ถาม:  จะมีพวกนิวเคลียร์ไหมคะ ?
      ตอบ :  ต้องดูซิว่า ยืดเยื้อแค่ไหน ? แต่ว่าอเมริกาผู้ใหญ่รังแกเด็กอยู่แล้ว ถ้าใช้นิวเคลียร์อีก คนทั้งโลกช่วยกันด่าแล้ว คราวนี้พอฝนตก ตอนนั้นทำวัตรเย็นเสร็จพอดี กำลังนั่ง ๆ อยู่ ๆ เห็นแสงสีชมพูม่วงจ้าขึ้นมาที่มณฑป ๘๐ พรรษาพระสังฆราช หลังโบสถ์วัดท่าขนุน สว่างขึ้นเกือบถึงยอดเลย นั่นโบราณเขาเรียก “ดินผ่าฟ้า” ไม่ใช่ฟ้าผ่าดิน ใครเคยเห็นบ้าง ? คือฟ้าที่จะผ่าลงมา จะมีกระแสไฟฟ้าจากดินขึ้นไปรับด้วย ถ้าอยู่กลางทุ่งไกล ๆ บางทีจะเห็นพุ่งขึ้นเป็นวาเลย อันนั้นสูงมากพุ่งเกือบถึงยอดเจดีย์ ยังดีว่าบังเอิญเจดีย์นั้นสร้างถวายพระสังฆราช เลยขลังหน่อย ไม่อย่างนั้นพังกระจายแล้ว คือดินจะเป็นขั้วบวก จากฟ้าจะเป็นขั้วลบ จะวิ่งเข้าหากัน นาน ๆ จะเกิดทีหนึ่ง ถ้าหากว่าเป็นคนทางหนองบัว เขาบอกว่า “อสูรยิงเทวดา” เสียท่า โดนยักษ์สอยซะแล้ว ถ้าเกิดขึ้นในเรือทะเล ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตอนที่พวกชาวเลออกไปแล้วลงสมอ หรือในลักษณะที่ปักถ่อไว้เพื่อยึดเรือ จะวิ่งตามขึ้นมา แล้วจะล่อให้ข้างบนลงมาผ่าใส่ เพราะฉะนั้นเป็นอย่างนั้น จะต้องรีบเผ่นให้ไกลที่สุด เร็วที่สุด โบราณเขาเรียกว่า “พรายน้ำ” ไม่ใช่หรอก ฟ้าผ่าตาย จะวิ่งขึ้นมาตามสาย ถ้าหากว่าปักถ่อไว้นี่ บางทีไม้ถ่อจะสว่างจ้าทั้งอันเลย เพราะว่ากระแสไฟฟ้าขั้วบกวิ่งขึ้นมา เคยเห็นผ่าต้นไม้ จากพื้นนี่กระจายถึงยอดเลย
              งานนี้เจดีย์ไม่เป็นไรจ้ะ กลายเป็นสีม่วงชมพูสวยเชียว ไม่ใช่ฟ้าผ่าดิน แต่เป็นดินผ่าฟ้า แต่แบบแปลก ๆ ที่อย่างหนังสือโลกลี้ลับบันทึกเอาไว้นั้น ยังไม่ได้เจอ ฟ้าผ่าลงมาเป็นลูก ๆ ลักษณะแบบวิ่งลงมาอย่างกับเป็นก้อนไฟฟ้ามาอย่างนี้ หรือไม่ก็บางทีลงมาหยักเป็นขั้นบันไดก็มี เขามีรูปถ่ายยืนยัน เพราะว่าบังเอิญเขาจับภาพได้ แล้วเขารวบรวมเอาไว้ นาน ๆ เขาเอามาโชว์ซะทีหนึ่ง ลักษณะนั่นเป็นอะไรล่ะ ดราก้อนบอลใช่ไหม ? (หัวเราะ) เหวี่ยงมาเป็นลูก ๆ
              โบสถ์วัดท่าขนุนซ่อมเสร็จแล้ว ของเก่าสร้างมา ๔๘ ปี ไม่ได้ซ่อมเสียที คนเคยถ่ามหลวงปู่สายว่า “ทำไมไม่ซ่อม” ท่านบอกว่า “ถึงวาระเดี๋ยวเจ้าของเขามาซ่อมเอง” อาตมาก็ไม่นึกว่ามารออาตมาเอง (หัวเราะ)
      ถาม :  ............................?
      ตอบคาถาตวาดป่าหิมพานต์ ใช้เป็นมหาอำนาจ และในขณะเดียวกันเมื่อประมาณปี ๒๕๒๘ ท่านวิชรเทพ ท่านมาบอกว่าให้ใช้สำหรับแก้ไสยศาสตร์ได้ด้วย ถ้าใครโดนไสยศาสตร์ให้ท่องคาถาบทนี้ ทำน้ำมนต์แล้วอาบ ถ้าไม่มั่นใจก็กินไปด้วย นึกถึงท่านวิชรเทพ ท่านบอกว่าท่านจะมาช่วย มีคาถาอย่าไปซ่านะ เจอมาหลายรายแล้วโดนผีอัดน่วมเลย ผีบางตัวเขาร้ายจริง ๆ ของเราเองมีความสามารถเท่าไหร่ใช้หมด แล้วมันไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักอย่าง ว่าถาคาเป่ามัน ๆ เอียงหน้าหลบนิดเดียว มันบอกไม่ถูก อธิษฐานเตโชธาตุเผามัน ๆ ก็หลบ ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ มันผีปลอมมั้ง ? พวกนี้แกล้งสะเด็ดเลย อย่างที่หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าท่องคาถาจะไล่มัน พอท่องจบมันบอกบทนี้มีอีกครึ่งหนึ่ง มึงท่องได้ครึ่งหนึ่งกูไม่กลัว แล้วมันก็ท่องให้ฟังอีกครึ่งหนึ่ง ไปเจอผีระดับนั้นเข้าก็เดี้ยง ไม่ต้องไปชนแถวนั้นหรอก เก็บไว้เถอะ
              เทวดาบางรายจะเรียกเขาเป็นมิจฉาทิฐิก็ได้ เพราะว่าเท่าที่เคยเจอมาบางทีเราจะสงเคราะห์เขา ท่านบอกว่าไม่ต้องยุ่ง เจริญไหมล่ะ! คือสถานที่บางแห่งที่เราไปพัก โดยเฉพาะรุกขเทวดาเขาจะอยู่ไม่ได้ เพราะว่าเขาจะอยู่สูงกว่าพระ คราวนี้พอเขาต้องลงมาอยู่ข้างล่างเขาก็เลยงอนหรือโกรธหรืออะไรก็แล้วแต่เขา เราเองเห็นว่าบารมีเขาน้อย จะอุทิศส่วนกุศลให้เขาไปอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่านี้ดีกว่านี้ เขาบอกว่าท่านไม่ต้องยุ่ง สบายดีไม่ต้องให้เขา เคยเจอพวกหวงที่เขาบอกไม่ต้องยุ่ง จิตเขามัวแต่มืดมัวด้วยรัก โลภ โกรธ หลง อยู่ โดยเฉพาะเขาหวงด้วยว่าสถานที่นั้นเป็นของเขา และเราเข้าไปทำให้เขาต้องลำบาก
              บางที่ก็ดีเหลือเกินเขารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร มาให้การสงเคราะห์หมดทุกอย่าง ไปถึงเย็น ๆ สรงน้ำเสร็จเรียบร้อย กำลังตั้งท่ากราบพระสวดมนต์อยู่ก็เดินทะลุประตูกระต๊อบเข้ามาเฉยเลย มีกระต๊อบที่พักอยู่ตรงนั้น ได้เข้าไปอาศัยอยู่ ตอนแรกก็เห็น เออ! ผู้หญิงเขาเข้ามาตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ใส่กางเกงยีนต์เก่า ๆ เสื้อแขนยาวสีกากี แขนเสื้อยาวมาก ขโมยพ่อมาใส่แน่เลย พอถามอีหนูมาทำอะไร ? พอถามเสร็จ อ้าว! ตายห่าตูปิดประตูอยู่เข้าเข้ามาได้อย่างไร เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าที่อยู่ตรงนั้น ที่เราไปทำความดีเขาโมทนาด้วย ระหว่างที่อยู่ที่นี่ถ้ามีอะไรข้องขัดให้เรียกหาเขาจะช่วย แล้วตลอดเวลาที่อยู่เขารับประกันเรื่องอันตรายจะไม่มี เราเองก็ เอ๊ะ! กูฝันไปหรือเปล่า พอทำวัตรเสร็จเห็นฟ้ายังไม่มืดดีก็ออกมาถามชาวบ้านเขา ถามว่าแถวนี้เจ้าที่เป็นผู้หญิงหรือ เขาบอกว่าใช่ มีศาลอยู่ทางด้านโน้น เขาชี้ทางให้ เราก็เดินไปดู เดินหาจนกระทั่งฟ้ามืดก็ต้องกลับ หาศาลไม่เจอ พอรุ่งเช้าก็ไปใหม่ปรากฏว่าศาลอยู่ตรงนั้นแหละ มีแต่รอยเราเดินเสียจนรอบศาลไปหมด มองศาลเขาไม่เห็นเอง เขาแน่จริงเหมือนกัน
      ถาม :  ถ้าเทวดาเขาเป็นมิจฉาทิฐิ เทวดาเขาจะทะเลาะกันไหม ?
      ตอบ :  เทวดา ถ้าหากว่ามีโทสะเกิดขึ้นเมื่อไร กายทิพย์จะโดนไฟโทสะเผาไปเลย เขาเรียกว่า โกรธาพลขัย – สิ้นอายุเพราะความโกรธ มีอาหารขัย – สิ้นอายุเพราะขาดอาหาร คืออาหารทิพย์เขาไม่มี อายุขัยครบอายุที่จะอยู่แล้ว อย่างเช่นว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีอายุ ๒๐๐ ปีทิพย์อย่างนี้ เพราะฉะนั้นลองโกรธดูสิ พอโกรธปุ๊บก็ติดปั๊บ เท่ากับติดไฟเผาตัวเอง ก็มีเหมือนกันทะเลากันแต่ทะเลาะกันแบบผู้ดี ๆ หน่อย ห้ามโกรธ
              สมัยพระนางโรหิณี พระนางโรหิณีพอสิ้นชีวิตขึ้นไปเกิดเป็นนางฟ้า คราวนี้กติกาของเทวดาถ้าเกิดบนตักเทวดาหรือนางฟ้าองค์ไหน ก็คือเทพบุตร เทพธิดา คือลูก ๆ ของเทวดาหรือนางฟ้าองค์นั้น ถ้าหากว่าเกิดอยู่ในวิมานก็คือของบาทบริจาริกาของเทวดาหรือนางฟ้าท่านนั้น ลักษณะนี้ไม่ใช่เมียมันเหมือนอย่างกับเป็นเครื่องประดับเกียรติอย่างหนึ่ง แล้วถ้าหากว่าเกิดอยู่ในขอบเขตบริวารของวิมานไหนก็เป็นบริวารของเจ้าของวิมานนั้น
              คราวนี้พระนางโรหิณีท่านงามมาก งามเป็นพิเศษ ขนาดเทวดายังเกิดกิเลสอยากได้ ถ้าหากว่าเกิดอยู่ในบริเวณที่รู้สึกว่ากึ่งกลางนี่ เขาจะวัดกันว่า ใกล้วิมานไหนก็เป็นของวิมานนั้น ปรากฏว่าพระนางโรหิณีท่านเกิดอยู่ตรงกลางเป๊ะเลย วัดทางด้านไหนสี่ทิศมันก็พอดีเท่ากัน เขาก็ยังมีกติกาอีกว่าหันหน้าไปทางวิมานไหนก็เป็นของวิมานนั้น เทวดาเขาก็โล้งเล้งกัน ต่างคนต่างต้องการ ปรากฏว่าแม่เจ้าประคุณพอเกิดแล้ว นั่งก้มหน้า จึงเดือดร้อนถึงพระอินทร์ต้องตัดสิน เอามานี่ตูจัดการเอง ต้องไปอยู่ไพชยนตวิมาน ทะเลาะกันเสียเวลา กติกาเขามีอยู่ ระเบียบราชการของเทวดาเขามีอยู่
              อย่างเช่น ท้าวจตุมหาราชก็เปรียบเหมือนผู้บัญชาการเหล่าทัพ ๔ เหล่า รองผู้บัญชาการจะมีเหล่าละ ๑,๐๐๐ ท่าน เขาเรียกอินทกะ เป็นเทวดาชั้นอินทกะ ถ้าหากว่าท่านท้าวจตุมหาราชพ้นตำแหน่ง หมดอายุไปท่านจะไปเกิดเป็นพรหมหรือเข้านิพพาน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วชั้นจตุมหาราชเขาเป็นผู้ทรงฌาน แต่บังเอิญว่าตอนตายมิได้เข้าฌาน เลยไปเกิดในชั้นจตุมหาราช พอครบอายุขัยแล้ว กำลังฌานจะส่งให้ไปเป็นพรหมชั้นที่ ๑ ฌานหนึ่งอย่างกลางก็พรหม ชั้นที่ ๒ ฌานหนึ่งอย่างละเอียดก็อยู่พรหมชั้นที่ ๓ หรือไม่ก็ตัดกิเลสเข้านิพพานไป เขาจะเลื่อนอินทกะที่เป็นรองทั้ง ๑,๐๐๐ ท่าน เลือกองค์ใดองค์หนึ่งที่เหมาะสมกับวาระนั้น เวลานั้นขึ้นมารับหน้าที่แทน แล้วจากนั้นอินทกะที่ว่างลงก็เลือกชั้นวชิระเลื่อนขึ้นมาแทน เขาจะเลื่อนขั้นมาเป็นชั้น ๆ ลักษณะอย่างนี้
              เพราะฉะนั้นระเบียบอะไรต่างๆ เขาจะรอบคอบรัดกุมมาก อย่างพระนางโรหิณีถือว่านอกเหตุเหนือผล อะไรทุกอย่างที่กำหนดเป็นระเบียบ อย่างของท่านบังเอิญประเภทที่ว่ามันใช้ไม่ได้ทั้งนั้น อยู่ในเขตวิมานไหนเป็นของวิมานนั้น แกก็อยู่ตรงกลางพอดีหันหน้าไปทางวิมานไหนเป็นของวิมานนั้น แกก็นั่งก้มหน้าเสียนี่
      ถาม :  น้องสาวจะออกรถใหม่
      ตอบ :  ออกรถใหม่ ถ้าหากว่าตามตำราหลวงพ่อท่านให้ออกวันพฤหัสบดี แล้วไปใช้วันอาทิตย์ หรือออกวันอาทิตย์แล้วไปใช้วันพฤหัสบดี จะสลับกันอยู่ ปกติแนะให้ออกวันพฤหัสบดีใช้วันอาทิตย์ เพราะว่าห่างไม่กี่วัน ถ้าออกวันอาทิตย์มาใช้วันพฤหัสบดีก็อีกตั้งห้าวัน สีไม่จำเป็น ชอบสีไหน เลือกไปเลย สำคัญตรงวัน
      ถาม :  เวลาไหนดีครับ ?
      ตอบ :  ได้ตั้งแต่สว่างเลย แต่เคยเจอเขาเปิดศูนย์เอารถออกตอนตีสาม ที่เป็นอย่างนั้นเพราะลูกค้าจะเอาอย่างนั้น ไม่ขายก็ไม่ได้ ปกติแล้วระยะเวลาของเรานี่ถือเอาตั้งแต่อรุณขึ้น ควรให้ฟ้าสว่างก่อนถึงนับวันใหม่ ไม่ใช่ให้เราไปถือเอาตำราสมัยใหม่ว่าหลังเที่ยงคืนเป็นวันใหม่ อันนั้นถ้าหากว่านับแล้วยังเป็นคืนวันพุธอยู่ ให้ได้อรุณเสียก่อน ถ้าอรุณรุ่งของพระจะนับเอาแสงเงินเขาไม่นับแสงทอง
              ครั้งแรกแสงเงินจะเกิดขั้นก่อนแล้วแสงทองจะตามมา รอแสงเงินอีกรอบหนึ่งจะเป็นอรุณที่สอง คือแสงเงินที่สองถึงนับเป็นวันใหม่เต็มที่ ต้องไปหัดสังเกตดู พอฟ้าเริ่มสว่างจะมีลักษณะสว่างขาวขึ้นมาก่อนเขาเรียกแสงเงิน เสร็จแล้วจะมีลักษณะเหมือนกับดวงอาทิตย์จะเริ่มขึ้น แสงทองจะสาดขึ้นมาก่อน แล้วหลังจากนั้นก็จะกลับเป็นแสงเงินอีกที คือจะสว่างขาวขึ้นมา อย่างนั้นเขาถึงนับเป็นอรุณ
              แต่ว่าทางพม่าเขากำหนดเป็นเวลาว่าแต่ละเดือน ๆ ไหนจะอรุณรุ่ง กี่โมง สบายดีเหมือนกัน ฝนตกแดดออกอะไรไม่ต้องไปคิดมัน ถึงเวลาใช้ได้เลย เพราะฉะนั้นมีบางเดือนที่เขาฉันข้าวกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ตีห้า เขาถือว่าได้อรุณแล้ว เวลาพม่านี่ช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง ฉันเพลทางฝั่งขละบุรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว วิ่งเข้าไปถึงพม่าเที่ยงของไทยยังฉันได้ต่ออีกครึ่งชั่วโมง ของเขาเพิ่งสิบเอ็ดโมงครึ่ง ถ้าอินเดียนี่ช้ากว่า ๒ ชั่วโมง นั่นแหละเอาตามนั้นแหละ
      ถาม :  ไม่เกิน ๖ โมงเย็นหรือครับ ?
      ตอบ :  ก็อย่าให้เกิน ๖ โมงเย็น เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน และอีกอย่างหนึ่งถ้าเกิน ๕ โมงเย็น เขาก็คงปิดศูนย์แล้ว
      ถาม :  เรื่องไข้หวัดนก ว่าเป็นโรคกรรมหรือคะ ?
      ตอบ :  โรคทุกอย่างเป็นกรรมทั้งนั้น เป็นเศษกรรมเสียด้วย เศษกรรมของปาณาติบาต ไข้หวัดมรณะนี่อาตมาเป็นมาเองก็รู้ว่าทรมานขนาดไหน แสดงว่าก่อนฆ่าเขาเราคงทรมานเขาไว้เยอะน่าดูเลย
      ถาม :  นับเป็นตัวใหม่ของทางการแพทย์
      ตอบ :  อาตมาหายมาแล้วจ้ะ ยารักษาปอดอักเสบ ปอดบวมควบกับหลอดลมอักเสบ แล้วก็กินยาแก้วหวัดด้วย ๑๒ วัน แล้วก็นอนหมอบไปอีก ๒ อาทิตย์กว่า ๆ รวม ๆ แล้วเกือบเดือน รู้ตัวเร็ว รู้ว่าเป็นอะไร ก็เลยสั่งยาหมอทัน บอกคนอื่นว่าเป็นไม่มีใครเชื่อหรอก ไข้หวัดบ้าอะไรกันเป็นเดือนกว่าจะหาย
      ถาม :  เป็นมานานแล้วหรือคะ ?
      ตอบ :  เป็นตั้งแต่เดือนที่แล้ว พอเราบอกว่าเป็นไม่มีใครเชื่อ ทีตอนนี้ต้องยอมสารภาพว่ามันระบาดไปทั่วแล้ว ก็อย่างว่า นักการเมืองเขารักษาฟอร์ม อย่างไรก็ปฏิเสธไว้ก่อน
      ถาม :  อยากจะถามเรื่องน้องสาว เขามีโรคประจำตัว ไม่ทราบว่าจะรักษาหายไหมคะ ?
      ตอบ :  ทำไมไม่หาหมอล่ะจ้ะ อันนี้พระจ้ะ พระ เป็นอะไรจ้ะ
      ถาม :  สะเก็ดเงิน
      ตอบ :  สะเก็ดเงิน เดี๋ยว! จะทำอย่างไรดี เอาอย่างนี้สิ เคยมีเหมือนกัน ไม่ทราบว่าจะได้ผลไหม เขาให้ใช้น้ำในรอยพระพุทธบาท ลองเอามาอาบ เอามาล้างดู
      ถาม :  หาได้ที่ไหนคะ ?
      ตอบ :  ที่ ๆ มีรอยพระพุทธบาท
      ถาม :  สระบุรีหรือคะ ?
      ตอบ :  เขาจะยอมให้ไปล้างหรือเปล่า คือว่าถ้าไม่ล้างเราก็ต้องเอาน้ำไปล้าง แล้วก็เอาน้ำนั้นมา
      ถาม :  ต้องเป็นรอยพระพุทธบาทหรือครับ ?
      ตอบ :  จ้ะ อธิษฐานขอให้หาย เผื่อฟลุก
              อาตมาเคยไปเจออยู่รอยหนึ่ง แต่คราวนี้ถ้าตามบาลีเขาว่า สุวัณณมาลิเก สุวัณณปัพพเต โยนกัปปุเร นัมมาทายะนทิยา รอยที่ ไปเจอน่าจะเป็นที่โยนกนครตามที่เขาว่าเพราะว่าจุดที่เจอนั้นเป็นรอย ต่อระหว่างสุโขทัยกับลำปาง เป็นถ้ำ ใหญ่แห่งหนึ่งที่สมัยพระเจ้าพรหม มหาราชท่านไปซ่องสุมกำลังพลเพื่อจะกู้ชาติจากขอมดำ เพราะฉะนั้น โยนกเชียงแสนนี่ถือเป็นเขตเดียว โยนกัปปุเรนี่น่าจะเป็นเขตเมือง โยนก ตรงจุดนั้นน่าจะใช่ แต่ว่าปัจจุบันนี้มันอยู่กลางป่าดงดิบ แล้วเป็น รอยที่แปลกมากดูด้วยสายตาใหญ่กว่าเท้าเรานิดเดียว แต่ลองวัดดู ๒ ศอก กับอีกคืบหนึ่ง
      ถาม :  เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นรอยพระพุทธเจ้า หรือเป็นรอยของพระ ภิกษุ อ่านในหนังสือเห็นครูบาชัยวงศาพัฒนาท่านก็เหยียบไว้เหมือน กัน แยกออกได้อย่างไรคะ?
      ตอบ :  ก็พระพุทธเจ้าท่านสูง ๘ ศอก สูง ๘ ศอก สมัยนั้นก็ถือเสียว่า ประมาณ ๔ วา สมัยนี้มีสูตรการคำนวณรอยเท้าเพื่อหาความสูงของเจ้า ของรอย ฝรั่งเขาคิดสูตรไว้เขาว่า ๘ เท่า ของรอยเท้าคือความสูง คราวนี้เรามาดู ๆ ว่ารอยเท้าพระพุทธเจ้าปกติแล้วก็จะอยู่ราว ๆ ๑ เมตร แสดงว่าความสูงท่านประมาณ ๘ เมตร เพราะฉะนั้นถ้า ใหญ่เล็กไปกว่า นั้นก็คิดไว้ก่อนว่าเป็นของคนอื่น
      ถาม :  หลวงพ่อครับ โรคที่เขาเป็นอยู่ สวดมนต์ นั่งสมาธิ จะช่วยได้ เยอะไหมครับ ?
      ตอบ :  มันคนละเรื่องกันจ้ะ โรคจริง ๆ มันต้องรักษา เท่าที่ผ่านมาในอดีต ส่วนใหญ่พวกโรคกลากเกลื้อน โรคผิวหนัง ตามที่เคยอ่านเจอคือ เขาไป พบพระพุทธบาทแล้วเอาน้ำในรอยนั้นมาอาบส่วนใหญ่จะหายจ้ะ อย่าง นั้นเราลองดูก็แล้วกัน ถ้าหากว่าประเภทกรรมไม่บังหนักนักก็น่าจะเบา ลงหรือหายได้ ฟังแล้วมีกำลังใจมาหน่อย อันนี้ไม่ได้รับรองผล ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
              อย่างรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีนี่สมัยก่อนพรานบุญใช่ไหม เขาล่าสัตว์แล้วยิงกวางด้วยธนู มันหนีไปก็เลยตามไปเรื่อย ไปเห็นมันกิน น้ำในรอยพระพุทธบาท แล้วลูกศรหลุดออกมาหายจากบาดแผล ตัวแก เองก็เป็นเกลื้อนเป็นกลากอยู่ ก็ประเภทคนทำงานทั้งวันเหงื่อท่วมตัว มัน ก็เป็นบ้าง แกก็เลยวักน้ำลองอาบ ลองลูบตัวดู ปรากฏว่ามันหายหมด เพราะฉะนั้นเราก็ลองดูบ้าง ถ้าเป็นพระเขาห้ามบวช โรคประเภทนี้ กุฏฐัง คัณโฑ กิลาโส โสโส อะปะมาโร "กุฏฐัง" คือโรคเรื้อน "คัณโฑ กิลาโส" คือ กลากเกลื้อน โรคผิวหนัง จริง ๆ แล้วก็น่าจะบวชได้ แต่ว่า ที่บวชเข้าไปเขาบวชเพราะไม่ได้ศรัทธา เขาบวชเพราะว่าหมอชีวก โกมารภัจจ์ปวารณารักษาพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ หมอท่านเก่งรักษา ใครก็หาย มัวแต่รักษาพระอยู่ไม่มีเวลารักษาชาวบ้าน ชาวบ้านก็เลยต้อง บวชเข้ามาให้ท่านรักษา เสร็จแล้วท่านก็รักษาจนเซ็ง ก็เลยขอพระพุทธ เจ้าว่า ต่อไปนี้พวกป่วยโรคประเภทนี้อย่าให้บวชเลย ก็เลยมีการถาม อนันตริยกรรม กุฏฐัง คัณโฑ กิลาโส โสโส อะปะมาโร แต่ละอย่างเป็น โรคอะไรกันบ้าง พอท้าย ๆ เป็นลมชัก ลมบ้าหมู
              งานการทุกอย่างมันต้องมีอุปสรรค เพื่อเป็นการทดสอบกำลังใจ โบราณเขาว่าช่วยสร้างบารมี ตั้งหน้าตั้งตาว่าจะพัฒนาวัดถ้ำทะลุให้ขึ้น มาเป็นวัดให้ถูกต้องตามระเบียบของมหาเถรสมาคมและพระราชบัญญัติ สงฆ์ ปรากฏว่าตอนนี้พระกับฆราวาสเขามีปัญหากันโยมเขาไปทำไม้ ในวัดและรับสตางค์ไปแล้ว ถ้าตำรวจไปจับก็คือพระทำละสิเพราะมัน อยู่ในวัดนี่ ก็เลยว่าจะงด ตอนแรกว่าจะรีบสร้างศาลาให้เขา พอเกิดเหตุ ขึ้นมาก็เลยต้องระงับเอาไว้ก่อน รอให้ทุกอย่างมันลงตัว
      ถาม :  โดนทดสอบหนักเลยตอนนี้
      ตอบ :  คือทุกอย่างต้องมี ของอาตมาอยู่ ๆ ก็มีคนมาคอยเลาะหน้าแข้ง ก็คงจะเกิดจากพวกเรานี่แหละ คือบางทีเราประเภทชื่นชมขึ้นมาเราก็ไป พูดถึงแต่ในด้านดี ๆ คนฟังถ้าเชื่อก็เชื่อไป คนไม่เชื่อก็อยากจะลอง คราว นี้วิธีลองของเขาถึงตายทุกวิธีเลย เขาใช้คำพูดว่าถ้าเป็นพระดีจริงต้องไม่ ตาย แปลกว่ะ ! ตั้งแต่พระพุทธเจ้า พระอัครสาวก พระอรหันต์ ท่านก็ มรณภาพกันเป็นแถว เขาเล่นใช้คำพูดว่า เป็นพระดีจริงต้องไม่ตาย ไอ้รู้ น่ะรู้ ๆ ว่าเขาทำ แต่คราวนี้ว่าเขาจะรอดไหมนี่มันอีกเรื่องหนึ่ง แหม ! เล่นใช้คำว่า ถ้าดีจริงต้องไม่ตาย น่าสงสารเขาอยู่อย่างเดียวแหละ เขาทำ เท่าไรก็รับเท่านั้นแหละ
              เดินทางไปงานฉลองวัดหนองบัว ถนนแย่ ออกจากวัดวันที่ ๔ ค้าง ๒ คืน ไปถึง โน่น วันที่ ๖ ระยะทางแค่ ๑๐๐ กว่ากิโลเมตร อย่างไร บ้านเรา ๑๐๐ กว่ากิโลเมตรก็แค่ชั่วโมงเดียว แต่ที่โน่น ๓ วันกับ ๒ คืน วันที่ ๓ ไปถึงที่โน่นประมาณสัก ๔ โมงกว่าเกือบ ๕ โมงเย็น ถ้า อาตมาเดินเองถึงก่อนนะระยะทางแค่นั้นน่ะ เพราะรู้ทุ่งใหญ่ ๙๓ กิโล เมตร เคยเดินวันเดียวถึงประมาณ ๑๒ ชั่วโมง เพราะว่าพาท่านแสงเดิน ตอนนั้นยังไม่ได้บวช เขาว่าหลวงพี่เดินอย่างไรวันเดียวถึง ก็บอกเขาว่า เดี๋ยวจะพาเดิน ออกตี ๓ ถึง บ่าย ๓ โมง รวม ๑๒ ชั่วโมงเป๊ะเลย ๙๓ กิโลเมตร แล้วก็ทำเวลาเฉลี่ย ๘ กิโลเมตรต่อชั่วโมงห้ามหยุดหายใจนะ เสียเวลา คุณแสงเขาไปถึงขาหวิดเป็นเลข ๘ ร่วงตึง ไม่ลุกเลย น้ำก็ไม่ อาบ ข้าวก็ไม่กิน แล้วก็บ่น ก็ยังดีของคุณกินได้ ๓ มื้อ ของพระฉัน ได้มื้อเดียว เพราะฉะนั้นแค่ ๑๐๐ กว่ากิโลเมตร ของเราเดินเองยังไง ๆ ก็ไม่เกินวันครึ่ง ปรากฏว่านั่งรถใช้เวลา ๓ วันกับ ๒ คืน เสียเวลาไปขุด ไปเข็นมันเสียเยอะ ทางนี้หน้าแล้งจะเป็นฝุ่นหนาเป็นคืบ ๆ พอฝนลงมา ปุ๊บก็กลายเป็นปลักโคลนไปตลอดทางเลย แต่ว่างานฉลองในครั้งนี้ได้รับ ความร่วมมือดีมาก เพราะว่าคนทางด้านโน้นที่มาทำงานเมืองไทยกลับ ไปหมดเลย โดยเฉพาะชุดใหญ่ที่เขาอยู่ตามบ่อกุ้ง ตามเล้าไก่ที่เขาเลี้ยง โรงงานทำขนม โรงงานหล่อพระ เขาจะอยู่กัน เป็นจุด ๆ ไปกันหมด จน เถ้าแก่เขาสงสัยเลยตามไปดูด้วย เขาลากันจนเกลี้ยงไม่มีลูกน้องเหลือ เลย ไหน ๆ ลูกน้องไม่อยู่ก็เลยปิดร้านตามไปดูด้วย รูปอยู่ข้างหลังนั่น แหละ อยู่ในอัลบั้ม ตอนที่กำลังเริ่มพิธีที่จะถวายถาวรวัตถุไว้ในพระ ศาสนา มีมือดีแอบตีหัว เขานิมนต์พระมา ๘๒ วัด ก็อนุญาตให้มา ได้วัดละ ๒ รูป เจ้าอาวาสจะพาพระติดตามได้รูปหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะเหน็บมาหมดวัด คือเขาถือว่าไปกินไปนอนฟรีอยู่แล้ว กำลังจะเริ่มพิธี ถวายทาน เรานั่งเก้าอี้อยู่ ญาติโยมเขานั่งพื้น พอหย่อนตัวลงนั่งมัน เหมือนกับฟ้าผ่าลงบนหัว ขาดสติไปสักครึ่งวินาทีได้ คือมัวแต่นึกอยู่ว่ามัน เกิดอะไรขึ้น พอตั้งสติได้เราก็จับภาพพระของเราต่อ คือไปอยู่ในลักษณะ อย่างนั้นมันเด่นเกินไป อันที่จริงคนก็อยากเห็นเราดี แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกที เขาหมั่นไส้ "จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเรา เด่นเกิน" เขาอยากรู้ว่าอาจารย์ใหญ่ที่ไปช่วยสร้างวัดสร้างวาได้ขนาด นั้นน่ะเก่งจริงหรือเปล่า ? เขาก็เลยลอง ตอนแรกนึกว่าอเมริกาบอมบ์ อิรักแล้วผิดมาลงที่เรา มันรู้สึกยังกับฟ้าผ่าลงกลางหัวจริง ๆ ขาดสติไป เลย ขาดไปสักครึ่งวินาที เกิดอะไรขึ้นกับเรา แปลกใจ พอตั้งลำได้จับ ภาพพระต่อ ถ้าตอนนั้นเป็นอะไรไปก็เรียบร้อยเลย ได้คุยกับลุงแหง ๆ เพราะว่าถ้าตายตอนขาดสตินี่จะต้องผ่านตำหนักพระยายม ที่หลวงพ่อ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่า โยมตายแล้วไปผ่านตำหนักพระยายม บอกว่า กำลังภาวนาเพลิน ๆ เสียงใครทุบข้างฝา "ปัง" สะดุ้งเลยจิตหลุดจากการ ภาวนา สติมันขาดแค่นั้นเองแหละเขาพาไปเลย ของเราเองตรงนั้นดีที่ ไม่ตาย ถ้าตายก็คงได้ไปนั่งตรงหน้าลุงเรียบร้อย ป่านนี้ตัดสินแล้ว