ถาม :  (ถามเกี่ยวกับเทพที่มาหานึกอยากจะมาก็มา) อย่างนี้ถ้าหากว่าเขาคิดจะมาก็มาอย่างนี้ถือเป็นความผิดมั้ยครับ?
      ตอบ :  บอกแล้วว่ามันต้องมีกรรมเนื่องกันมา ถ้าไม่มีกรรมเนื่องกันมาให้ตายเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้ ผิดมั้ยล่ะ? เขามีสิทธนี่ ถ้าไม่มีสิทธิเขาก็ผิด ถ้ามีกรรมเนื่องกันมาเขาก็มีสิทธิที่จะทำอย่างนั้นได้
      ถาม :  อย่างนี้วิธีต่อรองคือเจ้าตัวเอง?
      ตอบ :  คือของเขาเองตอนนั้นส่วนใหญ่จะขาดสติ ของเรานี่ต้องรักษาสติเอาไว้ แล้วต่อรองแทนที่เจอมา ๒ ราย ๓ ราย ล้วนแล้วแต่ ไม่มีสติเป็นตัวนั้นล้วน ๆ เลย เจอมาตอนนั้นอีกรายหนึ่งเก่งมาก เป็นหมอผีของมอญสืบทอดกันมาตามตระกูลเลย พอแล้วถึงเวลาผีเข้ามันเอง ไล่ไม่ออก ปล้ำอยู่ทั้งคืนยันสว่าง พอมันปล้ำอยู่ทั้งคืนยันสว่างเขาก็หามกันมา ยายนี่มันมีสติอยู่เกินครึ่งนะรู้ว่าผีเข้ามันด้วย แก้ไขยังไงก็แก้แล้วด้วยแต่แก้ไม่ตก แสดงว่ากำลังใจกำลังสมาธิเขาดีจริง ๆ มาถึงก็ยกพานครูตั้งใจบูชาพระขอให้สงเคราะห์ด้วย พอเสร็จเรียบร้อยก็ถามเขาว่าลักษณะเป็นอย่างไร มันเป็นอย่างนี้ ๆ ล่ะ กินน้ำมนต์แล้วก็ไม่อ้วก ทีนี้ พวกนี้มันจะเป็นอย่างนี้แหละ ถ้าจะอ้วก ๆ ออกมาเป็นแต่ลมกับน้ำมนต์ ลักษณะอาการอ้วกก็คือ ผีมันออกใช่มั้ยล่ะ?
              นั่นรู้จริง ๆ แสดงว่าศึกษามาอย่างช่ำชอง แต่โดนเข้าซะเอง ก็เลยถามเขาว่าเอาอย่างนี้มั้ย? อยากไปเกิดหรือเปล่า? บอกว่า ถ้าอย่างนั้นให้ตั้งใจว่า นะโม ๓ จบ รับไตรสรณคมน์ ก็ว่านะโมให้เขาตาม พอว่าพุทธัง สรณังคัจฉามิ เขาบอกเห็นแสงสว่างแล้ว เห็นแสงสว่างแล้ว บอกไปตามแสงสว่างนั้นแหละ พวกเราฝึกมโนนี่โง่กว่าผีนะ เห็นแสงสว่างแล้วไม่ค่อยยอมไปหรอก บอกให้เขาไปตามนั้นพรมน้ำมนต์ให้ ไม้แตะหัวว่า คาถาหลวงพ่อ แล้วตีหัวป๊อกหนึ่ง มันส่งเสียร้องโอ๊ยนะ ได้ยินเสียงเบานิดเดียว ไปที่สำนักงานป่าไม้ห่างกัน ๔-๕๐๐ เมตรวิ่งมาดูกันทั้งสำนักงานเลย เขาบอกเสียงร้องสนั่นยิ่งกว่าออกลำโพงเลย อยู่ต่อหน้าเราได้ยินนิดเดียว รายนี้เก่งมาก เป็นหมอผีเจอผีเข้าเองแก้ไม่ตก แต่ว่ารายนี้ดีสติเขาเกินครึ่ง เขาสู้ได้แก้ไขได้แต่ปล้ำไม่ไวจริง ๆ คืนหนึ่งเต็ม ๆ แล้วผีมันไม่ต้องนอนไม่ต้องกินต้องนี่ ตัวเองไม่ได้กินไม่ได้นอนมาคืนหนึ่งก็เจ๊งน่ะซิ รู้ว่าสู้ไม่ไหวถึงต้องยอมพึ่งพระ เพราะว่า พวกที่เป็นหมอผีส่วนใหญ่จะมีพวกของอาถรรพ์ของเขาอยู่ กลัวว่าถ้าเข้ามาในวัดเดี๋ยวมันจะเสื่อมหมด เห็นทำขันมาขอขมาตั้งแต่ปากทางเข้าวัดตรงหัวสะพาน ขอแล้วขออีก เป็นยังไงวันนี้กลายเป็นเรื่องผีไปซะแล้ว
      ถาม :  ผมไปเจอคนอยู่คนหนึ่งดูแล้วแกไปได้ลึกไปได้ไกล... (ไม่ชัด)...?
      ตอบ :  มันก็น่าจะมีส่วน แต่ทีนี้ถ้าเป็นผู้ที่หลุดพ้นแล้ววิบากตัวนี้ท่านไม่ได้ แต่ว่าขณะ (ทำอะไร) ท่านไม่ได้ แต่ว่าขณะเดียวกันเราเองก็ต้องมีสติอยู่ว่านั่นเป็นสมบัติของมหาเศรษฐีเขา เราชมสมบัติเศรษฐีเสร็จแล้วอยากรวยแบบเศรษฐีมั่งเราก็ต้องทำตามแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเราชมสมบัติเศรษฐีเสร็จ เราก็ชื่นชมอยู่แต่ของเขา ไม่สร้างของเราให้มีซะทีหนึ่ง
      ถาม :  อย่างนี้ถ้าเราทำแบบนั้นแล้วคนที่ไปชื่นชมตัวเขาจะไม่มีวิบากจากตรงนี้ไปตรงอื่น?
      ตอบ :  อันนั้นมันเป็นความผิดของเราเองถ้าเราไปเกาะตรงนั้น แต่ว่าถ้าตัวของเขา ๆ ทำไปโดยเจตนาดีอยู่แล้ว คือต้องการจะช่วยให้เราพ้นทุกข์อย่างนี้
      ถาม :  วิบากเขาก็จะไม่ได้... (ไม่ชัด)...?
      ตอบ :  ของเขาเองต้องดูเจตนา พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้แล้วว่า เจตนาภิกขเว กัมมังวทามิ เจตนาเท่านั้นที่จะเป็นกรรม คราวนี้ของเขาๆ เจตนาดีต้องการจะช่วยสงเคราะห์ เราเองไปตื่นเต้นกับข้อธรรมะที่เขาได้แล้วไปยึดไปเกาะ กลายเป็นไปเกาะตัวบุคคล เกาะผิดที่ ในเมื่อไปเกาะตัวบุคคลแทนที่จะไปเกาะธรรมะแล้วปฏิบัติตาม ถือเป็นความผิดของเราเองมากกว่า
      ถาม :  ผมได้ไปสถานที่หนึ่ง สุดท้ายได้ไปฟังธรรมะของคน ๆ นี้คือผมก็อยากได้เหมือนกัน พอไปฟังท่านแล้วก็รู้สึกว่ามันผิด คือมันเป็นลักษณะที่เป็นของเขาเอง?
      ตอบ :  อันนี้เป็นลักษณะอาการเคลื่อนของจิต เขาเองเขาจะสามารถกำหนดให้เป็นในลักษณะนี้ ๆ ของจีนก็มี ของอินเดียก็มี พวกโยคีเขาจะทำในลักษณะนี้
      ถาม :  ของเขาเป็นลักษณะที่เขาคิดขึ้นมาเอง?
      ตอบ :  ในลักษณะนั้น จริง ๆ แล้วก็ไม่พ้นจากที่พระพุทธเจ้าท่านรู้หรอก เพียงแต่ว่าอันไหนที่รู้แล้วจะทำให้ช้า พระพุทธเจ้าท่านไม่สอน ท่านบอกแล้วให้ละวางในธรรมอันเนิ่นช้า เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนจะเป็นทางที่มุ่งตรงอย่างเดียว ไม่ใช่พระพุทธเจ้าท่านไม่รู้ เพราะท่านบอกอยู่แล้วว่าความรู้ของท่านเท่ากับใบไม้ในกำมือเดียว ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
      ถาม :  อย่างที่เขาปฏิบัติกับคนอื่นนี่ขอให้พิจารณาไปละไปทีเดียวเลย แล้วลักษณะอย่างนี้มันไล่ไปทีละจุด ๆ ?
      ตอบ :  อย่างสมาธิหมุนนั่น เคยลองมั้ยล่ะ ? ลักษณะเดียวกัน ทีนี้อันนั้นมันเป็นลักษณะวิสัยเฉพาะของคนใดคนหนึ่งเขา ๆ อาจจะต้องได้ในลักษณะอย่างนั้น ทำในลักษณะอย่างนั้นมันถึงจะตรงจริต ตรงกำลังใจเขาแต่ว่าคนที่ร่วมบุญกับเขามามันก็มี ถ้าไม่ใช่คนที่ร่วมบุญกันมาจะฟังเขาไม่เข้าใจ
      ถาม :  สมาธิหมุนคืออะไรครับ ?
      ตอบ :  สมาธิหมุนนี่เป็นของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโน สำนักปฏิบัติธรรมรัตนประทีป จังหวัดแม่ฮ่องสอน สมาธิหมุน จะเป็นการกำหนดจิตของตัวเองหมุนวนอยู่ให้เหวี่ยงตัวรัก โลภ โกรธ หลง ให้กระเด็นออกไป แล้วพอสามารถเหวี่ยงตัวรัก โลภ โกรธ หลงกระเด็นออกไป สามารถที่จะคลายตัวราคะ โลภะ โทสะ โมหะออกไปจากตัวเองได้จริง ๆ ก็คือการใช้สมาธิกดมันนั่นแหละ เป็นตัว เจโตวิมุติ แต่ทีนี้เขามั่นใจว่าเขาสลัดลักษณะนั้นทำให้หลุดได้ อาตมาก็เจอคน ๆ หนึ่ง ลูกสาวฉันเองล่ะไปฝึกสมาธิหมุนมาจนกระทั่งเขามั่นใจว่าเขาเป็นพระอรหันต์แล้ว ๆ ยืนยันว่าเป็นพระอรหันต์ไม่เห็นจำเป็นต้องตายเลยเป็นอย่างของเขาก็ได้ ที่พระพุทธเจ้าหรือที่หลวงพ่อบอกว่าถ้าเป็นพระอรหันต์แล้ว ภายใน ๗ วันจะต้องตายมันไม่ใช่ ตอนนี้ลูก ๑ คนแล้ว กำลังคนที่ ๒ เป็นพระอรหันต์แล้วลูกโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นคนเราเวลาทำไปถึงระดับกดเงียบจริง ๆ ทำให้พระหลายองค์เข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์
      ถาม :  จริง ๆ แล้วมันก็คือเป็นหินทับหญ้า ?
      ตอบ :  มันเป็นหินทับหญ้าอยู่ถ้าหากว่าหินขยับเมื่อไหร่ หญ้ามันก็งอกแล้วหญ้ามันงอกในลักษณะเก็บกดด้วยโดนทับมานาน ถึงเวลางอกงามเป็นพิเศษ
      ถาม :  อาจารย์คนนี้ที่เขาว่าตรงนี้มามาก็จะย้ำตรงนี้อยู่เสมอ ๆ ทีนี้วิธีที่ปฏิบัติของเขาก็คือ...?
      ตอบ :  มันจะดำเนินจิตต่อเนื่องกันอยู่ไม่ยอมคลายเพราะถ้าคลายเดี๋ยวมันยันกลับ
      ถาม :  มันเหมือนกับทะลุทะลวงเข้าไปหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ลักษณะคล้าย ๆ อย่างนั้นก็คือว่าทรงฌานอยู่ตลอดเวลา ทีนี้ยายหนูนี่เขาทำได้ถึงขนาดนี้แล้วรัก โลภ โกรธ หลงมันหายเงียบไป เขาก็คิดว่าเขาบรรลุมรรคผลแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดเพราะว่าตัวของเขาเองเขาคิดอย่างนั้น ขณะเดียวกันพระในยุคพระพระพุทธเจ้าท่านก็คิดอย่างนั้น ถึงขนาดพยากรณ์ว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่พอกำลังใจลดลงกิเลสตีกลับขึ้นมาตกใจ เราพยากรณ์มรรคผลที่ไม่มีจริงสงสัยต้องอาบัติปราชิกแล้วไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในเมื่อเธอว่าไปด้วยความเข้าใจผิดโดยไม่ได้มีเจตนาจะโอ้อวดกับคนอื่นเขา ก็ไม่ถือว่าเป็นอาบัติปาราชิก
      ถาม :  การขุดหาพระเครื่องในบริเวณวัดแล้วเอาพระไปขาย บาปหรือไม่แล้วมีโทษอย่างไร ?
      ตอบ :  ลงอเวจีมหานรกเพราะฉกเอาของสงฆ์ไปเป็นของที่เขาตั้งใจจะบูชาพระรัตนตรัยด้วย สิ่งที่ถวายบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วยิ่งเป็นของสงฆ์ด้วยโทษยิ่งหนัก
      ถาม :  ...................................
      ตอบ :  ลองดูมั้ยล่ะที่โบราณเขาว่า.....
                    รวิสิทธิด้วย                 อาภรณ์
                    แดงพิจิตรอลงกรณ์       ก่องแก้ว
                    ทรงแสงธนูศร             ลีลาศ
                    เสด็จสู่สงความแผ้ว       ผ่องพัน ไพรี
      ระวิก็วันอาทิตย์ใส่สีแดง ต้องใช้ธนูด้วยนะถนัดไม่ถนัดก็ต้องใช้
                    จันทรวารภูษณพื้น         โขมพัสตร์
                    กรกลึงดาบขัด               เพลิดแพร้ว
                    เสด็จจรกำจัดดัส           กรราช
                    โดยพิชัยฤกษ์แล้ว         ล้มล้าง ศัตรู
      วันจันทร์ใช้สีขาวนวล ผ้าพื้น แล้วใช้ดาบเป็นอาวุธ
                    ภุมวารวิศิฏฐ์ด้วย           ชมพู
                    ทรงพระแสงกรชู            ดาบตั้ง
                    เฉกองค์มฤตยู               ยุรยาตร
                    มวลอรินทร์ต่อตั้ง           แตกด้วย เดชา
      ถ้าเป็นวันอังคารใช้สีชมพู ภุมวารคือ วันอังคาร แล้วก็ใชดาบดับตั้ง ๆ ก็คือ โล่เล็ก โล่เเคบ ๆ ยาว ๆ
                    พุธวารสารสวัสดิ์สร้อย     สีนิล
                    เขียวคู่องค์อมรินทร์         รุ่งฟ้า
                    ทรงดาบพิชัยยุทธลิน       ลาลาศ
                    ยกพยุหะกาจกล้า            วากว้าง ชิงชัย
      พุธใช้สีนิลสีเขียวแล้วก็ใช้ดาบ
                    พฤหัสพิพัฒน์ภาคพื้น       ภูษา
                    สีม่วงเมฆยาตรา             รุกเร้า
                    ทรงแสงศักดิ์เดชา           ไชยเยศ
                    คลายคลี่พิริยะพลเต้า       ต่อต้าน รณรงค์
      วันพฤหัสใช้สีม่วง
                    สุกโรวโรฤทธิ์เรื้อง           อาภรณ์
                    เหลืองเลื่อมลายอลงกรณ์   ก่องแก้ว
                    ทรงแสงธนูรอน               อริราช
                    เสด็จปราปสงครามแผ้ว     ผ่องพื้น ผฐพี
      แปลก....วันศุกร์ใช้สีเหลืองเลื่อม
                    เสาโรรุจิล้วน                  ดำดี
                    ทรงสรรพาวุธลี                ลาศเต้า
      วันเสาร์ใช้ชุดสีดำอาวุธอะไรก็ได้ สรรพวุธแล้วแต่ใช่มั้ย เขาว่า...
                    ทรงสรรพาวุธลี                ลาศเต้า
                    ออกแย้งยุทธไพรี              รณภาพ
                    ทวยเทพอวยชัยเช้า           ค่ำให้ สถาพร
      แล้วก็สรุปท้ายว่า...........
                    เสด็จสรรพเสาวภาคย์เบื้อง   เบาราณ
                    ตามลัทธิอาจารย์              กล่าวไว้
                    สำหรับปิ่นจุฑาธาร           ทรงสู่ ศึกนา
                    ชาวพ่ออุตสาห์ได้             เร่งรู้ เรียนจำ
              ศึกษาไว้แล้วบอกเจ้านายด้วย สำหรับปิ่นจุฑาธารสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน วันเสาร์สีดำนะ ถ้าหากของสนทรภู่ก็คล้าย ๆ กันใช่มั้ย ? แต่ว่าอีกตำราหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาว่า
                    อนึ่งภูษาทรงณรงณ์รบ
                    ควรมีครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี
                    วันอาทิตย์สิทธิโชคโฉลกดี
                    เอาเครื่องสีแดงทรงเป็นมงคล
                    เครื่องวันจันทร์นั้นควรสีนวลขาว
                    จะยืนยาวชนษาสถาผล
      อันนี้ตรงกันนะ
                    อังคารช่วงม่วงงามสีครามปน
                    เป็นมงคลอดิเรกอุดมดี
      อันนี้มันเพี้ยนกันเพราะอันนั้นอังคารเขาใช้สีชมพู
                    เครื่องวันพุทธสุดจะดีด้วยสีแสด
                    กับเหลือบแปดปนประดับสลับสี
      อันนี้ของเขา ๆ เล่นสีแสดไปเลย มันไม่ใช่สีเขียวใช่มั้ย ?
                    พฤหัสทรงเครื่องเขียวเหลืองดี
                    วันศุกร์สีเมฆหมอกออกสงคราม
              พฤหัสใช้สีเขียวเหลือง สีเหลืองเปลือกมะนาว วันศุกร์มีเมฆหมอก สีเมฆหมอกไม่ใช่สีดำนะสีขาวจ้ะ ขาวขุ่น
                    วันเสาร์ทรงเครื่องดำจึงล้ำเลิศ
                    แสนประเสริฐเสี้ยนศึกจะนึกขาม
                    อีกพาชีที่ขี่ขับประดับงาม
                    ให้ต้องตามสีสันจึงกับภัย
              ม้าต้องเอาสีเดียวกับเครื่องทรงด้วย ตายชักแล้ว เดี๋ยวไปเจอม้าสีชมพูนี่ยุ่งเลย ย้อมสีกันใหญ่ ตำราโบราณศึกษาไว้บ้าง พวกนี้เจนจบพิชัยพุทธเสียเปล่า ๆ ลืมหมดเลย สมัยก่อนต้องศึกษาไว้ ตำราพิชัยสงคราม ตำราอะไรต้องรู้ ฤกษ์ล่าง ฤกษ์บน รู้กัน รู้แก้ ศึกษาพยุหะแบบนี้แก้ด้วยอย่างนี้ เข้าหม้อหมดแล้วนึกไม่ออก ของอาตมายังอยู่ปากหม้อเปิดล้วงเอาเมื่อไหร่ก็ได้
      ถาม :  หนูไม่สบายหมอตรวจ ๖-๗ คนไม่มีทางรักษา ?
      ตอบ โรคบางอย่างกรรมมันบัง ตรวจอาการยังไงก็ไม่เจอ มันก็เล่นของมันไปเรื่อย อาตมาก็เจอมาหลายยกแล้ว บางทีปวดท้องใจจะขาดอย่างกับใครเอามีดมาเสียบคาพุง ไปให้หมอเอ็กซเรย์ ปรากฏว่ามันวิ่งจู๊ดไปที่หัวเข่า เราขืนไปบอกหมอตอนนี้มันอยู่ที่หัวเข่าแล้ว เขาว่าเราบ้าแน่ ๆ เพราะอย่างนั้นทำไม่รู้ไม่ชี้ทนเจ็บไปคนเดียว
      ถาม :  แล้วบางครั้งมีบ้างมั้ยเจ้าคะ ที่เราเจอทุกขเวทนาแล้วไม่ไหว เราต้องหลบ ใช้วิธีหลบได้มั้ย ?
      ตอบ :  จริง ๆ มันก็หลบเป็นปกติอยู่แล้ว ใครที่ทรงอานาปานสติได้ ส่วนใหญ่ก็ใช้อานาปานสติเป็นที่อาศัยเขาเรียก ปัสสัมภะยัง กายะสัง ขารัง ระงับกายสังขารของตนคือ ถ้าหากไม่ระงับมันไว้ก็เจ๊ง