ถาม :  ดินแดนนรกกับดินแดนสวรรค์มีจริงไหม?
      ตอบ :  อุตส่าห์เล่ามาขนาดนี้แล้วยังถามอีก มีจริง ๆ จ้ะ นรกสวรรค์จะไม่มีเลยถ้าไม่มีใครทำความดีความชั่ว สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อรองรับการกระทำของเราเอง เราทำชั่วมาก ๆ แดนนรกเกิดขึ้นมารับ ทำชั่วน้อยลงแดนเปรตขึ้นมารับ ทำชั่วน้อยลงไปอีกนิดหนึ่งแดนอสุรกายเกิดขึ้นมารับ ทำชั่วน้อยลงไปอีกก็แดนสัตว์เดรัจฉานเกิดขึ้นมารับ เป็นผู้ที่มีศีลห้าทรงตัวก็เกิดเป็นมนุษย์ แดนมนุษย์มีรองรับอยู่เห็น ๆ แล้วใช่ไหม มีศีลบริสุทธิ์มีความดีทรงตัวก็เกิดเป็นเทวดามีแดนเทวดารองรับอยู่
              ถ้าสร้างฌานสร้างสมาบัติได้ก็มีแดนพรหม ทำดีถึงที่สุดหลุดพ้นจากวัฏฏะก็มีแดนนิพพานรองรับอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากการกระทำของเรา ทั้งหมด ถ้าไม่มีการกระทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่มี เท่ากับว่าเราสร้างขึ้นมาเองแท้ ๆ เลย ตอนเราสร้างนี่ไม่เคยนึกเลยว่าจะสร้างได้น่ากลัวขนาดนั้น
      ถาม :  หนูเคยฝันถึงทวดหนูน่ะค่ะ ตอนนั้นฝันบ่อย ฝันถี่ด้วยแล้วก็บอกหวยด้วย ตอนนี้เขาไม่มาแล้ว หนูฝันครั้งสุดท้ายว่าเขาพาหนูไปเที่ยวเป็นบ้านทรงไทย เขาลากคอเพื่อน เขารู้ว่าหนูกลัวเขาก็ลากคอเพื่อนหนูไป หนูก็ไป แล้วก็ตื่นขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ไม่เข้าฝันหนูอีก
      ตอบ :  ที่อยากให้มาเข้าฝันนี้ คิดถึงทวดหรือว่าอยากได้หวย
      ถาม :  เปล่าค่ะ ถ้าหนูมีเรื่องอะไรหรือว่าไม่สบายใจหนูก็จะจุดธูปคุย
      ตอบ :  ก็ดันไปจุดธูปเรียกเขา เขาก็มามาแล้วก็กลัวเลยต้องลากคอคุยกัน ไม่ได้เรื่องเลย ยิ่งมาง่ายเท่าไหร่แสดงว่าอานุภาพของท่านมากเท่านั้น ผู้ที่อานุภาพมากนี้ขอให้ท่านช่วยมันก็เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย
      ถาม :  เวลาพระเสียใจมาก ๆ พระทำยังไงคะ?
      ตอบ :  ถ้าพระจริงๆ เขาไม่เสียใจหรอก มีแต่รู้เห็นว่าธรรดาของโลกเป็นอย่างนั้น เราเรียกว่า ปลงธรรมสังเวช แต่ว่าถ้าไม่ใช่พระนี่ยังร้องไห้อยู่ เอ๊ะ ! ไม่แน่...ถ้าเป็นพระอย่างพระโสดาบันนี้ยังร้องไห้อยู่นะ แต่ถ้าพระสกิทาคามีขื้นไปนี่ชักตายด้านแล้ว ไม่ร้องกับใครง่าย ๆ หรอกเรื่องกระทบใจมีน้อย
      ถาม :  แล้วเวลาเราเสียใจเราจะทำยังไงดีล่ะคะ ให้มันหมดความเสียใจจริง ๆ ?
      ตอบ :  อาละวาด ร้องไห้ ดิ้นโครม ๆ เอาให้มันสะใจ ความจริงเราเสียใจมาก ๆ แล้วเราเก็บอยู่เป็นผลร้ายเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น ระบายมันออกมาให้เต็มที่เลยนะ ถ้าร้องไห้กลัวคนเห็นก็เข้าห้องน้ำเปิดน้ำแรง ๆ อาบน้ำไปร้องไห้ไปไม่มีคนรู้ ออกมาหน้าใสมาเชียว ถามว่าเป็นอะไรตาแดง เมื่อกี้สระผมอยู่เข้าตา (หัวเราะ) ความจริงถ้าพิจารณาเป็น เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราได้ จิตยอมรับจริง ๆ มันก็เลิกเสียใจ
      ถาม :  แล้วดวงชะตานั้นมีจริงไหมคะ?
      ตอบดวงชะตาก็คือบุญกรรมที่เราทำมาส่งผลให้ เราทำความดี ผลดีก็ส่งผลให้เราเจริญรุ่งเรืองให้ร่ำให้รวย ให้มีโชคมีลาภ แต่เราทำชั่ว มาถึงเวลาก็ทำให้ตกต่ำเคราะห์ร้าย ต้องรับในเรื่องที่มันไม่ดีต่าง ๆ ที่มันประกอบกันเข้ามา ช่วงของบุญของบาป มันสลับกันมาให้ผล ถ้าบุญขาดช่วงลงบาปก็เข้าแทรก ถ้าหากกำลังบาปอ่อนตัวลงกำลังบุญก็ไล่บาปพ้นไป
              ความดีก็สลับกลับคืนมาใหม่ คราวนี้พวกบรรดาพราหมณ์นี้เขาเก็บสถิติมาเป็นพัน ๆ ปี เขาช่างสังเกต เขาสังเกตว่าคนที่เกิดวันนี้เวลานี้ที่มันใกล้เคียงกันน่ะถึงเวลาเท่านั้นๆ ผลดีผลร้ายจะเกิดขึ้นกับเขา คนที่เกิดใกล้เคียงกันแสดงว่าบุญบาปใกล้เคียงกันมันก็เลยสามารถที่จะสรุปลงมาเป็นตำราได้ว่าดวงชะตาของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ว่ามีโอกาสผิดพลาดมาก ถูกเต็มที่ได้ไม่เกิน ๘๐ % แล้วอีกอย่างหนึ่งตัวที่ผันแปรดวงชะตาได้ดีที่สุดก็คือกำลังของความดีสูง ๆ อย่าง ทาน ศีล ภาวนา ๓ ตัวนี้ ถ้าเรามีการให้ทานเป็นปกติ รักษาศีลเป็นปกติ เจริญภาวนาเป็นปกติ ผลของดวงชะตาหรือบุญกรรมในอดีตส่วนใหญ่ที่เป็นผลบาปที่เราเรียกว่ากรรมให้ผลได้ไม่เกิน ๒๕ % ถ้าคนประเภทนี้หมอดูจะทายผิดประจำ เขาเรียกว่าพวกนอกเหตุเหนือผลเกินตำรา
              มีหมอดูอยู่คนหนึ่งเก่งมากเลยเป็นชาวพม่า ตอนสมัยหลวงพ่ออุตตมะ ยังบวชเณรอยู่ไปให้หมอดูทำนายดวงชะตา หมอดูดวงชะตาของหลวงพ่ออุตตมะแล้วบอกว่า ของท่านไม่สามารถจะทำนายได้ ถามว่าทำไม ท่านบอกว่าดวงชะตาของท่านเกินตำรา ไม่มีบอกเอาไว้ มันจะไปทายพระอรหันต์ (หัวเราะ) ใช่ไหม? ตำราบอกไม่ถึงเพราะว่าหลวงพ่ออุตตมะท่านเป็นพระดีถึงที่สุดแล้ว
              ตอนนั้นยังเป็นเณรอยู่นะแต่ว่าภายหลังท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนกระทั่งกลายเป็นพระดีที่สุดแล้ว หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่าหลวงพ่ออุตตมะเป็นพระวิชชาสาม ในเมื่อเป็นพระดีขนาดนั้นตำรามันว่าไม่ถึง เขายอมรับว่าตำราเขาไม่ถึง แต่เขาดูแม่นจริง ๆ พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วน่าจะมี ทิพจักขุญาณด้วย ถ้าลำพังยึดตำราอย่างเดียวคงรู้ไม่ถึงขนาดนี้
      ถามไสยศาสตร์มีจริงไหมคะ?
      ตอบ :  จริงจ้ะ แต่ว่าพวกนี้เราไม่ต้องกลัวเขาเลย ถ้าเราภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวแค่เกินอุปจารสมาธิ เขาเรียกว่า อุปจารฌาน คือใกล้ความเป็น ปฐมฌาน ถ้าอารมณ์ใจทรงตัวแค่นั้นเองเขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก แต่ว่าอารมณ์นั้นต้องทรงตัวตลอดนะ ถ้าคลายตัวลงแล้วเขาจ้องเล่นงานอยู่ก็มีโอกาสพลาดได้ ให้หาวัตถุมงคลที่เรามั่นใจติดตัวไว้ อย่างติด สมเด็จองค์ปฐมไว้ หรือไม่ก็หลวงพ่อสมเด็จคำข้าว หลวงพ่อสมเด็จหางหมาก กันได้แน่นอนเลย แต่ต้องอาราธนาทุกวันนะ ตั้งใจสวดมนต์อาราธนาขอบารมีพระคุ้มครอง พวกนี้ทำมาก็ด้านไปเอง
      ถาม :  แล้วอย่างนี้เสน่ห์ยาแฝดก็มีจริงสิคะ?
      ตอบ :  มีจริง ๆ จ้ะ พวกนี้เป็นวิชาต่ำ แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของนักปฏิบัติเลย นักปฏิบัติแค่ภาวนาอารมณ์ใจทรงเป็นปกติแค่เดินผ่านบางทีมันสลายไปเลย เป็นวิชาการขั้นต่ำ แล้วข้อห้ามมันเยอะ ห้ามกินฟัก กินแฟง กินน้ำเต้า กินผักกะเฉด โอ้ย...ของอร่อยทั้งนั้นสารพัดที่มันจะห้าม ห้ามลอดใต้ถุนบ้าน ห้ามลอดราวผ้า สมัยนี้ไปอยู่คอนโด ๒๐ ชั้นมันลอดไปกี่ชั้นล่ะ ก็เจ๊งน่ะสิ
              เพราะฉะนั้นพวกนี้ไม่ต้องกลัวหรอก ข้อห้ามเขาเยอะมันเสื่อมสลายได้ง่าย แต่ว่าถ้าดวงชะตาของเรามันตกส่วนของอกุศลกรรมให้ผลบางทีตรงจังหวะเขาเฉ่งเราพอดีมันก็อาจจะโดนได้เหมือนกัน ถ้าโดนเข้าวิธีแก้ไขก็คือว่าหาผู้ที่ทรงความดีสามารถทรงฌานทรงสมาบัติได้เป็นประจำที่เรามั่นใจ จะเป็นพระเป็นฆราวาสก็ได้ ให้เขาทำน้ำมนต์ด้วยพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ คือ อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน ขออาราธนาบารมีพระขอให้ช่วย ทำลายไสยศาสตร์เสร็จแล้วกินหรืออาบก็ได้ หายเลย ฟังดูแล้วก็ง่ายไม่เห็นน่ากลัวเลยนะ
      ถาม :  ผู้ใหญ่แนะนำว่าให้ขอขมาพ่อแม่
      ตอบ :  ก็ดี แล้วไง? ควรจะทำ
      ถาม :  แต่ว่าไม่รู้จะทำวันไหน?
      ตอบ :  วันนี้ก็ได้ วันนี้วันวิสาขบูชา กัดฟันเดินเข้าไปพร้อมกับพวงมาลัยพวงสวย ๆ หนึ่งพวง กราบเท้างาม ๆ บอกว่าคุณพ่อเจ้าขา ความผิดทั้งหมดที่ลูกได้ล่วงเกินมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ขอให้พ่ออโหสิกรรมให้ลูกด้วยนะ ลูกรู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่ลูกได้ทำลงไปนั้นมันไม่ค่อยดี ต่อแต่นี้ไปจะตั้งใจทำดี จะเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ต่อไป ทำไม่ยากหรอก ตอนแรกมันจะเขินจะอาย ถ้าทำได้สักทีนะ เรื่องอื่นเรื่องเล็ก
      ถาม :  กลัวพ่อเขาไม่เหมือนเดิม
      ตอบ :  ถ้าหากว่ามันเป็นกรรมที่เนื่องกันมาให้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ถ้าท่านเอ่ยปากอโหสิกรรมให้กระแสมันจะขาดลงเลย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ยังไม่ได้ทำแล้วไปกลัวซะแล้ว
      ถาม :  หนูรู้ว่า...(ไม่ชัด)...ย่าหนูเขามีลูกอยู่ ๓ คนก็มีพ่อหนูหนึ่งในนั้น พ่อหนูก็ส่งเงินไปให้ย่าทุกเดือน แต่ว่าอีก ๒ คน ไม่ส่งให้เลยแล้วเขาก็ไม่เคยมาดูแลด้วย ภาระที่บ้านให้เป็นหน้าที่ของหนูหมดเลย
      ตอบ :  ดีแล้วไงเราจะได้บุญเยอะ
      ถาม :  ไม่ใช่ค่ะ หนูอยากทำไงก็ได้ให้เขาสนใจ จะได้ไม่ต้อง...(ไม่ชัด)...เวลาเขามาย่าเขามีความสุข
      ตอบ :  ถ้าอย่างนั้นเรามีเวลาก็พาย่าไปหาเขา
      ถาม :  ไม่ได้ค่ะ คือ ย่าเขาพิการ
      ตอบ :  อ๋อ..พิการ เป็นอะไร?
      ถาม :  เป็นอัมพฤกษ์ค่ะ
      ตอบ :  เป็นอัมพฤกษ์ใส่รถเข็นไป
      ถาม :  รถวิ่ง...(ไม่ชัด)...
      ตอบ :  นั่นแหละ เสร็จแล้วก็ไปบอกเขาว่านี่ขนาดย่าพิการยังมาเยี่ยมเขาเลย แล้วของเราดี ๆ จะไม่ไปเยี่ยมบ้างเรอะ
      ถาม :  คนที่อยู่บ้านติดกันเขาไม่ค่อยมาวุ่นวายสุงสิงอะไร เงินทองแต่ก่อนก็ให้เดือนละ ๕๐๐ บาทอย่างนี้ นี่ไม่ให้เลย แล้วก็ไม่เคยสนใจอะไรเลยค่ะ หลวงพ่อคะเขาเป็นยังไง?
      ตอบ :  ปล่อยวางได้ดีมากเลยนะ แสดงว่ากำลังใจดี แต่เสียไปหน่อยตรงที่ว่าไม่สนใจบุพการีของตัวเอง
      ถาม :  กรรมของคนที่ไม่สนใจพ่อแม่จะเป็นยังไงคะ?
      ตอบ :  ต่อไปตัวเองก็ไม่ได้รับความสนใจไปด้วย
      ถาม :  มั่นใจมากไหมคะ?
      ตอบ :  เท่าที่เห็นมากรรมที่ทำกับพ่อแม่เห็นผลทันตาทุกรายทันทีที่มีลูก โดนบ้าง ทำอะไรไว้กับพ่อกับแม่นี่ แหม...ได้คืนเยอะกว่าเดิมเลยมีกรรมอันนี้แหละเท่าที่เห็นมาว่า มันทันตาในชาติปัจจุบัน พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ๆ จ้ะใช่ไหม? ไม่มีใครหรอกที่จะรักจะห่วงเรายิ่งกว่าพ่อแม่อีกแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างท่านทุ่มเทให้กับเราได้แม้กระทั่งชีวิต กว่าเราจะเกิดมาได้แม่เองก็แทบจะล้มประดาตาย กว่าจะเลี้ยงโตมาได้ไม่รู้ว่าพ่อเราเหน็ดเหนื่อยเท่าไร ทุกสิ่งทุกอย่างท่านหามาให้เราตลอด เท่ากับว่าท่านให้เราทั้งชีวิตเลย
              เพราะฉะนั้นบุญคุณของท่านมันนับไม่ได้ โบราณท่านว่า เอาโลกเป็นปากกา เอาฟ้าเป็นกระดาษ ยังเขียนไม่หมดเลย เพราะฉะนั้นคนที่ทอดทิ้งพ่อแม่ ไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ ต่อไปเขาเองก็ต้องเจอกรรมอย่างนั้นบ้างแล้ว พอลูกหลานทอดทิ้งเขาเมื่อไหร่เขาจะนึกถึงจุดนี้
              ของจีนเขามีนิทานเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับว่าลูกเห็นว่าพ่อแม่แก่แล้ว ทำประโยชน์อะไรไม่แล้วนอกจากอยู่กินไปวัน ๆ หนึ่ง ก็จัดแจงหากะลามาส่งให้บอกให้ไปขอทาน ทีนี้คนแก่คนเฒ่าก็อย่างว่า เสียใจแต่ว่าลูกไม่เลี้ยงก็ไม่รู้จะทำอะไรก็ไปยึดอาชีพขอทานปรากฏว่าตัวลูกนั้นน่ะเขาก็มีลูกเหมือนกันแต่ลูกยังเล็ก ๆ อยู่วันหนึ่งก็เห็นลูกมันนั่งขัดกะลาเล่นอยู่ก็ถามว่า ทำอะไรน่ะลูก? เขาบอกว่า เตรียมกะลาไว้ถ้าพ่อแม่แก่จะให้ไปขอทาน ตัวพ่อสะดุ้งแปดตลบเพิ่งรู้ว่าตัวเองทำไม่ดีกับพ่อแม่รีบไปตาม ตามคืนมา นั่นยังแก้ตัวได้ทัน ถ้าแก้ตัวไม่ทันนี่เจอแน่ ๆ ลูกมันเตรียมไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ถึงมันจะเตรียมแบบไร้เดียงสาก็เถอะ แต่มันกระทบใจพ่อแม่อย่างแรง เลยใช่ไหม? ตัวเรานี่ไม่แคล้วแน่ รีบไปตามคืน