ถาม :  ไปเที่ยวเมืองกาญจน์ก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ ?
      ตอบ :  ถ้ามุดเข้าไปในนั้นน่ะน่ากลัว ถ้าไม่เข้าไปไม่เป็นไร
      ถาม :  แล้วอย่างนี้วิญญาณคนที่ตายหมู่ จะเป็นลักษณะแบบที่เจออย่างนี้หรือเปล่า ?
      ตอบ :  พวกตายหมู่ ต้องดูด้วยถ้าหมดอายุขัยก็ไปตามบุญตามกรรมตัวเอง ถ้าไม่หมดอายุขัยมีคนเขาทำบุญให้ รับได้โมทนาได้ก็สบายหน่อย มีบ้างพวกเขาเรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว จะมีพวกหนึ่งที่มันจะติดอยู่กับที่ไปไหนไม่ได้ เป็นแรงกรรมของเขาโดยเฉพาะพวกนี้ถ้าไม่มีคนใหม่มาตายตรงนั้นเขาจะไปไม่ได้
              มีอยู่ประเภทหนึ่งเหมือนกันแต่น้อยหน่อยแล้วที่คนเขาไปตายตรงนั้นแล้วเขาไปได้ ก็ไม่ใช่เพราะว่าอำนาจของเขาดึงให้ไปตายนะกรรมของคนใหม่พาไปตาย มันพอดีกันเขาจะพ้นแล้วรายนี้ก็ลงไปแทน
      ถาม :  ตอนนั้น....มันมีอยู่ครั้งหนึ่งเจ้าค่ะ เคยไปทีพระปรางค์สามยอด พอไปถึงแล้วถูกผลักออกมา แบบลมมันแบบเหมือนจะวูบ แล้วผลักอก จะพยายามเดินเข้าไปประมาณ ๔ – ๕ ก้าว ก็เข้าไม่ได้ เข้าแล้วถูกผลัก อันนั้นมันเป็นแรงต้านจากอะไรเจ้าคะ ?
      ตอบ :  อันนี้ไม่แน่ใจนะ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวไปที่พระราชวังมัณฑเลย์ พอเริ่มเข้าเขตพระราชวังนี่ มันดาหน้ามามืดไปหมดเลย เขาจำได้ว่าไอ้นี่เคยฟันหัวกันมาศัตรูคู่แค้นตัวฉกาจเลย นี่บุกมาถึงเมืองหลวงแล้ว เราก็บอกเฮ้ย ๆ ใจเย็น ๆ นี่มันคนละชาติคนละภพคนอะไรกันแล้ว ตอนนี้อาตมาก็เป็นพระด้วยอย่ายุ่งกันได้ไหม มันไม่ฟัง ในเมื่อมันไม่ฟังแต่เราอยากเข้าไปดูก็ใช้วิธีหน้าด้านเดินเข้าไป ปรากฎว่าพวกเขาในเมื่อเขาทำอะไรเราไม่ได้ เขาอยู่ในลักษณะเหมือนอย่างกับว่าล้อมเราเอาไว้ เป็นการควบคุมเพื่อที่ป้องกันเราจะไปทำอันตรายอะไรเขาตามที่เขายึดถืออยู่โดยไม่ยอมเลิก ของเราก็เลยเหมือนอย่างกับแบกอะไรหนัก ๆ แล้วเดินนะ โอ้โห ! กว่าจะเดินทั่วกว่าจะหลุดออกมาได้นี่ใช้พลังงานมากกว่าปกติหลายเท่า
              คราวนี้พอหลุดพ้นเขตเขาออกมาเขาเลิกบีบเราเสียศูนย์เดินไม่เป็น...เป๋เลย เดินไม่ถูก เราวางน้ำหนักเท่านี้ ตอนนี้มันเดินไม่ได้แล้ว มันกลายเป็นผิดจังหวะไปหมด อันนั้นนี่เขาเห็นเราเป็นศัตรูเขาไม่ให้เราเข้า แต่ของเรานี่ (หมายถึงผู้ถาม) ต้องถามเขาเองว่าเป็นเพราะอะไร แต่ว่ามันก็น่าจะเป็นลักษณะอาการเดียวกันคือ เขาไม่ยินดีต้อนรับ
      ถาม :  พระปรางค์สามยอดไม่ใช่วัดหรือคะ ?
      ตอบ :  ก็เป็นศาสนสถานของทางพาหมณ์ ลัทธิไศวนิกายเขา
      ถาม :  อย่างนี้แสดงว่าเขาจำหลวงพี่ได้ด้วยซิครับ ?
      ตอบ :  จำได้ซิ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ
      ถาม :  แสดงว่าหน้าไม่เปลี่ยน ?
      ตอบ :  ยิ่งเขาอยู่ในความเป็นทิพย์นี่ เขาจำได้แน่นอนเลย
      ถาม :  อ้อ ผมนึกว่าหน้าไม่เปลี่ยน (หัวเราะ)
      ตอบ :  อาจจะไม่เปลี่ยนก็ได้
      ถาม :  คือว่าไปอธิษฐานจิตกับหลวงพ่อโตที่วัดสังฆทาน แล้วบอกท่านว่าขอให้ลูกได้มีญาณที่แก่กล้าเพื่อนำมาใช้ช่วยคนให้เป็นประโยชน์กับคน แล้วที่นี้ก็อธิษฐานต่อว่าขอให้ลูกได้เห็นได้รู้ในสิ่งตามความเป็นจริง ก็เห็นเป็นจริงเจ้าค่ะ แต่มันเห็นเป็นจริงเกินไปนิดหนึ่งเจ้าค่ะ
      ตอบ :  (หัวเราะ) ความจริงไม่มีเกินไป (หัวเราะ)
      ถาม :  คือเห็นตัวเองเป็นซากศพอยู่ตลอดเวลาเลยเจ้าค่ะ (ก็ดีแล้วไง) เห็นเส้นเลือด เห็นตับไตไส้พุงทั้งในของตัวเอง แล้วมันก็เกิดอาการกลัว (หัวเราะ)
      ตอบ :  (หัวเราะ) จริง ๆ น่าจะดีใจโอกาสอย่างนั้นมันยากน่ะ ของอาตมาเองกว่าเขาจะยอมโผล่มา ลักษณะที่ว่าเอาพวกอสุภกรรมฐานมาให้ดู ปล้ำกันเป็น ๑๐ ปี ของเราได้อย่างนั้นน่าจะดีใจ แล้วรีบ พิจารณาให้เห็นว่าสภาพแท้จริงของตัวเราก็เป็นแบบนี้ คนอื่นก็เป็นอย่างนี้ จริง ๆ แล้วไม่ว่าเราว่าเขาแล้ว มันไม่มีอะไรน่ารักน่าชอบใจเลยแม้แต่อย่างเดียว ร่างกายและสภาพที่มีแต่ความสกปรกเน่าเหม็น เราเกิดมาเมื่อไหร่ก็มีมันอีกเข็ดหรือยังพอหรือยัง ? ควรจะหนีไปนิพพานได้หรือยัง ? น่าจะพิจารณาต่อไปเลยนะ
      ถาม :  พิจารณาต่อไปเลยหรือเจ้าคะ ความรู้สึกแปลก ๆ เจ้าค่ะ
      ตอบ :  (หัวเราะ) มันไม่แปลกหรอก เพียงแต่ว่าของเราเองมันไม่ชินกับระยะแรก ๆ แล้วจิตใจของเรามันอยู่ในลักษณะว่ายังกลัวอยู่ ในเมื่อยังกลัวอยู่มันก็ยังต่อต้านอยู่นะ แต่ไม่เป็นหรอกญาณนี้สัก ๒๐ ปีมันก็แก่ แต่จะกล้าหรือเปล่าไม่รู้
      ถาม :  (หัวเราะ) แก่อยู่แล้วเจ้าค่ะ (หัวเราะ) มันแก่อยู่ทุกวันเลย พูดถึงการไปช่วยเหลือคนเจ้าค่ะ พอไปช่วยเหลือเขาแล้ว ราวกับว่าเราไปทำให้เขามีความวิตกกังวล คือเราเห็นภาพเขาว่าคน ๆ นี้จะต้องเกิดอุบัติเหตุรถชนถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการ
      ตอบ :  แล้วเราก็รีบไปบอกเขา ?
      ถาม :  ค่ะใช่ เราก็เลยบอกเขาว่าไปทำบุญซะนะ คุณจะมีเคราะห์หนักขั้นเสียชีวิตหรือพิการ เขาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญเจ้าค่ะ พอทำเสร็จก็ผ่านไปได้ประมาณเดือนกว่า ๆ เขาก็ประสบอุบัติเหตุรถชนจริง ๆ แต่ว่าเขาไม่เป็นไร รถพัง แต่เขาก็มามีคนมาบอกว่า เราพูดไม่ดีว่าไปเตือนเขา ทำให้เขาวิตกกังวล เขาเลยเกิดอุบัติเหตุ
      ตอบ :  คราวหน้าเตือนคนอื่นคนพูดอย่าไปเตือนมัน (หัวเราะ) เตือนคนอื่นต่อไปแต่คนพูดอย่าไปเตือนมัน ใช้ลักษณะนั้นแหละจ้ะ คือว่าอย่าไปบอกตรง เพราะว่าบางอย่างวาระกรรมของเขามันต้องเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ใบ้ให้เข้า บอกแค่นั้นแหละ
      ถาม :  ไม่ทราบว่าจะบอกอย่างไรดีเจ้าคะ พอเห็นภาพก็บอกปุ๊บ
      ตอบ :  ถ้าอย่างนั้นอาจะต้องเดี้ยงแทนสักวันหนึ่ง (หัวเราะ) ตอนนั้นกำหนดใจนึกถึงพระนิดเดียวแหละจ้ะ ว่าหนูควรจะบอกได้เท่าไหร่ ได้โปรดสงเคราะห์ด้วย ความรู้บอกได้เท่าไหร่ก็บอกแค่นั้น เพราะว่าแต่ละคนบุญกรรมมันไม่เท่ากัน บางคนนี่ต้องใบ้อย่างชนิดรู้ร้อยบอกได้ไม่ถึงหนึ่งอย่างนี้ ถ้าประเภทนั้นถ้าไม่ใช่บุญเก่าดีจริง ๆ เขาจะไม่เข้าใจเลย แล้วถึงเวลาก็เดี้ยงไปตามระเบียบ
      ถาม :  ถ้าอย่างนี้ ต้องขออาราธนาพระทุกครั้งที่ ......?
      ตอบ :  ต้องขอพระอยู่ตลอดจ้ะ อย่าทิ้งพระเป็นอันขาด โดยเฉพาะเรื่องอย่างนี้ของเราที่ทำอยู่มันอันตรายว่าถ้าเผลอมันฝืนกฎของกรรมเข้า ถ้าเราไปฝืนเข้าจะเข้าตัวเอง
      ถาม :  แล้วพอช่วยเขา เราก็ป่วยหนักค่ะ ?
      ตอบ :  ไม่เป็นไรจ้ะ อันนี้รับได้ ก็เต็มใจจะรับอยู่แล้ว เพราะรู้อยู่ว่าทำแล้วจะโดน
      ถาม :  ทีนี้พอเกิดกรณีนี้ขึ้น มันทำให้ไม่กล้าจะดูให้ใครเจ้าค่ะ พอใครเขาถามเราก็บอก เรายังไม่พร้อมที่จะช่วย แล้วเราจะไม่ทำต่อเลย ดีมั้ยเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ตัดสินใจเองจ้ะ
      ถาม :  ไม่เป็นใช่มั้ยเจ้าคะ ?
      ตอบ :  อาจจะเป็น (หัวเราะ) บอกว่าตัดสินใจเอง อันนี้ไม่สนับสนุนขณะเดียวกันก็ไม่คัดค้านจ้ะ เลือกเอาคิดจะสร้างบารมีง่าย ๆ ก็ว่าต่อไปแต่ตัวเองก็สาหัสหน่อย
      ถาม :  ทำอย่างไรถึงจะหลบเลี่ยงไม่ให้เจอสภาพอย่างนี้อีก ?
      ตอบ :  เลิกคิดไปนิพพานซะ (หัวเราะ) ตอบตรงเป๊ะเลย
      ถาม :  มีเพื่อนที่รู้จักเจ้าค่ะ เขาไปทำพิธีครอบองค์ รับองค์น่ะค่ะ แล้วทีนี้มีผู้ที่หวังดีใช้มีดหมอ ช่วยทำให้เขา กะว่าจะให้ครอบนี้หลุด แต่มันไม่หลุดเจ้าค่ะ แล้วทีนี้เราก็ไปนั่งช่วย เหนื่อยมากเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าความหวังดีตรงจุดนี้เราจะช่วยอย่างไร ?
      ตอบ :  ช่วยอย่างไร อันดับแรกถ้าขันครูอยู่น่ะ บอกกับเขาบอกว่าที่ครอบมาขออนุญาตคืนจ้ะ แล้วก็ลอยน้ำไปซะก่อน ถ้าขันครูยังอยู่แก้ไม่ได้นะจ้ะ พวกไปครอบครูรับขันรับอะไรมาระวังนิดหนึ่ง เพราะว่าระยะหลัง ๆ มีพวกหากิน พอเราไปรับของของเขามาเท่ากับว่าเรายอมรับการเป็นบริวารของเขา เขาจะใช้ผีใช้ไสยศาสตร์ควบคุมเราได้ง่ายขึ้น มีพวกหากินทางด้านนี้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นจะรับจะอะไร พิจารณาให้ดี ระวังตัวเอาไว้ด้วยเดี๋ยวจะเสียท่าเขาง่าย ๆ ส่วนคนที่รับมาแล้ว ถ้าหากว่าระแวงหรือว่ากลัวขึ้นมาก็อย่างที่ว่านั่้นแหละ บอกเขาว่าที่รับมาขออนุญาตส่งคืน ตอนรับนั่นไม่รู้เรื่องเลยไม่รู้รับมาได้อย่างไร
      ถาม :  แล้วตอนขออนุญาตส่งคืนนี่จะต้องทำอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?
      ตอบ :  เอาลอยน้ำไปจ้ะ
      ถาม :  เอาอะไรลอยน้ำเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ก็ขันครูเขามีอยู่จ้ะ
      ถาม :  ที่เขาติดตัวอยู่เหรอคะ
      ตอบ :  ที่เขาให้มา ส่วนใหญ่พวกนี้เขาจะให้ขันครูมา อาจจะเป็นขัน ๕ ขัน ๘ เขาจะให้มาแล้วให้เราบูชา แล้วก็จัดดอกไม้ธูปเทียนเป็นประจำ อาจจะทุกวันพระ ทุกวันศุกร์ ทุกวันพฤหัส อะไรอย่างนี้ เอาลอยน้ำไปซะ ถ้าโกรธเขามากก็ลอยน้ำครำไป (หัวเราะ)
      ถาม :  แล้วมันจะไปเหรอเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าทำอย่างนั้นแล้ววิธีแก้มันจะง่ายขึ้น แต่ถ้าหากขันครูเขายังอยู่แก้ยาก เดี๋ยวก็ฟันกันทั้งวันจนกระทั่งเราเองหมดแรงแล้ว มันยังไม่เป็นอะไรเลย พวกนี้อันตรายเหมือนกัน ถ้าหากเราไปสู้รบปรบมือกับเขา จากประสบการณ์ที่เจอมาก็คือว่าถึงกำลังของเราจะสูงกว่าก็จริง แต่เราต้องกินต้องนอน เจ้าพวกนั้นมันไม่ต้องกินไม่ต้องนอน มันตามเล่นเราอยู่ตลอดเวลาเลย เผลอเมื่อไหร่โดน

      ถาม :  กำลังนึกอยู่เลยครับว่า ไหว้พระหลวงพ่ออย่างนี้ จริง ๆ ก็น่าจะคุ้มไหมครับ ?
      ตอบ :  ก็ถ้าหากว่าอาราธนาประจำนะ โดยเฉพาะเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อ เข้าไปในพิธีของเขาเจ๊งหมดเลย เขาจะทำพิธีต่อไม่ได้เลย เจอมาหลายรายแล้ว ไม่ได้เจตนาเลย แต่ว่าอยากรู้อยากเห็น เขาบอกว่าเขาทรงพระยายมราช เพื่อนก็เมตตาไปเหอะไปดูหน่อย เอ้า ! ไปก็ไป พอไปถึงความเคยชินของเราก็ต้องนึกถึงหลวงพ่อ นึกถึงพระ ภาวนาพุทโธเป็นปกติอยู่แล้วใช่มั้ย ? ปรากฎว่ามันทรงให้ตาย ก็ทรงไม่ได้ (หัวเราะ)
      ถาม :  อ้าว....ไม่มาเลย
      ตอบ :  ก็มาแว๊บหนึ่ง เห็นเขาจุดธูป ๕ ดอกปักกลางแจ้งเหมือนกัน นั่ง ๆ ลักษณะเหมือนจะเริ่มสั่น ๆ แล้วก็หงายหลังฟาดพื้นโครมเข้าให้ แล้วลุกขึ้้นมาบอกว่าทรงไม่ได้ท่านมาแป๊บเดียวก็ไป สงสัยมาแต่เท้า (หัวเราะ) หงายหลังฟาดพื้นไปเลย ลักษณะนั้นแหละ ส่วนอีกทีหนึ่งก็เขาชวนไปเล่นผีถ้วยแก้ว เราพอได้ยินว่าผีก็กลัวเราก็ภาวนาพุทโธ มันเชิญแทบตายไม่ลงซักที พอเลยเที่ยงคืนไปแล้วไปนอนกันดีกว่า (หัวเราะ) ลืมไปคือด้วยความเคยชินของเราถึงเวลาเราก็ภาวนานึกถึงพระไว้ แล้วผีที่ไหนมันจะมาได้ล่ะ เล่นเอาเจ้าพิธีนี่หน้าเสียเลย ก็เขาเคยทำได้ผลทุกที ชวนพวกไปตั้ง ๔ คน ๕ คน กลายเป็นว่าทำแล้วไม่สำเร็จตามที่คุยเอาไว้ เสียหน้าหมด
      ถาม :  แสดงว่าของผีมาจริง ๆ หรือไงครับ ผีถ้วยแก้ว ?
      ตอบ :  ผีมาจริง ๆ แต่ต้องระวังขนาดเราระบุว่าเชิญใคร มันยังมาก่อนได้เลย เพราะว่าเรื่องของผี เรื่องของเทวดา เขาถือมารยาทตัวที่มาก่อนก็รับไป
      ถาม :  อ้าว ......อย่างนี้แต่เขาก็รู้เหมือนกัน
      ตอบ :  ใช่แต่ว่าบางสิ่งที่เขาต้องการรู้ ถ้าหากว่าถามปัญหาที่เกี่ยวกับการปฏิบัติที่ไม่มีความรู้เขาตอบไม่ได้ หรือไม่ก็บางทีจากเป๋เข้าป่าเข้าดงไปเลย
      ถาม :  พูดถึงผี ตอนนั้นไปงานศพเจ้าค่ะ พอไปงานศพ ผีเอ่อ.....วิญญาณของคนที่เสียชีวิตนี่เขาเดินอยู่รอบศพ คือเขาเสียชีวิตแล้ว แบบเขายังไม่ได้สั่งเสียเจ้าค่ะ เราก็เห็นเราก็มองตามเขา เขาก็เห็นว่าเรามองเขาเห็น เขาก็มาเดินอยู่รอบตัวเราแทนที่จะวนศพเขา เขาก็บอกว่า ขอหน่อย ขอเข้าหน่อย ทีนี้ไม่ทราบ เราก็แบบสวด ๓ จบแล้วเจ้าค่ะ พอ ๓ จบเราก็ยังไม่ให้ ไม่ให้เข้า มีความรู้สึกว่ากลิ่นธูป กลิ่นน้ำอบเข้ามาที่ปากค่ะ พอเข้ามาปุ๊บเข้าได้เท่าเนี้ยะค่ะ แล้วเขาก็พูดออกมาเป็นภาษาจีน ทำไมเขาถึงเข้ามาได้ ขณะที่เราไม่ได้อนุญาตเลยเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ของเราเองตอนนั้นเผลอไง อย่าลืมตรงคำว่า เผลอนะ ระหว่างที่กินอยู่ ระหว่างที่เข้าห้องน้ำ ห้องส้วม ระหว่างที่เคลิ้มใกล้จะหลับ จังหวะนั้นถ้าเผลอเมื่อไหร่ก็เสร็จ หลวงพ่อท่านถึงได้สอนให้เราภาวนาหรืออาราธนาพระให้เป็นประจำไว้ เพราะว่าถ้าหากว่าถึงระดับนั้นแล้วตัวเราถึงเผลอ แต่ว่าพระหรือเทวดาที่ท่านรักษาอยู่ท่านจะไม่เผลอ ท่านก็จะช่วยให้ ของเรานี่เขาเข้าได้แค่นั้นนับว่าเก่งมากแล้วจ้ะ ถ้าหากมันเข้าได้มากกว่านั้น ดีไม่ดีแสดงอาการพิลึกพิลั่น กลายเป็นเจ้าแม่ไปแล้ว
      ถาม :  พูดอย่างเดียวเจ้าคะ ถ้าอย่างนี้คือถ้าเราเผลอหรืออะไรก็ตามได้เลย
      ตอบ :  เผลอเมื่อไหร่โดนแน่จ้ะ ถ้าเป็นความต้องการของเขา ก็บอกแล้วว่าอย่างที่เปรียบเทียบว่าของเราต้องกิน ต้องนอน ของเขาไม่ต้อง ดังนั้นเขารอจังหวะของเขาอยู่ เผลอเมื่อไหร่ก็โดน
      ถาม :  อันนี้ก็เคยโดนอีกรอบหนึ่งเจ้าค่ะ เผลอเหมือนกันตอนเข้าห้องน้ำเจ้าค่ะ ตอนเข้าไปนะเจ้าคะ ตอนแรกยังไม่มีอะไร พอเข้าไปสักพักกลิ่นเริ่มมาแล้วเจ้าค่ะ พอกลิ่นเริ่มมา เราทำธุระ ก็ เอ๊ะ !ทำไมกลิ่นมันแรงขึ้นเรื่อย ๆ พอเข้าไปประตูมันเปิดไม่ได้เจ้าค่ะ พอเปิดไม่ได้ปุ๊บทำไงล่ะ กลิ่นมันมา ๆ พอภาวนาถึงพุทธองค์ ขอบารมีปุ๊บ กุญแจเปิดได้ พอเปิดได้วิ่งออกมาบอกคนข้างนอก บอกว่าบ้านนี้มีผีมีคนตาย พอเราอ้าปากเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ เข้ามาอีกแล้วเจ้าค่ะ โอ้โห ! กินน้ำมนต์ อาเจียน ๆ เจ้าค่ะ แล้วทำไมพวกนี้ถึงได้ตามตลอดเลย ?
      ตอบ :  มันคล้าย ๆ เบอร์โทรของเรามันต่อได้อยู่เบอร์เดียว มันไปต่อเครื่องอื่นมันเสียหมด มันติดต่อไม่ได้มันก็ต้องตามใช้เบอร์นี้แหละ (หัวเราะ)
      ถาม :  ตามตลอดเลยเจ้าค่ะ ก็มีความรู้สึก เราจะมีวิธีอย่างไรที่ไม่ให้พวกนี้เข้ามา ?
      ตอบ :  ก็อย่าเผลอจ้ะ อย่าเผลอ
      ถาม :  ไม่เผลอนี่มันลำบากนะเจ้าคะ ?
      ตอบ :  หาน้ำมันชาตรีหลวงพ่อก็ได้ ก่อนจะไปไหนเจิมหัวซะก่อน หรือไม่ก็กินไปสักอึกหนึ่งเลย นั่นแหละ คราวนี้มีัปัญญาก็มุดเข้ามาซิ มุดเข้าไปก็ชนพระหงายท้องออกมาก่อน
      ถาม :  แล้วถ้าเราพกพระติดตัว แล้วอาราธนาบอกท่านน่าจะกันได้นะเจ้าคะ ?
      ตอบ :  บอกท่าน บอกว่าทุกเวลาเลยนะเจ้าคะ ถึงอีฉันเผลอ แต่ท่านห้ามเผลอเด็ดขาด
      ถาม :  ไม่ค่อยได้อธิษฐานบอกท่านน่ะเจ้าค่ะ ?
      ตอบ :  คราวนี้ก็จะได้เห็นว่าจริง ๆ แล้วที่หลวงพ่อพูดน่ะมันตรงทุกอย่าง ท่านบอกแล้วว่าเวลากิน เวลาเข้าห้องน้ำ ห้องส้วมหรือเวลาเคลิ้มใกล้หลับ มันเป็นเวลาที่เราพลาดได้ง่ายที่สุด ต้องระวังกันตลอดเวลา บางคนน่ะ เข้าส้วมแล้วว่าภาวนาไม่ได้....บาป ระวังไว้เหอะ เดี๋ยวมันบีบคอตายคาส้วมนั่นแหละ (หัวเราะ) ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามภาวนาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเกิดปุ๊บปั๊บเป็นอะไรไปตอนนั้นกำลังใจเราไม่มีที่เกาะ ถ้าเผลอไปมันจะลงที่ลำบาก เพราะฉะนั้นต้องเกาะพระไว้ให้เป็นประจำนะ ยิ่งเข้าส้วมยิ่งดีภาวนาให้หนัก พระท่านไม่เหม็นหรอกไม่ต้องกลัว
      ถาม :  (หัวเราะ) แล้วก็มีเหตุการณ์อยู่เหตุการณ์หนึ่งที่พึ่งจะผ่านมา ๒-๓ อาิทิตย์นี้เจ้าค่ะ พอดีอยู่ดี ๆ ตัวเองก็เกิดสภาวะเศร้า ๆ แบบไร้เหตุผลเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรเหตุที่จะเศร้า พอดีเกิดอาการเศร้า ๆ แล้วก็เห็นหน้าเพื่อนอยู่ ๒ คน เธอก็เศร้า ๆ ทีนี้ก็มีเพื่อนเขาบอกว่าอย่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านเขา เราก็เลยไม่ยุ่ง เราก็นั่งเศร้าแต่ก็เห็นหน้าสองคนนี่ลอยมา ก็นั่้งเศร้า ทีนี้พอผ่านจากช่วงนั้นมาก็ไปติดต่อเพื่อนคนนั้นว่าเป็นอย่างไร เขาเจออุบัติเหตุน่ะค่ะ เขาบอกว่าทำไมไม่บอกเขาล่วงหน้า ก็บอกว่ามีคนบอกว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น ทำไมเราถึงได้รับทราบตรงจุดนั้นได้ยังไงเจ้าคะ ?
      ตอบ :  ก็เบอร์โทรดีไง มันติดต่อได้ง่าย ถึงเวลาขึ้นมานึกเลย แหมจริง ๆ มันน่าจะบอกเราตั้งแต่แรก ก็ไม่ยอมบอก เล่นเอาเรานอนเป๋ แล้วมันค่อยมา (หัวเราะ) ตอนที่เขานึกถึงน่ะ กำลังใจประเภทนั้นน่ะจ้ะ ของเรามันรับได้ไวรับได้ง่ายกว่าก็เลยรับเอาความรู้สึกนั้นมา เพื่อนก็คงประเภททั้งโกรธ ทั้งน้อยใจเรานี่รู้แน่ ๆ เลยไม่ยอมบอกเราไง ในเมื่อทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจอารมณ์ใจของเขามาในลักษณะนั้นก็อาการเดียวกับของเขาเลย