ถาม :  เมื่อคืนนี้ไปกับหลวงพี่เอไปย้ายศาลพระภูมิ แต่โดนผีหลอกเข้าจังเลย แม่เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยทำสมาธิเลยแล้วเขาอยากเห็น แล้วเขาก็อธิษฐานตอนบวงสรวง ขอให้เห็นหลวงพ่อบ้าง แล้วเขาก็นั่งหลับตา เห็นหลวงพ่อมา มีไม้เท้าแล้วตัวดำเมี่ยมเลย เขาบอกดำจนเขียวแล้ว แล้วหลวงพ่อก็มายืนก้มหน้าต่ำพอดีกับศาลยืน ๆ อยู่เขาเห็นบอก อุ้ย ! แล้วเขาตกใจ แล้วเขาบอกเขากลัว
      ตอบ :  (หัวเราะ) เจอพระแล้วกลัว เขามีแต่เจอผีแล้วกลัว
      ถาม :  ถ้าเป็นเจ้าที่นี่ ต้องมีองค์เดียวหรือเปล่าคะ หรือว่าไม่จำเป็น ?
      ตอบ :  พระภูมิเจ้าที่ หมายถึง ถ้าต้องเขตของเรามีองค์เดียวแต่ถ้าหากว่าทั้งโลกนี่ นับไม่ถ้วน
      ถาม :  ถ้าเกิดอย่างคนที่ไซด์ที่สร้างตึกน่ะครับ เขานอน ๆ อยู่บอกเห็นมาหา ๒ องค์แล้วมาเสร็จมา ๓ ตัวตรง ๆ ตื่นขึ้นมาซื้อเลย
      ตอบ :  มันบางอย่าง บางทีไม่ใช่เจ้าที บางทีอาจจะเป็นจำพวกรุกขเทวดา อะไรที่อยู่แถวนั้นก็ได้ หรือไม่ก็ท่านอาจจะเป็นอากาศเทวดา ๆ นี่จะคลุมพื้นที่กว้างมากแล้วเป็นนายพระภูมิอีกทีหนึ่ง อย่างเช่นว่าพระภูมิคลุมพื้นที่ ๓ ตารางเมตร อากาศเทวดาอาจจะ ๓ พันตารางกิโลเมตรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นอาจจะมาด้วยกันก็ได้
      ถาม :  เขาถูกหวย ๕ งวดติดแล้วล่ะครับ
      ตอบ :  ดีแล้วบอกเขาบอกว่า ถ้าทำบุญให้เขานะจะได้ไปเรื่อย ๆ แสดงว่าอันนั้นต้องมีส่วนที่เนื่องกันมาแล้ว วาระบุญเขาส่งผลพอดี ไม่อย่างนั้นเขาสงเคราะห์ให้ไม่ได้หรอก เทวดาเขาจะไม่ฝืนกฏของกรรม อันนั้นพอเขารู้วาระบุญของคนนี้ มีจะได้รับในทานบารมีที่สร้างไว้ในอดีตแล้วมันมีส่วนเนื่องกันมาเขาก็เลยช่วย
      ถาม :  ที่โน่นคนสร้างเขาไม่รู้ แล้วส่วนใหญ่เขาตั้ง ๕ โมงเย็นแล้วส่วนใหญ่ตั้งศาลพระภูมินี่จะเป็นเหล้าขาวก่อน
      ตอบ :  แล้วไปเชิญที่ไหนเทวดาเขาจะมา พวกผิดศีลเทวดาเขาเกลียด
      ถาม :  แต่ที่บ้านยังถือว่าโชคดีที่ว่า คนตั้งเขาตั้งค่อนข้างจะดีแต่ว่าไปตั้งอีกทิศหนึ่ง หลวงพี่เอบอกว่าพอทำเสร็จแล้วมาสร้าง มันน่าจะทำมาตั้ง ๒๐ ปีมาแล้ว......(ไม่ชัด) ........?
      ตอบ :  นั่นแสดงว่าผลบุญของเรายังค้ำอยู่นะ ถ้าผลบุญของเราไม่ค้ำตั้งผิดทิศนี่ถึงเวลากรรมมันเข้าท่านไม่ช่วยเลยนะ ถ้าท่านไม่ช่วยมีโอกาสเดี้ยงได้ง่าย ๆ เลย
      ถาม :  มีปัญหาเรื่องลูกค่ะ เวลาหนูจะทำบุญเขาจะขัดอยู่เรื่อย ชวนเขามาทำบุญเขาจะบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ๆ
      ตอบ :  จ้า คราวหน้าก็อย่าบอก บอกว่าไปไหนก็ได้ ไม่ใช่มาทำบุญแต่ว่าเราไปทำบุญ
      ถาม :  หนูคิดว่าเป็นผลกรรมที่เคยทำไว้
      ตอบ :  เราจะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่เพื่อความอยู่สุขของเราเอง เพื่อความสะดวกบางทีบางอย่างมันตรงไปตรงมาไม่ได้ ในเมื่อตรงไปตรงมาไม่ได้บอกว่าไปหาเพื่อนก็ได้ เราก็แวะไปหาเพื่อนซักแป๊บแล้วเราจะเลี้ยวไปวัดหรือไปไหนต่อไปมันเรื่องของเรา
      ถาม :  ขอถามเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องหลังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าเป็นแก่นแท้แล้วนี่ เกิดมีคนถามผมว่าพระพุทธศาสนาสอนอะไร ผมก็เลย....?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าในลักษณะนั้นให้ตอบว่า คำสอนของพระพุทธศาสนาที่เป็นหลักจริง ๆ ก็คือ “โอวาทปาติโมกข์” ท่านสอนว่า “ให้ทุกคนละความชั่วทั้งหมด ทำความดีให้ถึงพร้อม รักษาจิตใจของตนให้เบิกบานผ่องใสอยู่เสมอ” อันนี้เรียกว่าเป็นเนื้อหาคำสอนหลักของคำสอนของท่าน
              แต่ว่าก่อนตายพระพุทธเจ้าท่านสรุปลงเหนือคำ “ไม่ประมาท” คำเดียวอันนั้นมันหนักเกินไป มันต้องคนที่เข้าถึงธรรมะระดับที่เรียกว่าสูงมากเลยถึงจะเห็นตัวนี้ชัดเจน ถ้าหากว่าสำหรับคนทั่ว ๆ ไปบอกแค่นั้น แต่ความจริงตอนที่แสดงโอวาทปาติโมกข์ท่านสรุปเอาไว้เยอะท่านบอกว่า ขันติปรมังตะโปตีติกขา ขันติเป็นตะบะอย่างยิ่งของนักปฎิบัติ ก็หมายความว่า คนที่ปฎิบัติต้องอาศัยความอดทนเป็นหลักเลย นิพพานังปรมังวะ ทันติพุทธา
              พระพุทธเจ้าทุกองค์ย่อมกล่าวถึงนิพพานเหมือนกัน นะหิปัพพชิโตปะรูปะฆาตี การฆ่าผู้อื่นไม่ชื่อว่าบรรพชิต แตะนิดเดียวก็ไม่ได้นะ สะมะโณโหติปะรังวิเหฏยันโต ท่านบอกว่าว่าคนเราจะชื่อว่าสมณะเพราะว่าลักษณะที่เรียกว่านุ่งห่มเครื่องแบบเข้าไปเฉย ๆ ก็หามิได้ คือมันจะอยู่ในลักษณะที่เรียกว่า ต้องปฎิบัติใจให้เป็นมันถึงจะเป็นไม่ใช่เป็นเพราะว่าสภาพเครื่องแบบมันบังคับ
              แล้วท่านก็บอกว่า อนูปะวาโท ต้องไม่ว่าร้ายใคร อนูปะฆาโต ต้องไม่ทำร้ายใคร ปาฎิโมกเขจะสังวโร ให้สำรวมในศีลของเราเองไว้ เรามี ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ยังไงต้องระมัดระวังทุกสิกขาบทให้ดี มัตตัญญุตาจะภัตตัสมิง ต้องรับประทานอาหารแต่พอสมควร ไม่หลงในรสอาหารมากจนเกินไป กินอิ่มเกินไป ไม่พอเหมาะพอดีหรือว่าทรมานตัวเองเกินไปจนทำให้ร่างกายมันอ่อนเพลีย
              ปฎิบัติได้ไม่ลำบาก มันต้องพอดีสำหรับตัวเอง ปันตัญจะสะยะนาสะนัง นั่งนอนหรืออาศัยอยู่ในที่สงัด ก็คือเพื่อว่าจิตใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปกับสภาพรบกวนที่เข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อะทิจิตเตจะอาโยโค สร้างกำลังใจของเราให้มั่นคงอยู่ในความดีให้ได้ตลอด แล้วท่านก็สรุปว่า สัพพะปาปัสสะ อะกะระนัง ต้องละเว้นจากความชั่วทั้งทั้งปวง กุสะลัส สูปะสัมปะทา ทำความดีให้ถึงพร้อม สะจิตตะปะริโยทะปะนัง ทำกำลังใจของเราให้เบิกบานแจ่มใสอยู่เสมอ เอตังพุทธานะสาสะนัง ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์สอนอย่างนี้เหมือนกันหมด
              เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าหลักคำสอน เราเอาแค่นี้แค่ว่า “ละเว้นความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้ร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอ” แค่นั้นล่ะ ถ้าจะไปสรุปปุ๊บปั๊บคนบางทีไม่ได้เริ่มต้นเลย บอก “ไม่ประมาท คำเดียวเป็นแก่นแท้” ไม่ผิดหรอก แต่มีหวังหงายท้องเลย (หัวเราะ)
      ถาม :  แล้ว ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นี่ไม่เกี่ยวใช่มั้ยครับ ?
      ตอบ :  มันก็ใช่อยู่ แต่ว่าคำสอนที่จัดเป็นหมวดหมู่ขึ้นมาจริง ๆ ของท่านก็คือว่า สอนให้เราละชั่ว สอนให้เราทำดี สอนให้เราทำกำลังใจของเราให้มั่นคงเจริญก้าวหน้าในด้านดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
      ถาม :  แล้วหลักปฎิบัติของฆราวาสล่ะครับ ที่ครองเรือนอยู่นี่ ?
      ตอบ :  ฆราวาสท่านบอกว่า ให้มีสัจจะคือให้จริงใจต่อกัน มีทมะ มีความอดกลั้นต่อกัน มีขันติต้องอดทนต่อความยากลำบากในการครองชีวิตคู่ แล้วก็มีจาคะ ต้องเสียสละต้องปันให้กันและกัน ถ้าหากว่ามีทั้ง ๔ ตัวนี้เราจะเป็นฆราวาสที่ครองเรือนอย่างมีความสุข
      ถาม :  ทีนี้อยากถามเกี่ยวกับมงคลครับ อย่างเช่น บางคนเขาบอกว่าต้องนอนหันศีรษะไปทางทิศตะวันออก หันไปทางทิศตะวันตกมันไม่ดี มันมีผลจริงหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  อันนั้นถ้าหากว่าจิตใจของเรากังวลมันจะมีผลคือ ใจเราเศร้าหมองเองมันกลายเป็นตัว อโนมยา สำเร็จด้วยใจ เหมือนอย่างกับแช่งตัวเองอยู่ตลอด สิ่งเหล่านี้เขาเถียงกันมานานเนเหลือเกินเเล้ว ที่ท่านบอกว่า พหูเทวมนุสสาจะมังคลานิ อะจินตะยุง อากังขะมานา โสตะถานัง พรูหิมัง คละมุตตาะมัง เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างก็สงสัยในเรื่องของมงคลว่าสิ่งใดกันแน่เป็นมงคลที่แท้จริง
              ถึงกับเถียงกันมาเป็นช้านานก็เลยไปถามพระพุทธเจ้าดีกว่า พระพุทธเจ้าท่านสรุปมาให้นะ มงคลมีอยู่แค่ ๓๘ อย่างที่ท่านบอกขึ้น อะเสวนาจะพาลานังปันฑิตานัญจะเสวนา ก็คือ ไม่ให้คบกับคนพาล ๑ ให้คบแต่บัณฑิต ๑ บูชาบุคคลทีควรบูชา ๑ เห็นมั้ย ท่านจัดเป็นหมวด ๆ แล้วก็อยู่ในถิ่นที่เหมาะสมไม่ใช่ไปอยู่แต่ในดงโจรมันปฎิบัติดีก็คงจะยาก พวกนี้มันคอยเบียดเบียนอยู่เสมอใช่มั้ย ?
              มีบุญมาแต่ปางก่อน อันนี้ต้องรู้จักสร้างบุญข้ามชาติข้ามภพเลยบุญถึงจะหนุนส่งให้ รู้จักตั้งตนไว้ในทางที่ชอบ คือตั้งตนไว้ในทางที่ถูกที่ควร แล้วก็เป็นผู้ฟังมากรู้มากคือ ศึกษามาดีเป็นผู้ที่มีต้องใช้คำว่า เป็นผู้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี ท่านใช้คำว่า สิปปันจะ ผู้มีศีลปะในการดำรงชีวิตไง วินะโย คือเป็นผู้มีวินัย จะสุสิกขิโต เป็นผู้ที่มีความเที่ยงตรง อ่อนน้อมอยู่เสมออย่างนี้
              ไล่ไปจนกระทั่งถึงท้าย ๆ เป็นการปฎิบัติของพระอริยเจ้า ไล่ไปตั้งแต่ ตะโป คือการบำเพ็ญตะบะ พรัหมะจริยัญจะ การรักษาพรหมจรรย์ อริยสัจจานะทัสสะนัง ทำพระอริยสัจให้เห็นแจ้งอย่างนี้ อันนี้ถ้าเห็นแจ้งก็กลายเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว รวมแล้ว ๓๘ อย่างอันนี้ถือเป็นมงคลที่แท้จริง มงคลที่เขาถืออย่างอื่นนั่นไม่ใช่มงคลที่แท้
      ถาม :  อย่างนี้เวลาทำงาน โต๊ะจะหันไปทางทิศตะวันตก จะหันไปทางทิศตะวันออก จะหันไปทางทิศใต้ก็ไม่มีผล ?
      ตอบ :  คือถ้ากำลังใจของเรามั่งคง สิ่งเหล่านี้มีผลกระทบกับเราน้อยเต็มที ยกเว้นว่าคนโน้นทักเราก็กำลังใจตก คนนี้ทักกำลังใจของเราก็ฝ่อ ถ้าอย่างนี้ก็มีผลเพราะใจมันไม่ดีซะเล้ว แต่ถ้ากำลังใจมันดีทุกอย่างมันดีหมด
      ถาม :  แล้วอย่างเคยอ่านประวัติของหลวงพ่อฤๅษี ท่านสอนไว้ว่าถ้าหันพระพุทธรูปไปทางทิศตะวันตก บูชาไปปีแรกมันจะดี ปี ๒ มันจะแย่ ทำไมมันมีผลอย่างนั้น ?
      ตอบ :  อันนั้นมันเป็นผลในลักษณะที่ว่า ผลร้ายอย่างอื่นมันไม่มียกเว้นแต่ว่าอย่างเดียวมันเก็บเงินไม่อยู่ มันจะมีในลักษณะที่เรียกว่าหามาเท่าไหร่มันก็มีเหตุให้ใช้ไป เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งหลวงพ่อท่านเป็นผู้ละเอียดท่านช่างสังเกต ในเมื่อสังเกตได้เสร็จเรียบร้อยท่านก็ไม่ทำอย่างนั้นซะมันก็หมดเรื่องไป
              แต่ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่มงคลแท้ที่พระพุทธเจ้าท่านว่า เพราะถ้าหากว่ามัวแต่ถืออยู่เกิดทิศอื่นมันไม่มีจริง ๆ อย่างนี้มันไม่เหมาะไปหมด หันไปทางโน้นก็ส้วมหันไปทางนี้ก็ข้างฝา มันก็จำเป็นต้องหันไปด้านนั้น
      ถาม :  รวมถึงการตั้งศาลด้วยรึเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ก็ใช่ คราวนี้ว่าสิ่งเหล่านี้มันอยู่ในลักษณะที่หลวงพ่อท่านใช้คำว่า “สะดวก” ก็คือว่า ตามความเหมาะสมในตอนนั้น ถ้าหากมันไม่ลำบากเกิดไปทำให้มันถูกต้องได้มันก็ดี แต่ถ้าหากว่ามันลำบากมากก็ถือการสะดวกไปเลย
      ถาม :  แล้วอย่างที่สารทจีนคนเขาไหว้เจ้ากัน เขาไหว้เป็ด ไหว้ไก่ ไหว้เจ้าที่ อย่างคุณแม่ผมนี่ก็ชอบไปซื้อเป็ดเยาวราชเป็น ๆ ชี้ให้เขาทำเลยหลัง ๆ ก็เลยขอคุณแม่ แต่คุณแม่ก็บอกว่าเจ้าที่เขาชอบของสด
      ตอบ :  อันนั้นคุณแม่ชอบ เจ้าไม่ได้บอก สิ่งที่เขาทำยังไงก็เป็นเทวตานุสสติ คือการระลึกถึงความดีของเทวดาท่าน มันก็มีผลของมันอยู่ แต่ว่าขณะเดียวกันโทษของปานาติบาตมันก็มี มันต้องดูสิ่งที่เขาทำมันคุ้มมั้ย ? ถ้าหากว่าไม่คุ้ม มันก็กลายเป็นการลงทุนที่ขาดทุนอยู่ตลอด สิ่งที่เขาว่ามา จริง ๆ แล้วเจ้าหรือว่าเทวดาเข้าไม่ได้เรียกไม่ได้ร้องขอ อย่างนั้นมันเป็นความเข้าใจของตัวเอง ว่ามันต้องทำอย่างนั้นถึงจะดี ก็อยากจะให้ในสิ่งที่ดีที่สุด แต่บังเอิญว่าของท่านเองมันไม่ได้ยึดเกาะ
              ในคำสอนของพระพุทธเจ้าในจุดที่ต้องมีศีลธรรมมีอะไร ไปเกาะคำสอนตามศาสนาของ ขงจื๊อ ซึ่งเป็นของจีนอยู่ เขาไม่ได้เน้นตรงจุดนี้ก็เลยกลายเป็นทำในสิ่งที่เป็นโทษไป ก็บอกแม่บอกว่าอย่าลงทุน ขาดทุนอยู่เรื่อยนะเดี๋ยวมันจะแย่