ถาม :  พระธาตุ ๕ ดวงนี่หมายถึงยังไงคะ มีพระธาตุทั้งหมด....?
      ตอบ :  จะมีเจดีย์ ๕ องค์ ทีนี้ทางเหนือเจดีย์เขาเรียก พระธาตุ เขาไม่เรียกเป็นองค์นะ เรียกเป็น ดวง พระธาตุ ๕ ดวง ก็คือ เจดีย์ ๕ องค์
      ถาม :  แล้วมีพระธาตุอยู่หรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  ไม่ทราบว่าโบราณเขาบรรจุไว้รึเปล่า ต้องถามเจ้าอาวาสดูทางเหนือนี่ สร้างเจดีย์เขาเรียก สร้างธาตุ อย่างพระธาตุดอยสุเทพ ก็คือ เจดีย์ดอยสุเทพ
      ถาม :  ทีนี้พอพูดถึงพระธาตุ เราก็ต้องนึกว่าต้องมีพระธาตุท่านอยู่ในนั้น ?
      ตอบ :  โบราณส่วนใหญ่เขาทำก็มีพิธีพระธาตุบรรจุ
      ถาม :  (ถามเกี่ยวกับการชำระหนี้สงฆ์)
      ตอบ :  ชำระหนี้สงฆ์นี่ก็ต้องจัดอยู่ในสังฆทาน ธรรมทานไปเลยถ้าหากว่านอกเหนือจากนั้นแล้วอย่าไปยุ่ง คำว่าหนี้สงฆ์ คำว่าหนี้สงฆ์นั่น คือ ส่วนรวมอย่างน้อยอย่างต่ำสุดต้องสังฆทาน สูงก็สังฆทานได้บุญอะไรที่ต่ำกว่าสังฆทานก็อย่าไปแตะ
      ถาม :  ..............................
      ตอบ :  อันดับแรก เราตั้งใจว่าทรัพย์สินสิ่งของอะไรที่เราเอาไปมีราคาเท่าไหร่ในอดีตเราไม่นับ เราต้องนับราคาปัจจุบัน อย่างเช่นว่าถ้าเป็นรถยนต์คันหนึ่งสมัยก่อนราคาแสนหนึ่ง แต่สมัยนี้ ๘ แสนก็ต้องคืนเขา ๘ แสนเขาคิดราคาปัจจุบันหมด ของสงฆ์ไม่มาการเก่าไม่มีการเสื่อมสภาพ
      ถาม :  หากตายไปแล้วล่ะครับ ?
      ตอบ :  ตายไปแล้วเกิดใหม่ว่ากันไหม่ มันมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือว่าให้เทียบราคาทอง เพราะราคาทองเป็นของมาตฐานสมัยนั้นทองใช้ราคาของเขา ซื้อทองได้เท่าไหร่ ปัจจุบันนี้เขาก็เอาราคานั้นของทองมา
      ถาม :  ..........................
      ตอบ :  อันนั้น ถ้าหากว่ามันยุ่งมาก ส่วนใหญ่แล้วที่พลาดในอดีตชาตินั่นมันจะใช้หนี้เขามาแล้ว ถ้าหากว่ากลัวว่ามันยุ่งยากมาก บางทีมันมีอะไรนิดหน่อยหรือกำลังบุญเราสูงกว่าแล้ว เรารอดพ้นมาได้จะต้องไปใช้เขา ก็ให้ทำการชำระหนี้สงฆ์หรือไม่ก็สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ไปเลย การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์นี่อดีตถึงปจจุบันเป็นอันว่าเจ๊ากันไป แต่พระชำระหนี้สงฆ์นี่ทำยากเพราะว่าต้องสร้างพระพุทธรูปหน้าตักถึง ๔ ศอกนะ ๒ เมตรเต็ม ๆ ถึงจะชำระหนี้อันนั้นได้
              คุณเอาไปกี่ล้านก็ตามถ้าพระนั้นราคาแสนเดียวก็แปลว่าชำระได้ เพราะว่าอานิสงส์การสร้างพระนั้น ถ้าหากว่าเป็นพระไม่ปิดทองก็ได้ตัวเจ้าภาพคนเดียวคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าพระนั้นปิดทองจะร่วมกันกี่ร้อยกี่พันคนมีอานิสงส์ชำระหนี้เหมือนกันหมด
      ถาม :  แล้วที่ผมเคยได้ยินมาครับว่า สร้างองค์ปฐมชีวิตนี้ไม่ตกนรกแน่นอนจริงหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรม คือกรรมหนักไม่สามารถแก้ไขได้ ๕ ประการตัวอย่างคือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต หรือยุสงฆ์ให้แตกกัน ถ้าไม่ได้ทำกรรมหนัก ๕ อย่างนี้ บุคคลที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม พระยายมท่านรับปากว่าจะพยายามประคับประคองกำลังใจให้นึกถึงด้านบุญให้ได้ คนที่ทำบุญนี้จะต้องนึกถึงด้านบุญก่อน
      ถาม :  นั่นน่ะซิครับ ถ้าอย่างนี้ตอนจะตายไม่คิดอะไรก็ ....?
      ตอบ :  ท่านจะบังคับให้คิด ถ้าไม่คิดก็ตีกบาล (หัวเราะ) ยังไงก็ต้องคิดดีให้ได้ เรื่องอำนาจของเทวดา ของพรหมเรื่องบังคับความคิดของเรานี่เป็นเรื่องที่หมูที่สุดของท่านเลย แต่เนื่องจากว่าท่านเองท่านจะไม่ยุ่งกับเราในสิ่งที่เกินกฏของกรรม เหตุที่ท่านรับปากได้เพราะว่าอานิสงส์ที่เราสร้างมันสูงมาก ในเมื่อมันสูงมากท่านก็สามารถจะช่วยได้หน่อย ยังไง ๆ ก็อย่าชั่วมากก็แล้วกัน
      ถาม :  การสร้างพระใหญ่นี่ระหว่างสมเด็จองค์ปฐมกับพระพุทธรูปองค์อื่นอานิสงส์จะเท่ากันหรือต่างกันครับ ?
      ตอบ :  มันก็จะหนักเบาไปตามบารมีของท่าน
      ถาม :  แล้วอย่างนั่นที่เราสร้าง....(ไม่ชัด) ..........?
      ตอบ :  อันนั้นหลวงพ่อท่านเคยแนะนำว่า ถ้าหากเราไม่มั่นใจว่าสถานที่ ๆ เราอยู่อาศัยมันเคยเป็นเขตของสงฆ์มาก่อนหรือเปล่า ให้แต่ละปีจัดการชำระหนี้สงฆ์อย่างเช่นว่า เอาเช่นวางเงินสัก ๑๐๐ - ๒๐๐ บาท ไปที่วัดใกล้ที่สุดบอกว่า ชำระหนี้สงฆ์ค่าที่อยู่อาศัยเท่ากับเราเช่าที่
      ถาม :  เห็นต้นไม้ในวัด เป็นผลไม้ มะม่วงสวยดีนะ ?
      ตอบ :  ไปถึงก็เก็บ (หัวเราะ ) สาหัสจ้า
      ถาม :  เขาเองคิดว่าเป็นทานนะ
      ตอบ :  จริง ๆ แล้วเขาจะคิดอย่างนั้นหารู้ไม่ว่ามันเป็นโทษ ถ้าจะให้เขาให้เองไม่ใช่เราไปเก็บเอง เราไม่ใช่เจ้าของจะไปถือสิทธิ์อย่างนั้นไม่ได้มันเสียมารยาทแล้ว
      ถาม :  แล้วมีพระในวัดบอกว่าเก็บได้ล่ะ ?
      ตอบคนเดียวไม่ได้ ต้องพระทั้งหมด ยกเว้นว่าต้นไม้นั้นพระองค์นั้นปลูกเอง ถ้าอย่างนั้นเขาอนุญาตคนเดียวได้ไม่อย่างนั้น พระทั้งวัดต้องมีความเห็นร่วมกันถึงจะให้ได้ อย่างสมัยหลวงปู่ปาน ถึงเวลาเข้าพรรษาที ท่านจะทำเงินจำนวนหนึ่งอาจจะประเภท ๑๐๐ บาท ๒๐๐ บาทบอกว่า เงินจำนวนนี้ผมขอถวายสงฆ์เพื่อชำระหนี้สงฆ์ค่าผลไม้ ไม้ดอก ไม้ผล ทั้งหมดในวัดนี้ ผมอนุญาตให้โยมเขากินใช้ได้ ถ้าสงฆ์ทั้งหมดสาธุ ไม่มีใครคัดค้านก็เป็นอันว่าโอเค หลังจากนั้นแล้วคุณจะขโมยคุณจะเด็ดเองโดยพละการหรืออะไรก็ตาม โทษอันนี้มันไม่มีเพราะท่านเจตนาให้อยู่แล้ว
      ถาม :  จะมีซักกี่วัดล่ะครับที่ทำอย่างนี้ ?
      ตอบ :  ก็ไม่รู้ วัดอาตมานี่ประกาศตอนเข้าพรรษาบอกว่า ขอให้เป็นสิทธิ์ของโยม อาตมารับผิดชอบเอง
      ถาม :  ก็ยากนะ เพิ่งเคยได้ยินเนี้ย ?
      ตอบ :  ลองดูได้ ตายเมื่อไหร่แล้วจะซึ้ง โทษอันนี้สาหัสเลย
      ถาม :  ผมเคยเล่าให้ฟังไงครับ เห็นแม่ตัวเองทำยังตกใจเลย ห้ามก็ไม่ได้
      ตอบ :  นั่นไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วบรรดาพระลูกชาย พอโยมเขาถวายของอะไรมา บางทีประเภทกระโถน ปิ่นโตอะไร พริก น้ำปลาอะไรขนเข้าบ้านหมด พ่อแม่ก็กินก็ใช้กันครึกครื้นไปเลย มันหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ เลย
      ถาม :  งั้นคนที่บริโภคของโดยที่ไม่รู้นี่ว่าคนอื่นเอามาให้
      ตอบ :  คุณกินยาพิษโดยที่ไม่รู้ คุณตายมั้ย ?
      ถาม :  อันนั้นมันเป็นเรื่องของจิตไม่ใช่เหรอครับ หรือการเจตนา ?
      ตอบ :  ก็นั่นล่ะ แต่ทีนี้พอเรื่องของสงฆ์ โทษของเขา อภัยไม่มีเพราะคำว่า “สังฆะ” หรือหมู่สงฆ์มันหมายรวมเอาทั้งหมดในศาสนานี้ โทษมันก็เลยหนักกว่าปกติ เพราะฉะนั้นหนักกว่าปกติไม่เจตนาของมดมันไม่เป็นไร นี่ไม่เจตนาของช้างมันเหยียบเฉี่ยว ๆ เราก็ตาย
      ถาม :  มันก็เหมือนกันนะ กำลังนั่งกินข้าวอย่างนี้ มีคนถือยาพิษผ่านเดินเสร็จมันกระฉอก ลมมันพัดหยดมาพอดี เราก็กิน เราตายเหมือนกันไม่มีใครตั้งใจฆ่าเขาซะหน่อย
      ตอบ :  คืออันอื่นไม่เจตนาโทษมันน้อยแต่ว่าเนื่องจากว่ามันเป็นกรรมเล็ก แต่อันนี้มันเป็นกรรมใหญ่ ไม่เจตนาโทษมันก็มาก