะดวกของพระภิกษุว่าจะเลือกจำพรรษาแรกหรือพรรษาหลัง ถ้าเล่นตลอดสี่เดือนก็จะเกินกาลจีวรไป
      ถาม :  ในสนามหลวงจะตอบว่าเพื่อเผื่อไว้สำหรับกาลจีวร ?
      ตอบ :  นั่นแหละ จะเกินกาลจีวรไป จริง ๆ คือต้องบอกเพื่อความสะดวกของภิกษุที่จะเลือกจำพรรษาแรกและพรรษาหลังจะได้ไม่เกินกาลจีวร
      ถาม :  วันนี้ไอ้ท่านแดงไปเสือกอยู่ที่นั่น ท่านแดงประตูด่าน คราวนี้อะไรก็ตามที่ผมบอกสั้น ๆ บอกง่าย ๆ นี่ ท่านเล่นประเภทกางตำราว่าไปครึ่งหน้า แล้วปล่ยอให้พร่ใหม่ท่านเอ๋อกันหมด ว่ากูจะเอาตรงไหนแน่ ?
      ตอบ :  ต้องคนคิดได้ ประมวลได้ แล้วก็สรุปได้
      ถาม :  ไม่อย่างนั้นไม่รู้เรื่องหรอกครับ แต่ผมได้ข้อสอบมาข้อหนึ่ง ที่พระอาจารย์บอกตอนนั้นว่า จะออกพรรษาแล้ว ถึงสัตตาหะเลยไปเยอะก็ยังไปได้ ผมก็คิดว่าได้หรือ ? ไปค้น ๆ ดูเอ๊ะ...ดันออกข้อนี้ เพราะพวกนั้นตอบกันว่าไม่ได้กันทั้งนั้น
      ตอบ :  ได้ครับ
      ถาม :  ผมเขียนว่าได้ เพราะเรารู้อย่างไรก็เขียนลงไป ?
      ตอบ :  เหตุที่ให้สัตตาหะได้ เพราะคำว่า “สัตตาหะกรณียะ” แปลว่ากิจภายใน ๗ วัน แต่คราวนี้เนื่องจากว่ากิจนั้นไปแล้วพอดีถึงช่วงออกพรรษาก่อนจะครบ ๗ วัน ดังนั้น....ถือว่าเราลาตามสิทธิ์ และช่วงที่เราจำพรรษามานั้นก็ถือว่าครบ ๓ เดือนเต็ม เพราะฉะนั้น...ต้องได้อานิสงส์จำพรรษาอยู่แล้ว ถ้าตอบสั้นว่าได้คำเดียว แล้วเขาไม่หมั่นไส้เขาก็ให้ แต่จริง ๆ แล้วของนักธรรมโทต้องอธิบายหน่อยหนึ่ง ถ้านักธรรมเอกต้องอธิบายมากว่านั้นอีก เพราะเขาต้องการดูว่าเรามีความรู้จริงไหม
              การเรียนหนังสือเป็นปัญญาทางโลก คือ สุตมยปัญญา อบรมบ่มมาจากการฟัง จินตมยปัญญา ใช้การคิดแยกแยะเอา จินตมยปัญญาจริง ๆ น่าจะเรียกว่าสัญญามากกว่า ปัญญาในทางธรรมจริง ๆ ต้องเป็นภาวนามยปัญญา เป็นตัวรู้แจ้ง ที่พระพุทธเจ้าท่านกำหนดไว้ คือการบวชเณรต้องให้ ๗ ขวบขึ้นไป เพราะอายุ ๗ ขวบนี่พูดง่าย ๆ ก็คือมีปัญญาพอที่จะตัดสินใจแล้ว ในเมื่อการตัดสินใจมีแล้ว โอกาสที่จะเข้าถึงธรรมก็มี
      ถาม :  ในหลวงบอกว่าให้ติดดินค่ะ ?
      ตอบ :  ภูมิพล แลปว่ากำลังของพื้นดิน เพราะฉะนั้น....ต้องติดดิน
      ถาม :  สมเด็จย่าต้องคอยเตือน ก่อนตายท่านยังคอยเตือน พวกนั้นไม่รู้ว่าฟังรู้เรื่องหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ไม่รู้เรื่องหรอก นั่งหลับกันเป็นปกติ
      ถาม :  เราฟังแล้วเราอ้าปากหวอเลย โอ้โฮ...?
      ตอบ :  ต้องบอวก่า ช่วงนี้พระองค์ท่านไม่ค่อยจะยั้งเลย แต่คนไม่ค่อยจะคิดตรงจุดนี้กัน ถ้าระดับนี้ปล่อยเต็มที่ แปลว่าใกล้จะไปแล้ว...!
      ถาม :  ท่านอุตส่าห์ชี้ไปบนหัวแล้วนะ ?
      ตอบ :  เราโชคดีมหาศาลขนาดไหนที่มีพระเจ้าแผ่นดินอย่างนี้ โดยเฉพาะช่วงนี้พระสำคัญ ๆ ไปกันเป็นแถวเลย สมเด็จพระวันรัต วัดโสมนัสฯ อย่างนี้ หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัยอย่างนี้ อะไรก็ไม่ว่า หลวงพ่อตามะยะที่ประเทศพม่าก็ไปแล้ว
      ถาม :  ไปพระนิพพานแล้ว ?
      ตอบ :  อ๋อ...หลวงพ่อตามะยะยังเกิดอีก
      ถาม :  เกิดอีกหรือคะ ?
      ตอบ :  นั่นพระโพธิสัตว์จ้ะ คราวที่แล้วท่านตายไปสองวันกว่า แล้วท่านก็ฟื้น งวดนี้ไม่ฟื้นแล้วจ้ะ
      ถาม :  กี่วันแล้วคะ ?
      ตอบ :  ประมาณวันที่ ๒๙
      ถาม :  ถ้าจะฟื้นก็ต้องฟื้นภายใน ๗ วันใช่หรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  ไม่หรอก คือถ้าไปโดยการใช้กำลังฌานสมาบัติจริง ๆ แล้ว ยังมีเจตนาจะกลับอีก กำลังฌานจะรักษาร่างกายไว้ให้ ไปกี่เดือนกี่ปีก็อยู่ได้
      ถาม :  อย่างนี้ต้องใช้สมาบัติ ?
      ตอบ :  ต้องลักษณะอย่างนั้น แต่ถ้าประเภททิ้งขันธ์เลย ไม่คิดจะรักษาเอาไว้ แบบคราวที่แล้วที่ท่านไปนั่น พอท่านกลับมาเลยเป็นอัมพาตอยู่
      ถาม :  ท่านต้องเกิดอีกครั้ง ?
      ตอบ :  ท่านเลี้ยงคนไว้ขนาดนั้นนี่ ก็ต้องมาโปรดคนของท่าน อย่าลืมนนะว่าในหลวงท่าน ๗๖ ขึ้น ๗๗ แล้วนะ ในเมื่อ ๗๖ ขึ้น ๗๗ แล้ว อายุทางโลกทั่ว ๆ ไปคือคุณปู่คุณตาแล้ว เกินอายุขัยแล้ว
      ถาม :  เมื่อคืนท่านยังขับรถเองเลย ?
      ตอบ :  ท่านชอบขับเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คือถ้าไม่ใช่เดินทางไกลจริง ๆ นี่ท่านขับเองตลอด
      ถาม :  ขับแล้วให้ลูก ๆ นั่ง ๓ คน ?
      ตอบ :  มีอยู่คำหนึ่ง “ทิฐิพระ มานะกษัตริย์” ประเภทที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นแล้วอย่างไรก็อ่อนแอไม่ได้ เสร็จแล้วหลวงลุงสุนทรท่านว่า “เอ๊ะ...หลวงพี่...ทิฐิพระ พระยังมีทิฐิหรือ ?” มีสิ...ต้องมีเยอะด้วย ถ้าไม่มีเป็นพระไม่ได้ “มีทิฐิแล้วเป็นพระ ?” “ใช่...สัมมาทิฐิ” ตูหลอกต้มคนแก่จนเปื่อยเลย
      ถาม :  สมมติมีคนบอกว่าวันนี้ฤกษ์ดีในการวางเสาเอก แต่เจ้าของบ้านยังไม่พร้อมในการที่จะไปตั้งเสาเอก จะจุดธูปบอกเจ้าที่เฉย ๆ ได้ไหม ?
      ตอบ :  คนละเรื่องกันเลยตั้งเสาเอกเป็นเคล็ดของความมั่นคงร่มเย็นของบ้าน ต้องลงมือทำ ไม่ใช่ฝากเทวดาไว้ ลักษณะของการยกเสาเอก ขึ้นบ้านใหม่หรือการแต่งงานนี่ โบราณจะนิยมเลขคู่ คืออย่างน้อยสองขาก็มั่นคงหน่อย สี่ขาก็ยิ่งดีอะไรอย่างนี้...ใช่ไหม ? แต่เขาจะใช้ประเภทว่าเดือน ๑๒ เดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ และเดือน ๘ ข้างขึ้น เดือน ๘ ข้างแรมกับเดือน ๑๐ เขาถือว่าอยู่ในช่วงพรรษาเขาไม่ทำกัน ฉะนั้น...ดูฤกษ์ที่อยู่ในเดือนคู่
      ถาม :  ได้ยินคนพูดว่า การนั่งสมาธิแล้วหลุดไปทั้งตัว เหมือนจะมีวิญญาณอื่นเข้ามาแทรก ?
      ตอบ :  ถ้าช่วงเฮง ๆ ก็มีจ้ะ เหมือนเราจอดรถทิ้งไว้แล้วมีคนมาขับแทน อย่าลืมว่าการฝึกมโนมยิทธินี่ โดยเฉพาะการฝึกเต็มกำลังหลวงพ่อวัดท่าซุงจะให้ทำน้ำมนต์ด้วยอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ตั้งใจขอบารมีพระพุทธเจ้าให้ช่วยสงเคราะห์ ป้องกันภัยทั้งหลายให้ด้วย ว่าอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบด้วยความเคารพ หยดเทียนทำน้ำมนต์ แล้วพรมให้กับผู้ที่ได้รับการฝึก แต่ระยะนี้ทางวัดท่าซุงทำแปลกมาก ไปพรมตอนเลิกฝึก ความจริงต้องพรมตั้งแต่ตอนเริ่มฝึก
      ถาม :  ถ้าฝึกเองที่บ้าน
      ตอบ :  ฝึกเองที่บ้านของเราเอง ขอให้เจ้าที่หรือท้าวมหาราชท่านช่วยป้องกันให้ ตั้งใจกราบขอบารมีท่านช่วยสงเคราะห์ ปกติแล้วถ้าคนฝึกรรมฐาน ถ้าใจเริ่มเข้าสู่จุดของอุปจารสมาธิ ท้าวมหาราชท่านจะให้เทวดามาคอยรักษาอยู่แล้ว แต่ถ้าเราบอกท่านอย่างเป็นทางการ ท่านจะถือว่าเป็นภาระที่ต้องทำ ถ้าไม่ได้บอกอย่างเป็นทางการ บางช่วงกรรมของเราหนัก จะต้องชดใช้ในตรงจุดนั้น เทวดาท่านรู้ ท่านจะยอมรับกฎของกรรม ไม่ช่วยป้องกันให้ เราเองก็เดือดร้อนช่วงนั้น เขาอาจจะยืมไปใช้ซัก ๘ ปี ๑๐ ปี...!
      ถาม :  บางคนสติไม่ค่อยสมบูรณ์ก็เป็น ?
      ตอบ :  ไม่แน่จ้ะ ต่อให้สติสมบูรณ์ ถ้าไปเจออะไรที่น่ากลัว ตกอกตกใจเกินไปก็เป็นได้
      ถาม :  ในการหล่อพระ มีทองที่หล่นออกมา แล้วมีคนเก็บเอาเป็นตัวเอง ?
      ตอบ :  เป็นหนี้สงฆ์จ้ะ
      ถาม :  ถ้าเอาทองนั้นไปคืน ก็ยังเป็หนี้อยู่ ?
      ตอบ :  ถ้าเอาไปคืนก็หมดไป ถ้าอยากได้ต้องจ่ายตามราคา มีเที่ยวหนึ่งในการหล่อพระพุทธชินราชกริ่ง รุ่นอินโดจีน ญสส. ทองที่หล่นจากเบ้ามาเกือบ ๒๐๐ บาท คือคนศรัทธาเขาก็ถอดโยนใส่ไป แต่ไม่ได้เข้าเบ้ากรรมการต้องคอยเก็บใส่พาน พิธีใหญ่คนเห็นแล้วศรัทธามากก็โยนใส่ แต่คราวนี้มือไม่แม่น
      ถาม :  หลวงพ่อฤๅษีท่านสอนว่า “พระนิพพานเป็นการใช้ปัญญาอย่างสูงในการปฏิบัติ” การที่เราทำสมาธินี่ กำลังของฌานไม่ได้ทำให้เราบรรลุผล ?”
      ตอบ :  กำลังของฌานเป็นอาวุธ ปัญญาเราถึง แต่ถ้ากำลังไม่มี ก็ใช้การอะไรไม่ได้ แต่ถ้ากำลังมีขาดตัวปัญญา ก็ใช้งานไมได้อีกเหมือนกัน ๒ อย่างต้องเท่ากัน คราวนี้การที่เราใช้กำลังฌานนี่ ถ้าจะใช้อย่างคนมีปัญญา คือใช้กำลังอันนั้นเกาะนิพพานไปเลย ไม่ใช่การติดในรูปราคะ รูปราคะของสังโยชน์ เพราะเราใช้ถูก แต่ที่เขาติดเขาไปติดความสุขในฌาน นิ่งสงัด เยือกเย็นบอกไม่ถูก เลยไปเพลินอยู่ตรงนั้น แทนที่จะเกาะพระนิพพาน เพราะฉะนั้น...ถ้าใช้กำลังฌานเกาะพระนิพพานถือว่าใช้ถูก เกาะได้จ้ะ ถึงวาระใจจะปล่อยเอง คนเดินขึ้นบันไดก็เดินเกาะราวบันไดไปเรื่อย ๆ ถึงเวลาไปอยู่ในห้อง ปล่อยราวบันไดตอนไหนยังไม่รู้เลย ขึ้นถึงข้างบนแล้วจะไม่เกาะอีกหรอก
      ถาม :  การภาวนากับการท่องต่างกันอย่างไร ?
      ตอบ :  ท่อง ถ้าจิตเป็นสมาธิถือว่าเป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง ถ้าจิตไม่เป็นสมาธิสักแต่ปาว ๆ ไปผลประโยชน์ก็น้อยหน่อย กลายเป็นนกแก้วนกขุนทองไป แต่ตัวภาวนาจริง ๆ เขาต้องการให้ประกอบด้วยปัญญา พอจิตของเราทรงตัวเรียบร้อยแล้ว ให้คลายจิตออกมาเพื่อให้ทำงานได้สะดวก แล้วมาพิจารณาแทนว่า สภาพร่างกายของเราไม่เที่ยงอย่างไรเป็นทุกข์อย่างไ รไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราอย่างไร หรือว่าพิจารณาตามแบบอริยสัจ คือหาเหตุของทุกข์ให้เจอ ดับเหตุของทุกข์นั้น หรือดูตามในวิปัสสนาญาณ ๘ ดูการเกิดการดับ ดูเฉพาะการดับ ดูว่าเป็ทุกข์เป็นภัย ดูว่าเป็นของน่ากลัว ดูว่าน่าเบื่อหน่าย ดูว่าอยากจะไปเสียให้พ้น อะไรอย่างนี้
      ถาม :  พิจารณาต้องเกิดจากปัญญา ?
      ตอบ :  ต้องใช้ปัญญาจริง ๆ
      ถาม :  ถ้าเราจำมาจากคนอื่น ?
      ตอบ :  ตอนแรก ๆ เหมือนกับจำ แต่พอเราย้ำแล้วย้ำอีก ทำแล้วทำอีกสภาพจิตยอมรับตัดสินใจได้เมื่อไรจะเป็นปัญญาทันที ถ้าตราบใดยังขาดตัวตัดสินใจประกอบ ก็จะเป็นแค่สัญญา คือจำเท่านั้น แบบถามตัวเองว่า ร่างกายนี่ใช่ของเราไหม ? กำลังใจของเราจิร งๆ ต้องตอบว่าไม่ใช่ ไม่ใช่รู้ว่าตอบว่าไม่ใช่ถึงจะถูก แล้วไปตอบอย่างนั้น ต้องแยกให้ออกนะ ของเราจะประเภทต้องตอบว่าไม่ใช่ถึงจะถูก แล้วเราก็ตอบ...ใช่ไหม ? แต่ปัญญานั้นต้องออกจากใจจริง ๆ จะรู้ชัดเลยว่าทำไมถึงไม่ชี่
      ถาม :  ของสงฆ์อย่างสมมติว่าเขาเอาพริ้นเตอร์ไปแล้วประมาณปีกว่า ๆ แล้วค่อนข้างจะเสื่อมไปแล้ว เราเอาไปขายแล้วซื้อพริ้นเตอร์ใหม่มาคืน ?
      ตอบ :  ได้จ้ะ เรื่องของสงฆ์ถ้าทำแล้วดีเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมได้ แต่ถ้าทำแล้วไม่ดีเท่าเดิมหรือไม่ดีกว่าเดิมเราติดหนี้สงฆ์เอง เลือกว่าเราจะเอาอย่างไร อย่างเช่นว่าอาตมารื้อศาลาทิ้งเป็นหลัง ๆ นั่น ถ้าไม่มีความสามารถที่จะทำใหม่ให้ดีเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิมก็ติดหนี้สงฆ์หัวโตเลย
      ถาม :  สวดมนต์ตามหลวงพ่อ แล้วอุทิศส่วนกุศล แต่จิตเต็มไปด้วยความเศร้าหมองอยู่ ?
      ตอบ :  ขอให้ออกปากเท่านั้นนะ คนรับพร้อมจะขนอยู่แล้ว ขอให้เจ้าของอนุญาตเท่านั้นเอง ต่อให้เจ้าของร้องไห้ฮือ ๆ ถ้าเปิดประตูให้เข้าบ้าน คนรับก็ลุยเละแล้ว ส่วนของความดีมีอยู่ ถึงตอนนั้นจะหมองก็ตาม ความดีเก่าไม่ได้สลายตัวไปไหน อนุญาตให้เขารับเมื่อไรเขาก็ขนกันกระจายแหละ เขาพร้อมจะรับอยู่แล้ว
              ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี ๒๕๓๐ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจัดงานศพจำลองคนไปสักสามแสนเห้ฯจะได้ หลวงพ่อท่านทำพิธีเสร็จ ท่านบอกให้ไปรับน้ำมนต์ตรงสะพานลอยที่ต่อกันระหว่างศาลาสองไร่กับศาลาสิบสองไร่คร่อมถนนอยู่พอดี ท่านบอกไปรับตรงนั้นแหละ ใครเปียกมากก็รวยมาก โอ้โฮ...แล้วท่านให้อาตมาเป็นคนพรม ทหารก็ไม่ฟังเสียงเลย น้ำมนต์สองแทงค์นี่พอเปิดใส่เต็มถังก็หิ้วมา พอเต็มถังก็หิ้วมา อาตมาก็พรมไปเรื่อย ตอนพรมมีแรงอยู่ พอเลิกแล้วแขนห้อยไปอาทิตย์กว่า ยกแขนไม่ขึ้น แรงจะยกแขนยังไม่มีเลย
      ถาม :  ไม่มีใครช่วยเลยหรือคะ ?
      ตอบ :  ไม่มี...เพราะหลวงพ่อท่านจะกำหนดเองว่าใครทำหน้าทีนี้ แล้ววันนั้นถ้าท่านบอกว่าเปียกมากรวยมาก อาตมารวยที่สุด พรมให้เขาตัวเองก็โดนนิดโดนหน่อยไปเรื่อย เปียกโชกตั้งแต่หัวถึงเท้าเลย คนอยู่ข้างล่างก็ได้แต่ตะโกน “ทางนี้หน่อย พรมทางนี้บ้าง” คนข้างหลังก็ดันคนข้างหน้า กระเด็นไปแล้วก็วิ่งกลับมาใหม่ ก็เอาของเขาจนได้
      ถาม :  สามแสนคน...ทุกคนก็เอาแต่จะให้เปียกมากที่สุด วันหลังใส่ฝักบัวเลยดีกว่า ?
      ตอบ :  อยากได้รถดับเพลิงเลย เมื่อวันก่อนขอยืมรถดับเพลิงของทางด้านเทศบาล เอาน้ำสองคันรถไปล้างหลังคา เพราะหลังคากุฏิแม่ชีกับศาลาวัชโรทัยที่ทำเสร็จใหม่ ๆ เขาไปตัดกระเบื้องกันบนหลังคา ตัดกระเบื้องบนหลังคาพวกฝุ่นก็ค้างเยอะ ต้องเอารถดับเพลิงมาฉีด ท่อของเขาออกแบบมาดีมากเลย คือมีที่ล็อกไม่ดิ้นหลุดมือ ตอนแรกอาตมากลัวว่าจะดิ้นหลุดมือ แล้วคนอื่นไม่กล้าขึ้นไปยืนบนหลังคา กลัวโดนท่อตีร่วงลงมา อาตมาต้องขึ้นไปเอง แล้วท่อไม่ดิ้นหลุดมือ ก็เออ...แบบบนี้น่าฉีดใส่คนนะ เอาให้หงายท้องไปเลย เห็นหลวงพ่อคูณท่านเคยใช้รถดับเพลิงครั้งหนึ่ง ท่านยืนบนตะกร้า รถดับเพลิงจะมีคล้าย ๆ ตะกร้ายกขึ้นสูง ๆ ได้ เพื่อเอาไว้ช่วยคนที่ติดอยู่ เขาเล่นเอาหลวงพ่อคูณยืนในตะกร้าแล้วรถดับเพลิงก็ฉีดน้ำมนต์ให้