ถาม :  .............................
      ตอบ :  ไปกราบสังขารหลวงพ่อสมเด็จพระวันรัตน์ ได้เจอหลวงพี่มนตรีซี้เก่า สมัยก่อนหลวงพี่มนตรีอยู่ปฏิบัติหลวงปู่มหาอำพัน ท่านบอกว่า “แหม...หลวงพี่เล็กมา ...ดีจังเลย ผมกำลังรื้อกุฏิอยู่ ข้าวของเกะกะเต็มไปหมด อยากให้หลวงพี่ขนเอาไปบ้าง”
              อาตมาบ้าไปคว้ารูปหล่อหลวงปู่ปานกับหลวงพ่อวัดท่าซุงขนาด ๙ นิ้ว สมัยปี ๒๕๑๘ ที่ทำบุญร้อยปีหลวงปู่ปาน หลวงปู่มหาอำพันท่านบูชาของท่านอยู่ประจำ คราวนี้หลวงพี่มนตรีท่านคงย้ายจนเซ็งแล้ว เพราะสมเด็จพระวันรัตน์ท่านสั่งปรับปรุงวัดทั้งวัดเลย กุฏิใครเก่าสั่งทำใหม่หมด เลยเข้าไปดู แหม...นาน ๆ จะเจอรางวัลที่ ๑ สักที รีบคว้ามาก่อนเลย พอปิดทองเสร็จก็สั่งตัดกล่องไว้บรรจุไว้บูชา รุ่นนั้นมีเงินก็หาไม่ได้หรอก
      ถาม :  ที่บ้านมีต้นโพธิ์เกาะรั้ว ทำอย่างไรจะไม่เป็นอันตรายกับบ้านของเราเอง ?
      ตอบ :  ต้นโพธิ์นั้นถ้าขึ้นอยู่ตามรั้ว หรือขึ้นอยู่หลังคาให้ถอนทิ้งไปได้เลย ถึงจะต้นใหญ่แล้วก็เหมือนกันรื้อทิ้งได้เลย เทวดาท่านไม่อยู่หรอก อะไรก็ตามที่ต้องอยู่ในสถานที่แบบนั้น เทวดาท่านรู้ว่าต้องถูกเอาออกในระยะเวลาอันไม่นาน ท่านไม่เสียเวลาเอาวิมานท่านไปแปะหรอก เดี๋ยวต้องย้ายอีก
      ถาม :  ถ้าเราขอว่าอย่าขยายกิ่งก้านสาขา ?
      ตอบ :  ขอได้...แต่เป็นไปไม่ได้ ธรรมชาติเป็นอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น แต่ถ้าเราคุยกับท่านรู้เรื่องก็ได้เหมือนกัน อย่างที่หลวงปู่ปานหรือหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยทำ แม้แต่อาตมาก็ข่มขู่เทวดาไว้เหมือนกัน คือกิ่งจะหักลงมาก็ได้ แต่อย่าทำอันตรายกับตัวบ้านหรือหลังคา ถ้ามีความเสียหายขึ้นมาเมื่อไรตัดทันที
              แต่อาตมาไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอก ที่ขู่เอาไว้คือตรงโรงครัววัดท่าซุง มีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ใครเคยเดินเข้าไปแถวแพริมน้ำคงเคยเห็นกิ่งใหญ่กิ่งหนึ่งที่ชี้ทอดยาวมาด้านตึกริมน้ำที่หลวงพ่อทำงานอยู่ ตอนแรกก็ไม่เท่าไร พอใหญ่ขึ้น ก็ไปกดสายไฟที่พาดผ่านตรงนั้นทั้งสี่เส้น โดนกดจนตึงเป๋งจะขาดอยู่แล้ว ทุกคนพอเห็นเข้าก็ลงความเห็นว่าต้องตัด แต่ไม่มีใครกล้าตัด ในเมื่อต้องตัดอาตมาเองเป็นเวรหน้าตึกของหลวงพ่ออยู่ ก็เข้าไปรายงานหลวงพ่อ “ขออนุญาตตัดกิ่งโพธิ์ครับ” หลวงพ่อบอกว่า “เออ...จุดธูปบอกเขาก่อนนะ” ก็ไปจุดธูปบอก “พ่อปู่แม่ย่าที่ดูแลต้นโพธิ์อยู่ ตอนนี้กิ่งโพธิ์จะทำอันตรายกับทรพัย์สินของวัดแล้ว ขออนุญาตตัดและอย่าให้ตก ถ้าตกอาตมาจะฟ้องหลวงพ่อด้วย” ก็กิ่งยื่นไปเป็นสิบเมตรเลย แล้วโตเกือบครึ่งโอบ ถ้าใครขาอ่อนใหญ่ ๆ ก็โตประมาณนั้น ลักษณะยื่นไปตรง ๆ ไม่มีกิ่งเล็กให้เกาได้เลย พลาดท่าก็ร่วงเอาง่าย ๆ ...ใช่ไหม...?
              อาตมาปีนไปถึงก็จัดแจงตัดกิ่งเล็ก ๆ ตรงปลายก่อน แล้วค่อยตัดโคนพอปลายหมดก็เหลือแต่ท่อนลุ่น ๆ ...ใช่ไหม ? ก็ตัดโคน...ฟันไป ๆ จนกระทั่งมีดจ้วงฉับโดนอากาศล้วน ๆ ก็มองดู อ้าว...ขาดตั้งนานแล้วนี่หว่า ทำไมลอยเท้งเต้งอยู่วะ ? คำว่าตกจะฟ้องหลวงพ่อคือตัวอาตมาเองตก แต่ของท่านเองกระทั่งกิ่งยังไม่ให้ตกเลย ลอยอยู่อย่างนั้นแหละ อาตมาก็ค่อย ๆ ดัน เฮ้ย...ไปได้นี่หว่า...! ก็ดันไปเรื่อย ๆ พอพ้นเขตหลังคาก็หล่นกระทบพื้นตึงเบ้อเร่อเลย แต่ตอนอยู่บนหลังคาไม่ตกหรอก ลอยอยู่อย่างนั้นแหละ เสียดายที่ไม่มีกล้อง ไม่อย่างนั้นได้ถ่ายรูปเอาไว้แล้ว นั่นแค่รุกขเทวดานะ อานุภาพของท่านขนาดนั้นแล้ว
      ถาม :  การที่เราฝันเห็นญาติบางคนที่ตายไปแล้ว การที่เข้าฝันได้จำเป็นหรือเปล่าครับว่าเป็นวิญญาณแล้ว...?
      ตอบ :  ถ้ามาได้แสดงว่าเขาอยู่ในเขตที่ไม่ลำบากมาก คราวนี้เขตที่ไม่ลำบากนี่เคยมีตัวอย่างพิลึกพิลั่น คือมีวัวมาเข้าฝัน หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเล่าให้ฟัง ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่ออะไร ...จำไม่ได้แล้ว มีเถ้าแก่คนหนึ่งซื้อวัวมาไว้ช่วยโม่ถั่วเหลืองเพื่อทำเต้าหู้ คราวนี้พอทำไปทำมาแกรวยขึ้นมา แกก็เอาวัวตัวนั้นไปปล่อยวัด เพราะทำประโยชน์ให้กับตัวเองมามากแล้ว วัวก็แก่แล้ว อุตส่าห์จูงวัวข้ามน้ำ ตัวเถ้าแก่คงจะข้ามเรือจ้างไป พวกวัวพวกควายว่ายน้ำได้เป็นปกติ ก็เอาข้ามไปปล่อยที่วัดฝั่งตรงข้าม
              พอรุ่งขึ้นวัวก็กลับมา ว่ายน้ำกลับมาเอง เอาไปปล่อยอีกก็กลับมาอีก พอเอาไปปล่อยอีกครั้ง ตกกลางคืนวัวก็มาเข้าฝันบอกว่า เขาชื่อนั้น ๆ ชาติก่อนเขาเป็นคน ตอนที่เถ้าแก่ยังเปิดโรงยาฝิ่น สมัยก่อนโรงยาฝิ่นยังถูกต้องตามกฎหมาย แกไปสูบฝิ่นที่โรงยาของเถ้าแก่คนนี้ แล้วติดหนี้อยู่ห้าบาท ไม่ทันจะใช้หนี้ก็ลงแดงตายเสียก่อน ก็เลยต้องเกิดมาเป็นวัวเพื่อใช้หนี้เถ้าแก่
              วัวบอกกับเถ้าแก่ว่า ถ้าแกใช้หนี้ไม่หมดก็ไปเกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นขออย่าให้เถ้าแก่เอาแกไปปล่อยเลย หเอากลับมาเถอะ ถ้าแกอยู่กับเถ้าแก่จนกระทั่งตายจากกันไปนั่นแหละ แกถึงจะไปเกิดได้ เถ้าแก่ถึงได้รับเอาไว้เลี้ยงต่อไป แต่ก็ไม่ได้ใช้งานหนัก กลายเป็นเพื่อนเล่นของลูก ๆ เถ้าแก่ แล้วเถ้าแก่เป็นคนละเอียด แกทำบัญชีไว้ทุกอย่าง แกก็ไปตรวจสอบบัญชีสมัยที่แกเปิดโรงยาฝิ่น เจอชื่อนั้นเข้าจริง ๆ ยังค้างค่าฝิ่นอยู่ห้าบาท
      ถาม :  สมัยนั้นเยอะหรือคะ ?
      ตอบ :  เยอะมาก...สมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวสองชามห้าสตางค์ ค้างไว้ห้าบาทเท่ากับสี่พันบาทของสมัยนี้ ต้องเกิดเป็นวัวชาติหนึ่ง มาทำงานใช้หนี้เขาทั้งชาติ
      ถาม :  เหตุการณ์ที่สัตว์เดรัจฉานสามารถมาเข้าฝันได้ ?
      ตอบ :  อันนี้ต้องบอกว่าเป็นกรรมนิมิต กรรมนิมิตคือกรรมแสดงเหตุให้รู้ อาจเป็นเทวดาสักท่านหนึ่งช่วยเหลือด้วยก็ได้ ไม่ให้วัวตัวนี้ลำบากต่อไป หมายความว่าทุนเดิมของเขาต้องมีด้วย ถ้าบุญเดิมของเขาไม่มี ก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้หรอก ถ้าโดนเอาไปปล่อยอีก เขาก็ต้องเกิดเป็นเดรัจฉานต่อไป
              นี่พูดถึงว่าลักษณะมาเข้าฝัน ตัวอย่างกระทั่งสัตว์เดรัจฉานยังมาเข้าฝันได้ แต่ถ้าพูดถึงคนที่ตายไป ถ้าสามารถมาเข้าฝันได้ก็อยู่ในที่ไม่ลำบาก แหม...พวกผีมืออาชีพหลอกก็หลอกเก่ง อาตมาโดนต้มตั้งแต่บวชใหม่ ๆ ล่อซะเปื่อยเลย เรื่องผีหลอกนี่ไม่รู้จะบอกอย่างไร คล้าย ๆ กับว่าเกิดมาเพื่อให้ผีหลอก โดนหลอกประจำ
              บวชใหม่ ๆ ยังไม่ทันจะได้เจ็ดวันเลย พอดีมีงานทำบุญเจ็ดวันของโยมข้างวัด อาตมาก็โดนจัดให้เป็นรูปสุดท้าย ไปนั่งอยู่ขอบอาสนะ จะหล่นแหล่ไม่หล่นแหล่ แบบว่าที่แคบมาก ตอนที่พระเริ่มขึ้นสัคเคฯ เพื่อสวดพระปริตร มียายผีแก่ ๆ คนหนึ่งแหวกวงล้อมเข้ามา แกนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อแขนยาวเก่า ๆ มอมมาเชียว มาถึงก็มานั่งกราบ ๆ บอกว่า “ขอส่วนบุญหน่อยเจ้าค่ะ”
              อาตมาก็ว่า “เฮ้ย...เขากำลังทำบุญอยู่ เดี๋ยวก็โมทนาบุญกับเขาตอนเขากรวดน้ำสิ” ยายผีตอบว่าอย่างไรรู้ไหม ? “ไก่ในแกงที่ท่านกำลังจะฉัน มันไม่ได้ตายเองเจ้าค่ะ” เออ...ไปยันโน่น คือถ้างานบุญไหนที่เริ่มต้นด้วยบาป เหมือนเจ้าภาพก่อนหรือว่าเลี้ยงเหล้า ผีเขาไม่เอาหรอกเท่ากับไปโมทนาบาปเข้า ตัวเองจะลำบากเพิ่มขึ้นอีก
              อาตมาก็คิดว่า เออ...เหตุผลเขาเพียงพอ ไก่ไมได้ตายเอง เขาก็ไม่อยากได้บาป มาขอบุญอาตมาก็ให้ไป พอให้ไปเสร็จเรียบร้อย แกกลายเป็นนางฟ้าสวยเช้งไปแน่บเลย ตอนกลับวัดแล้ว ดันนึกอยากรู้ว่าเป็นใคร เลยไปเที่ยวถามโยมแถวนั้นว่า ผู้หญิงลักษณะอย่างนั้น ๆ เป็นใคร เขาบอกว่า”ยายคนตายนั่นแหละ ยายคนนี้แกผ้าขี้ริ้วห่อทองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รวยจะตายชัก ทั้งรับแลกเช็ค ทั้งรับจำนำทอง ทั้งปล่อยกู้ สารพัดสารเพ”
              ตายเป็นผีแล้วก็ยังมาลักษณะนั้น คือโทรมมากเลย จนกระทั่งอาตมาเราสงสารเลยให้ไป ลืมไปว่าที่มาได้เขาไม่ลำบากหรอก มาขอไปซะเต็ม ๆ เลย ต้มกันนี่หว่า พวกผีจะมาลักษณะอย่างนี้ อาตมาโดนประจำเลย อีกครั้งหนึ่งก็ไปที่วัดยาง อยู่ข้ามคลองไปก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ วัดท่าซุงนั่นก็สวดศพ พอถึงเวลาไปนั่งอาสน์สงฆ์ปั๊บ ผีก็มาปุ๊บเลย
              “ขอส่วนกุศลหน่อยครับ ผมลำบากอยู่” อาตมานั่งติดกับท่านตี๋ พวกเราคงจะรู้จักท่านตี๋...ใช่ไหม ? ผอม ๆ สูง ๆ ใส่แว่น พูดอีล้งช้งเช้งตามสไตล์ของเขานั่นแหละ อาตมาก็บอกว่า “เฮ้ย...ท่านตี๋ มีผีมาขอส่วนบุญว่ะ ช่วยอุทิศให้มันด้วยนะ ผมให้คนเดียวไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า ?” ท่านตี๋ก็ “ครับ ๆ” พอถึงเวลามาติกาบังสุกุลเสร็จก็เคลื่อนศพไปเมรุ วนเมรุสามรอบเรียบร้อย ขึ้นวางดอกไม้จันทน์เสร็จก็เดินกลับวัด ท่านตี๋มาถึงก็ “หลวงเฮีย ๆ อั๊วเชื่อแล้วว่ะ” “ทำไมวะ ?”
              “ตอนแรกอั๊วนึกว่าหลวงเฮียโม้ พอหลวงเฮียบอกอุทิศส่วนกุศลให้ เลยคิดว่า “มึงรับบุญกู มีงต้องเป็นเทวดานี่หว่า ในเมื่อเป็นเทวดาแล้วก็ช่วยอะไรกูบ้างสิ ตอนเวียนเมรุมันร้อย ขอให้มีเมฆบังแดด อย่าให้ร้อนจนกว่าจะเวียนเสร็จแล้ว”
              อาตี๋แกใช้เทวดาตั้งแต่ตอนนั้นแหละ เสร็จแล้วก็จริง ๆ ถึงเวลาไม่มีแดดเลย ฟ้าสลัวเลย แถมลมเย็นอีกต่างหาก เพราะเมรุอยู่ข้างทุ่ง เวียนเมรุเสร็จเรียบร้อยเดินกลับเข้ามาค่อยบอกว่า “อั๊วเชื่อแล้ว” ส่วนใหญ่ของพระวัดท่าซุง เวลาอาตมาบอกอะไรเขาไม่ค่อยเชื่อ ชอบลองดู บางรายอย่างหลวงพี่วิรัชนี่ขนาดถามหลวงพ่อเลย จนกระทั่งหลวงพ่อยืนยันตรงกันถึงได้เชื่อ อาตมาตอนนั้นเป็นเด็กบวชใหม่ เป็นเด็กแล้วเสือกรู้มาก เขาเลยไม่ค่อยเชื่อถือ
      ถาม :  ไก่ตัวนั้นที่ไม่ได้ตายเอง จะมีบุญหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  อ๋อ...อย่างน้อย ๆ ปาณาติบาตต้องเคยทำไว้เต็ม ๆ ถึงโดนเขาเจี๋ยนขนาดนั้น
      ถาม :  บุญนี่ไม่หลงเหลือเลยหรือครับ ?
      ตอบ :  ถ้าใจของเขาเกาะบุญเกาะความดี คือเกาะคนเกาะพระได้ เกาะคนได้เกิดเป็นคน เกาะพระได้เกิดเป็นเทวดา แต่อยู่ ๆ ประเภทไปโดนเขาจับมา ประเภทจับปีจับขาก็ขวัญหายพอแล้ว ปาดคออีก คิดไหมว่าใครจะเกาะความดีได้ ?
      ถาม :  อย่างมีตอนหนึ่งที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ?
      ตอบ :  ไม่ทราบเหมือนกัน คนถวายได้บุญแน่ แต่ส่วนกรรมของเขาก็มี แต่ทุกวันนี้เขายังเถียงกันทุกวันว่าสุกรมัทวะ คืออะไร ? เพราะอินเดียนี่หาคนกินหมูไม่ได้ กินแต่แพะ กินแต่แกะ วัวก็กินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ นักเรียนไทยจะโดนกระทืบตายมาแล้ว เขาถือว่าเป็นโคนนทิ เป็นพาหนะของพระศิวะ เพราะฉะนั้น...ชาติไหนที่กินวัวต้องแอบ ๆ กิน
              นักเรียนไทยไปถึงได้เนื้อวัวมาก็จัดแจงปิดห้องผัดกะเพราะปรากฏว่าดันทะลึ่งมีอีกนิกายหนึ่งนับถือต้นกะเพรา กลิ่นวัวผัดกะเพราฟุ้งไปทั้งหอพัก พวกมาทุบประตู โวยวายแทบจะโดนฆ่าตาย ต้องปีนหน้าต่างหนีลงไปข้างล่าง หลบอยู่เป็นวันกว่าเขาจะยอมไปกัน แล้วทางด้านอินเดียหาที่กินหมูไม่ได้เลย ในเมื่อหายากขนาดนั้นเขาเลยไม่มั่นใจว่าสุกระมัทวะ คืออะไร บางรายบอกว่าเป็นเห็ดที่มีลักษณะเหมือนเนื้อสัตว์ จนป่านนี้เขาตกลงกันไม่ได้ว่าคืออะไรกันแน่
      ถาม :  ภาษาบาลีคำนี้หาคำแปลไม่ได้หรือคะ ?
      ตอบ :  เขาแปลว่าเนื้อสุกรอ่อน บางคนบอกว่าเป็นเห็ดที่มีลักษณะเหมือนเนื้อสุกร บางคนบอกว่าเป็นเห็ดที่หมูชอบขุดมากิน เห็ดที่หมูชอบขุดนี่โคตรแพงเลย เห็ดทรัฟเฟิล จะเป็นเห็ดที่ขึ้นอยู่กับรากไม้ที่แห้งตายใต้ดินแล้วจะมีกลิ่นอยู่นิดหน่อย พวกฝรั่งก็ฝึกหมูให้ขุดพวกนี้ พูดง่าย ๆ คือราคาแพงสาหัสสากรรจ์ แพงเหมือนรังนกเราทุกวันนี้ ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ? แต่หมูพวกนี้ก็เซียนจริง ๆ ถ้าเริ่มตะกุยดินตรงไหนต้องรีบลากออกมา แล้วจัดการขุดเอง ไม่อย่างนั้นโดนหมูกินเรียบ ฝรั่งจะฝึกหมูวิ้เพ่อให้ขุดเห็ดพวกนี้โดยเฉพาะ
      ถาม :  เรื่องของฮวงจุ้ยเชื่อถือได้ไหมคะ ?
      ตอบ :  ได้..แต่ถ้าเชื่อมากเกินไปก็ลำบาก พวกฮวงจุ้ยเราตอ้งคิดด้วยว่า เกิดจากบุญกรรมเก่าที่เราทำมาเหมือนกัน ถ้าเราสร้างบุญไว้ดีก็ได้อยู่ในที่มีที่ฮวงจุ้ยดี ได้เกิดในตระกูลที่ดี ๆ มีความเจริญ แต่เรื่องนี้ทางเขารู้ว่ามีพลังงานแม่เหล็กโลกอยู่ ลักษณะของแม่เหล็กโลกวิ่งจากเหนือไปใต้ จนกระทั่งเขากำหนดเป็นเส้นรุ้งเส้นแวงขึ้นมาได้
              ลักษณะของฮวงจุ้ยในเมื่อเกี่ยวกับพลังปราณ ซึ่งก็คือแนวแม่เหล็กเหมือนกัน เขาถึงได้กำหนดว่า จะต้องเป็นแนวเหนือใต้ ภูเขาลูกไหนที่อยู่ในแนวเหนือใต้ถือว่าเป็นภูเขามังกร คราวนี้ต้องดูว่ามังกรตัวนี้ดีแค่ไหน ถ้าข้างหน้าเป็นทะเล เป็นทะเลสาบหรือที่ราบกว้างใหญ่ ถือว่ามังกรกำลังจะลงทะเลจะเป็นที่เจริญมาก คราวนี้จุดที่ควรจะตั้งอยู่ตรงไหนก็มีอีก อย่าไปตั้งบริเวณปากมังกร ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวโดน “แดก” ก็ยุ่งเหมือนกัน เขาทำแล้วได้ผลดีอยู่ จะว่าไปแล้วคือหลักวิทยาศาสตร์นั่นแหละ ว่ากันตามแนวเส้นแม่เหล็กโลก
      ถาม :  แล้วพวกคาน ?
      ตอบ :  ถ้าพวกนี้เป็นทั่ว ๆ ไปนี่ อาตมาอยู่ในฮวงจุ้ยที่แย่สาหัสเลย คานทับอยู่ข้างบน เสาก็บังหน้า ทำมาหากินหาความเจริญไม่ได้ แต่ตูรับเงินแทบตายทุกเดือน สำคัญอยู่ตรงกำลังใจของเรา ถ้ากำลังใจของเราดีอะไร ๆ ก็ดีหมด ตำราโหงวเฮ้งจีนถึงได้ว่า “ใบหน้าดีไม่สู้กระดูกดี กระดูกดีไม่สู้จิตใจดี” เห็นชัดหรือยังว่า ท้ายสุดอะไรก็สู้ใจดีไม่ได้
      ถาม :  เมื่อก่อนผมโดนคล้าย ๆ ผีอำครับ โดนบ่อยมาก เป็นเพราะอะไรครับ ?
      ตอบ :  ผีอำมีทั้งผีจริง ๆ และเลือดลมในกายทำพิษเอา ถ้าลักษณะเลือดลมในกายของเรานี่ จะเหมือนกับว่ามีอะไร ตำ ๆ หนัก ๆ ทับอยู่ ต้องดิ้นพลิกกันอึดอัดอยู่พักใหญ่กว่าจะดิ้นหลุด หรือไม่ก็เปลี่ยนท่านอนได้ก็หาย แต่ถ้าผีจริง ๆ จะมาเป็นตัว ๆ เห็น ๆ กันเลย
      ถาม :  พอจับลมสักพักรู้สึกกายเราซ่า ๆ เป็นปีติหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ถ้าเป็นเลือดลมจะเป็นอาการอย่างที่ว่า แต่ถ้าเป็นผีนี่มาจริง ๆ จะจับต้องกันได้ เป็นตัว ๆ เหมือนกับคนเรานี่แหละ
      ถาม :  มีอยู่ตอนหนึ่งเหมือนผีอำนี่แหละ แล้วมีเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ มานอนกอดเรา ?
      ตอบ :  แล้วไม่เห็นหรือ ?
      ถาม :  ตอนนั้นหลับตาครับ แต่มีความรู้สึกว่ามีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ผอม ๆ ดำ ๆ มานอนกอดผม ก็นอนให้เขากอดสักพักหนึ่ง แล้วก็ท่องนะโม พุทธายะ
      ตอบ :  อ้าว...เมตตาไม่ตลอด ล่อกระจายเลย นะโมพุทธายะนี่ผีกลัวที่สุด ขอบารมีพระพุทธเจ้าตั้ง ๕ พระองค์ ผีที่ไหนจะอยู่
      ถาม :  ตอนแรกให้เขากอดนี่รู้สึกรักนะครับ เขามากอดก็คงคิดดี แต่มานึกอีกครั้ง เอ๊ะ...ไม่น่าจะเข้ามาได้
      ตอบ :  อาตมาเองพระอยู่ในอกเสื้อ โดนผีนั่งทับบีบคออีกต่างหาก เพราะไม่ได้ขอให้ท่านช่วยเอง