สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนเมษายน ๒๕๔๖(ต่อ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

      ถาม:  ..................................
      ตอบ :  สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา คือรักษาสภาพจิตใจให้แจ่มใสไว้ ถ้าหากว่าสภาพจิตใจไม่ผ่องใส กิเลสต่าง ๆ จะเข้ามาง่าย แล้วเราจะขาดสติ เพราะฉะนั้น...สภาพร่างกายจะเป็นอย่างไร ? ช่างมันเถอะ เจอไข้หวัดมรณะไป ๓ อาทิตย์กว่านี่อิ่มเลย?
      ถาม :  ตัวเดียวกันเลยหรือคะ ?
      ตอบ :  ตัวเดียวกันเลย เพราะว่ามีอาการปอดอักเสบ และหลอดลมอักเสบพร้อมกันไปด้วย คนเราถ้าหากว่าไม่ได้ทำกรรมไว้ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ของเรานี่แสดงว่าเฮงมากเลย อะไรใหม่ ๆ รับเละ...! เกเรไว้เยอะก็ต้องโดนมากหน่อย เห็นลักษณะเหมือนกับมีการแพร่เชื้อ แต่คราวนี้เป็นอาการที่เทวดาท่านทำให้ดู เขาทำลักษณะเหมือนอย่างกับพระพรมน้ำมนต์ ตอนแรกก็สงสัยว่าเทวดาเขาไปแพร่เชื้อหรืออย่างไร ? เขาบอกว่า “เขาแสดงให้ดูว่า ขอบเขตที่มันระบาดอยู่ตรงจุดไหนบ้าง ?” เรื่องอย่างนี้แสดงว่าพวกผี พวกเทวดา ท่านรู้เห็นเป็นปกติอยู่แล้ว
      ถาม :  เวลาอ่านหนังสือของหลวงพ่อ ท่านพูดถึงของบางอย่างที่ท่านทำไว้เพื่อป้องกันโรคระบาดได้ด้วย และกล่าวถึงว่า “ถ้าเกิดโรคระบาดให้ใส่บาตรถวายท้าวมหาชมพู” ท้าวมหาชมพูมีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ ?
      ตอบ :  ท้าวมหาชมพู พระร่วงเป็นต้นตระกูลอยู่แล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้ที่ว่าให้ใส่บาตร ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกให้ใส่ข้าวต้มลูกโยนใช่ไหม ??
      ถาม :  จำไม่ได้เหมือนกันครับ จำได้ที่อ่านเจอให้ใส่บาตรถวายท้าวมหาชมพู
      ตอบ :  อันนั้นน่ะทราบอยู่ แต่ถ้าหากว่าใส่เป็นข้าวต้มลูกโยน อันนั้นจะป้องกันอหิวาตกโรค โบราณเรียก “โรคห่า” แต่ว่าลองใส่บาตรปกติทั่ว ๆ ไปดูก็ได้
      ถาม :  อาทิตย์ที่แล้วไปที่วัดท่าซุง ไปเห็นสมเด็จองค์ปฐมที่องค์หล่อองค์เล็ก ๆ ทางวัดให้บูชาองค์ละ ๔๐๐ บาท องค์นั้นสร้างตามคำสั่งหลวงพ่อหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  ไม่ทราบเหมือนกัน ยังไม่ทราบเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ? ไม่ได้ไปวัดมาเกือบปีเต็ม ๆ แล้ว เลยไม่ทราบว่าเขามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ?
      ถาม :  ตั้งแต่หลวงพ่อสิ้น ตอนปีสุดท้ายที่หลวงพ่อยังอยู่ ทางโรงงานเอามาไว้ที่วัดแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าพิธี หลวงพ่อสิ้นก่อน
      ตอบ :  จ้ะ
      ถาม :  .............................
      ตอบ :  คือว่าบางครั้งเขาอ่านประวัติหลาย ๆ ส่วนแล้วก็จับมาปน ที่หลวงปู่ปานเรียนจากครูผึ้ง คือคาถาปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ ที่เป็นพื้นฐานของคาถาเงินล้านในปัจจุบัน ส่วนตำราการสร้างพระสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ปาน ท่านเรียนจากตำราพระร่วง ตำราพระร่วงนี่ได้มาจากเมืองสวรรคโลก ปัจจุบันอยู่กับในหลวง ไม่ทราบว่าในหลวงเก็บไปหรือยัง ? บรรจุไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่ว่าหลวงพ่อถวายในหลวงไปตั้งแต่ปี ๒๕๒๐
              ตอนนั้นถ้าหากว่าใครร่วมอยู่ในงาน ก็จะเห็นว่าหลวงพ่อท่านถวายกล่องอะไรยาว ๆ ใบหนึ่ง กล่องนั้นแหละที่ใส่ใบลาน เป็นตำราพระร่วง ตำราช่วงหลวงปู่ปานมรณภาพ ไปตกอยู่กับอาจารย์แจง ที่สวรรคโลก เพราะท่านยืมไป อาจารย์แจงท่านก็ได้อภิญญา ก็ยืมไปเพื่อจะสร้างวัตถุมงคล แล้วหลวงพ่อก็ตามไปเอาคืน ปรากฏว่าอาจารย์แจงก็ตายเสียอีก แต่ว่าก่อนตายก็ได้สั่งทางบ้านไว้ว่า “ถ้าหากว่าใครมาขอตำรา ให้ไปรำดาบ ถ้ามีฟ้าผ่าถึงจะให้ไปได้” เพราะถือว่าเป็นเชื้อสายเดียวกัน เสร็จแล้ว หลวงพ่อบอกว่า “เป็นพระเป็นเจ้าจะไปรำดาบอีท่าไหน...!” เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน จะถือดาบไปยืนนอกชาน ถ้าหากว่ายืนอยู่สัก ๕ นาทีแล้วฟ้าผ่าก็เป็นอันว่าเอาตำรามา แต่ถ้าหากว่าฟ้าไม่ผ่า ก็ไม่ขอรับตำราไป ทั้งที่เขารู้ว่าหลวงพ่อเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ปาน แต่ว่าอาจารย์แจงท่านสั่งเอาไว้อย่างนั้น ท่านบอกว่า “ถือดาบออกไป เดินไม่ทันจะพ้นนอกชานฟ้าผ่าเสียหูอื้อเลย” ก็เลยเอาตำรามา ยันต์เกราะเพชร กับธงมหาพิชัยสงคราม ก็มาจากตำราพระร่วงนั่นแหละ
              แต่ว่าหลวงพ่อท่านถือว่าเป็นเชื้อสายองค์สุดท้าย เพราะว่าท่านไม่มีลูก ในเมื่อไม่มีลูกเชื้อสายขาดลง ถามท้าวมหาชมพูที่เป็นเจ้าของตำราว่า “ถ้าคนอื่นเอาไปทำล่ะ ?” ท่านบอกว่า “ถ้าคนอื่นเอาไปทำ เก่งขนาดไหนก็ได้ไม่ถึง ๕ เปอร์เซ็นต์” เพราะฉะนั้น...จำเป็นอยู่ว่า ถ้าใครจะเอาตำราพระร่วงไปใช้ ต้องเป็นเชื้อสายเดียวกัน หลวงพ่อท่านเห็นว่า “ในเมื่อไม่มีคนสืบต่อจริง ๆ ท่านเลยถวายในหลวง เป็นของมงคลคู่แผ่นดินไป”
      ถาม :  นอกจากยันต์เกราะเพชร กับธงมหาพิชัยสงครามแล้ว มีอย่างอื่นอีกไหมครับ ที่สร้างมาตามตำรา ?
      ตอบ :  มีแบบยันต์อยู่หลายอย่างของหลวงพ่อ เคยรวบรวมเอาไว้เหมือนกัน แต่ว่าไม่แน่ใจว่ามาจากตำรานั้นไหม ? มีเยอะ แต่มีพวกธงท่านปู่พระอินทร์ ธงท้าวเวสสุวรรณ จะมีประเภทป้องกันภัย ป้องกันโรคระบาดมี
      ถาม :  พระเครื่องต่าง ๆ ที่หลวงพ่อ หลวงปู่ปานท่านสร้างล่ะครับ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าพระเครื่องตามตำรานั้น จะมีที่หลวงปู่ปานท่านสร้างเป็นพระที่ขี่สัตว์ ๖ ชนิด แต่ว่ามาของหลวงพ่อ กราบเรียนถามท่านว่า “ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นบ้าง ?” ท่านบอกว่า “ข้าไม่วัดรอยเท้าครูบาอาจารย์หรอก” แต่ว่าเรื่องผงวิเศษที่ท่านทำ ท่านบรรจุไว้ในพระคำข้าวรุ่นพิเศษ ที่ข้างหลังมีรอยอุดอยู่หน่อยหนึ่ง ลักษณะเดียวกัน อันนั้นจะทำยาก เพราะว่าถ้าหากว่าใครจะสร้างพระลักษณะนั้นตามตำรา เขาว่า “ให้เสกผ้าขาวเป็นสัตว์ชนิดนั้น ๆ ก่อน”
              อย่างเช่นว่า เสกผ้าขาวพอโยนไปกลายเป็น “ครุฑ” พญาครุฑท่านจะกางปีก แล้วก็มีอักขระคาถาอยู่ที่ปีก ให้ลอกมา แล้วก็เอามาเขียนลบผงเพื่อทำ ถ้าเสกเป็น “หนุมาน” หนุมานก็จะแบมือ มีอักขระอยู่อย่างนี้ เสกเป็นนก เสกเป็นเม่น เสกเป็นไก่ลักษณะนั้น แล้วช่วงที่ลบผลวิเศษเพื่อจะเอาบรรจุพระนี่ต้องกักตัวเองอยู่ในโบสถ์ ๑๕ วัน ฉันได้แต่น้ำสะอาดอย่างเดียว ก็เท่ากับบังคับให้เข้านิโรธสมาบัตินั่นแหละ
      ถาม :  แล้วพระที่ทรงสัตว์ ลักษณะแต่ละชนิด มีอานุภาพต่างกันไหมครับ ?
      ตอบ :  ตามที่ท่านเคยบอกไว้ คือว่าพระที่ทรงครุฑเป็นมหาอำนาจ ติดตัวไปไหนมาไหน ปลอดภัย ถ้าหากว่าทรงหนุมานเป็นพาหนะ อันนั้นท่านบอกว่า “เป็นพระหมอ สำหรับรักษาโรค ทำน้ำมนต์รักษาโรค” ถ้าหากว่าเป็นพระทรงเม่น เอาไว้สำหรับเดินทางในป่า จะได้ปลอดภัย เพราะสมัยก่อน ป่าดงยังเยอะอยู่ แล้วถ้าหากว่าทรงไก่ ก็ใช้ในทางเมตตามหานิยม ไปไหนมีแต่คนรักใคร่ ถ้าหากว่าทรงปลา เขาเอาไว้ค้าขายทางน้ำ สมัยก่อนเขาค้าขายทางเรือกันเป็นปกติ ถ้าหากว่าทรงนกกระจาบ เอาไว้สำหรับพวกทำไร่ทำนา แต่ว่าหลวงปู่ปานตอนที่ท่านทำ ท่านเอาผงทุกชนิดมาคลุกรวมกัน เพราะฉะนั้น...พระจะทรงอะไร ? ก็มีอานุภาพครบทั้ง ๖ อย่าง
      ถาม :  หลวงพ่อเคยแสดงไว้เกี่ยวกับเรื่องโรคระบาด ท่านบอกว่า “เจ้าหน้าที่ชุดแดง ใส่ชุดเขียวเกี่ยวกับโรคระบาดในสัตว์” ไม่ทราบเจ้าหน้าที่เหล่านี้คือใคร ที่มีหน้าที่นี้ ?
      ตอบ :  ส่วนใหญ่จะเป็นเทวดาขั้นจตุมหาราช ก็ที่เห็นเขาไปทำลักษณะเหมือนกับแพร่เชื้อนี่ เป็นพวกชุดแดง ก็ยังสงสัย เอ๊ะ...! เทวดาแกล้งคนหรืออย่างไร ? เขาบอกว่า “ไม่ใช่ เขาทำให้ดู” เขารับผิดชอบเกี่ยวกับงานนั้น ๆ หมายความว่า “ถ้าหากว่ามีคนตาย เพราะโรคนั้น ๆ ท่านทั้งหลายเหล่านั้น รับผิดชอบ ชนิดที่เรียกว่า “อาจจะต้องนำพาไปตำหนักพระยายม” เพราะฉะนั้น...ในพื้นที่นั้น ๆ ถ้าหากว่าใครไม่ได้สร้างกรรมนั้นเอาไว้ อย่างไรก็ไม่เป็น?
      ถาม :  โรคระบาดที่เกิด ถ้าตั้งใจอธิษฐาน ตอนเช้าก็ระลึกถึงพระ จะเป็นการป้องกันได้ไหมครับ ?
      ตอบ :  ก็ต้องดูว่ากำลังของเราพอไหม ? แต่ว่าพระที่หลวงพ่อท่านทำเอาไว้สำหรับป้องกันโรคมีอยู่แล้วอย่างสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมาก
      ถาม :  ความกลัวทุกอย่าง มารวมกันที่ความกลัวตายทั้งหมด ?
      ตอบ :  จริง ๆ สมัยก่อนพิจารณาอยู่เป็นปี ๆ เลย ที่เรากลัวจริง ๆ กลัวอะไร ? กลัวงู งูกัดเราแล้วตาย กลัวเสือ เสือกัดเราแล้วตาย กลัวผี ผีจะมาบีบคอเราแล้วตาย สรุปแล้วลงตรงตายหมด โอ้โฮ...ตามดูอยู่เป็นปี กว่าจะเข้าใจว่าทั้งหมดที่กลัว อยู่ที่กลัวตาย ถ้าเราไม่กลัวตายแล้วอะไร ๆ ก็ทำได้ วันก่อนไปไหว้พระที่วัดพระแก้ว เห็นนักท่องเที่ยวใส่หน้ากากกันทุกคนเลย เล่นเอาไกด์เกิดวิตกจริต (หัวเราะ) ไกด์เขาก็วิ่งไปถามทหารที่ยืนเฝ้าว่า “แล้วเขาต้องใส่หน้ากากด้วยหรือไม่ ?” (หัวเราะ) ทหารก็เลยบอกว่า “ถ้าคุณกลัวก็ใส่ ถ้าคุณไม่กลัวก็ไม่ต้อง” (หัวเราะ) เห็นลูกค้าใส่หมดทุกคน เล่นเอาไกด์เซ่อรับประทานไปเลย
      ถาม :  ที่วัดตอนนี้ร้อนไหมครับ ?
      ตอบ :  ร้อนไหม ? ช่วงตอนที่ออกมากำลังหนาว อยู่ ๆ มีฝนตกติดต่อกันมาอาทิตย์หนึ่ง แล้ววันที่ออกมีหมอกมืดมาตลอดทางเลย คืออากาศเย็นเริ่มไหลเขาไป แล้วชนกันก็เลยกลายเป็นหมอก ก็ยังไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่ ? แต่ว่าตอนช่วงฝนอยู่ ก็ราว ๆ ๑๘-๑๙ องศา ถ้าหากว่าไม่มีฝน ความชื้นหมดจะหนาวกว่านั้น ก่อนฝนตกอยู่ที่ ๑๖ องศา ฝนมาขึ้นไปเป็น ๑๙ องศา
      ถาม :  เมื่อเช้าดูข่าว ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีการเปลี่ยนแปลง มีฝนตกด้วย
      ตอบ :  ถ้าหากว่าอากาศหนาวนี่ เป็นความกดอากาศสูง ส่วนใหญ่ก็มาจากทางประเทศจีน ความกดอากาศสูงความเย็นจะมา พอดันลงมากระทบกับอากาศร้อนเข้า น้ำกลั่นตัวเป็นเมฆ ฝนก็ตก คราวนี้บางครั้งก็กลั่นตัวเป็นหมอก
      ถาม :  ...................................
      ตอบ :  จำไว้ว่า “เรียนที่เราชอบ ไม่จำเป็นต้องไปเห่อตามใคร ไม่จำเป็นต้องไปเลือกคณะที่โก้ ๆ เพราะเท่าที่เจอมา แต่ละคนที่จบมา ไม่ค่อยได้ทำงานตรงกับสาขาวิชาหรอก เพราะฉะนั้น...เรียนที่เราชอบ เราจะเรียนอย่างมีความสุข ถ้าที่ไม่ชอบเราแย่ไปเลย” คะแนนไม่ดี ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกัน สหรัฐเคยทดลองโครงการ “ไอน์สไตน์น้อย” จะรวบรวมพวกเด็กเรียนเก่ง ๆ ที่ไอคิวตั้งแต่ ๑๑๐ ขึ้นไปมารวมกันอยู่ เจ๊งไม่เป็นท่าเลย คนเก่งไม่ยอมรับคนอื่น อยู่รวมกับเขายาก แล้วเขาก็ทำการวิจัยใหม่ ถึงได้พบอีกตัวหนึ่ง เขาเรียก “อีคิว” ไอคิว (Intelligence Quotient) เป็นแค่ส่วนความจำ อีคิว (Emotion Quotient) แปลว่า “วุฒิภาวะทางอารมณ์ การรู้จักควบคุม” การรู้จักควบคุมตัวเองในระหว่างอยู่ร่วมกับคนอื่นเขา ทำอย่างไรจะปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้ได้ดี ? เหมือนอย่างกับคนเข้าสังคมเป็น เพราะฉะนั้น...ถ้าคนเข้าสังคมเป็น ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งหรอก ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ง่ายมากเลย เคยเจอคนเก่งคนหนึ่ง ได้ปริญญา ๗-๘ ใบ แต่ยังไม่กล้าทำงาน
      ถาม :  .............................
      ตอบ :  ถ้าฆราวาสเป็นอรหันต์ จะอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน ในวิสุทธิมรรคท่านเขียนไว้อย่างนั้น แต่ตามที่หลวงพ่อท่านสังเกตมา ปรากฏว่า “ถ้าได้กลางวัน ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตก ถ้าได้กลางคืน ไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น” ลักษณะของการตาย ส่วนใหญ่จะตายด้วยอุบัติเหตุที่หาคนผิดไม่ได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นโทษกับคนอื่น พระองค์เจ้าวิภาวดี ท่านเสด็จไปกับเฮลิคอปเตอร์ เพื่อรับ ต.ช.ด.ที่บาดเจ็บ แล้วโดนผู้ก่อการร้ายยิงขึ้นมากระสุนกระทบพนักเก้าอี้แล้วแฉลบ โดนท่านทางด้านหลังทะลุขึ้นข้างบน
              คราวนี้ท่านก็ยังมีสติ บอกเขาว่า “โดนยิง” นักบินก็รีบนำเฮลิคอปเตอร์ลง ท่านบอกว่า “ให้ฝากทูลลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับสมเด็จพระบรมราชินีนาถด้วย” แล้วท่านก็บอกว่า “สว่างแล้ว ท่านเห็นนิพพานแล้ว ท่านมีความสุขมาก ขอลาทุก ๆ คน” ท่านบอกชัดเลยก่อนจะทิวงคต เพราะว่าช่วงที่ก่อนพระองค์ท่านจะทิวงคตสัก ๒ ปี อยู่ ๆ ท่านก็อยากรักษาศีล ๘ ศีล ๘ นี่เป็นกำลังของพระอนาคามี ถ้ากำลังไม่ถึงรักษายาก อยู่ ๆ ก็อยากรักษาศีล ๘ ถึงเวลาหลังเที่ยง ก็ไม่หิวอาหารอะไรขึ้นมาเฉย ๆ ท่านก็รักษาในสภาพนั้นอยู่ระยะหนึ่ง แล้ววันนั้นก็คาดว่า “เป็นวันที่ท่านทำจิตเข้าถึงพอดี แล้วก็ยังออกปฏิบัติงานอยู่ ก็เลยไป” ลักษณะนั้นหาคนผิดไม่ได้นี่ อาวุธยิงมาจากป่าข้างล่าง ไม่รู้ใครเป็นใคร
      ถาม :  ท่านเก่ง เป็นนักเขียนด้วย
      ตอบ :  เขียนหนังสือสนุกมากเลย
      ถาม :  ชอบหนังสือท่านอยู่ ๒ เล่ม
      ตอบ :  ชอบอะไรบ้าง ? เขาเอามาสร้างเป็นหนังหลายเรื่อง อย่างพวก รัตนาวดี รัตนาวดีรู้สึกท่านเขียนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม มัธยมเขียนหนังสือคนอ่านทั้งประเทศแล้วนะ
      ถาม :  เป็นหนังสือนอกเวลาให้เด็กเรียนด้วย
      ตอบ :  ของเราชอบพวกนิคกับพิม เรื่องของหมา ๒ ตัว เขียนจดหมายถึงกัน จริง ๆ แล้วเป็นเจ้านายของหมานั่นแหละที่เขียน (หัวเราะ) หมา ๒ ตัวเขียนจดหมายถึงกันได้ เจ้านายคิดกันแล้วปากแข็ง ก็เลยเขียนจดหมายจ่าหน้าไป ไอ้หมาตัวนี้เขียนถึงอีกตัวหนึ่ง ไอ้หมาตัวนั้นก็เขียนตอบมา ความจริงเจ้านายเขียน (หัวเราะ) อ่านแล้วขำก็ขำ อ่านให้เยอะ ๆ เลย
              เด็กสมัยนี้ขาดจินตนาการไปเยอะ ขาดเพราะว่าพวกหนัง พวกวีดีโอ เกมส์ มาในลักษณะสำเร็จรูปมา ไม่เหมือนหนังสือเวลาอ่านแล้วเราคิดตาม ฉะนั้น...เด็กสมัยนี้ขาดจินตนาการไปเยอะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ทุกอย่างที่อ่านไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น หนังสือแต่ละเล่ม คนเขียนกว่าจะเขียนได้นี่เป็นเดือนเป็นปี แล้วใช้จากประสบการณ์ชั่วชีวิตของเขา ถ้าสมมุตว่าคนเขียนอายุ ๔๐ ปี ก็คือประสบการณ์ทั้ง ๔๐ ปีของเขาจะอยู่ในหนังสือเล่มนี้ แต่เราใช้เวลาอ่านแค่แป๊บเดียว เรารู้เท่าที่เขารู้มา ๔๐ ปี คิดดูว่าประโยชน์มหาศาลขนาดไหน ?
              วันก่อนหนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์ เขามีคอลัมภ์อันหนึ่งที่มีแบบทดสอบ ๑๐๐ ข้อ เขาทดสอบว่า “เราจะอยู่ในสังคมปัจจุบันนี้ได้หรือเปล่า ?” เขาบอกว่า “ถ้าสามารถทำข้อสอบได้ประมาณ ๓ ใน ๔ ไม่มีใครหลอกคุณได้ ถ้าทำได้ประมาณครึ่งหนึ่ง คุณอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างสบาย ถ้าทำได้ไม่ถึง ๑ ใน ๔ คุณต้องไปฝึกการเอาตัวรอดใหม่” อาตมาทำได้แค่ ๙๙ ใน ๑๐๐ ข้อ พลาดไปข้อเดียว...! เพราะว่า...เขาถามเรื่องเกี่ยวกับสัญลักษณ์ของคนเกิดราศีมีน คือเกิดช่วงเดือนมีนาคม ว่าเป็นปลา ๒ ตัว ตัวหนึ่งว่ายทวนน้ำ ตัวหนึ่งว่ายตามน้ำ เลยทำให้คนเกิดราศีนี้มีบุคลิกภาพขัดกัน ถูกหรือผิด ? คราวนี้เราไปจำว่าราศีเมถุน คือคนเกิดเดือนมิถุนา เป็นคนหันหลังชนกัน นั่นทำให้บุคลิกภาพขัดแย้งกัน เราก็เลยตอบไปว่า “ผิด” ที่จริงถูก ผิดอยู่ข้อเดียวนั่นแหละ อีก ๙๙ ข้อถูกหมด ตกลงถ้าเป็นมาตรฐานอย่างเขาว่าจริง ๆ อาตมาคงไม่โดนใครหลอก เพราะเขาบอกทำได้ ๓ ใน ๔ ไม่มีใครหลอกแล้ว
              แต่ว่าตั้งแต่เรียนหนังสือมา พออยู่ชั้นป. ๒ อ่านหนังสือหมดห้องสมุดเลย หมดทั้งห้องสมุดของโรงเรียนเลย เล่มที่ไม่มีใครยืม ก็ยืมอยู่คนเดียว บางทีหนา ๆ แบบนี้ อย่างพระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน ยืมอยู่คนเดียว คนอื่นเขาไม่ยืมกันหรอก อ่านหมด อ่านจนไม่มี แล้วก็ไปอ่านหนังสือแปลมาจากภาษาอังกฤษ ครูก็ถาม “ถามจริง ๆ เถอะ จะอ่านไปทำไม ?” บอกว่า “ผมอยากอ่านหนังสือให้แตกครับ” สมัยนั้นก็คือว่าให้อ่านให้ได้ทุกคำ แต่เขาใช้คำว่า “อ่านหนังสือให้แตก” คำไหนไม่ได้ เราก็ไปถามครู เพราะว่าพวกที่แปลทับศัพท์ภาษาอังกฤษมา ตอนนั้นเราไม่รู้เรื่องเลย แล้วความรู้ทั้งหมดที่อ่านมา ยังจำได้จนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น....แบบทดสอบที่เขาทดสอบมา ๑๐๐ ข้อนั้น จะเป็นความรู้แบบไหนก็ตาม เราเคยผ่านมาแล้วทั้งนั้น ถึงได้ทำได้