ถาม :  พญานาคนี่มีจริงมั้ยคะ ?
      ตอบ:   มีจ้ะ มีทั้งนาคจริงแล้วนาคปลอมด้วย รู้จักนาคปลอมมั้ย ?
      ถาม :  เป็นยังไงเจ้าค่ะ ?
      ตอบ:   ไม่เคยเห็นตามบันไดโบสถ์บ้างเหรอ (หัวเราะ) อันนั้นพูดเล่นจ้ะ นาคปลอมคือเทวดาที่ท่านเป็นบริวารของท้าววิรูปักษ์ พวกนี้เรียกว่านาคปลอม เพราะว่าเวลาออกปฎิบัติงานส่วนใหญ่จะไปในลักษณะของงูใหญ่ ความจริงท่านเป็นเทวดาแต่เวลาออกปฎิบัติงานไปในลักษณะงูใหญ่ ถ้าเป็นบริวารของท้าววิรุฬหก ก็ไปในลักษณะของกุมภัณฑ์ บริวารท้าวเวสสุวรรณ ไปในลักษณะของยักษ์ บริวารของท้าวธตรฐ ไปในลักษณะของคนธรรพ์ ความจริงท่านเป็นเทวดาสวย ๆ ทั้งนั้น นั้นเป็นเครื่องแบบของท่านเวลาทำงาน เพราะฉะนั้นบริวารของท้าววิรูปักษ์ก็เลยเป็นนาคปลอมเพราะว่าเป็นเทวดาจำเเลงขึ้นมา
              ส่วนนาคจริง ๆ เป็นเดียรัจฉานกึ่งทิพย์ที่มีฤทธิ์ พวกนี้ท่านได้ทำบุญใหญ่ แต่ว่ากรรมเก่าก็มากหรือว่าอาจสร้างกรรมดีมาแล้วมีความผิดเสริมไปด้วยก็เลยกลายเป็นสัตว์เดียรัจฉานกึ่งทิพย์ไป ที่จิตใจใฝ่บุญกุศลก็มี ที่ประเภทไม่เอาไหนเลยก็มี พวกที่ใฝ่บุญใฝ่กุศลส่วนใหญ่ก็จะหนุนเสริมพระภิกษุในพระพุทธศาสนา หรือไม่ก็ช่วยเหลืองานต่าง ๆ เพราะว่าเขาสามารถจำแลงเป็นคนได้มีทั้งจริงทั้งปลอม
      ถาม :  ที่อัฟกานิสสถาน ที่ทำลายพระพุทธรูปอยู่นี่ ซวยมั้ยครับ ?
      ตอบ:   ก็ปล่อยเขาสิ โทษทำลายพระพุทธรูปนี่อเวจีทีเดียว อย่าไปกังวลแทนเขา
      ถาม :  ใครไปสร้างไว้ที่นั้น ?
      ตอบ:   สมัยนั้นพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก ราว ๆ พ.ศ. ๓๐๐ กว่า ๆ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ไง พระเจ้าอโศกมหาราชนี่ท่านเล่นครองชมพูทวีปเลย พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นกษัตริย์ที่มีบุญญาธิการมากเกือบจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอยู่แล้ว แต่ของท่านไม่มีจักรแก้ว นางแก้ว ท่านก็มี พระขรรค์แก้ว ท่านก็มี ช้างแก้ว ม้าแก้ว อะไรท่านก็มี เพียงแต่ว่าขาดจักรแก้วในการประกาศตนเป็นจักรพรรดิเท่านั้น
              ท่านอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาถึงขนาดว่ามีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ที่ไหนไปขุดอัญเชิญมาหมด แล้วตั้งใจสร้างเจดีย์ถึงแปดหมื่นสี่พันองค์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นพุทธบูชา เท่านั้นยังไม่พอ ท่านจัดงานฉลองเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน เลี้ยงพระทุกวันเลย ไม่รวยจริงทำไม่ได้ แล้วก็ยังไม่พอใจท่านอีก ท่านเอาสำลีพันตัว แช่น้ำมันแล้วก็จุดเป็นพุทธบูชา ยืนพนมมืออยู่ แล้วตาจ้องอยู่ที่เจดีย์ที่ท่านสร้าง ถวายเป็นพุทธบูชา ตั้งใจว่าถึงไฟมันไหม้ให้เราตายไปก็ขอถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา แต่เผอิญกำลังใจท่านมั่นคงมาก ไฟก็เลยทำอันตรายไม่ได้
      ถาม :  อย่างนี้ก็ไม่สมความตั้งใจสิครับ ?
      ตอบ:   ท่านตั้งใจอยู่ว่าท่านจะถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ในเมื่อจุดไฟจนกระทั่งมันมอดไป เป็นอันว่าจบแล้วมันจะไม่สมความตั้งใจได้อย่างไร เพียงแต่ท่านตั้งใจว่าถ้าตัวท่านตายก็ช่าง พระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อปกครองในชุมพูทวีป ในช่วงนั้นเขตของอัฟกานิสสถานเฉพาะเมืองที่สร้างพระพุทธรูป เป็นเขตของพระพุทธศาสนา มีวัดวาอารามมากในเมื่อมีความเลื่อมใสมากก็สามารถสร้างขึ้นมาได้ โดยเฉพาะพระพุทธรูปยืนองค์ที่เขาถือว่าที่สุดในโลกแกะสลักหน้าผาเป็นรูปพระพุทธรูปแกะภูเขาเป็นพระเลยนะ
      ถาม :  แล้วที่เมืองจีน ?
      ตอบ:   ที่เมืองจีนพระนั่ง นั่งห้อยพระบาทที่มุมของแม่น้ำแยงซีเกียงที่มันท่วมประจำทุกปี แล้วก็เกิดอุบัติเหตุล้มตายกันเป็นประจำที่อะไร ? เล่อซาน
      ถาม :  ขี่พายุทะลุฟ้า ?
      ตอบ:   (หัวเราะ) ขี่พายุทะลุฟ้า เออใช่ ! ไอ้ที่มันไปดวลกันหน้าตักพระ ไอ้พวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง (หัวเราะ) น้ำท่วมถึงพระชานุ อัคคีคุ คั่งถ้ำเทียมเมฆ สำนวนจีนเขา มันเป็นปริศนาโบราณไม่มีใครรู้... น้ำท่วมถึงเข่าพระ พระพุทธรูปองค์นั้น สูง ๙๑ เมตร เข่าสูงแค่ไหน ? ถ้าน้ำท่วมถึงเข่าพระก็แย่ คราวนี้เข่าพระมีถ้ำใหญ่มีกิเลนไฟอยู่ ถ้าน้ำท่วมมันอยู่ไม่ได้มันออกมาก็อาละวาด นั่นน่ะปริศนาออกนอกเรื่องไปเยอะ....เลี้ยวกลับมาใหม่ เดี๋ยวไปไกล...จากอัฟกานิสสถานโดดทีเดียวไปจีนเลย
      ถาม :  พระเจ้าอโศกนี่เป็นฝรั่งเหรอครับ ? รูปปั้นเหมือนฝรั่งเลย
      ตอบ:   ท่านมีเชื้อสายกรีกอยู่อย่าลืมว่ากรีกนี่ครองอินเดียเป็นระยะเวลายาวนาน ตั้งแต่อเล็กซานเดอร์มหาราช แล้วมา เมนันเดอร์...เมนันเดอร์ นี่ บาลีเรียกว่ามิลินทร์ มิลินทะ พระยามิลินทร์ ที่โต้ปัญหากับพระนาคเสน คราวนี้มีจารึกพระเจ้าอโศกมหาราชที่เป็นคำทำนายของพระโมคคัลลาน์ติสสะเถระเจ้า ท่านทำนายว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้ว พระมหาเถระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งด้วยบารมีจะนำพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองคล้ายกับสมัยพุทธกาลอีกวาระหนึ่ง นั่นแหละ ธรรมกายเขาถึงได้คิดว่าเป็นอาจารย์ของเขา ความจริงการเจริญรุ่งเรืองไม่ใช่เจริญด้วยวัตถุ แต่เป็นเพระว่ามีพระอริยเจ้ามาก ต้องเน้นผล ไม่ใช้เน้นวัตถุ
              ภายหลังอิสลามสามารถที่จะครองพื้นที่ตรงนั้น ทั่ว ๆ ไปเขาก็ไม่ยุ่งด้วย เพราะอิสลามถือว่าการเข้าไปยังศาสนสถานของศาสนาอื่นนี่ จะทำให้ตกนรก เขาก็ปล่อยมายาวนานตั้งเป็นพันปี ก็ตั้งแต่ พ.ศ. ๓๐๐ กว่า ๆ มาสองพันกว่าปีแล้วซะด้วยซ้ำไปเขาก็ปล่อยยาวมาเรื่อย มาถึงชุดนี้คงเกะกะลูกกะตาเต็มทีก็เลยถล่มทิ้งซะ รู้สึกอยู่ข้างบนมันเย็นไปอยู่อเวจีมันท่าจะอุ่นหน่อย โทษการทำลายพระพุทธรูปไม่ว่าองค์ใหญ่องค์เล็ก ก็ตาม โทษลงอเวจีมหานรกไว้ก่อน ยิ่งองค์ใหญ่ต้องใช้กำลังใจในการทำลายสูงมาก โทษยิ่งหนัก
      ถาม :  แล้วอย่างนี้ พระเครื่ององค์เล็ก ๆ ก็โดน ?
      ตอบ:   โดนแน่
      ถาม :  แล้วมีวิธีแก้มั้ยครับ ?
      ตอบ:   บรรจุไว้ในพระองค์ใหญ่ ตั้งใจขอขมาพระรัตนตรัย บูชาท่านต่อไป ไม่ใช่เอาไปตำแล้วทำเป็นผง
      ถาม :  ถ้าทิ้งไปแล้วล่ะครับ ?
      ตอบ:   ก็โน่นเลย ตั้งใจขอขมาเช้า กลางวัน เย็นเลย (หัวเราะ)
      ถาม :  ของพ่อตาผมครับ พอดีเขาไปหาคนทรง แล้วคนทรงหยิบยังไงไม่รู้ออกจากปากมาเป็นพระให้ เขาก็สงสัย กลับบ้านก็เอาฆ้อนตำเลย
      ตอบ:   แหม.. น่ารักมาก ความจริงมันน่าจะอมไว้ในปากแล้วเอาฆ้อนตีหัวตัวเอง มันจะได้เป็นการพิสูจน์อย่างแท้จริง น่าเสียดายของที่ได้มาแบบนั้นไม่ใช่หาได้ง่าย ๆ นะ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดท่าซุง มีร่างทรงทรงสมเด็จพระเจ้าตากสิน ท่านเคี้ยวหมากไปเรื่อย คายออกมาก็พระองค์หนึ่ง คายออกมาก็พระองค์หนึ่ง ใครอยู่ตรงนั้นก็ได้กันไปคนละองค์ คนละองค์ส่วนใหญ่เป็นพระยอดธง เคี้ยวหมากแท้ ๆ ไม่เห็นท่านอมเอาไว้เลย
      ถาม :  เมื่อไหร่ จะเคี้ยวหมากครับ ?
      ตอบ:   ปฎิเสธหลวงพ่อไปแล้ว มีอยู่วันหนึ่งตั้งใจภาวนาอยู่ เพราะว่าอยู่บนรถทัวร์เมื่อขึ้นรถเมื่อไหร่ จะตั้งใจภาวนาทันที เพราะไม่ทราบว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือเปล่าเราอาจถึงชีวิตก็ได้ ภาวนาไป ภาวนาไป ได้ยินเสียงเป่ายานัตถุ์ปึ้ด กลิ่นหอมตลบไปเลย พอได้กลิ่นมันอยากจนน้ำลายยืด
      ถาม :  ยานัตถุ์ หรือว่าหมาก ?
      ตอบ:   กลิ่นยานัตถุ์ เลยบอกหลวงพ่อครับยานัตถุ์ก็ไม่เอา หมากก็ไม่เอา แว่นตาก็ไม่เอานะครับ เสียงท่านถามบอกว่าแล้วไม้เท้าจะเอามั้ย ? อีตอนนั้นขืนตอบนี่โง่มาก เอาหรือไม่เอานี่โดนแน่เงียบไว้ก่อน เพราะฉะนั้นจะมารอเรื่องพระนี่เดี๋ยวแจกให้ไม่ต้องเสียเวลาเคี้ยว แจกทุกเดือน
      ถาม :  แล้วการซ่อมแซมพระนี่....(ฟังไม่ชัด)...
      ตอบ:   อานิสงส์ของการซ่อมแซมพระ ถ้าหากว่าเกิดใหม่จะมีหน้าตาที่สวยงามมากกว่าผู้อื่นเขา โดยเฉพาะเรื่องของเบญจกัลยาณี ถ้าเป็นผู้ชายมันน่าจะเป็นอาโนลด์ น่ะ...ชายงามจักรวาล ๓ ปีซ้อน (หัวเราะ) อีตาอาโนลด์นี่ ถ้าไม่สละสิทธิ์ไม่มีใครแย่งได้จริง ๆ ลักษณะของเขามันสมบูรณ์สมส่วนไปทุกส่วนไง ถ้าดูมันยืนคนเดียวนี่ตัวมันใหญ่กว่าควายอีก แต่ถ้าไปยืนกับฝรั่งด้วยกัน เออมันก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่หรอก อานิสงส์ให้ให้เกิดใหม่สวยเป็นพิเศษ
      ถาม :  ถามเกี่ยวกับเรื่องทำลายพระครับ ถ้าเกิดว่าอย่างบางครั้ง เราไม่ตั้งใจแล้วบังเอิญมือปัดไปโดน ?
      ตอบ:   อย่างนั้นเจตนาไม่มี เราก็ซ่อมสิขอขมาแล้วก็ซ่อมซะ ติดกาวได้ก็ติดซ่อมใหม่ถ้าปิดทองได้ ให้งามไปเลยได้ยิ่งดี วันนี้ส่งให้คุณอรพินทร์ไป ๓ องค์ องค์หนึ่งเศียรหัก คอพอดีเลย องค์หนึ่งพระหัตถ์ท่านพาดอยู่บนเข่าลักษณะนี้ นิ้วพระหัตถ์หายไปสี่นิ้ว ส่วนอีกองค์หนึ่งฐานแตก (หัวเราะ) ส่งไปให้เขาซ่อมแล้วปิดทองอีก
      ถาม :  แล้วภาพที่เป็นกระดาษ ?
      ตอบ:   ภาพพระ ก่อนหน้าก็เคยเก็บ เก็บไปเก็บมามันเยอะ เลยขอขมาท่าน ขออนุญาตประชุมเพลิงถวายจ้ะ ต้องขอขมาก่อนนะ อย่าไปเผาส่งเดช
      ถาม :  การกราบขอขมานี่ ต้องเตรียมดอกไม้ ?
      ตอบ:   ถ้ามีดอกไม้ธูปเทียน ก็ว่าให้ครบชุดไป ถ้าหากว่าไม่มีก็สิบนิ้ววันทาจ้ะ
      ถาม :  แล้วถ้าเกิดตั้งใจเอาพระผงรูปเดิมมาบดเป็นผง แล้วผสมใหม่ ?
      ตอบ:   นั่นแหละ ชัดเลย ทำลายพระพุทธรูป
      ถาม :  ถ้าของที่เข้าพิธีปลุกพระเสกแล้วก็ทิ้งไป
      ตอบ:   อันนั้นถ้าไม่ใช่รูปพระก็ไม่ว่ากันแต่ที่ทิ้งน่าเสียดายเพราะของที่พุทธาภิเษกถูกต้องตามพิธีกรรมแล้วอานุภาพไม่ได้สูญไปไหนถึงแตกทำลายแล้วก็ยังมีอานุภาพอยู่
      ถาม :  ก็เก็บที่แตก ๆ ไว้
      ตอบ:   จ๊ะ ยกเว้นอธิษฐานว่าถ้าแตกแล้วให้หมดอานุภาพ