ถาม :  วันนั้นหนูฝันว่าเพื่อนหนูได้ให้พระมา เป็นพระ...(ไม่ชัด)...แล้วทีนี้หนูก็เอาไปไว้บนหนังสือน่ะค่ะ ก็วางไว้ตรงนั้นแหละค่ะ แล้วฝันว่าตื่นมาอีกทีพระองค์นั้นเป็นขุยยุ่ยเหมือนขนมปังเลย
      ตอบ :  แล้วในฝันทำยังไง...กินเลย?
      ถาม :  เปล่าค่ะ หนูก็รู้สึกเสียดาย หนูยังไม่ได้ไปทำอะไรเลย
      ตอบ :  ตื่นขึ้นมาดีใจแทบตายยังไม่เป็นไรเลยใช่มั้ย? นั่นท่านอาจจะเตือนว่าจะทำอะไรที่มันเหมาะสมกว่านั้น ดีกว่านั้นในการบูชาท่านก็รีบทำซะ อย่าเอาไปทิ้งไว้อย่างนั้นมันเหมือนกับว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยเดี๋ยวมันจะเกิดโทษ
      ถาม :  ตอนนี้หนูใส่กล่องไว้แล้วค่ะ
      ตอบ :  หาทางไปเลี่ยมใส่ตัวไว้สิ ใช้ควบกับคาถาเงินล้าน ต้องการเงินเท่าไหร่ก็มี อันนี้กล้ายืนยัน สมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากนี้จะให้ลาภหนักมาก โดยเฉพาะสมเด็จคำข้าวนี้จะถนัดทางลาภเป็นพิเศษ
      ถาม :  ท่องคาถาเงินล้านก่อนใช่ไหมคะถึงค่อยเอาไปเลี่ยม?
      ตอบ :  ไม่ต้องหรอก เลี่ยมเสร็จเอามาห้อยคอท่องคาถาเงินล้านทุกวันให้ประจำไว้
      ถาม :  ท่อง ๙ จบ
      ตอบ :  ๙ จบ! โอ้โห...เยอะจัง สมัยก่อนที่อาตมาท่องนี้อย่างต่ำก็รอบหนึ่ง ๓๐๐ จบต่อวัน มันมีเยอะกว่านั้น
      ถาม :  พระที่เขาให้มาเขาก็แนะนำให้หนูท่องวันละ ๑๐๘ จบ
      ตอบ :  ดีมั้ย?
      ถาม :  หนูยังท่องไม่ได้
      ตอบ :  ลมใส่! ๑๐๘ จบมันจะเท่าไหร่ ๙ ครั้ง ๑๒ หน
      ถาม :  แล้วได้อานิสงส์เยอะไหมคะ?
      ตอบ :  อย่างน้อย ๆ ก็ได้อานิสงส์ตรงจุดที่ได้สวด อันนี้พูดเล่นจ้ะ ถ้าหากว่าสวดมากแล้วกำลังใจมั่นคงทรงตัว ไม่ได้ทำเพราะความโลภนะจะได้ผลมากจริง แต่ต้องทำให้สม่ำเสมอจริงจัง อย่าไปทำๆ ทิ้งๆ ไม่ใช่ว่าวันนี้ ๑๐๘ จบ พรุ่งนี้เหลือ ๘ จบ ต้องทำเสมอกัน
      ถาม :  แล้วถ้ายอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก แล้วสวดมันดีไหม?
      ตอบ :  อย่างน้อย ๆ ก็ได้อนุสติในพุทธานุสสติ เพราะทุก ๆ อย่างนี้ขึ้นอยู่กับอิติปิโสภควา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ก็คือ พระพุทธเจ้านั่นแหละ
      ถาม :  ............
      ตอบคนป่วยได้เปรียบกว่าเรามากตรงจุดที่ว่า รัก โลภ โกรธ หลง มันน้อย เหตุที่น้อยเพราะนอนแบ็บอยู่กับที่จะไปรักใครล่ะ จะไปโลภอะไร มันก็เอาไม่ได้แล้วนี่ อัมพาตกินอยู่อย่างนั้นจะไปโกรธใครก็คงได้แต่โกรธตัวเอง โกรธลูกโกรธหลานก็โกรธไม่ได้เพราะรักเขามากกว่า คราวนี้ที่ว่าหลงคงไม่หลงเพราะเห็นอยู่แล้วว่าร่างกายมันไม่ดี ถ้าได้รับคำสอนที่ถูกต้องไปบางทีทำใจได้นี่ดีไปเลย เพราะฉะนั้นถ้าว่าคนป่วยได้เปรียบกว่าเราตรงที่เขาเห็นทุกข์ชัดเจน เมื่อเห็นทุกข์ชัดเจนแล้วได้คำสอนของหลวงพ่อไปอย่างนี้ถ้าตัดสินใจทำตามดีไม่ดี เป็นพระอรหันต์เอาง่ายๆ
      ถาม :  ถ้าหลงก็ไม่หลงอะไรหรอก หลง ๆ ลืม ๆ
      ตอบ :  นั่นแหละ ยิ่งจำเป็นใหญ่เลยเปิดเราฟังด้วย ย่าฟังด้วย ถ้าย่าถามว่าเปิดทำอะไรก็บอกว่าหนูอยากฟัง หนูชอบฟัง
      ถาม :  ชอบเอาหนังสือธรรมะไปอ่านให้เขาฟัง
      ตอบ :  คราวนี้ไม่ต้องอ่านหรอก เอาเทปดีกว่าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ถ้าหากว่าท่านเกาะเสียงพระ เสียงหลวงพ่ออย่างน้อย ๆ ก็ได้ดี ถ้าทำใจได้ยิ่งได้ประโยชน์มาเข้าไปใหญ่
      ถาม :  เขาจะหลับท่าเดียวเลยค่ะ
      ตอบ :  ไม่เป็นไร เพราะว่าถ้าหากว่าเขาฟังแล้วกำลังใจเกาะเสียงพระแม้แต่นิดเดียวหลับไปตอนนั้นถือว่าทรงอนุสติเลยนะ ถ้านึกถึงพระพุทธก็เป็นพุทธานุสสติ เกาะในเสียงธรรมะเป็น ธัมมานุสสติ ถ้ารู้ว่าพระกำลังเทศน์ให้ตัวเองฟังก็เป็นสังฆานุสสติ ตอนนั้นได้เปรียบมหาศาลเลย
      ถาม :  หนูจะทำยังไงให้เขามีความสุขมากกว่านี้ล่ะคะ?
      ตอบ :  วิธีนี้แหละ ถ้าหากว่าเขาตายไปรับรองว่ามีความสุข สุขแน่ ๆ เลย เพราะตายแล้วไปดี หลังจากนั้นดีไม่ดี จะมาขอบคุณ คุณหลานจนหัวโกร๋นไปเลย มาเช้า กลางวัน เย็น กลางคืน รักมากเหลือเกินอุตส่าห์ส่งให้ย่าไปได้ถึงขนาดนี้
      ถาม :  ..............
      ตอบ :  เอาไปเติม เทใส่โอ่ง น้ำทั้งโอ่งจะได้เป็นน้ำมนต์ไปด้วย ถ้าเวลาเราจะใช้ก็ใช้ของใหม่ ถ้าเอาน้ำมนต์เก่าเททับน้ำมนต์ใหม่ไปอย่างเช่นมีน้ำในโอ่งแล้วเอาน้ำมนต์เทลงไปก็เป็นทั้งโอ่ง แต่ถ้าหากว่าเราเอน้ำใหม่เททับน้ำเก่าที่เป็นน้ำมนต์ก็เป็นอันว่าจบกัน หมดอานุภาพอย่าเอาน้ำใหม่เททับน้ำมนต์ ใช้น้ำมนต์เททับน้ำใหม่ จะเติมเรื่อย ๆ เท่าไหร่ก็ได้ ใช้ได้เรื่อย ๆ
      ถาม :  เหมือนเติมหัวเชื้อลงไปเหรอคะ?
      ตอบ :  อย่างนั้นแหละ แต่ใช้น้ำมนต์เติมใส่น้ำ อย่าเอาน้ำไปเทใส่ไปเหอะ ทำซะหน่อย
      ถาม :  (ถามเรื่องอุทิศส่วนกุศลให้เทวดา แล้วขอให้ท่านช่วย)
      ตอบ :  ไม่ถือว่าเป็นสินบน เพราะว่าตัวนี้อย่างน้อยๆ มันก็เป็นตัว ปัตติทานมัย ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับคนอื่นเขา ยิ่งเวลาเดินทางนี่อาตมาก็ให้ประจำ ตั้งใจว่าบรรดาเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายที่ปกปักรักษาตลอดเส้นทางที่ลูกเดินทางในครั้งนี้ จะเป็นกาศเทวดา รุกขเทวดา ภูมิเทวดา ก็ดี ตลอดจนเหล่าสัมภเวสี เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานที่อยู่ตลอดสองข้างทางก็ดี กุศลบารมีใดที่ข้าพเจ้าสร้างมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ขอเธอทั้งหลายจงโมทนา จะได้รับประโยชน์ ได้รับความสุขเท่าไรขอให้เธอทั้งหลายได้รับด้วย ตั้งใจอย่างนี้แทบทุกครั้ง ต้องใช้คำว่าถ้าไม่ลืมนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ลืมหรอก เพราะขึ้นรถภาวนาปั๊บนึกขึ้นมาได้ อ้อ ! เขาจะมาก็ให้เขา
      ถาม :  ไม่จำเป็นว่าต้องใช้ระหว่างไปต่างจังหวัด ใช้ระหว่างจากบ้านไปทำงานแบบนี้ได้มั้ยคะ?
      ตอบ :  ได้ เหมือนกันหมด ก็บอกแล้วตลอดระยะทางที่เราเดินทางในวันนี้ง่ายดี
      ถาม :  หนูโดนจับบ่อย โดนตำรวจจับน่ะคะ
      ตอบ :  (หัวเราะ) ใช้วิธีนั้นแหละ พอถึงเวลาแล้วก็ช่วย สงเคราะห์ให้ได้ แต่ว่าไอ้ที่บอกว่าให้ช่วยสงเคราะห์นี่ โน่นแน่ะ พอเข้าตาจนแล้วค่อยขอ
      ถาม :  อย่างเราถวายของในบาตรนี่เป็นพุทธบูชาเลยใช่มั้ยคะ? (บาตรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ)
      ตอบ :  จ้ะ โดยเฉพาะถวายทองคำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ท่านลุงพระยายม เคยบอกไว้ว่า บุคคลที่เคยถวายทองคำบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรมทั้งห้า คือ ไม่ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต และทำสังฆเภท คือยุสงฆ์ให้แตกกัน ไม่ว่าอย่างไร ก็จะพยายามดลใจให้นึกถึงความดีให้ได้ในวาระสุดท้ายของชีวิต ให้ไปรับกรรมดีก่อน
              แต่ถ้าหากว่าเราไปทำอนันตริยกรรมห้าอย่างนี้เข้า ท่านอยากจะช่วยก็คงช่วยไม่ไหว ดูอย่างเมณฑกเศรษฐี ถวายทองคำเท่าปีกริ้นบูชาพระรัตนตรัยอันนั้นเขาเกิดมาชาติใหม่นี่รวยจนนับไม่ได้เลย แก้ว แหวน เงิน ทอง นับไม่ได้อย่างคนอื่นเขา ต้องใช้ตวงเอาเป็นเกวียนๆ ว่ามีกี่เกวียนไอ้ประเภทกี่บาทกี่สตางค์ไม่ต้องนับเลย
              คราวนี้ของเรา เราถวายบูชาโดยตรง ถวายบูชาโดยตรงอานิสงส์ใหญ่มาก ถึงเวลาท่านให้พรไว้อย่างนั้นก็กลายเป็นว่าท่านจะพยายามช่วยให้เราไปรับความดีก่อน พอถึงเวลาที่เราไปรับความดี กุศลเดิมทั้งหมดที่เคยทำมาจะเป็นตัวส่งผลให้เราอยู่ที่นั่นในระยะเวลาที่ยาวนาน ช่วงนั้นถ้าไม่รู้จักต่อความดีก็สมควรลงใหม่ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่พอขึ้นไปแล้วก็หนีกันสุดขีดไม่มีใครเขาอยู่กันหรอก
      ถาม :  หลวงพี่พักกี่โมงคะเนี่ย?
      ตอบ :  สามทุ่ม
      ถาม :  ทุกครั้งเลย?
      ตอบ :  ทุกครั้งจ้ะ จะนั่งยาวประมาณเจ็ดโมงไปลุกเอาสามทุ่มส่วนใหญ่เขามากันตั้งแต่ตีห้ากว่า หกโมงเขามากันแล้ว พวกที่มาเลี้ยงอาหารเช้า เราเองมันจำเป็นต้องตื่นตามเวลา เพราะว่าต้องทำวัตรสวดมนต์ของเราก่อน งานพระทิ้งไม่ได้ หลวงพ่อท่านเคยเตือนเอาไว้ว่า การสวดมนต์ กรรมฐาน บิณฑบาต เป็นงานของพระ งานอื่นถึงสำคัญขนาดไหนก็ตาม เมื่อถึงวาระเวลาให้วางงานนั้น แล้วมาทำงานนี้ก่อน ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าพวกแกตั้งใจสวดมนต์ทำวัตร อยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป ปากสวดปาว ๆ อยู่ใจมันจะคิดชั่วขนาดไหนมันคงทำไม่ได้หรอก คือย่างน้อย ๆ เราก็ประเภทได้ดีอยู่แป๊บหนึ่งล่ะ (หัวเราะ) นั่นล่ะสะสมความดีทีละนิดทีละหน่อยเดี๋ยวก็เต็มไปเอง ลักษณะนั้นแหละคือท่านบังคับให้ดี
              ก็มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อท่านมา ท่านสั่งงานสามข้อ มีอยู่ข้อหนึ่งท่านบอกว่าให้ทำวัตรสวดมนต์อย่าให้ขาด แล้วอีกสองข้ออะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ เพราะอีตอนนั้นน่ะคิดว่า ความจำเราดีสั่งยาวกว่านี้ก็ยังจำได้ แค่สามข้อเรื่องเล็ก ไปประมาทลืมคำครูไปหน่อย ไม่ได้จด ตื่นเช้าขึ้นมา พอตะวันขึ้นปุ๊บนี่แคะยังไงก็แคะไม่ออก ได้ข้อเดียวแหละ ยังสมน้ำหน้าตัวเองอยู่จนทุกวันนี้
      ถาม :  ตอนนี้ยังจำไม่ได้เหรอคะ?
      ตอบ :  นึกไม่ออกจริง ๆ เพราะเรื่องของพระเรื่องของเทวดา ถ้าทอดระยะนานไปจะเลือนไปเลย
      ถาม :  แล้วท่านได้มาเตือนซ้ำมั้ยคะ?
      ตอบ :  ไม่ซ้ำนะ เรื่องของท่านนี่ไม่มีคำว่าซ้ำเลยนะ ครั้งเดียวจริง ๆ ประเภท ถ้าจำไม่ได้ต้องถามตอนนั้น ถ้าหากว่าถามแล้วไม่จดเอาไว้ไปถามซ้ำไม่บอก ก็กลายเป็นว่ากระดาษกับปากกาต้องอยู่ใกล้บางทีก็ตื่นขึ้นมากลางคืน มัวแต่เปิดไฟไม่ได้เดี๋ยวลืม เขี่ย ๆ ไว้พอมีเลา ๆ ก่อนแล้ว เสร็จแล้วค่อยเปิดไฟมาเอารายละเอียดซะหน่อยหนึ่ง มันจะได้เตือนความจำได้ แล้วรุ่งเช้าค่อยไปลอกใส่สมุดบันทึก ต้องใช้วิธีนี้ บางทีท่านก็เล่นตลกมาถึงก็เขียนหวยให้ ท่านสั่งห้ามให้หวยแล้วท่านเขียนมาหน้าตาเฉย
      ถาม :  แล้วหลวงพ่อทำยังไงคะ?
      ตอบ :  ก็ประเภทรับรู้ไว้เฉย ๆ ถึงเวลามา ดูซิมามั้ย? ก็มาจริง ๆ
      ถาม :  แต่ไม่ได้บอกญาติโยม?
      ตอบ :  บอกไม่ได้เพราะว่าท่านสั่งห้ามมาตั้งแต่แรกแล้ว
      ถาม :  แล้วเราจะพูดเป็นนัย ๆ อย่างนี้ได้มั้ยคะ?
      ตอบ :  ก็ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไอ้เรื่องที่ท่านห้ามเอาไว้แล้วนี่แล้วกันไปเลยดีกว่า หรือท่านเองท่านอยากจะรู้ว่าเราจะอกแตกตายมั้ยเวลาท่านบอกนี่นะ (หัวเราะ) เราจะทำใจได้มั้ย? รับรู้ไว้เฉย ๆ ไม่งั้นมันไอ้สมัยก่อนมันคันปากยิก ๆ อยากจะบอกเขา ไอ้สมัยนี้มันเลยคันแล้วเหนื่อย ขืนบอกแล้วคนมันมาเยอะจะลำบาก แล้วระยะหลัง ๆ นี่เจอประเภทที่ตะเกียกตะกายมาจากซอกไหนมุมไหนก็ไม่รู้ มันจะเอาแต่หวยท่าเดียว พวกนี้ไม่อยากจะคบเลย เจอหน้าแล้วอยากจะไล่เลย แต่ถ้าไม่ติดว่าเป็นพระแล้ว โดยมารยาทแล้วขับไล่โยมอย่างงั้นไม่ได้นี่ ไล่เตลิดไปเลย
      ถาม :  ไม่เอาธรรมะเลยนะคะ?
      ตอบ :  เขาไม่เอาเลย แต่ว่าพอไปดู ๆ อย่างสมัยหลวงพ่อนี่ที่ไปเอาธรรมะก็นับว่าเป็นส่วนน้อยใช่มั้ย? บางคนไปเพราะอยากได้หวย บางคนไปเพราะอยากได้เครื่องรางของขลัง บางคนไปเพราะหลวงพ่อดังอยากจะไปดูว่าหลวงพ่อเป็นยังไง บางคนไปเพราะตามเพื่อนไป บางคนไปเพื่อให้ได้ชื่อว่าวัดนี้ฉันก็ไปแล้วนะ ไอ้ที่ไปเอาธรรมนั้นมันน้อยเต็มที นั่นแหละคอยสังเกต ๆ อยู่ เสร็จแล้วก็นั่งหัวเราะ หลวงพ่อบอกว่า เออ...ดูเป็นเหมือนกันนี่หว่า (หัวเราะ) ท่านอยากจะรู้ว่าเรา มันพอจะนึกออก ดูออกบ้างมั้ยว่าที่มาหาท่านเป็นคนประเภทไหนบ้าง พอถึงเวลาสรุปเสร็จท่านก็หัวเราะ เออ...ดูเป็นเหมือนกันนี่หว่า
              ไอ้ที่สังเกตน่ะเริ่มสังเกตจากบ้านตัวเอง พี่ ๆ น้อง ๆ มาหาหลวงพ่อทุกคนแต่กำลังใจไม่ค่อยเท่ากันหรอก เพราะฉะนั้น พอสังเกตจากบ้านตัวเองเสร็จ ก็เริ่มสังเกตคนอื่น โดยเฉพาะตอนแม่ชม้อยไง พอแม่ชม้อยโดนจับ สองเดือนแรกสายลมแทบแตก คนไปเยอะกันขนาดนั้น คือจากที่เคยไปปกติเพิ่มสักห้าเท่าได้มั้ง เสร็จแล้วพอเดือนที่สามแม่ชม้อยไม่ออกจากคุกหายไปครึ่งหนึ่ง พอเดือนที่สี่เกือบหมด สองคนนั่งอยู่ข้าง ๆ กับ ลุงพุฒ ช่วยกันรับสังฆทาน ช่วยกันแจกของแทนหลวงพ่อไง นั่งมองหน้ากันลุงอย่าหายไปไหนเป็นอันขาดเชียวนะ ที่เขาเห็น ๆ หน้ากันอยู่ทุกวันนี้ ถ้าหายไปนี่คนอื่นมันไปกันมากกว่านี้อีก (หัวเราะ)