ถาม: วันที่ ๒๐ หลวงพ่อจะทำพิธีตอนกี่โมงคะ ?
ตอบ : เจ็ดโมงครึ่ง พักเดียวแหละ ไม่นานหรอก หนาว...ทำเสร็จแล้วจะพรมน้ำมนต์ให้โชกเลยวันก่อนหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ลงรูปผู้หญิงหน้าขาววอกนั่งอยู่หน้ากระป๋องแป้ง ตีหน้าจะตายแหล่มิตายแหล่ะ เสร็จแล้วบรรยายว่ารูปนี้ไม่ใช่หน้าขาวเพราะทาแป้งหรอก หน้าขาวเพราะจะเป็นลม อาบน้ำเสร็จร้อนขึ้นมา พอร้อนขึ้นมาก็หาแป้งจะทา หาของตัวเองไม่ได้ คราวนี้ร้านเป็นห้องแถวติด ๆ กัน เห็นแป้งของคนข้างบ้านก็เอามาถึงเขย่า เอ๊ะ...ทำไมหนัก ทาหน้าไปหน่อยแล้วสงสัยเลยบิดฝาออกดูยาบ้าค่อนกระป๋อง ตำรวจเพิ่งจะกวาดล้างไปอาทิตย์ก่อน เจ้าของคงซุกซะอย่างดีเลย รายนี้เกือบจะเป็นลม มือสั่นตีนสั่น กลัวจะโดนจับ เลยต้องรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ...!
ถาม : ถ้าเราเจอยาบ้า เราโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เราจะไม่มีความผิดใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องดูสภาพแวดล้อมก่อน แต่ขณะเดียวกัน ถ้าเราไม่ไปจับ ไม่ไปแตะต้อง ลายมือเราไม่มีติดอยู่ ให้กองพิสูจน์หลักฐานพิสูจน์ได้ ต่อให้ตำรวจยัดให้ก็ตาม บอกว่านี่ไม่ใช่ของเรา เพราะฉะนั้น...ถ้าคุณคิดจะยัดของกลาง ไปสู้กันชั้นศาลก็ได้ แต่ขอบอกว่าตอนฟ้องกลับจะไม่ปราณีเลยนะ เพราะลายมือของเราไม่มี
ถาม : บางรายมาแปลก มาในกะหล่ำ ห่อมาเลยใส่ในกะหล่ำขึ้นรถบรรทุก ?
ตอบ : ไม่แปลกหรอก อาตมาอยู่ชายแดน ๑๓ เดือน เจอมาตลอดสารพัดที่เขาจะซุก คือที่ชายแดนขนาดไม่ใช่ของประเภทยาเสพติด เป็นแค่ของหนีภาษียังซุกกันขนาด อาตมาประเภทจับจนเรียกว่าช่ำชองเลย ไม่ว่าจะซุกตรงไหน เพราะจะรื้อมาแล้วทุกประเภท มีสิบล้ออยู่คันหนึ่งกว่าจะรื้อได้ เสียท่าไปหลายเที่ยวเลย เขาวิ่งรถเปล่าข้ามไปฝั่งเขมร เสร็จแล้วก็วิ่งรถเปล่าเข้ามา อาตมาก็บอกเพื่อนว่า ไอ้เวรตะไลนี่นะ ถ้าจะวิ่งรถควรจะเป็นกระบะหรือมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่เอาสิบล้อวิ่งไปวิ่งมา แบบนี้อย่างไรก็ต้องบรรทุกของมาแน่ แต่พวกเราค้นไม่เจอ จนในที่สุดวันหนึ่งก็เฉลียวใจขึ้นมา
ถาม : ล้อรถ ?
ตอบ : อาตมารื้อหมดทุกที่แล้วก็ไม่มี ล้อรถก็รื้อแล้ว รื้อหมดทุกที่แล้ว ประเภทเดินวนหาอยู่นั่นแหละ ไอ้เจ้าของก็กระดิกเท้าสบายใจ จนกระทั่งในที่สุดสังเกตว่า กระบะข้างในกับขอบไม้ข้างนอกความสูงต่างกัน จึงบอกทหารว่าเอาชะแลงมา แงะพื้นกระบะกระจายเลย บุหรี่ข้างในเต็มพื้นรถเลย เป็นพันแถว บุหรี่ตอนนั้นซองละ ๖ บาท แต่ที่ชายแดนขายซองละ ๑๒๐ บาท แต่ละเที่ยวฟาดไปเท่าไร เป็นพันแถวเลยนะ
ถาม : อัดเข้าไปได้อย่างไรนะ ?
ตอบ : เขาเรียงเต็มพื้นที่กระบะสิบล้อ เสร็จแล้วเอาไม้ปูทับ แต่ตอนที่เรียงนี่จะมีช่องของเฉพาะของเขา เราไม่รู้ว่าเขาเรียงช่องไหน ก็งัดพื้นขึ้นมาเลย นั่นแหละ...กว่าจะจับได้ไล่ทันเสียท่าเขาไปเยอะเลย
ถาม : ถ้าเกิดว่างัดแล้วไม่เจอนี่จะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ต้องยอมซ่อมคืน ที่แสบที่สุดเลยคือพวกค้าทองเถื่อน พวกค้าทองเถื่อนทำถังน้ำมันสองชั้น ชั้นบนมีน้ำมัน ชั้นล่างมีน้ำมันแต่ตรงกลางจะทำเป็นที่สำหรับใส่ของโดยเฉพาะ จะมีหลักยึดอยู่สี่ด้าน จะลอยอยู่ข้างในตรงกลางถัง โฮ้โฮ...กว่าจะผ่าถังน้ำมันเจอทองเถื่อนได้นี่ เขาขนกันไปไม่รู้เท่าไรแล้ว
เมื่อสักค่อนเดือนที่ผ่านมานี่แหละ ได้ข่าวว่าเพิ่งจะโดนจับอีก อาตมาจำชื่อนามสกุลได้ เพราะเคยตรวจรถเป็นประจำ เพิ่งโดนจับข้อหาค้ายาบ้า สมัยนั้นทองเถื่อนราคาดี รายนี้ค้าทองแล้วหนีรอดมืออาตมาไปได้อยู่เรื่อย งวดนี้ไปตายด้วยยาบ้า ๒,๐๐๐ กว่าเม็ด เขาเป็นเจ้าพ่อชายแดนตาพระยาเลย พวกนามสกุลกัณหา
ถาม : ตอนค้าทองเคยโดนจับหรือเปล่า ?
ตอบ : อาตมาไม่เคยจับได้ เพราะพวกนี้พอเห็นจวนตัวจริง ๆ จะทิ้งรถหนี ยอมให้ยึดรถยึดของไป
ถาม : อยู่ในถังน้ำมันนี่มองจากภายนอกจะไม่รู้เลย ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่...เพราะบนถังใต้ถังมีน้ำมันเป็นปกติ ถ้าไม่ผ่าถังออกมาจะไม่เห็นเลย ที่แสบที่สุดคืออะไรรู้ไหม ? เขามีการ ชนด่าน เขามาติดต่อขอผ่าน รถกระบะวิ่งมาถึง ๒๐ คัน มีผ้าใบคลุมกระบะมาอย่างแน่นหนามิดชิด มาถึงก็ ๒๐ คันนี่ผมให้ทอง ๒๐ บาท จะให้ผ่านไหม ? ถ้าเราไม่ให้ผ่านเขาก็เลี้ยวกลับไป ไปจ้างกองทัพมดขนแทน กองทัพมดจะแบกคนละหอบ มุดผ่านป่าไป ขนาดมาอยู่หน้าด่านเรายังทำอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่ใช่เขตแผ่นดินไทย เขาก็เลี้ยวกลับปหน้าตาเฉยอย่างนั้น แล้วก็ไปหาคนขนเอา เราจะทำได้ก็ต่อเมื่อเข้ามาในเขตของเราแล้ว
ถาม : ถ้าจับตอนนั้น เอาทองมาแล้วก็...?
ตอบ : ของต้องส่งกองพล แล้วเอาตัวดำเนินคดีไป
ถาม : เมื่อเป็นความผิดแล้วในเขตเขา ในเมื่อเราเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทำไม่ได้หรือคะ ?
ตอบ : ก็ประเทศอื่น ต้องข้ามด่านมาเขตไทยก่อนเราถึงจับได้ เขาอยู่แค่หน้าด่าน แค่ไม้กั้น ยังไม่ก้าวเข้ามาเลย รุ่นนี้ไม่รู้ได้ดูหนังเรื่องป๊อกกี้หรือเปล่า ? จะเป็นหนังพวก Dirty joke โป๊นิด ๆ ซ่าหน่อย ๆ อะไรทำนองนั้น คราวนี้อเมริกาแต่ละรัฐมีกฎหมายไม่เหมือนกัน พอหนีข้ามรัฐก็รอด คราวนี้กลุ่มนี้แสบมาก แล้วพี่ชายของพระเอกก็เป็นตำรวจอยู่ จะหาทางเล่นงานก็เล่นไม่ได้ ต้องให้น้องชายไปกวนให้พวกนั้นตามข้ามแดนมาให้ได้ พอตามข้ามมา ปรากฏว่าเขาก็เก่งอีก พอวิ่งมาถึงกลางสะพาน พวกนั้นก็จอดรถ ยังไม่ข้ามเขตมาก็ทำอะไรไม่ได้
ถาม : ผู้ร้ายสหรัฐหนีไปแคนนาดากันเยอะแยะ ?
ตอบ : เจ้าพวกนี้ไม่กลัวอะไรหรอก กลัวพวกประเภทรู้มาก อาศัยข้อกฎหมายให้เป็นประโยชน์ สมัยอยู่ชายแดนพวกเส้นใหญ่นี่ใหญ่จริง ๆ บางครั้งอาตมาหยุดรถตรวจ สองนาทีสามนาทียังไม่ปล่อย วิทยุจากฐานใหญ่ด่ามาเลย เจ้านายอยู่บนเขาอีด่าง เขามีเรด้าร์ เขาเห็นหมด หรือไม่ก็บางครั้งอาตมาจับของกลางเอาไว้ เขาจะไปติดต่อแล้วเจ้านายสั่งปล่อยก็ต้องปล่อย
มาระยะหลังพอรู้ว่าไอ้รายนี้จับเมื่อไรเราต้องปล่อยแน่ ก็ใช้วิธีแก้เผ็ด มีอยู่เที่ยวหนึ่งขนกระดาษม้วนบุหรี่ กระดาษม้วนหนึ่งหนักเป็นตัน ๆ ขนไปเต็มรถหกล้อเลย อาตมายึดเอาไว้ เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจ้านายคุณก็ต้องสั่งปล่อย อาตมาบอกว่า ไปเถอะ...ถ้าเจ้านายสั่งปล่อย คุณก็มาเอารถคืนไป เสร็จแล้วอาตมาก็ให้ลูกน้องถอยรถลงทะเลสาบไปเลย พอถึงเวลาเขามาขอรถคืนก็ยื่นกุญแจให้ บอกว่าเมื่อครู่จะให้ลูกน้องถอยรถเก็บ ไม่รู้ว่าทำท่าไหน รถตกน้ำไปแล้ว
ถาม : รถอยู่ในน้ำหรือเปล่า ?
ตอบ : รถอยู่ในน้ำลากขึ้นมาก็ซ่อมได้ แต่กระดาษแช่น้ำก็เละหมด
ถาม : คราวนี้ทำอย่างไร ยังมาอีกหรือเปล่า ?
ตอบ : จะทำอย่างไร ถึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแค่ไหน เจ้านายอย่างเก่งก็แค่ด่า เพราะรถหกล้อรุ่นนั้น ผลักเกียร์ขึ้นหน้าดันเป็นเกียร์ถอย อาตมาแก้ตัวได้ว่าลูกน้องไม่ชำนาญเลยเข้าเกียร์ผิด
ถาม : แล้วเขายังมาอีกหรือเปล่า ?
ตอบ : มาพร้อมกับลูกปืน...! อยู่ชายแดนส่วนใหญ่พวกอาตมามีค่าหัวกันทั้งนั้น ถ้าทำหน้าที่ตรงไปตรงมามักจะโดนเก็บ คราวนี้เรื่องจะมายิงทหารไม่เคยสำเร็จ เพราะคนฝึกมากับคนไม่ได้ฝึกฝีมือต่างกัน เขาเลยต้องใช้พวกไสยศาสตร์
ถาม : มาอีกทีคราวนี้ทำอย่างไร ?
ตอบ : ถ้ามีของที่แกล้งได้ก็แกล้งประจำ โดยเฉพาะหน่วย ฉก. ๘๐ นี่นะ จะมีมีบัตรเส้นใหญ่ WHO นี่ขององค์การอนามัยโลก WFP นี่ขององค์การอาหารโลก แล้วจะมีบัตรทหารที่เรียกว่า ฉก. ๘๐ ของหน่วยทหารเฉพาะกิจ ออกเมื่อปี ๒๕๒๓ พวกนี้มีบัตร ฉก. ๘๐ กันทั้งนั้น มาถึงโดยเฉพาะ พวกฝรั่งนี่จะคีบบัตรยื่นมาทางหน้าต่าง อาตมาก็ เออ...ให้มึงยื่นไป ตราบใดที่มึงยังไม่ลงจากรถมา กูก็ยังไม่ให้ผ่าน จนกระทั่งเขาเห็นว่า อาตมานั่งรอให้ลงจากรถมาจริง ๆ นั่นแหละ ถึงจะยอมลงมา
ถาม : พอลงมาแล้วทำอย่างไร ?
ตอบ : พอลงมาถึงอาตมาก็รับบัตรไว้ แล้วก็แกล้งเดินวนรอบรถไปเรื่อย คือทำอย่างไรจะให้เขาลงมาให้เกียรติเราบ้าง มาคุยกับเราบ้าง ไม่ถือว่ากูใหญ่คับบ้านคับเมือง นั่งกระดิกตีนรอให้เปิดด่านอย่างเดียว
ถาม : เมื่อคืนในหลวงก็บอกว่า พวกฝรั่งนั่นแหละ พวกยาเสพติดที่เอามาทำลายชาติ ?
ตอบ : ช่วงนั้นมีอะไรบางอย่างที่พูดยาก มีอยู่เที่ยวหนึ่งค้นรถส่งน้ำมันเปิดถังออกมา โอ้โฮ...M16 แน่นไปทั้งคันเลย ถ้าไม่ถึง ๕๐๐ กระบอกก็น่าจะถึง ๔๙๙ กำลังตรวจ ๆ อยู่เจ้านายวิทยุมาบอกว่า มึงปล่อยไปเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วลืมซะว่ามึงเคยเห็นอะไร...! เจ้านายสั่งเลย คืออันนั้นเป็นของที่ทางอเมริกาสนับสนุนมาเพื่อที่จะให้พวกเขมรต่อสู้กับเขมรแดงได้ ถ้าส่วนนี้ยังมีฤทธิ์มีเดชอยู่ ก็เท่ากับเป็นกันชนให้ประเทศเรา ถึงเวลาฝ่ายโน้นจะมา ต้องผ่านพวกนี้ก่อน อย่างเราก็รู้ตัวทัน หรือไม่ต้องลงไปลุยเอง
ถาม : มีอยู่ช่วงหนึ่งบ้านเราโดนด่าว่าเลี้ยงกันชน ?
ตอบ : ลักษณะอย่างนี้จริง ๆ
ถาม : ทำอย่างไรได้ ?
ตอบ : อาตมาเปิดออกมายังหนาวเลย โอ้โฮ...อะไรจะเยอะขนาดนี้ กำลังคิดว่าจะยึดอีท่าไหนดี วิทยุก็มาถึงเลย เพราะค่ายใหญ่ที่เขาอีด่างเขามีเรด้าร์อยู่ ถ้ารถจอดคาด่านเกิน ๒ นาทีนี่โดนด่าเช็ดเลย มึงปล่อยไปเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วลืมซะว่ามึงเคยเห็นอะไร...! เรื่องบางอย่างเราทำแบบตรงไปตรงมาไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันเรื่องบางอย่างก็ต้องตรงไปตรงมา
ถาม : ศรีศรัทรา ศรัทธาสะกดอย่างนี้หรือคะ ?
ตอบ : สะกดแบบภาษาโบราณจ้ะ
ถาม : ถิ่นไหนคะ ?
ตอบ : ถิ่นไทยเดิมนี่แหละ รายนี้ฟุ้งซ่านมาก พยายามค้น แล้วเอามาให้อาตมาดูว่ามีอะไรตรงไหนที่ต้องแก้ไขบ้าง เขาพยายามที่จะให้พุทธศาสนาอยู่ในประเทศไทย แล้วพระพุทธเจ้าเป็นคนไทยให้ได้ เขายืนยันให้ได้ว่ากุสินราราคือพระแท่นดงรัง ปล่อยให้หาหลักฐานไป อาตมาเอาตรงไหนแก้ได้ก็แก้ให้ แต่ให้ฟังอาตมาไม่ฟังหรอก โดยเฉพาะตรงท้ายนี่ประกาศตัวชัดเกินไป คนรับไม่ได้เขาตีตายเลย ตรงที่บอกว่า เมื่อสมัยอโศกตากสินแลมงกุฎ มีสงฆ์ทุจริตผิดวิสัย ข้าฯ ให้สอบตนองค์ใดหย่อนวินัย ขับให้ไกลนอกเขตพุทธพิสุทธิ์เอย เท่ากับประกาศตัวเองเป็นพระเจ้าอโศกมหาราช พระเจ้าตากสิน แล้วก็รัชกาลที่ ๔ อาตมาลงความเห็นเอาไว้ว่า ประกาศตนชัดเจนเกินไป จะเป็นโทษกับผู้ที่เขาจาบจ้วงได้ อ่านแล้วยังต้องมานั่งแก้อยู่นี่
อย่างว่าระยะทางจากเมืองถึงเมืองราชคฤห์ไปกบิลพัสดุ์ ๖๐ โยชน์ คือ ๙๖๐ กิโลเมตร ถ้าแผนที่ในอินเดียก็แค่ ๖๖๐ ถ้าตั้งสมมติฐานว่าตั้งอยู่ในพม่าจะได้ ๙๖๐ ราชคฤห์ไปกุสินารา ๒๕ โยชน์ ๔๐๐ กิโลเมตร ในประเทศอินเดียพื้นที่ระยะทาง ๖๐๐ ถ้าประเทศไทยนี่ ๔๐๐ ถ้าตรง ๆ มาเลยนะ แล้วโพธิคยาไปพาราณสี ๑๘ โยชน์ เท่ากับ ๒๘๘ กิโลเมตรของพม่า ๓๐๐ ของไทย ๒๘๘ สาวัตถีกับสังกัสสะ ๓๐ โยชน์ เท่ากับ ๔๘๐ กิโลเมตร เขาจะลงเอาไว้ชัดเลย เวสาลีไปราชคฤห์ ๙ โยชน์เท่ากับ ๑๔๔ กิโลเมตร ถ้าในแผนที่อินเดียเป็น ๒๕๒ ของไทยถึงจะได้ ๑๔๔ กิโลเมตร
ถาม : เอาเข้าไทย ?
ตอบ : เขาพยายามเอาเข้าไทยให้หมด พอ ๆ กับที่พม่าพยายามจะเอาทุกอย่างเข้าพม่าให้ได้ เขาบอกว่า ให้ทุกคนใช้ปัญญาใคร่ครวญดู เขาเองไม่ได้ลักษณะบังคับให้เชื่อ วันก่อนอ่านประวัติย่อของกาลเวลาของสตีเฟ่น ฮอว์กิ้น เขาเขียนเกี่ยวกับการเกิดเอกภพ ขณะนี้เอกภพกำลังขยายตัวหรือหดตัว ยกทฤษฎีสารพัดมา อาตมาอ่านแล้วสนุกมากเลย แต่กิ่งกาญจน์อ่านไปได้แค่หน่อยหนึ่งแล้วก็คั่นเอาไว้ บอกอ่านต่อไม่ไหว อาตมายิ่งอ่านก็ยิ่งมัน จนกระทั่งประเภทกลัวว่าจะจบ ต้องใช้วิธีอ่านวันละบทครึ่งบท ที่อ่านแล้วสนุกเพราะไปเปรียบเทียบกับความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร เขาไปได้ใกล้เคียงแค่ไหน ? ถูกต้องหรือว่าผิดไปเลย อาตมาเปรียบไปเรื่อยก็เลยสนุก ยิ่งอ่านยิ่งมัน ถึงได้ว่าเอ๊ะ...หนังสือเป็น Best seller ได้ ขายดีมากที่สุดเลย
ถาม : คำว่า มโนมยิทธิ คือมีฤทธิ์จากใจ จะใช้คำมีฤทธิ์ทางใจขึ้นมาเห็นด้วยใจ คราวนี้เห็นด้วยใจก็ไม่น่าที่จะเป็นภาพขึ้นมาได้ ?
ตอบ : ลักษณะภาพที่เห็นด้วยตากับภาพที่เห็นด้วยใจเป็นคนละอย่างกัน จะเปรียบง่าย ๆ ว่าเหมือนเราคิดจะไป กับเราไปถึงที่นั่น คนละอย่างกัน คิดจะไปยังไปไม่ถึง แต่ไปถึงที่นั่นเราจะรู้ว่าสภาพแถวนั้นเป็นอย่างไร จะเห็นตามความเป็นจริง ไม่ใช่แบบรู้ตามี่เขาบอกเล่ามา
ถาม : เกิดความสงสัยเลยไม่แน่ใจ ถามตัวเอง ?
ตอบ : หาคำตอบจากสิ่งที่รู้ได้ในระยะสั้น ๆ ทดสอบดู เดี๋ยวซีเกมส์นี้ไทยได้เหรียญทองสักกี่เหรียญอย่างนี้ เสร็จแล้วก็นั่งพิสูจน์ดู เอาอย่างอาตมา หลวงพ่อท่านให้ไปนั่งข้างถนนเลย รถมาให้ตอบตัวเองว่า รถที่มาสีอะไร ? ถ้าถูกก็จำอารมณ์นั้นไว้ ถ้าผิดก็ไม่ต้องจำ ทำไปเรื่อย ๆ จนถูกสักแปดคันในสิบคัน แล้วก็เพิ่มรายละเอียดว่า รถมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? เพิ่มไปเรื่อย ๆ รถมาสีอะไร ? คนนั่งมากี่คน ? ผู้หญิงเท่าไร ? ผู้ชายเท่าไร ? จะได้คำตอบในระยะเวลาอันรวดเร็วว่าถูกหรือผิด แล้วจะจำอารมณ์นั้นได้ง่าย พอจำอารมณ์นั้นได้ง่าย ต่อไปพออารมณ์ใจวางตรงจุดนั้น เราก็จะได้รู้ว่าสิ่งนี้เป็นอารมณ์รู้ที่ถูกต้อง ค่อย ๆ ทำไปเถอะ ถึงเวลาจะแปลกใจว่าชัดยิ่งกว่าตาเห็นอีก ขนาดเลขทะเบียนอะไรก็รู้หมด
ถาม : ไปที่บ้านสายลม เดี๋ยวนี้เขามีการฝึกสามระดับ ระดับแรกคือมโนมยิทธิฝึกหัด ต่อมาก็ฝึกท่องเที่ยว ต่อไปก็ญาณแปด คราวนี้ผมสงสัยว่าญาณแปดกับท่องเที่ยวต่างกันหรือเปล่า ?
ตอบ : อันเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ลักษณะการท่องเที่ยวคือส่งจิตไป คือกำลังของมโนมยิทธินั่นแหละ แต่ญาณแปดเป็นการกำหนดรู้ในแบบต่าง ๆ อย่างเช่นว่ารู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต รู้กำลังใจคนอื่น รู้ระลึกชาติ รู้ว่าสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วไปไหน อย่างนี้เป็นต้น
ถาม : ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงมักจะพูดว่า ขึ้นไปบนพระนิพพานก็จะมีเอง บางคนจะบอกว่าแต่งตัวสวยนะ บางคนบอกว่าขึ้นไปก็มีวิมาน ?
ตอบ : อ๋อ...ถ้าในลักษณะนั้นอาตมาอยากจะบอกว่าเหมือนกับเห็นลมเป็นตัว สามารถเห็นลมเป็นตัว แต่มีสีสันที่ครบถ้วนสมบูรณ์มาก บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าหน้าตาของมันเป็นอย่างไร อธิบายไม่ออก
ถาม : ถามเพราะอยากจะเทียบกับของตัวเองด้วย ขึ้นไปไม่เห็นอะไร คน ๆ เดียวก็ไม่ได้มีอะไร เงียบ ๆ เรื่อย ๆ ?
ตอบ : แสดงว่าวงสมาธิยังไม่กว้างพอ กำลังใจในการที่ละร่างกาย ละโลกยังไม่ละเอียดพอ ก็สัมผัสได้ในระดับหนึ่ง พอไปก็ระดับอีกระดับหนึ่ง จะละเอียดไปเรื่อย ๆ ของอาตมาปล้ำกันอยู่หลายปีกว่าจะบอกรายละเอียดได้ ก่อนหน้าก็ได้แค่หยาบ ๆ
อย่างสมัยก่อนอย่างนี้ แบบว่าต้นไม้อย่างนี้ ถ้าเราใช้กำลังของมโนมยิทธิ ก็บอกได้ว่าต้นไม้รูปทรงคือต้นไม้ แต่ถ้าเป็นสมัยนี้นี่จะแยกได้ว่าใบอ่อนใบแก่ทรงพุ่มเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น...ยิ่งทำไปนาน ๆ ถ้าเราซ้อมไม่ทิ้ง รายละเอียดจะเพิ่มขึ้น หลวงพ่อบอกว่า ท่านขึ้นไปจุฬามณีใหม่ ๆ ท่านเห็นเป็นเจดีย์ปูนเก่า ๆ ความไม่เคยชิน ยังไม่รู้ว่าต้องแก้ไขตรงจุดไหน ขึ้นไปเห็นได้แค่นั้นก็บุญโขแล้ว ท่านบอกว่าสมัยของท่านนี่บางคนภาวนาอยู่ ๓๐ ปี ไปจุฬามณีได้เขาลือกันไปครึ่งประเทศ สมัยนี้สอนกัน ๓๐ นาทีไปกันได้บานเลย...(หัวเราะ)
ถาม : เพราะอะไรคะ ?
ตอบ : สมัยนั้นคนทำเกิน กำลังใจของคนสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นกำลังของอภิญญา มักจะทำเกิน ในเมื่อทำเกินยืดคอเลยช่องก็ไม่ได้เห็นสักที วันไหนบังเอิญไปจ่อมอยู่ตรงนั้นพอดี แล้วมาเล่าให้คนอื่นเขาฟังก็ลือกันไป
|