ถาม :  ผมขอความรู้เรื่องหนึ่งในกรณีที่หลานชายผมนี่เขาต้องการไหว้เจ้าที่ การไหว้เจ้าที่ตรงนั้น เครื่องที่จะไปไหว้กับเจตนาที่เราจะไหว้ให้กับทุก ๆ ท่าน มันควรมีอะไรบ้างไหมครับ ? (บ้านอยู่กาญจนบุรี)
      ตอบ :  ถ้าหากว่าตามโบราณที่เขานิยมโดยเฉพาะแถวนั้นมันมีเหล้าด้วย แต่ไม่อยากให้มีเพราะถ้ามีเมื่อไหร่เดี๋ยวลามาก็กินกันเองเทวดาหรือว่าเจ้านะ เขาต้องการความเคารพจากเราเท่านั้น เรามีหรือไม่มีอะไรก็ตามท่านไม่ว่า คราวนี้มันมีประเภทที่ว่าเป็นลูกน้องของท่าน พวกเปรต อสุรกาย สัมภเวสี พวกนี้ถ้ามีเหล้าจะชอบใจมากก็จัดไป ประเภทไก่สักตัวหนึ่งถึงเวลาเรากินเองอยู่แล้ว อย่างอื่นคิดว่ามีอะไรเพิ่มเติมก็แล้วแต่เรา ไก่ต้มสักตัวหนึ่งไปเซ่นท่าน แต่แถว ๆ เขาชนไก่ เขาไปไหว้พ่อขุนไกร พ่อขุนแผน เขาไปคิดกันอีท่าไหนก็ไม่รู้เล่นเอาเลือดสด ๆ ไปประเคนกันเลย เราก็แปลกใจว่าพ่อเราปู่เราดุขนาดนั้น ? (หัวเราะ)
      ถาม :  ทีนี้ ถ้าจะกล่าวถึงก็คือท่านเทพยดาแล้วก็ท่านเจ้าของที่ ?
      ตอบ :  ศาลนั้นจริง ๆ เขาสร้างถวายพ่อปู่ขุนไกรกับพ่อขุนแผน ศาลที่เขาชนไก่ต้องนับ ๒ องค์นี้ ในเมื่อนับ ๒ องค์นี้ พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ทรงความดีทั้งคู่ เอาอะไรที่มันไม่ผิดธรรมผิดวินัยไป ท่านก็ชอบใจมากกว่า พ่อขุนไกรนี้เป็นเทวดาผู้ใหญ่ ส่วนขุนแผนนี่ไปลิบโลกเลย ไกลกว่าพ่อเยอะ (หัวเราะ)
      ถาม :  เรื่องถ้ำมรกตล่ะครับ ?
      ตอบ :  เชื่อว่าทุกถ้ำแถวนั้นต้องมี เรามันยังไม่ได้สำรวจทั่ว ไปเจอะเข้าถ้ำเดียวเป็นถ้ำที่มีหินเขียวที่เป็นประเภทมรกตเยอะแยะไปหมดเลย ก้อนใหญ่ ๆ โต ๆ
      ถาม :  อย่างถ้ำที่เขาแดงเห็นหลวงพี่สมปองได้ไปพี่สุรินทร์แกบอกว่า หลวงพี่สมปองไปถ้ำที่เขาแดงแล้วเข้าใจว่าภูเขาน้ำมันอาจเซาะแล้ว ที่ผมไปศึกษาแร่
      ตอบ :  สายแร่มันอยู่เป็นชั้น แล้วก็แผ่ไป หรือไม่ก็วิ่งเป็นเส้นไป มันต้องไปถึงกันได้
      ถาม :  อย่างนี้ก็ ถ้ำแถวนั้นมีโอกาส ?
      ตอบ :  พูดง่าย ๆ ว่า มันเป็นไปได้แทบทุกถ้ำ
      ถาม :  แต่ผมไม่กล้า พี่สุรินทร์เขาก็ไม่ยอม
      ตอบ :  ถ้าไปเจอรอยเลื้อยของงูใหญ่ตัวนั้น ชาวบ้านต่อให้เก่งแค่ไหนก็เผ่นกันหมด
      ถาม :  ยังมีงูใหญ่อยู่อีกเหรอค่ะ ?
      ตอบ :  รอยเลื้อยมันกว้างเท่าไหล่ของเรา นอนทาบมาแล้ว ตัวมันเล็กกว่าตัวเรานิดเดียว เพราะตอนเลื้อยตัวจะแบนออกหน่อยหนึ่ง คิดเอาก็แล้วกัน สำหรับเรามันก็คำเดียวแหละ
      ถาม :  ไปเจอมาหรือเปล่า ?
      ตอบ :  ไม่ได้เจอตัวเจอแต่รอยเลื้อย มันเข้า ๆ ออก ๆ ถูหินจนเลื่อมเลย เราก็เอ๋ ! หินก้อนนี้สีแปลก ๆ เอาไฟส่องดู ที่แท้มรกต สีเขียวปี๊ดเลย แต่ว่าอยู่กับพื้นถ้ำ แล้วงูมันเลื้อยจนลื่น เลยดูว่าเหมือนกับสีดำ ฟิตตัวเราให้ดีก่อน ตอนที่ไปถ้ำเขาแดง ปีนขึ้นปีนลงสบายมาก แต่คนที่ไปด้วยจะไปไม่รอด เพราะว่ากำลังข้อไม่พอรับน้ำหนักตัว
      ถาม :  อย่างถ้ำนี่มีโพรงคล้าย ๆ กับ งวงช้าง ...ผมเห็น...แล้วข้างในมีโพรงอีก ลักษณะมันมีโพรงต่อกัน
      ตอบ :  จะเป็นถ้ำซ้อนถ้ำ ถ้าหากว่าเดินข้างในระวังให้ดี เราหักมุมเลี้ยวเมื่อไหร่ กดรอยเท้าหนัก ๆ ไว้ จะได้จำได้ว่าเราเลี้ยวตรงไหน ไม่อย่างนั้นต้องหาอะไรไปทำเครื่องหมาย มันตั้ง ๑๐ ปีแล้ว ไปที่ไหนมาเล่าให้ฟังกัน แล้วเขาอยากไป (หัวเราะ)
      ถาม :  แล้วที่ไป จะไปศึกษาหรือไป ?
      ตอบ :  จะไปเอา มาถามราคาข้างนอกแล้ว กะรัตตั้ง ๘๐,๐๐๐ น่ะ แกล้งโง่ ๆ หยิบมาสักก้อน ก็รวยแล้ว แต่บังเอิญอาตมาเป็นพระ หยิบอะไรของเขาไม่ได้ ก็ได้แต่ไปถ่ายรูปมาดูเฉย ๆ
      ถาม :  ถ้าเกิดว่าสามารถเข้าไปได้ คือเขาให้?
      ตอบ :  ถ้าสามารถเอาออกมาได้ ไม่ใช่สามารถเข้าไปได้ (หัวเราะ) ใช้คำพูดให้ถูก
      ถาม :  ถ้าเข้าไปแล้วเขาไม่ให้ก็เอาออกมาไม่ได้ ?
      ตอบ :  หมดสิทธิ์ แต่ว่าเท่าที่ไปทุกที่สามารถเข้าไปได้ คนอื่นเข้าไปบางทีเข้าไม่ได้ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่า อะไรก็ตามถ้าเขาไม่ให้เราด้วยตัวเขาเอง แม้แต่ทรายเม็ดเดียวเราก็ไม่หยิบออกมา ขอเข้าไปให้ดูเป็นขวัญตาเฉย ๆ ไม่น่าเชื่อเลยเมืองไทยรวยจริง ๆ นะ ตอนนี้คนดีเริ่มมากขึ้นแล้ว พอคนดีเริ่มมีอำนาจในการปกครองประเทศชาติมากขึ้น ทรัพย์แผ่นดินก็จะปรากฏมากขึ้นไปด้วยดีไม่ดี คุณชาตรี อาจเป็นหนึ่งในผู้ค้นพบก็ได้
      ถาม :  มีบุญได้เป็นเจ้าของ จะไปได้มั้ยคะ ?
      ตอบ :  น่าจะเป็นประเภทเจ้าของเก่า หรือไม่ก็มีส่วนร่วมบุญกันมา สมัยหลวงปู่ปานวัดบางนมโคท่านยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่ามีพระบวชใหม่อยู่องค์หนึ่ง มาวันหนึ่งหลวงปู่ปานท่านบอกว่า “นี่คุณวันนี้เขาขนไอ้เหลือง ๆ กันนะ ไปขอแบ่งกับเขาบ้างซิ” พระองค์นั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร พอกลางคืนได้ยินเสียงคนขนอะไร ก๊อกแก๊ก แบกเดินกันทั้งคืน ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจกัน
              พอรุ่งเช้า หลวงปู่ปานบอกว่า “คืนนี้เขาจะขนไอ้ที่ขาว ๆ นะ คุณไปขอแบ่งกับเขาบ้างซิ” ก็ไม่ได้ใส่ใจอีก พอขนจนหมดเพิ่งจะนึกสงสัยว่าขนอะไรกัน มาถามหลวงปู่บอก “คืนแรกขนทองกัน พวกลับแลน่ะ คืนที่สองขนเงินกัน คุณเคยเป็นพวกเขามาก่อน ถ้าไปขอแล้วเขาจะให้ แต่หลวงพ่อ” คือท่านใช้แทนตัวเองว่าหลวงพ่อ “แต่หลวงพ่อเองไม่ได้เคยเป็นพวกเขาขอแล้วไม่ได้หรอก ถ้าคุณขอเขามา หลวงพ่อก็สบายสร้างวัดสร้างวา ไม่ต้องหาเงินมากไป” แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อสบายไม่ได้ (หัวเราะ) บอกให้ขอ ๒ คืน ไม่ขอน่ะ จนกระทั่งเขาขนไปหมดแล้ว เอามาสักเข่งก็พอ แบบเดียวกัน
              ถ้าหากไม่เคยสืบเนื่องกันมานี่คงจะยากนะ ที่จะได้ บอกคนมาเยอะแล้ว เพิ่งมีคุณชาตรีนี่ ที่มีฉันทะไปวิ่งหาอยู่ แล้วนี่เอาจริงนะ ไปมาตั้ง ๓ รอบแล้วถึงจะลงไปถูก แต่ก็วาดแผนที่มาลักษณะนี้แล้วมาถามใหม่ว่า เส้นทางนี้จริง ๆ มันอยู่ตรงไหน ก้อนใหญ่ ๆ ขนาดโต๊ะขนาดเตียงยังมีอยู่ เข้าไปแล้วก็นอนเล่นเลย ให้เขาถ่ายรูปให้ รูปชุดนั้น น่าเสียดายว่ามันอยู่กับท่านชาติชาย ไอ้ของเราเราเหลืออยู่รูปเดียวเท่านั้น ถ้าหากว่ามีทั้งชุดจะเห็นเลยว่า ก้อนใหญ่ ก้อนเล็ก ส่องไฟไปทางไหนผนังถ้ำมันเขียวไปหมด น่ารวยมั๊ย ? แต่มันเปลี่ยนแปลงเยอะจริง ๆ นะ แค่ประมาณ ๑๐ ปีเท่านั้นเอง

      ถาม :  (อธิบายเส้นทาง..) เห็นในถ้ำต้องลงไปอีกหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ไม่ต้องเลย อยู่บนพื้น กลิ้งเกลื่อนหมด
      ถาม :  อยู่ตามพื้นเลย แล้วถ้ำมันใหญ่มั๊ยครับ ?
      ตอบ :  ความกว้างของมันประมาณ ๑ ใน ๔ ของห้องใหญ่นี่ แต่มันลึกเหมือนกัน มีซอกเล็ก ซอกน้อย ให้ไปได้เหมือนกัน
      ถาม :  (อธิบายเส้นทาง...)
      ตอบ :  ดีเหมือนกันไปเจอมาเยอะแล้ว ทรัพย์แผ่นดินอะไรต่าง ๆ เยอะต่อเยอะด้วยกัน แต่มันอัศจรรย์ว่า ถ้าไม่มีอะไรเนื่องกันมาเขาไม่เอาจริง ๆ แล้วอีกรายหนึ่งหมอนพพร จะเอาแต่ว่าไม่ได้อันนั้นเป็นทองญี่ปุ่นที่เมืองกาญจน์ ที่คุณเชาวรินทร์ พยายามไปเอานั่นไปถูกที่นะแต่มันผิดทิศ อยู่บริเวณนั้นแหละ แต่เขาไปเลี้ยวขวาขึ้นเขา ความจริงมันต้องไปเลี้ยวซ้ายลงน้ำ
              เขาได้ยินว่าของอยู่ในถ้ำเลยขึ้นเขา ไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้าที่จะเป็นพื้นน้ำ พวกเนินเล็ก ๆ มันมีถ้ำใหญ่อยู่ พอกักน้ำที่เขื่อนเขาแหลมแล้วน้ำมันท่วมถ้ำไป มันอยู่ตรงทางด้านน้ำแทน เขาลืมนึกไปว่า ญี่ปุ่นขนทองไปด้วยรถไฟ รถไฟที่ไหนมันจะขึ้นเขาล่ะ ต้องหาที่ ๆ มันพอไปได้ ใช่มั๊ย ? นั่นแหละ เขาต่อรางแยกออกจากทางเก่าที่แยกไปพม่านั่นแหละ พอเข้าไปถึงถ้ำก็เอาทองไปเก็บเสร็จ ระเบิดปิดถ้ำ แล้วถอดรางเก็บกลับไม่ได้เหลือไว้
      ถาม :  แล้วทองนั่นเป็นของญี่ปุ่นหรือของไทยคะ ?
      ตอบ :  ไม่แน่ใจว่าเป็นของประเทศไหน ? เพราะเขาตีได้หลายประเทศตอนช่วงนั้น แต่ขนมาคล้าย ๆ กับว่าจะเอามาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างทำสงคราม เยอะมากนะ ๒-๓ ตู้รถไฟ ปีนั้น น้ำแห้งมากเลย ปี ๓๗ ต้นปี น้ำแห้งมากเลย เหลือสูงจากปากถ้ำ ๒ เมตรกว่า ๆ เท่านั้น คือ ถ้ำนี่ยังจมอยู่ใต้น้ำ ๒ เมตรกว่า
              บอกหมอนพพรว่าเอาซิหมอ พาทหารลูกน้องที่จบพวก RECON คือ คล้าย ๆ กับว่าฝึกภาคทะเลมา ให้เขาลงไปขนเอา หมอก็บอกว่า ปากถ้ำมันไม่ได้ปิดโดยธรรมชาติ แต่มันปิดเพราะว่าเขาระเบิดมันลงมา เพราะฉะนั้นถ้าเข้า ๆ ออก ๆ หลายครั้งเพื่อขน ไม่แน่ใจว่าจะทรุดหรือเปล่า ยังไงยังไง ให้โผล่พ้นพื้นก่อน โผล่พ้นน้ำก่อนดีกว่า ปรากฏอาทิตย์ต่อมาฝนตกทั้งอาทิตย์เลย น้ำขึ้นมา ๑๗ เมตร มันเหมือนยังกับว่าถ้าไม่ถึงวาระ มันยังไม่ได้อย่างนั้นน่ะ
      ถาม :  แล้วอย่างนั้นใครเฝ้าล่ะ ผีหรือ?
      ตอบ :  มีอยู่ ที่เขาฮาราคีรีตัวเองตายที่นั่น ๖-๗ ศพ ฆ่าตัวเองตายอยู่นั่นเพื่อเฝ้าเลย
      ถาม :  แล้วอย่างงี้ ... เป็นผีประเภทไหนล่ะ ?
      ตอบ :  มันจะเป็นพวก กาลกัญจิกอสุรกาย หรือไม่ก็ มหิทธิกาเปรต พวกนี้จิตใจจะยึดเกาะอยู่กับงานเดิมเขามาก เราอธิบายยังไงว่าญี่ปุ่นแพ้สงครามแล้ว มันไม่ฟังหรอก เพราะเวลาของเขาแค่วันกว่า ๆ เป็นไปได้ไงวันกว่า ๆ ตีไปตั้งครึ่งโลก แพ้สงครามแล้ว วันหนึ่ีงเขามันเท่ากับ ๕๐ ปีมนุษย์ วันกว่า ๆ แค่นั้นเองแพ้ได้ยังไง !
      ถาม :  ต้องสู้กับผีซิคะ ?
      ตอบ :  ผู้ใหญ่เล็กเจอมาแล้ว เจ้าพ่อทองผาภูมิ ชื่อเล็กเหมือนกัน โดนอ่วม มาให้รดน้ำมนต์ รดเสร็จเข็ดไม่กล้าไปนึกว่าจะเอาใหม่ !
      ถาม :  แล้วพวกนี้ เขาไม่เอาบุญหรือคะ ?
      ตอบ :  ไม่เอาอะไรทั้งนั้นเขายึดมั่นอยู่กับหน้าที่เขา โดยเฉพาะความซื่อสัตย์ของทหารญี่ปุ่นนี่ ต้องยกให้เป็นยอดเลย ถ้าไม่ใช่คำสั่งของแม่ทัพหรือพระเจ้าจักรพรรดิ์นี่ คนอื่นไปกรอกหูท่าไหนไม่ฟังทั้งนั้น
      ถาม :  อย่างนี้ต้องไปตามวิญญานพระเจ้าจักรพรรดิ์มาบอก...
      ตอบ :  (หัวเราะ) จะไปตามที่ไหน ทองก้อนประมาณกำปั้น เอาใส่ลังไม้ ลังไม้มันก็ผุหมดแล้ว บางแห่งมันเกิดเปิดก็หลุดออกมา มีตู้รถไฟอยู่ ๒ ตู้ใหญ่ ๆ แล้วข้างนอกยังมีอยู่หลายลังนะ แล้วที่แน่ ๆ มีหัวรถจักรกับเครื่องบินอยู่ด้วย ไอ้เครื่องบินปีก ๒ ชั้น ZERO สมัยสงครามโลกของญี่ปุ่น มีเครื่องบินอยู่ลำหนึ่งด้วย ตอนนั้นคงกะไว้อีกไม่นานจะขุด ปรากฏว่าแพ้สงครามซะก่อน ขุดไม่ทัน แต่ว่าพวกนี้เขาจะมีของที่ประเภทยึดไว้เป็นส่วนตัวบ้างอะไรบ้าง ที่เขาทำแผนที่ตกทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน
              ช่วงก่อนจะไปอยู่ทองผาภูมิมีพ่อค้าญี่ปุ่นมาตั้งโรงงานผลิตหน่อไม้ดองอัดปี๊บ กว่าจะรู้น่ะ ขนทองไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เอาทองใส่ปี๊บแล้วเอาหน่อไม้ไว้ข้างบน คือเขาได้แผนที่จากบรรพบุรุษมาก็มาขุดให้คนงานหาหน่อไม้หาอะไรไปตามเรื่อง ตัวเองก็อ้างว่าสำรวจป่าบ้างอะไรบ้าง พอถึงเวลาได้มาก็ใส่ปี๊บไว้ เอาหน่อไม้ดองใส่ไว้ข้างบนแล้วก็ส่ง ทำยังกับว่าญี่ปุ่นอยากกินหน่อไม้นัก กว่าคนงานมันจะกล้าพูดก็ตอนที่ปิดโรงงานไปแล้ว แล้วของมันจะเหลือเรอะ ! แต่ว่าตรงช่วงเขาเรียกว่าแก่งระเบิดอยู่ในแม่น้ำแควน้อย
      ถาม :  ในหนังสือ หลวงพ่อท่านไปเจอสมบัติ ท่านปู่ก็ขอไว้ไม่ใช่หรอครับ ?
      ตอบ :  อันนั้นเป็นส่วนตัวของหลวงพ่อท่านเอง หลวงพ่อท่านเคยเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์มาหลายชาติ เป็นสมบัติเก่าที่สมัยของท่านมีชีวิตอยู่ แล้วท่านปู่พระอินทร์ท่านขอเอาไว้ว่า ถ้าหากท่านลงมาเกิดใหม่ในสมัยพระศรีอริยะเมตไตรย ท่านต้องทำบุญเยอะ ขอสมบัติอันนี้ไว้เป็นของท่าน แต่ไปไปมามาตอนหลังท่านตัดสินใจว่าไม่เกิดแล้วก็ต้องยกให้เป็นทรัพย์แผ่นดินไป รอพระเจ้าจักรพรรดิ์องค์ใหม่
      ถาม :  ลูกหลานจะขุดก็ไม่ได้ ?
      ตอบ :  ก็ท่านยกให้ไปอย่างนี้แล้วนี่ แล้วคนอื่นจะเอาอะไรล่ะ ? (หัวเราะ) พระเจ้าจักรพรรดิ์ส่วนใหญ่จะมีในช่วงที่โลกว่างจากพระพุทธศาสนา เพราะว่าท่านจะเป็นผู้ที่ทรงธรรม จะสามารถนำชาวบ้านทำความดีได้ในระดับหนึ่ง จะเป็นทาน ศีล ภาวนา ในขั้นต้น ขั้นกลาง แต่ว่าไม่ถึงขั้นสูงสุด