ถาม:  มีบางคนเขากล่าวกันว่า ปฏิบัติธรรมตั้งนานไม่เห็นจะได้อะไร เคราะห์กรรมก็ยังมีอยู่ การเงินการทองก็ไม่เห็นร่ำรวยขึ้นเลย ศาสนาไม่เห็นช่วยอะไรเราได้ อันนี้จะตั้งอารมณ์อย่างไรดี ?
      ตอบ :  ตั้งอารมณ์อย่างไรดี ? ตั้งไว้เลยว่ากูไปอเวจี ไม่รอดหรอก ที่กาญจนบุรีมีอยู่คนหนึ่ง ไม่ใช่เมืองกาญจนบุรีหรอก วัดท่าขนุนนี่แหละ เป็นโยมแก่ ๆ และใส่บาตรอยู่ทุกวัน ๆ แล้วอยู่ ๆ หายไปเลย ก็สงสัย เลยถามคนอื่น เขาบอกว่าแกไม่สบาย พอไม่สบายแกก็โวยวายว่า แกใส่บาตรอยู่ทุกวันไม่เห็นช่วยให้หายเลย ดังนั้นก็เลยเลิกใส่ ประเภทนี้เขาเรียกว่าบุญมีแต่กรรมบัง
      ถาม :  เคยมีคนคุยกันว่า ใครสร้างโลก และเขาก็ถามต่อว่าเมื่อพระเจ้าสร้างโลก แล้วใครเป็นผู้ที่สร้างพระเจ้า เขาตอบว่าเป็นพระเจ้าของพระเจ้าอีกที บทสรุปโดยย่อของการเกิดเป็นมนุษย์ของคนเรานี้เกิดมาเพื่ออะไร และทำไมต้องเกิด ?
      ตอบ :  พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ถ้าใครคิดเรื่องนี้พึงมีส่วนของความเป็นคนบ้า อยากบ้าไหม ? ถ้าไม่อยากบ้าอย่าไปยุ่งกับมัน ท่านบอกว่าในความรู้ของคนทั่ว ๆ ไปนี่มองไม่เห็นต้นไม่เห็นปลายหรอก เสียเวลาที่จะไปคิดว่า คาดว่า โอกาสที่จะทำความดีก็จะน้อยลง จะตายเสียก่อนโดยไม่มีความดีติดตัวไป ต้องความรู้ระดับปฏิสัมภิทาญาณไปโน่น ถึงจะเห็นต้นเห็นปลาย ท่านไม่เสียเวลาไปยุ่งกับมันเหมือนกัน ท่านบอกว่า พุทธวิสัย ความสามารถของพระพุทธเจ้า ฌานวิสัย ความสามารถของผู้ทรงฌาน ทรงอภิญญา กรรมวิบาก การส่งผลของกรรม อจินไตย เสียเวลาที่จะไปคิดคาดเดาเอา ผู้ใดคิดพึงมีส่วนของความเป็นบ้า บ้าคิดอยู่ได้
      ถาม :  อานิสงส์ของการนินทา เมื่อเกิดเป็นคนในชาติใหม่จะเป็นอย่างไร ?
      ตอบ :  ก็โดนนินทาบ้างสิ อย่างนางปิสุณาวาทีนี่ลงนรกไปเลย นางปิสุณาวาทีนี่แกช่างนินทาว่าเรื่องคนโน้น ยุแหย่จนกระทั่งเขาทะเลาเบาะแว้งกันไปหมด เขาทนไม่ได้ก็เลยจับแกพร้อมกับพี่น้องที่มีความสามารถคล้าย ๆ กัน คนหนึ่งก็กินแหลกลาญ อีกคนหนึ่งก็ช่างขโมย คนหนึ่งก็ช่างนินทา ก็จับลอยน้ำไปเลย ลอยน้ำไป นายโจรเขาออกปล้นทางน้ำ เขาเจอเข้าก็จับขึ้นไป พอเห็นสันดานเข้านายโจรเขาฉลาด เขาก็แก้ไข คนช่างกินเขาแต่งตั้งให้เป็นแม่ครัว คนจมอยู่กับครัว ทำอาหารอยู่ทุกวันจนหมดอารมณ์ที่จะกิน คนช่างขโมยแกก็ยกสมบัติทั้งหมดให้ มอบกุญแจกำปั่นให้ไปดูแล ของทุกอย่างเป็นขอแกหมด แกไม่รู้ว่าจะไปขโมยอะไรก็เลยเลิก คนช่างนินทาแก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้ เขาก็เลยจับลอยแพไป พอลอยแพไปก็ปรากฏว่ามีนกอินทรีใหญ่ ๒ ผัวเมียมาเห็นเข้าก็สงสาร เลยให้หาไม้มาท่อนหนึ่ง ตัวหนึ่งก็จับหัวไม้ อีกตัวก็จับปลายไม้ และก็ให้นางปิสุณาวาทีเอามือจับตรงกลาง แล้วพาบินไปส่งที่ฝั่ง ยายนี่พอลอยละลิ่วปลิวละล่องสักพักก็ปากคัน วิธีเดิมแหละก็คลานเข้าไปหานกตัวผู้ แล้วทำเป็นกระซิบกระซาบพักหนึ่ง แล้วก็หันมาทางนกตัวเมีย บอกว่า ผัวแกจีบฉัน นกตัวเมียโกรธขึ้นมาเลยปล่อยไม้ตีผัว ผัวก็เลยเผลอปล่อยไม้ตกทะเล ตายไปเลย ยัง ๆ ไม่จบ คนเราฤทธิ์มันยังไม่หมดง่าย ๆ หรอก ศพแกลอยขึ้นไปติดฝั่ง บังเอิญว่ามีสำนักสงฆ์อยู่ พระท่านเห็น ท่านก็เมตตาเอาซากมันไปเผา
              สมัยก่อนเผากลางแจ้งก็ทิ้งเกลี้ยงบ้างไม่เกลี้ยงบ้าง พอดีมีพวกขี้เหล้าไปต้มเหล้าในป่าช้าตรงนั้นพอดี ก็หาหินมาทำก้อนเถ้าเพื่อที่จะก่อไฟต้มเหล้า ไปเจอกะโหลกเข้าก็เอามาหนุนแล้วก็ต้มเหล้า พอต้มเหล้าเสร็จก็กินกัน คราวนี้เมาตีกันหัวร้างข้างแตกหมด พระท่านไปเจอเข้า ท่านก็อเนจอนาถใจไม่รู้จะทำอย่างไร สงสารผีก็สงสาร ก็เลยเอาเข้าไปไว้ตรงหน้าหิ้งพระ อยู่ในลักษณะที่ว่าเอาไปตั้งเทียนเพื่ออย่างน้อยเขาจะได้อานิสงส์บ้าง
              ปรากฏว่าวันนั้นสวดมนต์ไม่เป็นอันสวดหรอก หลวงตาขึ้นนะโม ลูกวัดดันรับสัพพี อะไรให้ยุ่งไปหมด พระกับเณรวางมวยกัน เป็นไงฝีมือของผีมัน ท่านก็เลยโยนมันลงทะเลไปเลย ตายแล้วยังมีฤทธิ์ อานิสงส์ของการนินทาตกน้ำตายฟรีไม่พอ พาเอาคนใกล้เดือดร้อนไปหมด เขาเรียกนางปิสุณาวาที ผู้มีวาจาเป็นที่ส่อเสียดผู้อื่นเป็นปกติ นินทาผู้อื่นเป็นปกติ
      ถาม :  เดี๋ยวนี้เวลาเขาสอนให้เด็กกินข้าว ด้วยความปรารถนาดีโดยเขาต้องการให้มีร่างกายแข็งแรงเติบโต แต่ให้แข่งกันกินข้าวตั้งแต่อายุยังน้อย โดยจะให้แข่งกับพี่หรือน้องหรือเพื่อนบ้านใกล้เคียง เมื่อชนะก็จะปรบมือให้ และอีกวิธีหนึ่งก็คือบอกว่านี่หมู นี่ไก่ นี่ลูกชิ้น ที่ชอบให้รีบมากิน ผู้ประเสริฐเขาจะสอนให้ลูกหลานแข่งกันกินข้าวหรือไม่ การสอนให้กินของแปลกที่เด็กชอบ เด็กก็จะกินอาหารที่ไม่ชอบไม่เป็น ในทางด้านจิตใจนั้น การสอนด้วยการแข่งขัน การเอาชนะกันให้ได้ ผู้ชนะย่อมดีใจ ผู้แพ้จิตใจเศร้าหมอง ทางด้านจิตวิทยาบอกว่าการแข่งขันทำให้คนรู้จักแพ้ไม่เป็น ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ได้ชัยชนะ และเวลาผิดหวังจะรู้สึกเสียใจมาก เราควรแข่งขันกันหรือไม่ ?
      ตอบ :  อันนี้แยกเป็น ๒ ประเด็น ประเด็นแรกวิธีการสอนนี่ใช้ได้ ขอตอบว่าใช้ได้ เด็ก ๆ เล็ก ๆ ด้วยไม่ใช่พระ ขนาดพระยังไม่ค่อยมีพิจารณาเลย อาหาเรปฏิกูลสัญญา-การพิจารณาอาหารเป็นของสกปรก เป็นปฏิกูล ก็ไม่ได้พิจารณาก็เยอะไป โภชเนมัตตัญญุตา-ความประมาณในการกิน ไม่มีก็เยอะไป
              เพราะฉะนั้นเด็กไม่ใช่พระ พ่อแม่ก็หากลอุบายทุกวิถีทางที่จะเลี้ยงดูให้เติบโตแล้วก็รอดมาได้ อีกประเด็นหนึ่งคือ ควรที่จะสอนให้เด็กแข่งขันกันไหม เพราะว่าคนชนะก็ดีใจ คนแพ้ก็เสียใจควรจะสอนต่อไป แต่ขณะเดียวกันต้องสอนเรื่องการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาให้กับลูกด้วย ไม่ใช่สักแต่ให้ชนะ เหยียบหัวคนอื่นเขาขึ้นไป ถ้าอย่างนั้นใช้ไม่ได้
      ถาม :  บางคนเขาประกาศว่าจะลาออกจากการเป็นนักร้อง แล้วก็หายไปหลายปี แล้วก็กลับมาเป็นนักร้องใหม่ โดยเหตุผลว่าทิ้งไปไม่ได้เพราะใจรัก การเป็นนักร้อง เรื่องของสัจจบารมีนั้น การกระทำเช่นนี้ในทางโลกเขาคงไม่มีอะไร สัจจะในทางธรรมนั้นควรจะมี การปฏิบัติหรือข้อเสนอแนะในการปฏิบัติอย่างไร ?
      ตอบ :  สัจจบารมีของทางธรรมนั้น ถ้าหากว่าเขาตั้งใจแล้วเขาทำไม่ได้ อันนี้จะว่าเขาไม่มีสัจจบารมีก็ไม่ได้ เพราะว่าบารมี มี ๓ ระดับ ระดับ ๙ ขั้น บารมีต้น เรียกว่า สามัญบารมี หยาบ-กลาง-ละเอียด บารมีกลาง เขาเรียกว่า อุปบารมี หยาบ-กลาง-ละเอียด บารมีสูงสุด เขาเรียกว่า ปรมัตถบารมี หยาบ-กลาง-ละเอียด
              ดังนั้นของเขาเองยังไม่เข้าถึงปรมัตถบารมีก็ย่อมที่จะเปลี่ยนคำพูดใหม่ เปลี่ยนความตั้งใจใหม่ เป็นเรื่องปกติ แล้วอีกอย่างหนึ่ง เรื่องของสัจจบารมีนี่ถ้าพิจารณาแล้วว่ามันไม่ถูกต้องตามศีลตามธรรมจริง ๆ สามารถเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้มาเข้าทางที่ถูกต้องได้ ก็ไม่น่าถือว่าเสียสัจจะ
      ถาม :  พราหมณ์สวมพระห้อยคอ ทำไมพระภิกษุสงฆ์ไม่ห้อยพระครับ ?
      ตอบ :  ตัวเองเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย เป็นที่ยึดถือว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกให้ชาวบ้านเขาอยู่แล้วถ้าหากว่าประดับตัวด้วยในลักษณะอย่างนั้น ชาวบ้านเขาใจฝ่อหมด ท่านเองยังคุ้มครองตัวท่านไม่ได้เลย แต่จริง ๆ แล้ว พระก็พกเหมือนกัน เพียงแต่แอบ ๆ พก คือว่าพวกอันตรายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วยกฎของกรรมไม่ว่าจะเป็นการกระทำของคน ของผี ของไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพณ์ใด ๆ ก็ดี ถ้าหากว่าเรามีการบำเพ็ญภาวนาอยู่เป็นปกติมันทำอันตรายเราไม่ได้ แต่ว่าต่อให้เป็นอรหันต์ก็ยังมีเวลาเผลอได้ พลาดได้ เพียงแต่ว่าบรรดาวัตถุมงคลโดยเฉพาะพระเครื่องต่าง ๆ ถ้าหากว่าได้รับการพุทธาภิเษกมาถูกต้อง พระพุทธเจ้า พรหม เทวดา ท่านสงเคราะห์ ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่ในความเป็นทิพย์ ท่านไม่พลาดอยู่แล้ว ท่านก็จะช่วยป้องกันให้ในจังหวะที่ของเราขาดสติได้
              ดังนั้นว่าถามว่าพระทำไมไม่แขวนบ้าง แขวนเหมือนกัน แต่แอบ ๆ แขวน ไม่ได้โชว์ให้โยมรู้ กลัวโยมจะใจฝ่อหมดว่าพระยังเอาตัวไม่รอด แล้วจะช่วยโยมได้อย่างไร
              ตอนสมัยแรก ๆ อาตมาเองพอเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งแรกไปแล้ว ก็ไม่ได้แขวนพระอีกเลย เพราะว่ามองเมื่อไรก็เห็นยันต์เกราะเพชรครั้งแรกสว่างอยู่กลางตัว แต่หลวงพ่อท่านแนะนำว่าพกเสียหน่อยหนึ่ง เพราะว่าถ้าแกเผลอเมื่อไร เดี๋ยวหงายท้อง หลวงปู่ปานท่านยังพกเลย ขนาดซือโจ๊ว (ปรมาจารย์) ท่านยังพกเลย ก็เลยเอาบ้าง ท่านบอกว่าหลวงปู่ปานท่านพกพระเครื่องของท่านเป็นปกติ แต่ว่ามีอยู่วันหนึ่งท่านจะสรงน้ำ พอถอดอังสะพ้นตัวก็ล้มตึงเลย เขารอจังหวะอยู่แล้ว เผลอเมื่อไรพลาดก็โดน เพราะว่าท่านไปช่วยเขาเอาไว้เยอะ โดยเฉพาะช่วยคนที่เดือดร้อนให้หลุดพ้นจากอำนาจของไสยศาสตร์ เขาเล่นคนนั้นไม่ได้ เขาเลยเล่นอาจารย์แทน
      ถาม :  ตอนเมื่อผมอายุ ๒๐ ปี ก็มีความสุขสนุกสนานว่าตอนนี้เป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ตอนนี้อายุ ๓๐ ก็เห็นว่าเมื่อตอนอายุ ๒๐ ปี ไม่เคยคิดว่าจะต้องอายุ ๓๐ ปี ในโลกนี้นอกจากความตายที่เป็นของเที่ยงอย่างหนึ่งแล้ว มีอะไรในโลกที่เป็นของเที่ยงแท้ในโลก ?
      ตอบสิ่งทุกสิ่งเที่ยงแท้แน่ในโลก แต่เป็นโอฆขังรักกักสังขาร ตกลงแล้วทุกอย่างมันไม่มีอะไรเที่ยงหรอก ความตายที่ว่าเที่ยงน่ะมันคือตายแน่ ๆ แต่เรารู้ไหมว่ามันจะตายเวลาไหน เพราะฉะนั้นความตายก็ไม่เที่ยงไปด้วย
              พระพุทธเจ้าท่านบอกแล้วว่า สัพเพ สังขารา อะนิจจา ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีปัจจัยปรุงแต่งล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ ธรรมทั้งหลายไม่สามารถที่เป็นที่พึ่งได้ ก็หมายความว่าวัตถุธาตุทั้งปวงเป็นที่พึ่งไม่ได้ ถึงเวลามันเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด เพราะฉะนั้นที่บอกว่าความตายเป็นของเที่ยง ไม่จริงหรอก ตอนนี้ก็บ่ายแล้วด้วย จะเย็นอยู่แล้ว ไม่เที่ยงหรอก
      ถาม :  ได้ดูหนังตอนจบ ผู้ร้ายถูกทำลายหรือบาดเจ็บ คนดูสะใจที่คนชั่วได้ถูกทำลาย การที่เราได้ยินดีในการทำชั่วของบุคคลอื่น เช่น ทำร้าย การแก้แค้น มีผลเหมือนเราทำเอง หรือเป็นการโมทนาบาปหรือไม่ และต้องรับผลเช่นไร ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นจริง เท่ากับว่าเรายินดีในความชั่วของพระเอกเหมือนกัน ถือเป็นการโมทนาบาปอย่างหนึ่ง แต่บังเอิญเป็นแค่มายาการปรุงแต่งเท่านั้น โทษก็เลยไม่หนักเท่าของจริง แต่อย่างน้อย ๆ ก็ยึดติดเยอะเลย ถ้าไม่ยึดติดมันไม่ถึงขนาดประเภทสมน้ำหน้าเขาอย่างนั้น แล้วที่แน่ ๆ คือนางอิจฉาหลุดเข้าตลาดเมื่อไร จะโดนเปลือกทุเรียนประจำ เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อมันเป็นมายาการทำให้หลงยึดติด ถ้าไม่ได้ทำความดีไว้อันตรายมาก อเวจีง่าย ๆ
      ถาม :  แล้วโมทนาบาป ต้องได้รับผลเช่นเดียวกับโมทนาบุญไหม ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าเป็นการโมทนาบาปจริง ๆ เจ้าตัวเขาได้รับเช่นไร เราก็โดนอย่างนั้น เคยอ่านเรื่องนางฟ้าปลาทู นางฟ้าปูทะเล วันไหนเจ้าของเรือหาปลาได้เยอะก็ดีใจกับเขาด้วย เลยซวยไปเลย เท่ากับโมทนาบาปไปโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าเวลาตัวเองไปคัดปลา ถ้าปลาเยอะก็ได้ค่าแรงมากแล้วก็เห็นเขาหาปลาได้เยอะก็เลยดีใจ
      ถาม :  คำว่า อย่าทำตนเป็นชาล้นถ้วย หลักนี้ใช้ได้หรือไม่ ?
      ตอบ :  ใช้ได้ทุกเรื่อง คือในลักษณะที่ว่ารู้จักฟังคนอื่น แล้วนำสิ่งที่เป็นจุดบกพร่องมาแก้ไขตัวเอง หมายความว่าพิจารณาเห็นคำที่เขาว่าแล้ว สามารถนำมาใช้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ในส่วนที่บกพร่องถ้าทำตัวเป็นน้ำชาล้นถ้วย เทไปเท่าไรก็ล้นหมด โอกาสที่จะได้ผลของความดีจากคนอื่นจะไม่มี เพราะว่าไม่ยอมรับใคร ตามให้ทันนะเพราะคุณพงศ์เนตรเขาเป็นพหูสูต สารพัดตำรา ถ้าหากว่าโยมไม่ได้อ่านมาบ้าง บางคำถามเขาถามเราจะไม่เข้าใจเลย
      ถาม :  การพูดถึงในสิ่งที่คาดการณ์ในอนาคตอันใกล้ไกล โดยที่คาดว่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ในทางธรรมควรหรือไม่ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าเป็นตัวอนาคตังสญาณ จริง ๆ มันรู้ได้ แต่ว่าจะรู้ในเหตุปัจจัยปัจจุบันเท่านั้น อย่างที่เคยเปรียบเทียบว่า ถ้าหากว่าเราขับรถด้วยความเร็ว ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน ๘ ชั่วโมง เราจะไปถึงเชียงใหม่ นั่นก็หมายความว่าปัจจัยที่เราต้องรักษาไว้ก็คือ ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง อนาคตังสญาณที่ใช้ทำนายมันถึงจะถูกต้อง แต่ถ้ามีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซง มาเปลี่ยนแปลง เราเพิ่มความเร็วมากขึ้นก็จะถึงก่อน ๘ ชั่วโมง เราลดความเร็วลงก็จะถึงหลัง ๘ ชั่วโมง
              ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยเฉพาะในช่วงนั้นว่ามันโดนเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า คำทำนายถ้าไม่เกินวิสัยสามารถที่จะบอกคนอื่นก็ได้ เอามาใช้เพื่อตัวเองจะได้รู้อะไรบางอย่าง เป็นการวางแนวทางพร้อมที่จะรับมือก็ได้ แต่ถ้าเกินวิสัยท่านที่ทำได้ขนาดนั้น ส่วนใหญ่จะยอมรับกฎแห่งกรรม
      ถาม :  หลวงพ่อท่านเคยกล่าวไว้ว่า พระที่มีคุณธรรมสูง ๆ นั้น ถึงแม้ว่าท่านจะเล่นด้วยก็ไม่ควรไปเล่น หรือพูดจาตีเสมอท่าน ทำเหมือนว่าท่านเป็นระดับเดียวกับเรานี้ เพราะเหตุใด ?
      ตอบ :  ถ้าพระที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าจริง ๆ อยู่ในลักษณะคุณอนันต์ โทษมหันต์ เหมือนกับไฟฟ้า ใช้ถูกก็เป็นประโยชน์มหาศาล แตะผิดดูดเราตายเลย เพราะว่าท่านทั้งหลายต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ในระดับหนึ่ง จนถึงบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราทำเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพด้วย กาย วาจา หรือใจ ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ผลไม่ดี มันจะเกิดกับเราแน่นอน ท่านก็เลยเตือนเอาไว้ว่าอย่าไปยุ่งได้แหละดี
      ถาม : ?สมมติว่ามีคน ๑ คน คนหนึ่งสวมพระสมเด็จวัดระฆัง ซึ่งเขาตั้งราคาไว้ ๑๐ ล้านบาท กับอีกคนตั้งอยู่ในความเคารพในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เป็นประจำ ถามว่า ๒ คน มีคุณต่างกันหรือไม่ อย่างไร ?
      ตอบ :  ก็ดูว่าจิตใจเขายึดมั่นจริงไหม ? ถ้ายึดมั่นจริงจัง ไม่ว่า ๑๐ ล้านบาท หรือนึกถึงเฉย ๆ ก็มีอานิสงส์พุทธานุสติเหมือนกัน แต่ว่าถ้าไม่ยึดมั่นจริงจัง ถึงมีราคา ๑๐ ล้านบาทอยู่ ก็สู้คนที่ไม่มีแต่นึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดไม่ได้
              ท่านตรัสเอาไว้ว่า บุคคลต่อให้ยืนชิดจับชายสังฆาฏิตถาคตอยู่ ถ้าไม่เคยปฏิบัติในพุทธานุสติ ก็ไม่ถือว่าอยู่ใกล้ตถาคต บุคคลใดถึงจะเกิดหลังตถาคตนิพพานไปนานเท่าใดก็ตาม ถ้าตั้งใจปฏิบัติในพุทธานุสติ ก็ได้ชื่อว่าจับชายสังฆาฏิตถาคตอยู่
              ดังนั้นสำคัญที่ว่าจิตของเขายึดมั่นจริงไหม ถ้ายึดมั่นจริงก็แปลว่าอานิสงส์ของเขาทั้ง ๒ ได้แน่นอน แต่ถ้าหากว่ายึดมั่นไม่จริงก็ต้องดูว่าฝ่ายไหนไม่จริง คนนั้นก็ลดลงไป
      ถาม : ?มีคนเขากล่าวว่า พระที่มีคุณธรรมสูง ๆ ไม่ควรสูบบุหรี่ และเป็นพระที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม ข้อเท็จจิรงเป็นประการใด และสมัยพุทธกาลมีไหม ?
      ตอบ :  มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีคนหนึ่งคลานไปถึงบ้านสายลม ไปถึงก็กราบ ๆ หลวงพ่อครับ ผมว่าหลวงปู่แหวนยังไม่ได้แม้แต่โสดาบันเลยครับ หลวงพ่อบอก เฮ้ย ๆ ๆ เดี๋ยวก่อน มันเรื่องอะไรกัน เขาบอกเห็นหลวงปู่แหวนสูบบุหรี่อยู่ ท่านบอกว่า แล้วมึงเป็นพระโสดาบันหรือยัง เขาตอบ ยังครับ แล้วเสือกไปรู้เรื่องพระโสดาบันได้อย่างไร เป็นอย่างไรหาเรื่องให้โดนด่าให้โดนด่า การสูบบุหรี่ไม่มีข้อห้ามในพระวินัย ต้องดูหลวงปู่แหวนก็ดี หลวงปู่ชอบก็ดี หลวงพ่อคูณก็ดี โดยเฉพาะหลวงปู่ชอบ วัดป่าสัมมนานุสรณ์ สมัยท่านมีชีวิตอยู่ สมัยหลวงปู่มั่นยังอยู่ หลวงปู่มั่นมอบหมายให้ท่านเป็นผู้ควบคุมพระทั้งหมดแทนท่านเลย นั่นน่ะสูงสุดพระปฏิสัมภิทาญาณก็ยังสูบบุหรี่ คนไปถามว่าหลวงปู่ทำไมยังสูบบุหรี่อยู่ครับ ไม่เลิกหรือ ท่านตอบว่า สูบมาแต่เล็กแต่น้อยก็สูบจนตายนั่นแล้วไปถามพระอรหันต์เข้า อะไรที่ไม่ผิดพระวินัยท่านจะทำ ถ้าผิดพระวินัยท่านจะหยุดทันที หมาก ยานัตถุ์ บุหรี่ ไม่มีข้อห้าม ในเมื่อไม่มีข้อห้ามถ้าประสาทร่างกายมันต้องการก็ว่าไปเถอะ คนเราส่วนใหญ่ไม่ดูที่ตัว แก้ที่ตัว ไปดูที่คนอื่นแล้วก็ตำหนิเขา กลายเป็นสวรรค์มีทางไม่ไป นรกไม่มีประตูก็พยายามเจาะให้มันทะลุเข้าไป
      ถาม :  ท่านที่เป็นพรหมระหว่างท่านที่อยู่ในศาสนาพุทธ กับพรหมที่ไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง?
      ตอบ :  ก็ถ้าหากว่าเป็นพรหมที่อยู่ในศาสนาพุทธ ตั้งใจปฏิบัติจริงมีโอกาสเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่อนาคามีจนกระทั่งถึงอรหัตตมรรค แต่ว่าท่านที่เป็นพรหมนอกพระพุทธศาสนา หลักปฏิบัติของท่านเข้าไม่ถึงความเป็นพระอริยเจ้า ท่านก็เป็นพรหมได้ตั้งแต่ชั้น ๑-๑๑ หรือว่าอรูปพรหมอีก ๖ ชั้นเท่านั้น ต่างกันอยู่หน่อยหนึ่ง ของแท้ก็ถึงที่สุดได้ ของไม่แท้เข้าไม่ถึงที่สุด
      ถาม :  บุคคลควรคบหาผู้มีปัญญา ผู้รู้ พหูสูตทั้งหลายพึงเป็นนักเรียน ร่ำเรียนศึกษาและไถ่ถามนรชน ทำได้อย่างนี้จะทำให้มีปัญญา เป็นพุทธภาษิตจาก.............
      ตอบ :  สาธุ