ถาม :  ...........................
      ตอบ :  ช่วงนี้เป็นช่วงของกาลกฐิน คำว่ากาลนี่ กาละแปลว่าเวลา เวลาของกฐิน กฐินจริง ๆ ความหมายก็คือผ้าสะดึง คือผ้าที่ขึง เครื่องขึงที่ยึดผ้าให้ตึงจะได้ประกอบให้เป็นสิ่งโน้นสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเย็บปักถักร้อยอะไรก็ง่าย กาลกฐินนี่จะเป็นเรื่องกำหนดตามระเบียบพิธีของสงฆ์โดยเฉพาะพระภิกษุที่จำพรรษาแล้วเป็นเวลาครบถ้วน ๓ เดือน
              สมัยก่อนนั้นพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เปลี่ยนจีวรได้ คราวนี้ว่าการเปลี่ยนจีวรนี้ต้องสมเหตุสมผล คือว่าเป็นผู้ที่จีวรเก่าจริง ๆ ชนิดที่เรียกว่าหมดสภาพแล้วก็อนุญาตให้เปลี่ยนได้ ท่านก็ให้เสาะหาผ้าที่จะมาทำจีวร ภายหลังการเสาะหาผ้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก นางวิสาขาก็ดี อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี ก็ขอให้รับคหปติจีวร คือจีวรที่มีผู้น้อมมาถวายได้ คราวนี้พอจำพรรษาแล้วครบสามเดือนมีสิทธิรับกฐินได้ กาลกฐิน คือเวลาของการรับกฐิน เริ่มตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดไปสิ้นสุดเอากลางเดือนสิบสองเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ช่วงระยะนี้วัดไหนก็ตามที่มีเจ้าภาพตั้งใจว่าจะถวายกฐินก็จะจัดให้ถวายกฐินขึ้นมา คราวนี้กฐินเป็นงานบุญพิเศษ
              ความจริงกฐินเป็นสังฆทานเหมือนกันแต่บังเอญว่าจำกัดด้วยเวลาคือทำได้แค่เดือนเดียวเท่านั้นในหนึ่งปี ก็เลยจะมีอานิสงส์พิเศษ หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยบอกเอาไว้ว่าให้เรารู้จักสังเกตตัวเอง ใครก็ตามที่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพทำบุญกฐิน คำว่าเจ้าภาพไม่ได้หมายความว่าจะต้องเจาะจงว่าตัวเองเป็นประธานหรือว่าหาสิ่งของทั้งหมดมา เราร่วมเป็นเจ้าภาพด้วยจะเล็กน้อยยังไงก็ตามถือว่าเป็นเจ้าภาพเหมือนกัน ท่านบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจเป็นเจ้าภาพกฐินติดต่อกันได้ถึงสามปี ให้สังเกตความเป็นอยู่ของตัวเอง ความเป็นอยู่จะคล่องตัวกว่าคนอื่นเขา จะมีความสะดวกกว่า
              เพราะฉะนั้นก็ให้พวกเราตั้งใจลักษณะนี้ ตัวอาตมาเองตั้งใจตั้งแต่ก่อนบวชจนกระทั่งถึงบวชแล้ว แต่ละปีจะทำบุญกฐินปีละมาก ๆ หลาย ๆ วัด สมัยที่ก่อนบวชถึงเวลาหน้ากฐินก็เตรียมซองไว้เลย ซองละพัน ๆ เจอเขาทำที่ไหนก็ถวายร่วมกับเขาที่นั่น พอเป็นพระมาก็ใช้วิธีจัดแบบนี้ คือว่านิมนต์พระที่ท่านไม่ีมีกฐินหรือว่าพระที่เป็นมิตรสหายคุ้นเคยกันมา มารับกฐินที่วัดของเรา หรือว่าอย่างระยะหลัง ๆ นี่ไปเป็นประธานทอดให้เขาด้วย หรือว่าทางด้านโน้นเขาเรียกร้องมาก็ต้องไป
              อานิสงส์ที่ชัดที่สุด ก็คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา พระพุทธเจ้าสมัยที่ท่านเกิดเป็นมหาทุกขตะ คือคนที่จนมาก ท่านเป็นคนรับใช้คนอื่นเขา ในสมัยนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีนามว่าปทุมมุตตระ ท่านเป็นคนใช้เขา
              เจ้านายจะจัดกฐินก็สั่งให้มหาทุกขตะจัดการให้ทุึกอย่าง มหาทุกขตะก็บอกว่า ข้าแต่นายขอร่วมมีส่วนในกฐินนี้ได้หรือไม่ นายก็บอกว่าได้ซิเรามีอะไรล่ะ บอกว่าเดี๋ยวขอเสาะหาก่อน คราวนี้เขามีแต่ผ้านุ่งอยู่ผืนเดียว แขกเขาจะมีผ้านุ่งอยู่ผืนหนึ่งแล้วผ้าห่มผืนหนึ่ง แต่มหาทุกขตะจนมากมีผ้านุ่งผืนเดียวก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรดี เลยเข้าไปในป่าเอาใบไม้มาเย็บทำเป็นเครื่องนุ่งห่มแทน แล้วเอาผ้าผืนนั้นไปที่ตลาดไปถามกับพ่อค้าว่าผ้าผืนนี้สามารถแลกของอะไรได้บ้าง เขาถามว่าเธอจะเอาไปทำอะไรผ้าก็เก่าเต็มทีจะแลกของอะไรได้นักหนาเชียว เขาก็บอกว่านายของเรานี่จัดกฐินขึ้นมาเพื่อทอดถวายพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เราก็อยากทำบุญด้วยก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ให้เข็มไปเล่มหนึ่งแล้วก็ด้ายไปกลุ่มหนึ่ง เพราะว่าผ้าเก่ามากแล้วมีค่าน้อยมาก ท่านก็เอาเข็มกับด้ายนั้นเข้าไปร่วมในกองกฐินแล้วตั้งใจอธิษฐานว่าขอให้ผลบุญที่ได้ทำบุญกฐินครั้งนี้ขอให้ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณดังที่ปรารถนาด้วยเถิด เสร็จแล้วปรากฏว่าพอถึงชาติปัจจุบันนี้ท่านบรรลุมรรผลได้จริง ๆ
              หลวงพ่อท่านเคยเทศน์ถึงอานิสงส์กฐินท่านบอกว่าบุคคลที่ตั้งใจทำบุญกฐินพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าแม้แต่ทิพจักษุแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งถือว่าเลิศแล้วที่สุด ยังมองไม่เห็นเลยว่าอานิสงส์นั้นจะไปสิ้นสุดตรงไหน ส่วนใหญ่ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ จะเป็นพระมหากษัตริย์ หรือเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เกิดแล้วเกิดอีกอยู่ในระดับของความดีนี้ตลอดจนกระทั่งไม่สิ้นสุดของอานิสงส์กฐินก็จะเข้านิพพานเสียก่อน ฟังดูแล้วน่าทำไหม ร่วมกับเขาบ่อย ๆ
      ถาม :  แล้วอย่างจุลกฐิน ?
      ตอบจุลกฐินกับมหากฐินนี่จริง ๆ แล้วเป็นเครื่องที่เรากำหนดขึ้นมาภายหลัง จุลกฐินนี่จะอยู่ในลักษณะที่เรียกว่าเขาจะทอผ้าเย็บเป็นสบงเพื่อให้เสร็จในวันเดียวเพื่อจะย้อมไปถวายพระ ส่วนมหากฐินนี่เขาหมายความว่ามีจีวรครบไตร แต่ระยะหลัง ๆ ที่อาตมาทำนี่ไม่ใช่ครบไตรอย่างเดียว พระมากี่องค์นี่ถวายครบด้วย ก็เลยเรียกไม่ถูกว่าเป็นมหากฐินยังไงนะ แต่ว่าสมัยก่อนผ้าหายากจริง ๆ ก็เลยถือว่าผ้ากว้างคืบยาวคืบเป็นจีวรได้แล้ว พระท่านจะไปเย็บต่อเอง รอยเย็บก็อย่างที่เห็นตามจีวรจะมีรอยต่ออะไรอยู่ อันนี้พระอานนท์ออกแบบมาสองพันกว่าปีแล้ว ยังฮิตอยู่เลยไม่เคยเปลี่ยนแบบ พระอานนท์ท่านออกมาท่านท่านเอาแบบมาจากนา ท้องนาของเขาจะมีคันนามีอะไร คราวนี้ว่าผ้าที่เป็นเศษผ้าเก็บจากตรงโน้นมาเก็บจากตรงนี้มาพอถึงเวลาก็มาตัดให้เข้ารูปเข้าร่างเย็บต่อ ๆ มันขึ้นมา สมัยก่อนผ้าหายากมากแล้วแขกขโมยเก่งด้วย เผลอหลับมันดึงไปจากตัวเลย พระเขาถึงได้มีกำหนดว่าก่อนอรุณนี่ห้ามห่างจากจีวรเลย สมัยนั้นผ้าผ่อนหายาก สมัยนี้หาง่ายแล้ว แต่ว่ายังมีอานิสงส์กฐินอันนี้อยู่ ยังมีการถวายกฐินลักษณะนี้อยู่้
              แต่ว่าเท่าที่พบว่ากฐินหลวงคือกฐินที่ในหลวง ท่านทอดถวายตามพระอารามต่าง ๆ จะมีผ้าสบงสีขาวอยู่ผืนหนึ่งให้ไปย้อมกันวันนั้น ย้อมเสร็จตากแห้งเสร็จก็เอาไปเป็นผ้ากฐิน ความจริงจะให้ทั้งชุดก็กลัวว่าจะลำบากมากเสียเวลาย้อมเสียเวลาซัก ก็เลยจะมีผ้าที่มีสีขาวอยู่ผืนหนึ่งที่เรียกว่าสบง อำเภอทองผาภูมิมีอยู่วัดหนึ่งคือวัดทองผาภูมิ อันนั้นถึงเวลาพวกบรรดาส่วนราชการต่าง ๆ ก็จะติดต่อสำนักพระราชวังขอกฐินหลวงไปลง สำนักพระราชวังเขาจะมีรายชื่ออยู่แล้วว่าวัดไหนเป็นอารามหลวงบ้าง ถ้าหากว่าวัดไหนยังไม่มีใครเป็นเจ้าภาพก็จะเตือนไปยังเจ้าของพื้นที่ใครจะรับ เพราะจริง ๆ แล้วในหลวงเป็นเจ้าภาพ เพียงแต่หาคนเชิญไปเท่านั้นเอง
      ถาม :  อย่างงูเหลือมปากเป็ดนี่ ?
      ตอบ :  จริง ๆ เขาเรียกว่างูปากเป็ด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าถ้าหากว่าพวกศึกษาเกี่ยวกับสัตว์เลื้อยคลานนี่เขาจะจัดอยู่ในตระกูลไหน มันจะเป็นงูตัวเล็กๆ แล้วทางด้านปักษ์ใต้เราเขาจะรู้จักกันเยอะ ปักษ์ใต้เขาจะถือว่าเป็นเมตตามหานิยมดีมากเลย ใครที่สมควรจะเป็นเจ้าของงูมันจะไปตายอยู่ตรงหน้าเองหรือไม่พอไปถึงจับมันขึ้นมาก็ตายก็จะทิ้งซากมันเอาไว้ให้
      ถาม :  ไม่มีพิษหรือครับ ?
      ตอบ :  ไม่ทราบเหมือนกันเพราะมันตายเสียก่อน ทางด้านภาคใต้ใครมีนี่เขาเก็บเอาไว้บูชาอย่างดีเลยแหละ เขาเรียกว่างูปากเป็ด คนพิมพ์มันพิมพ์มาให้ว่างูเหลือมปากเป็ด งูเหลือมตัวมันเท่าเสาเรือน นี่ตัวมันเท่าไม้ขีด.....อย่าไปตื่นเต้นกับมันมาก ของหลายอย่างมันเป็นสิ่งที่เขาถือว่าขลังโดยธรรมชาติ แต่จริง ๆ แัล้วมันสำคัญตรงใจของเรา ถ้าหากว่าของดีแต่ใจเราไม่ดีคุณภาพมันก็ด้อยไปตามส่วน เพราะฉะนั้นของขลังซึ่งเหมือนกับเครื่องส่ง กำลังส่งเขาสูงอยู่แล้วก็สำคัญว่าเครื่องรับจะรับเขาได้เท่าไร ถ้าเครื่องรับรับไม่ดีก็เท่านั้นแหละ คนหนึ่งเอาไปใช้มีผลมากอีกคนหนึ่งเอาไปใช้อาจไม่มีผลเลย เพราะว่าเครื่องรับเครื่องส่งคือใจมันต่างกัน พระพุทธเจ้าท่านถึงให้บอกว่ามโนมเสฏฐา มโนมยา สูงสุดที่ใจสำเร็จที่ใจ แล้วอีกอย่างหนึ่งของทั้งหลายเหล่านี้อย่างเขี้ยวหมูตัน เพชรตาแมว หรืองูปากเป็ดอะไรนี่ตัวมันยังตายเลย ในเมื่อตัวมันยังตายจะให้มันช่วยเราได้สักเท่าไร ต้องมีสติด้วย แต่ว่าพวกที่เขาเสาะแสวงหาไปซื้อกันแพง ๆ เป็นแสนเป็นล้านก็มี
      ถาม :  ที่เมืองกาญจน์เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ยกพระบรมนุสาวรีย์ (พระนเรศวร) มีเหตุการณ์พิเศษ มีนกมาบิน แล้วก็เมฆบังแล้วมีพายุ ?
      ตอบ :  อ๋อ ! พายุนั้นมาจากเฮลิคอร์ปเตอร์
      ถาม :  เขาบอกว่ามีแสงพุ่งลงมา ?
      ตอบ :  ตรงสถานที่นั่นนะเป็นสนามรบจริง ๆ สมัยที่พระนเรศวรท่านรบกับพระมหาอุปราชจริง ๆ ตรงนั้น แต่ว่าสมัยก่อนพอเขาเสาะหาว่าสถานที่ไหนที่เป็นอนุสรณ์ตอนเจดีย์ที่พระนเรศวรสร้างไว้ เขาไปเจอเอาที่สุพรรณบุรีก็เลยไปปักใจมั่นเสีก่อนว่าเป็นตรงนั้นแน่ อย่าลืมว่าหลังจากที่พระมหาอุปราชท่านโดนพระนเรศวรฟันจนตายคาคอช้างแล้วทัพไทยตามตีอีก ตามตีทัพพม่าไปอีกจนกระทั่งถึงทุ่งลาดหญ้า ถ้าขึ้นจากดอนเจีดีย์ตีไปถึงโน้นก็เป็นลมตายเสียก่อน แต่ว่าจากพนมทวนไปนี่มันสมน้ำสมเนื้อกันมันไม่กี่กิโล แล้วบริเวณนั้นก็มีกระดูกช้างกระดูกม้า มีอาวุธเก่าตกอยู่เต็มไปหมด เขาเก็บเอาไว้ให้ดูเป็นพิพิธภัณฑ์เลย เจดีย์เก่าก็ยังอยู่แต่ว่าพังเหลือครึ่งองค์เท่านั้น
              ตอนนี้เขาก็ยอมรับ นักประวัติเขาก็ยอมรับแล้ว ว่านั่นเป็นของจริง แต่บังเอิญว่าตอนเจดีย์เขายึดชื่อเสียงนั้นไปนานแล้ว จนกระทั่งกลายเป็นอำเภอดอนเจดีย์ไปแล้วด้วย แก้ไขไม่ได้ เคยไปแถวนั้นพอเดินเข้าไปในเขตนี้ขนลุกซ่าไปทั้งตัวเลย พวกมาสะกิดเตือนมีอะไรขอมั่ง ทำบุญไว้เยอะเขาขอมั่ง ไปตอนนั้นเขายังไม่ได้สร้างอะไร มาตอนหลังมีศาลพระนเรศวร ตอนนี้ก็สร้างอนุสาวรีย์ไว้ด้วยไม่ได้แวะไปนานแล้ว สมัยก่อนไปนี้หลงแล้วหลงอีก สมัยนี้เห็นเขาว่าทางลาดยางแล้ว ดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี สมัยก่อนมันจะเข้าไปทางดงอ้อยสมัยนี้มันกลายเป็นบ้านจัดสรรหมดแล้วมั้ง ?
              สมัยที่ธุดงค์นี่ชอบดงอ้อยมากเลย ไปนอนกับหมาก็ไปนอนในดงอ้อย เคยไปแล้วก็เขาจะมีเพิงพักสำหรับคนงานตัดอ้อยเราไปถึงก็แขวนกลดแล้วก็นอนกลางคืนหมามานอนด้วย บางทีมาทีแปดตัวสิบตัวมันกระโดดใส่กลดพังบรรลัยหมดต้องปลดมุ้งออกให้มันนอนด้วย หมานี่รู้สึกเขารักพระมากนะไปที่ไหนก็ไปด้วย บางตัวเรานั่งกรรมฐานก็เอามือท้าวไหล่เต๊ะจุ๊ยด้วย ท้าวไปท้าวมาเราไม่เล่นกับมันสักทีมันก็แทะหูเราสนุกของมัน เคยโดนผีหลอกอยู่กลางดงอ้อยด้วย สนุกดี แต่ว่ายังไงล่ะ เรามันหน้าด้านกว่า แรก ๆ พอนอนภาวนาอยู่พอเริ่มสักสามสี่ทุึ่มก็มาแล้วเสียงมันเหมือนหนูตัวเล็ก ๆ วิ่งตึ๊ก ๆ ตึ๊ก ๆ ไปแล้วไม่ได้ยินเสียงมันอ้อมนะ มันวิ่งทางด้านนี้อีก มันวิ่งไขว้กันไว้กันไปไหว้กันมาเห็นเราไม่สนใจเสียงมันดังขึ้น จากหนูนี่คงสักตัวขนาดแมวได้นะ เสียงชักดัง พอดังแล้ววิ่งโครม ๆ ไปสักพักหนึ่ง เราก็ไม่สนใจภาวนาของเราไป อีคราวนี้เหมือนยังกับหมาไปกัดกันทั้งฝูง เสียงโครมครามลั่นไปหมดเลย เขาเองเขาพยายามจะดึงความสนใจของเรา เราเองไม่สนใจภาวนาไปภาวนามาเผลอหลับ ตื่นเข้ามาอีกทีดึกแล้ว คงเริ่มจะเหนื่อยหายหัวเงียบไปตอนไหนก็ไม่รู้ ?
      ถาม :  ..................
      ตอบ :  พระพม่ามาตามตื้อ ๓ เที่ยว ๕ เที่ยว อาจารย์จะไปเมื่อไหร่ จะขอติดรถไปด้วย ปรากฏว่านัดกันวันที่มารับสังฆทานที่นี่บอกว่าออก ๖ โมงครึ่งนะ โอเค ๕ โมงครึ่งเขามารอแล้ว ถึงเวลาพอได้อรุณ เราฉันเช้าก่อนเรียกให้เขาฉัน เขาบอกไม่ล่ะเสียเวลาเดี๋ยวไปไม่ทันรถ ถึงเวลาเขาเดินไปรอเราที่รถก่อน พอต้อนคนขึ้นรถเสร็จสรรพนั่งรถยาวไปถึงเมืองกาญจน์ มาถึงเมืองกาญจน์เปิดให้เขาลงขึ้นรถทัวร์หรือไม่ก็หารถไปเองเพราะเราจะเข้าป่าต่อ ปรากฏว่าเขาบอกอีกคนไม่ได้มา ระยะทางตั้ง ๑๔๐ กิโลทำไมมันไม่บอกเราหรอก มาบอกอีตอนถึงแล้วทีนี้ความคิดของพวกพม่าเขาคิดคนละอย่างกับเรา ไปว่าอะไรเขาไม่ได้
              โดยเฉพาะตอนไปสร้างวัดหนองบัวจะมีปัญหามากเพราะว่างานของเขากับเรามันทำคนละแบบ เขาทำบันไดไม้ยาวเกินไปนิ้วหนึ่ง ถ้าเป็นเราก็เลื่อยใช่มั๊ย ? ของเขาไม่หรอก เขาไปสกัดตอนคอนกรีตเพื่อที่จะเอาไม้นิ้วหนึ่งนั่นฝังลงไป เสียเวลาสกัดคอนกรีตไปครึ่งวันไม่ได้อะไรเลย มันทำให้พื้นเสียด้วย แล้วอีกทีก็บันไดมันต้องมีแผ่นไม้แปะหลังใช่มั้ย ? เผื่อเวลาคนเดินขึ้นเดินลง เผื่อนุ่งสั้นหน่อยคนเขาจะได้ไม่เห็น เขาเองเขามาวัดมันโค้งขัดแต่งเรียบร้อยวางลง เอาไม้แผ่นใหม่มาเอาตลับเมตรวัดใหม่ แล้วทำไมมันไม่เอาแผ่นเก่าทาบแล้วขีดเลย แล้วอีกทีหนึ่งก็มุงหลังคา มันคำนวณผิดสังกะสีเกินมาครึ่งแผ่นก็บอกเขามุงซ้อนไปเลยใช่มั้ย ? เลื่อนชายมาให้เสมอแล้วกัน เขาเองเขาไม่ เขาลงมาถึงก็จัดแจงตีเส้นเอาสกัดมาค่อย ๆ ลงฆ้อนตัดไปเรื่อย กว่าจะตัดขาดหมดเวลาไปครึ่งวันได้สังกะสีหงิกไปหงิกมาแผ่นหนึ่ง เอาฆ้อนมาค่อย ๆ เคาะให้เรียบแล้วเอาขึ้นไปมุงเขาประหยัดให้เราสังกะสีครึ่งแผ่นเสียเวลาดูไปวัน เขาคิดงานคนละอย่างกับเรา
              เพราะฉะนั้นเวลาเขาตามมาแล้วพรรคพวกไม่ได้มาด้วยคนหนึ่ง แทนที่มันจะบอกเราตั้งแต่ต้นทางมันนั่งเงียบเลยมาจนถึงเมืองกาญจน์ ๑๔๐ กิโลบอกอีกคนไม่ได้มา มาบอกเราตอนนี้มีประโยชน์อะไร งงมากไม่เข้าใจความคิดของเขา ยอมรับว่าโง่ เจอเขาคิดคนละอย่างกับเรา บางทีก็กลุ้ม สอนกันไม่ได้มันแปลก ๆ อยู่