เล่าเรื่องเมืองพม่า

              จระเข้ตัวนี้ก็เลยได้ชื่อเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เมืองย่างกุ้งเหมือนกันจะแยกออกจากตรงปากน้ำย่างกุ้ง เรียกว่าปากน้ำ “งาโมย่า” พระยาจระเข้ตัวนี้สามารถแปลงเป็นคนได้ แล้วก็มาแต่งงานกับนางละมุ นางละมุนี่ถ้าภาษาไทยเรียกว่า นางลำพู ไม่ทราบว่าเขาทำผิดศีลอีท่าไหนก็เลยกลายเป็นจระเข้ใหม่ ไม่สามารถจะคืนเป็นคนได้ แกก็เลยหนีลงน้ำไป ปรากฏว่าประเมินน้ำใจของภรรยาผิดไป
              คุณลำพูก็เลยพายเรือตามหาสามีไม่ใช่บัวลอยนะ พวกเราเคยได้ยินมั้ย สุดคลองบางกอกน้อยพายเรื่อตามหาบัวลอย ( หัวเราะ) เพลงนี้มันเก่ามากแล้ว พวกเราไม่เคยได้ยินกันหรอกหรือเคยได้ยินก็จำไม่ได้ พายเรือไป ตรงนั้นมันอยู่ใกล้ปากน้ำย่างกุ้ง คลื่นลมมันก็แรง เรือล่มตาย จระเข้มาเห็นศพเมียก็เสียอกเสียใจคาบศพเมียขึ้นมาไว้บนชายฝั่ง แล้วตีอกชกหัวตัวเองหัวใจสลายตายไปด้วย
              ชาวบ้านเขาเห็นอกเห็นใจในความรักระหว่างมนุษย์กับสัตว์เดียรัจฉานเลยสร้างเจดีย์ให้หลังหนึ่ง เรียกว่าเจดีย์แมละมุ หรือนางลำพู แมก็คือผู้หญิง ที่นี้แมละมุ คือนางลำพู เป็นเจดีย์ที่มีพระพุทธรูปทรงประหลาดมาก เป็นพระพุทธรูปปางพิศดารครึ่งนั่งครึ่งนอน ลักษณะเหมือนกับปางไสยยาสน์แต่ว่าท่านนั่งตัวตรง แล้วเท้าก็พาดยาวไปเหมือนกับนอน ไม่เคยเห็นพระพุทธรูปปางนี้มาก่อนเลย แล้วก็ไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนสามารถนั่งท่านั้นได้หรอก ลองดูเอวมันต้องหักเป็นมุมฉาก (หัวเราะ) เป็นเจดีย์ที่มีชื่อเสียงมาก หากว่าไปที่นั้นก็จะมีคนเอาลูกลำพูลูกละมุน่ะมาขายให้ ใครเคยเห็นบ้าง
              สมัยก่อนต้นลำพูเป็นต้นไม้ริมน้ำแล้วก็หิ่งห้อยมันชอบเกาะมาก ตอนกลางคืนนี่ยังกะดาวเป็นล้าน ๆ ดวงเต็มไปหมด แล้วมันก็จะกระพริบ ๆ ตามจังหวะของมัน บางทีต้นโน้นต้นนี้จังหวะมันไม่พร้อมกัน โน่นสว่าง นี่มืด อะไรอย่างนั้น สมัยนี้ต้นลำพูบ้านเรามันน้อย มีก็ต่างจังหวัดไกล ๆ ถ้าในกรุงเทพรู้สึกจะอยู่แถว ๆ ท่าพระจันทร์ รู้สึกจะมีอยู่สักต้นหนึ่ง เห็นว่าเขาจะล้อมรั้วเอาไว้ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่านะ คราวนี้มันแปลกอยู่ว่าบ้านเขามันมีตำนานจระเข้ได้เมียเป็นมนุษย์ บ้านเราก็ดันมีเหมือนกัน ชาละวัน ตะเภาทอง ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง ใช่มั้ย ! ของเรามีไกรทองด้วย จระเข้เลยซวย บ้านของเขาไม่มี แต่ว่าเขารักกันจริง ๆ นะ
      ถาม :  อย่างชาละวัน ถ้าเปรียบเขาบำเพ็ญนี่
      ตอบ:   เท่าที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้อย่างเดียว คือ อชรังคเปรต อชรังคเปรตน่ะเป็นเปรตหนึ่งในสิบสองจำพวก อชรังคเปรตจะอยู่ในร่างของสัตว์เดียรัจฉาน อย่างเช่นว่ามีบางคนว่าพ่อตัวเองตายกลายเป็นงูเหลือมใหญ่เลื้อยมา มาบอกที่ซ่อนสมบัติ มันเป็นไปไม่ได้หรอก งูเหลือมใหญ่ขนาดนั้นจะต้องอายุหลายสิบปีเป็นอย่างน้อย ทำไมอยู่ดี ๆ ตายปุ๊ปแล้วได้เป็นเลย คือว่าร่างของเปรต จะเป็นเปรตในร่างของสัตว์เดียรัจฉาน
              พวกนี้ถ้าหากว่ามีบุญเก่าหนุนเสริม บางทีเขาก็ทรงฌาน ทรงสมาบัติจนกระทั่งสามารถแปลงร่างเป็นคนได้ ของจีนเขาก็มีตำนานพวกนี้ อย่างชะมดแปลงร่างเป็นคน หมาจิ้งจอกแปลงร่างเป็นคน ของเราก็มีพวกเสือสมิง พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็น อชครังเปรตหนึ่งในสิบสองจำพวก แต่ว่าถ้าจะเปรียบกับอย่างอื่นก็ไม่ทราบเหมือนกับว่าจะเปรียบกับอะไรดี... มันก็เข้าได้ตรงข้อนี้แสดงว่ามันต้องมีจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่คนว่าทั่วไป
              แต่จระเข้นี้มันมีจระเข้วิชา คือ คนแปลงเป็นจระเข้ ได้ด้วย อย่างหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เสกให้มหาดเล็กของเสด็จในกรมหลวงชุมพร เป็นจระเข้ เอาเชือกผูกเอวไว้ ผลักลงไปในบ่อ กลายเป็นจระเข้ว่ายน้ำตูม ๆ คราวนี้มันติดเชือกมันไปไหนไม่ได้ ลากขึ้นมาเอาน้ำมนต์รดก็กลายเป็นคนตามเดิม
              แต่ว่าตำราหรือว่าคำบอกเล่าอะไรต่าง ๆ จะมีอยู่หลาย ๆ ครั้งเหมือนกันว่า อาจารย์จะแปลงเป็นจระเข้เสร็จแล้วให้ลูกศิษย์ถือขันน้ำมนต์ไว้ ว่าถ้าเป็นจระเข้ให้เอาขันน้ำมนต์ราดจะได้กลายเป็นคนได้ ลูกศิษย์มันตกใจ ทำน้ำมนต์หกหลวงปู่ศุขท่านบอกว่าถ้าเป็นสมัยก่อนก็ต้องไปดักตรงเขื่อนชัยนาท เขื่อนชัยนาท เป็นเขื่อนกั้นเจ้าพระยาเป็นเขื่อนแรกของไทยเรา ไปดักตรงนั้นมันก็จะไปติดอยู่ตรงแถว ๆ นั้น
              คราวนี้ท่านให้สังเกตว่า ถ้าหากว่าเป็นคนแปลงร่างเป็นจระเข้ หางมันจะสั้น ๆ กุด ๆ ไม่เหมือนจระเข้จริง เขาบอกว่าหางมันทรงเหมือนกับหัวปลีทู่ ๆ สั้น ๆ แต่ถ้าเป็นจระเข้จริงหางเขาจะยาว ลักษณะของคนแปลงเป็นเสือสมิงก็เหมือนกัน แบบเดียวกันเป็นอันว่าจบ
              ในขุนช้างขุนแผน เห็นเถรขวาดแปลงเป็นจระเข้ มันเรียนกันถึงหรือเปล่าวะ ? คือว่าขุนแผนไปตีเมืองเชียงใหม่ ได้นางสร้อยฟ้ากับนางลาวทองมา เถรขวาดก็มาดูแลรักษาลูกสาวพระเจ้าเชียงใหม่คือนางสร้อยฟ้า แต่เป็นคนที่เก่งคาถาอาคมมาก มาเสียท่าให้กับ ลูก ๆ ของขุนแผนโดยเฉพาะพลายชุมพล ทำอาถรรพ์ไป โดนจับได้ ตอนที่สร้อยฟ้าทำเสน่ห์น่ะ พอโดนจับได้ก็เลยขู่อาฆาต ก็แปลงเป็นจระเข้ลงมาไล่ฟัดคน กินทั้งสัตว์เลี้ยงกินทั้งคน พลายชุมพลก็ต้องลงไปสู้กับจระเข้นั้นแหละจระเข้แปลง
              พวกทางเขมร ยังมีพวกที่แปลงเป็นเสือสมิงอยู่ เสือสมิงมันมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งก็คือคนที่ศึกษาวิชาการเหล่านี้ ใช้น้ำมันหรือว่าสักหัวใจเสือสมิง พอถึงเวลาแล้วสามารถแปลงเป็นเสือได้ เขามีข้อห้ามว่าอย่าฆ่าคน ถ้าฆ่าคนไม่สามารถคืนเป็นคนได้เลย แล้วอีกอย่างหนึ่ง เสือที่มันกินคนมามาก ๆ วิญญาณผีตายโหงมันสิงอยู่ มันสามารถที่จะบังตาให้เห็นเป็นคนมาหลอกคนอื่นไปกินได้ อย่างแรกนี่พวกทางเขมรยังเล่นกันเยอะเรียกว่าน้ำมันเสือสมิง สมัยรัชกาลที่ห้า เสด็จไปทางจันทร์บุรี แถวน้ำตกพลิ้ว
              ท่านก็มีพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้ว่าไปเจออาจารย์เขมรมาตามลูกศิษย์ ลูกศิษย์สองคนกลายเป็นเสือสมิง คือตอนแรกลูกศิษย์ผู้ชายไปเรียนวิชา เสร็จแล้วได้น้ำมันเสือสมิงมาก็เก็บไว้บนหิ้ง กำชับเมียตัวเองว่าอย่าไปแตะต้องเป็นอันขาด คราวนี้ผัวออกป่าล่าสัตว์เมียก็อดรนทนไม่ไหว ห้ามอะไระนักหนาก็เปิดดู ดมกลิ่นดูเข้าท่า ลองเอามาทาดูว่าหวงนัก กลายเป็นเสือ ก็เข้าป่าไป ผัวกลับมาพอเห็นขวดน้ำมันตกอยู่ก็รู้เลยว่าเมียตัวเองแน่ ๆ แล้ว ไม่รู้จะตามยังไง มีวิธีเดียวก็กลายเป็นเสือไปตามทีนี้ทั้งสองคนไป อาจารย์ของตัวเองนี่ทิพจักขุญานใช้ได้เหมือนกัน รู้ว่าเกิดเรื่องไม่เหมะสมไม่ดีไม่งามกับลูกศิษย์ก็เลยออกมาตามตัว เขาบอกว่าถ้าหากว่าเจอเสือสมิงที่เกิดจากวิชาการตีด้วยไม้คานแล้วจะกลับเป็นคน อยากรู้จริง ๆ ว่าใครมันกล้าถือไม้คานมาประจันหน้ากับเสือตัวขนาดนั้นบ้างล่ะ
              รัชกาลที่ห้าก็ยังทรงมีพระอารมณ์ขันอยู่บอกว่าหลังจากนั้นแล้วก็ไม่ได้ข่าวคราวไม่ทราบว่าอาจารย์ได้ตัวลูกศิษย์กลับไปหรือว่าโดนลูกศิษย์กินไปแล้ว (หัวเราะ) ท่านก็บันทึกเอาไว้ดีเหมือนกันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นตัวอาจารย์ได้ลูกศิษย์กลับไปหรือว่าโดนลูกศิษย์กินไปแล้วท่านก็เล่าเรื่องการล่าสัตว์ในเกาะ แล้วก็ไปล่าเสือ ท่านแปลกใจว่าเกาะเล็ก ๆ อยู่ห่างจากแผ่นดินปกติตั้งสองสามกิโล มันมีเสือมีกวางได้ยังไง สัตว์มันพอเห็นอาหารแล้วมันอยากกินก็อุตสาห์ว่ายไปแล้วก็ไปอยู่ในเกาะ

              เรื่องของพระบรมธาตุอินแขวน ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์จริง ๆ แล้วหินก้อนนั้นน่ะ ไม่ได้ติดกันอะไรเลย จับโยกได้แต่อย่าโยกแรงนะ หล่นลงไปนี่เขาจับหักคอเราแน่เลย (หัวเราะ) ครั้งแรกที่ไปถึงที่นั้นก็ตั้งใจกราบถวายบูชา พอนึกถึงพระท่านเห็นมาเขียวปี๋เลย เอ๊ะ!ทำไมพระมาสีนี้กลายเป็นท่านปู่พระอินทร์ เลยกราบถามท่านว่า ท่านปู่เอาก้อนหินก้อนนี้แขวนไว้จริง ๆ หรือครับ ท่านบอกว่าปล่อยให้เขาเชื่อไปอย่างนั้นเถอะลูก แต่ตอนนี้เขาสร้างเจดีย์มีพระธาตุมีอะไรบรรจุอยู่เทวดาต้องรักษาอยู่แล้วใช่มั้ย ? ตอนแรก ๆ ไปแหงนมองดู เอ๊ ! ทำไมฝีมือมันหยาบ ๆ พอไปจับก้อนหินมันโยกได้ ถ้าเราทำก็หยาบกว่านั้นอีก.. กลัวตกยิ่งกว่ามันอีกว่างั้น
              ไปติเขาอยู่หลายปี ปีนี้เล่นปิดซ่อมทำใหม่ ถอดแผ่นทองที่หุ้มออกมาหมดเลย ที่หุ้มเจดีย์เขาตีเป็นแผ่นทองโตประมาณแค่นี้...( สองผ่ามือ) แล้วก็เล่นเย็บสี่มุมน่ะ ใช้น็อตไขเข้าไป คราวนี้เขาถอดออกมาทั้งหมด ปั้นองค์เจดีย์ใหม่ ติดลวดลายปูนปั้น เช้งวับเลยคราวนี้ ที่ไปเล็ง ๆ ดู ชอบอยู่อย่างเดียวแหละ เขาถอดเจดีย์ลงมา ถอดฉัตรยอดเจดีย์ลงมา บนยอดฉัตรมันมีนกหมุนอยู่ตัวหนึ่ง ไอ้นกหมุนตัวนั้นมันคาบทับทิมเม็ดแค่เนี้ยะ (หัวแม่มือ) เขาเจียรไนเป็นรูปหยดน้ำ สีมันเห็นแล้ว เจ้าพระคุณเถอะ ถ้าไม่ได้ใส่ไว้ในตู้นิรภัยอย่างนั้นแล้วก็คงไม่เหลือหรอก รู้สึกว่า พลโท ขิ่นยุ้นจะไปเป็นประธานยกฉัตร เดี๋ยววันอังคารก็ตียาวไปยกฉัตรประมาณพฤหัสก็วันพระ

              วันพระพม่าเขาก่อนของเราวันหนึ่ง ยกฉัตรเสร็จก็จะไปตรวจงานที่หนองบัวต่อ คงกลับประมาณวันที่ยี่สิบมีนา ระยะนี้ไปพม่าเป็นว่าเล่นเลย เดือนที่แล้วไปสองครั้ง เดือนนี้ไปครั้งหนึ่ง แต่นานหน่อย งานก่อสร้างยิ่งเร่งรัดเท่าไหร่ก็ยิ่งไปบ่อยเท่านั้น บาตรสองใบที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุก็จะไปบรรจุไว้ที่นั้น เพราะว่าวันที่ยี่สิบเก้ามิถุนานี้จะวางศิลาฤกษ์โบสถ์และก็วิหารพร้อมกัน โบสถ์กับวิหารจริง ๆ แล้วคืออันเดียวกันแต่ทางพม่าจะไม่ให้ผู้หญิงเข้าในโบสถ์ ผู้หญิงไม่มีโอกาสเข้าไปในเขตเสมา เราก็เลยสร้างขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง เหมือนกันทุกอย่างเลยเพียงแต่ไม่ผูกพัทธสีมาเท่านั้น ให้ผู้หญิงเข้าไปไหว้ได้ จะได้ไม่มาน้อยใจ เดี๋ยวเขาเข้าไม่ได้น้อยใจขึ้นมาเขาไม่หุงข้าวให้กิน ก็เลยทำให้เหมือนกันทุกอย่างตั้งใจจะรื้อพร้อมกัน
              ถ้าโบสถ์กับวิหารเสร็จก็เหลือแต่ศาลาหอพระหลังใหญ่ศาลาหอพระหลังใหญ่นี่ ด้านบนแบ่งออกได้ยี่สิบสี่ห้อง ด้านล่างแบ่งได้ยี่สิบหกห้อง ด้างล่างมันมีติ่งห้อยออกมาหน่อย รวมแล้วห้าสิบห้อง ถ้าใครจะเป็นเจ้าภาพติดป้ายชื่อให้คิดห้องละหมื่น แล้วขณะดียวกันมีห้องน้ำใหม่อีกห้าห้อง ตอนนี้เขาจองไปสามแล้วจ้ะ เหลืออีกสองคิดห้องละหมื่นเหมือนกัน น่าเกลียดมาก ..ก..(หัวเราะ) ห้องน้ำห้องละหมื่น ห้องบนศาลาห้องละหมื่น ตอนแรกครูบาน้อยเจ้าอาวาส พอได้ยินเขาก็โวยว่าทำไมทางวัดท่าซุงคิดห้าหมื่นของอาจารย์คิดสามหมื่น แล้วของผมคิดหมื่นเดียวอยากเศรษฐกิจไม่ดีถ้าคิดมากโยมเขาไม่มีกำลังทำกับเราหรอก