ถาม :  (มีผู้มาทำบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย)
      ตอบ :  เอานะทุกคนตั้งใจนะ คิดว่าขณะนี้เราได้ตายแล้วเคราะห์กรรมทั้งหลายตายลงไปพร้อมกับร่างกายนี้ของเรา ตัวเราที่เคยทำความดีมาไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ขอให้ตั้งใจว่าผลบุญทั้งหมดนี้ ส่งผลให้เราเข้าสู่พระนิพพานเพียงที่เดียว ใครใช้มโนมยิทธิได้ยกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน ตั้งใจว่าเราขออยู่ที่นี่
              ใครใช้มโนมยิทธิไม่ได้ นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใด องค์หนึ่ง ที่เรารักชอบมากที่สุด ตั้งใจว่านั่นคือตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่อยู่ที่ไหน นอกจากพระนิพพาน เราเห็นท่าน คือ เราอยู่บนพระนิพพานกับท่านด้วย เอาใจเกาะให้ดีนะ “อนิจจา วตะสังขารา อุปปาทวยธัมมิโน อุปปัชชิตะวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปสโมสุโข”
              คราวนี้ตั้งใจใหม่ว่า เนื่องจากความดีที่เราทำ ไม่เพียงพอที่จะทำให้เราตั้งมั่นอยู่ในพระนิพพานได้ ดังนั้น เราขอมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งการมาเกิดใหม่ครั้งนี้ของเราเคราะห์กรรมตามมาไม่ได้ เพราะมันตายลงไปเมื่อครู่นี้แล้ว เราที่ี่มาเกิดใหม่ด้วยความดีของศีลทาน – ศีล – ภาวนา
ความดีของการให้ทาน เกิดมาจะร่ำรวยมาก ความดีของการรักษาศีล เกิดมาเป็นคนรูปสวย เป็นคนมีจิตใจดีงาม ความดีของการภาวนาเกิดมาเป็นผู้มีปัญญา สามารถแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย ถ้าผู้ใดตั้งใจปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพระนิพพาน ก็จะมีปัญญาสามารถตัดกิเลส เป็นสมุทเฉทประหาร เข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ได้ให้ทุกคนตั้งใจ ขอบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหมเทวดาครูบาอาจารย์ทั้งหมดช่วยอนุเคราะห์ สงเคราะห์ให้ การเกิดใหม่ของเราครั้งนี้สมบูรณ์ บริบูรณ์พร้อมในทุก ๆ ด้านด้วย ตั้งใจนะจ๊ะ... “อะจีรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ นิรัตถังวะ กะลิง คะรัง” เอ้า ! สาธุ เกิดใหม่ซะทีลูก เอาสังฆทานมา แล้วทำบุญ สาธุ (ถวายสังฆทาน/ให้พร) ขอให้มีความเป็นอยู่คล่องตัว มีความปรารถนาสมหวังทุก ๆ คนเลยจ๊ะ !
      ถาม :  แล้วถ้าเกิดมีคนเขา ..............(ฟังไม่ชัด)..........?
      ตอบ :  รู้จักตั้งแต่พรรษาแรก เขาจะว่าเป็นพระองค์ที่ ๑๐ เป็นหลวงปู่หลวงพ่อองค์ไหนก็ตามน่ะ เชื่อได้แต่อาตมายืนยันว่า “ไม่ใช่” แล้วขณะเดียวกันไปที่นั่นให้ระวังไว้ เพราะว่าท่านเก่งไสยศาสตร์มาก ไสยศาสตร์มันมีทั้งคุณทั้งโทษ ใช้ผิดเมื่อไหร่ก็บรรลัยเมื่อนั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ต้องดูกำลังใจท่าน ถ้ากำลังของท่านเกาะในด้านดี ท่านสามารถใช้งานได้ดีกว่าคนอื่นเขาเยอะ ต้องระวังไว้นิดหนึ่ีง ยืนยันว่า ไม่ใช่พระองค์ที่ ๑๐ เพราะว่าอาตมากับคุณธรรมนูญเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของพระองค์ที่ ๑๐ นั่งเฝ้ากันเป็นวันเป็นคืน เลยจำแม่น
      ถาม :  (ไม่มีเสียง)
      ตอบ :  เรื่องของพระมหากัสสปนี่ หลวงพ่อเล่าให้ฟังครั้งหนึ่งว่า ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ภูเขาสองลูกที่ปิดหน้าถ้ำที่เก็บพระศพท่านอยู่ มันเลื่อนออกมาเป็นช่องให้เข้าไปได้ แล้วนายช่างที่สำรวจทาง ที่จะทำทางรถไฟสายเหนือที่เป็นฝรั่งเข้าไปพบเข้า อาจเป็นความต้องการของท่านด้วย เพราะฝรั่งเขามีกล้องถ่ายรูป
      ถาม :  ทุกวันนี้พบแล้วหรือยังครับ...?
      ตอบ :  พบตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ แล้ว ก็มีคนไปถ่ายรูปชุดนั้นออกมา พอหลวงพ่อได้ข่าวนี้ก็ขอรูปมา หลวงพ่อบอกอัศจรรย์มาก ดอกไม้ธูปเทียนที่จุดบูชาอยู่ตั้งสมัยที่ท่านมรณภาพจนป่านนี้ก็ยังสดอยู่ปกติ ก็เอาไปถวายหลวงปู่ปาน หลวงปู่ปานบอกว่า ไม่แปลก เพราะว่าเรื่องของอภิญญา อธิษฐานอะไรก็ได้
              ท่านบอกพอพ้นจากนั้นมาแล้วภูเขาสองลูกก็เลื่อนเข้ามาตามเดิม ปิดอยู่ตามเดิม แล้วถามว่าเมื่อไหร่ สังขารถึงจะมาปรากฏอีกทีหนึ่ง ท่านบอกว่ารอพระศรีอาริยเมตไตรยอยู่ เพราะท่านมีกรรมเนื่องกันมา
              ท่านมีกรรมเนื่องกันมาว่า มีอยู่สมัยหนึ่ง พระศรีอาริยเมตไตรย ท่านเป็นควาญช้าง ส่วนพระมหากัสสป ท่านเป็นช้าง ท่านเป็นช้างที่ได้รับการฝึกดี แล้วก็ถวายเป็นพาหนะของพระราชา วันนั้นพระราชาเสด็จประพาสอุทยาน
              สมัยก่อนอุทยานก็คือป่าดี ๆ นี่เอง แต่มันเป็นป่าเฉพาะที่พระราชาท่านกันเอาไว้ ช้างป่ามันเข้ามา ช้างทรงพอได้กลิ่นตัวเมีย เตลิดตามเลย ควาญช้างสับท่าไหนก็ไม่ยอมหยุด พระราชาท่านเห็นว่าจะเกิดอันตรายขึ้น ท่านฉลาดนี่ ท่านมองซ้าย มองขวา เห็นมันวิ่งจะลอดใต้กิ่งไม้ก็โอบกิ่งไม้เอาไว้ ปล่อยให้ช้างวิ่งไปช้างเตลิดหายไปเลย กลับมาก็กริ้วมากหาว่าควาญช้างฝึกมายังไง ลอบปลงพระชนม์กันหรือไร ? ทำให้ช้างอาละวาดได้ขนาดนั้น ควาญช้างท่านก็ยืนยันบอกว่า ถ้าหากว่าตามปกติทั่ว ๆ ไปแล้ว จะไม่มีอะไรที่ทำให้ช้างตัวนี้ตื่นตกใจหรือว่าวิ่งตามไปได้ ยกเว้นอย่างเดียวก็คือตัวเมีย ไม่อย่างนั้นแล้วมนต์ของท่านรับประกันว่าบังคับช้างได้ทุกรูปแบบ
              พระราชาท่านก็บอกว่าถ้าบังคับได้ทุกรูปแบบต้องแสดงให้ดู ถ้าทำได้จริง ๆ จะเชื่อแต่ถ้าทำไม่ได้จริงอย่างปากพูดจะประหารซะ แล้วท่านก็เลยไปตามช้างกลับมา พอไปตามช้างกลับมาก็แสดงหน้าพระที่นั่ง ก่อกองไฟขึ้น เอาท่อนเหล็กไปเผาจนแดงโชนเลย แล้วก็ร่ายมนต์บังคับให้ช้างเอางวงจับท่อนเหล็กนั้นขึ้นมาให้ดู พระราชาท่านก็สลดใจว่า เออหนอ ไฟราคะนี่มันรุนแรงขนาดนี้ รุนแรงขนาดทำให้ช้างซึ่งยอมตายถวายชีวิตเพื่อควาญของตัวเองโดยการเอางวงจับเหล็กแดง ๆ ได้ ถึงกับลืมคำสั่งควาญเตลิดตามตัวเมียไป
              คราวนี้ไม่ใช่พระราชาท่านสลดใจเฉย ๆ ช้างตายด้วย บาดเจ็บสาหัสก็ตาย เลยกลายเป็นเวรกรรมผูกพันกันมาว่า ควาญช้างที่เป็นพระศรีอาริยเมตไตรยต้องมาเอาช้างคือพระมหากัสสปเผาในมือท่านด้วยเตโชธาตุ ถึงจะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันไป ถึงได้ว่าร่างของท่านต้องอยู่กระทั่้งสมัยพระศรีอาริยเมตไตรย จนได้รับการพระราชทานเพลิงมีกรรมเนื่องกันมานิดเดียว
              ถามหลวงพ่อว่า แล้วพระศรีอาริยเมตไตรยจะร้อนมั๊ยครับ ? ท่านบอกว่า เรื่องของเตโชธาตุนี่บังคับได้อยู่แล้วนี่จะไปร้อนอะไรเล่า เพียงแต่ว่ากรรมมันเนื่องกันมาต้องไปใช้หนี้เก่า ต้องเผาด้วยมือตัวเอง คราวนี้เรามานึกดูว่า พระมหากัสสปท่านอยู่ในสมัยที่มนุษย์สูงแค่ ๘ ศอก คือพระพุทธเจ้าสูง ๘ ศอก ใช่มั๊ยล่ะ ? พระพุทธเจ้าพระราชทานสังฆาฏิให้กับพระมหากัสสปได้ แสดงว่ารูปร่างท่านต้องสูงใกล้เคียงกัน ตีว่าพระมหากัสสปสูง ๘ ศอก เหมือนกัน แต่พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้นี่พระวรกายสูง ๘๘ ศอก เท่ากับว่า เอาอะไรเล็ก ๆ เผาในมือตัวเอง
      ถาม :  ๘๘ ศอก ?
      ตอบ :  ๘๘ ศอก นี่อ่านในอนาคตวงศ์

      ถาม :  ที่บอกว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์ นี่ก็ พระมหากัสสป ก็ไม่ไหม้ ?
      ตอบ :  ก็จะไปไหม้อะไรเล่า ไหม้ก็แต่ของที่อยู่บนผิวโลก นี่อยู่ในถ้ำใต้โลกเลย ภูเขาปิดอยู่มันก็เหมือนอยู่ใต้โลกถึงเวลาก็เลื่อนเปิดออกมา
      ถาม :  แล้วดิน ไม่สุกหมด ?
      ตอบ :  ก็สุกไปซิ
      ถาม :  เผาอย่างนี้ ?
      ตอบ :  อะไรที่มันนอกเหตุเหนือผลเป็นอจิณไตย ไม่ควรเสียเวลาไปนั่งคิด มีคนเจอแล้วเป็นคนสำคัญเสียด้วยยังกับว่าท่านเจตนาให้เจอ เพราะถ้าคนทั่ว ๆ ไปเจอก็ไม่ได้ถ่ายรูปอยู่แล้ว รูปชุดนั้นหลวงพ่อท่านถวายหลวงปู่ปานไป ไม่งั้นจะขอดูว่าเป็นยังไง แต่ท่านบอกว่าดอกไม้ธูปเทียนยังสดอยู่เป็นปกติ
      ถาม :  แต่ที่วัด เห็นมีรูปท่านนั่งสมาธิ พระมหากัสสป ที่เป็นแบบมอง ๆ แล้วยังหนุ่มอยู่เลย ด้านหลวงพ่อที่วิหาร ๑๐๐ เมตร นี่ แถว ๆ พระปัจเจกน่ะ ผมเห็นรูปที่ใต้รูปท่านจะเขียนว่า พระมหากัสสปใต้รูป
      ตอบ :  ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนถ่ายไว้ ไม่แน่ใจเพราะไม่เห็นด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันไม่ทราบที่มาของรูปด้วยก็ไม่กล้ายืนยัน แต่ว่าหลวงพ่อท่านบอกว่า พระมหากัสสปเคยเป็นพี่ชายท่านมาหลายชาติ เวลาว่าง ๆ ท่านก็แวะมาเยี่ยม ไปถึงก็กราบ ๆ ท่านก็มาทุบหลังปั๊กเข้าให้ ไปไหว้ผีทำไม ? ข้าอยู่นี่ (หัวเราะ) ท่านไปกราบศพ คราวนี้กายทิพย์ท่านก็มาซิ ไปไหว้ผีทำไม ข้าอยู่นี่มีธุระอะไรก็ว่ามา อย่างนั้นน่ะ แล้วท่านก็ยังสนุกอยู่เป็นปกติ ทำหน้าที่อะไรของท่านเป็นปกติอยู่ พระที่ไปนิพพานแล้ว จะไปไหนก็ไปได้อยู่แล้ว สังขารมันเป็นอย่างไร ท่านไม่ได้สนใจตั้งแต่ตอนมีชีวิตแล้ว
      ถาม :  แต่ท่านรู้จักใคร ก็ไปของท่านเป็นปกติ ?
      ตอบ :  ไปเป็นปกติ
      ถาม :  ผมแปลกใจ ติดใจตรงที่หลวงพ่อบอกว่า “ดูอย่างพระมหากัสสปซิ พอท่านมรณภาพไปแล้ว เห็นมั๊ย ใครไปสนใจใยดีอะไรมากมาย (ฟังไม่ชัด).......”
      ตอบ :  ก็ไม่ทราบเหมือนกันวาระสำคัญ ๆ นี่จะมีการเปิดประตูถ้ำอีกหรือเปล่า คงจะเป็นเทวดาท่านสงเคราะห์ให้ อย่างว่าตอนนั้นครบ ๒๕๐๐ ปี ใช่มั๊ย ? กึ่งพุทธกาลนี่สำคัญมากด้วย กึ่งอายุพระพุทธศาสนานะ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเปิดสัก ๑๐๐ ปี ครั้ง หรือเปล่าก็ไม่รู้ ?
      ถาม :  ตอนนี้ พระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็มยังมีชีวิตอยู่มั๊ยครับ ?
      ตอบ :  บารมีเต็ม ?
      ถาม :  แบบเข้าเขตบารมีเต็มที่รอบรรลุเลย
      ตอบ :  ถ้าข้างบนนี่นับไม่ถ้วนเลย
      ถาม :  ไม่ ที่อยู่บนโลกมนุษย์
      ตอบ :  บนโลกมนุษย์นี่มีไม่เท่าไหร่ ถ้าในระดับปรมัตถบารมีล่ะเยอะ แต่ว่าบารมีเต็ม ถ้าหากว่าตายชาตินี้แล้วไปนั่งรอคิวเลยมีแค่ไม่กี่องค์
      ถาม :  มีไม่กี่องค์ แสดงว่ามีหลายองค์ ?
      ตอบ :  มีหลายองค์ มีทั้งฆราวาส มีทั้งพระ
      ถาม :  พบด้วยซิ สาธุ
      ตอบ :  พบด้วย จริง ๆ แล้วไม่อยากจะไปเดาเรื่องมรรค เรื่องผลของใคร เราไม่มีหน้าที่ แต่ดูจริยาที่ท่านทำแล้วยอดจริง ๆ เลย ที่ไปพม่ามา ก็เจออย่างหลวงพ่อวัดเขาตามะยะเลี้ยงคนเป็นแสน ๆ เลี้ยงได้ทุกวัน ไปถึงกินฟรีอยู่ฟรีหมด จะทำบุญกับท่านหรือไม่ทำท่านไม่ว่า
      ถาม :  ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ?
      ตอบ :  แหง ....แหง.....เลย ! ปรารถนามาคู่กับหลวงปู่ครูบาวงศ์ นั้นน่ะคู่หูกันเลย อายุก็เท่ากันด้วย
      ถามพระเดชพระคุณหลวงปู่วงศ์ นี่ท่านจะเกิดอีกมั๊ย ?
      ตอบ :  ท่านบอกว่าอีกพันปี ท่านจะมาเกิดใหม่อีกที
      ถาม :  มาตรัสรู้เลยหรือ ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ จะมาเกิดเพื่อบูรณะซ่อมแซมในสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านเคยทำไว้ในชาตินี้น่ะ
      ถาม :  แล้วอย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรา นี่ท่าน?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าของท่านเองไม่ได้เร่งรัดอะไรมากไปกว่านี้ ยังต้องเกิดอีก ๗ ครั้ง แต่ถ้าหากว่าเร่งทำหนักก็อาจเต็มในชาตินี้เลย เรื่องของบารมีมันเร่งกันได้ ถ้าทำบุญใหญ่ไม่ต้องอะไรมากหรอก สังคายนาพระไตรปิฎกซักรอบ เอามันจริง ๆ อย่างนั้นน่ะ
      ถาม :  แค่สังคายนานี่นะครับ ?
      ตอบ :  มันไม่ใช่แค่นะ การรวมพระอรหันต์อย่างต่ำ ๓๐๐ องค์ ไม่ใช่เรื่องง่ายนา
      ถาม :  แต่ก็เกิดจุดธูปอธิษฐานบน ท่านก็มา?
      ตอบ :  ถ้าหากคนจุดความดีไม่พอ ความสามารถไม่พอท่านจะมาทำเกลืออะไรเล่า ?
      ถาม :  เราเอาง่าย ๆ ไม่ได้หรือครับ เราไปเอาสังคายนาฉบับที่หลวงพ่อบอก
      ตอบ :  ไอ้นั่นมันไม่ใช่งาน มันเป็นการลอกงาน
      ถาม :  นั่นแหละ มันเป็นของเรา
      ตอบ :  มันสำหรับตัวเรา ไม่ใช่กำลังใจของพระโพธิสัตว์ท่าน ของพระโพธิสัตว์ท่านประเภทที่ทำทางใหม่ด้วยตัวเองได้ล่ะยิ่งดี เดินตามรอยคนอื่นนี่ไม่ค่อยอยากจะเดินหรอก ถึงจะได้เห็นว่าได้ออกลีลาแปลก ๆ ไปเยอะ
      ถาม :  แล้วไม่มีใครคิดทำเลย
      ตอบ :  ไม่ใช่ไม่คิด คิดอยู่แล้วเรื่องนี้หลวงพ่อเคยปรารภเอาไว้แล้ว แต่พอวาระและเวลามันผิดไปจากที่ปรารภไว้ เพราะกำลังใจของคนมันเคลื่อน คือว่าแทนที่จะเร่ง หรือแทนที่จะทำเท่าเดิม มันกลายเป็นว่าลดน้อยถอยลง การสังคายนาก็เลยไม่ปรากฏขึ้น
              ในช่วงนั้น ท่านถึงขนาดบอกเลยบอกว่า ถ้าเรื่องของพระสูตรนี่พระไทย ถ้าเรื่องของพระวินัยพระมอญ ถ้าเรื่องพระอภิธรรมนี่พระพม่า จะต้องรวมพระที่เป็นปฏิสัมภิทาญาณอย่างน้อย ๓๐๐ องค์ขึ้นไป คือเท่าที่มีมาในอดีตต่ำสุด ๓๐๐ สูงสุด ๑,๐๐๐ หนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายน่ะ
              หลวงพ่อ ๒ องค์ ที่อยู่ในป่านั่น ช่วงนั้นหลวงพ่อท่านบอกไว้ว่าเพิ่งรวมได้ ๖๐ กว่าองค์ เฉพาะสายท่านสายเดียว ๖๐ กว่าองค์ คราวนี้เรามาคิดดูว่า ถ้าหากเป็นพระมอญ พระพม่าที่ท่านมีความสามารถระดับนี้ด้วยคงไม่หนีกันเท่าไหร่ ท่านถึงขนาดออกชื่อว่าพระมอญชื่อหลวงพ่อโด๊ด แต่ว่าไม่ได้ทำตอนนั้นมาก็มานั่งคาดกัน ว่าใครที่จะเป็นคนทำอย่างนี้แล้ว หมอนพพร จะเป็นคนอาสาหาทุนเอง หมอนพพรมาถามเลยว่า ภูเขาทองหลวงพี่อยู่ที่ไหน ? ผมจะไปขนมาให้ เขาสังคายนาพระไตรปิฎกเราก็บอกทาง บอกแผนที่ บอกอะไรหมอเขาไปเลย
      ถาม :  หมอหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ?
      ตอบ :  แกเอาเครื่องบินขึ้นเลย แล้วเครื่องวัดแร่ไป บอกมันเยอะจริง ๆ คับ พอขึ้นไปถึงตรงจุดนั้นนี่เครื่องมือวัดแร่นี่มันตียันเกย์เลย
      ถาม :  อู้หู ! ...แสดงว่ามากมายมหาศาลซิ ?
      ตอบ :  แล้วยังไงรู้มั๊ย ? พอร่อนลงมันเหลือศูนย์เอาซิเทวดาท่านไม่เอาด้วย ยังไม่ถึงเวลา บอกพอขึ้นไปมันก็เท่าเดิม พอร่อนลงเมื่อไหร่ก็เหลือศูนย์น่าสนุกมั๊ยล่ะ ?
      ถาม :  คุณหมอนี่ไม่ยอมลาใช่มั๊ยครับ ?
      ตอบ :  ไม่ยอมลาหรอก หาทางเร่งชาตินี้ให้เต็มซะด้วยซ้ำไป ขอทำงานใหญ่ ๆ หน่อยเหอะ
      ถาม :  แต่ผมว่ามีสิทธิ์น่ะ เพราะดูงานวัด
      ตอบเรื่องของกำลังใจนี่ยืนยันว่าเร่งเต็มได้ แต่มันเหนื่อยมาก
      ถาม :  แล้วล้มเลิกแล้วเหรอ เรื่องพระไตรปิฎก ?
      ตอบ :  คงไม่ได้ล้มเลิกหรอก ก็รอจังหวะซิ จังหวะนั้นมันไม่สมควร ก็ดูซิไม่ได้ทำจริง ๆ หลวงพ่อก็มรณภาพไปแล้วใช่มั๊ย ? ต้องรอจังหวะใหม่ ถ้าใครประกาศทำหมอก็คงไปใหม่ เพราะว่าที่มันอยู่ตรงไหนก็รู้แล้วนี่ไม่ต้องอาศัยเราแล้ว
      ถาม :  แล้วทุกอย่างนี้มาจากพุทธพจน์ทำนายหมด
      ตอบ :  ก็ใช่อยู่
      ถาม :  (แล้วองค์สมเด็จ ไม่ทันจะตั้งเลย...../ฟังไม่ชัด)
      ตอบ :  ในจารึกพระเจ้าอโศกมหาราช พระโมคัลลาติสสะเถระ ท่านทำนายเอาไว้ว่า หลังกึ่งพุทธกาลพระมหาเถระโพธิสัตว์ ผู้ยิ่งด้วยบารมีจะยังพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองคล้ายพุทธกาลอีกวาระหนึ่ง คำว่าเจริญนี้คือมากด้วยพระอริยเจ้า เรื่องนี้แหละที่ทางสายธรรมกาย มั่นใจว่าเป็นอาจารย์เขา (หึ...หึ)