ถาม:  เหตุของการเสื่อมของฌานมีอะไรบ้าง และต้องระวังอะไร ?
      ตอบ :  ที่ต้องระวังนั้นเยอะ แต่จริง ๆ เอาแค่พูดง่าย ๆ ว่านิวรณ์ ๕ อย่าง เหตุของการเสื่อมของฌานส่วนใหญ่เกิดจากการขาดสติ ทำให้นิวรณ์กินใจได้ นิวรณ์ประกอบไปด้วย กามฉันทะ ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ พยาบาท ความโกรธ เกลียด อาฆาตแค้นคนอื่นเขา ถีนะมิทธะ ความง่วงเหงาหาวนอน ชวนให้ขี้เกียจ อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน อารมณ์ไม่ตั้งมั่น วิจิกิจฉา ความลังเล สงสัยผลการปฏิบัติจะได้จริงตามนั้นหรือไม่ ถ้าพวกนี้เข้ามาถึงก็เสื่อมหมด
      ถาม :  อาจารย์สอนศาสตร์ฮวงจุ้ย เขาสรุปว่าคนดีจะดีได้ มีหลักอยู่ ๓ ประการคือ ๑. มโนธรรมยี่เห็ง ๒. การประพฤติตัวยี่เห็ง ๓. ซาฮวงจุ้ย อันนี้เชื่อได้มากน้อยเพียงใด และมี ๒ ข้อแรกจะพอหรือไม่ เพราะเลือกเกิดไม่ได้ ?
      ตอบ :  ๒ ข้อแรกเข้าเค้า ข้อสุดท้ายไม่ต้องมีก็ได้ ถ้าเราดีจริงอยู่ไหนก็ดีหมด จำไว้ว่าถ้าใจดีทุกสิ่งทุกอย่างดีหมด
      ถาม :  อย่างพุทธภูมิลาเป็นสาวกได้ แล้วลาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ไหมครับ ?
      ตอบ :  ความต้องการคนละอย่างกัน พุทธภูมิ ต้องการรู้และช่วยเหลือคนอื่น สั่งสอนคนอื่นให้พ้นทุกข์ ปัจเจกภูมิ ต้องการรู้ให้ครบแต่ไม่อยากสอนใครในเมื่อความต้องการต่างกันแล้วพุทธภูมิจะลาเป็นปัจเจกภูมิ ไม่ใช่ เจตนาผิดตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าพุทธภูมิลาเป็นสาวกภูมิได้
      ถาม :  จะย้ายบ้าน ย้ายตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ได้ไหมคะ ?
      ตอบ :  ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ย้ายบ้านใช่ไหมจ๊ะ ? ย้ายบ้านขึ้นบ้านใหม่ได้จ้ะ แต่เว้นวันอาทิตย์นะจ๊ะ
      ถาม :  ยายเข้าไปแล้วจะตั้งศาล ตั้งอย่างไรคะ ?
      ตอบ :  ศาลพระภูมิเขาเอาทิศของบ้านเป็นหลัก ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวบ้านดีที่สุด หน้าศาลจะหันไปทางด้านไหนก็ได แต่ว่าให้อยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ถ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือไม่ได้ ให้ใช้ทิศเหนือ ถ้าทิศเหนือไม่ได้ ให้ใช้ทิศตะวันออก แค่ ๓ ทิศนี้เท่านั้น ทิศอื่นห้ามเด็ดขาดเลยจ้ะ
      ถาม :  แล้วหิ้งพระในบ้านล่ะคะ ?
      ตอบ :  หิ้งพระในบ้านให้หันแค่ ๒ ทิศ คือ หันทางทิศตะวันออกหรือไม่ก็ทิศเหนือ ถ้าหากว่ารับราชการอยู่ต้องการเรื่องเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งให้หันไปทางทิศเหนือ สะดวกดี ถ้าเรื่องของการทำการทำงานเกี่ยวกับเงินทอง ลาภ ผล หันไปทางทิศตะวันออกง่ายดี ทิศอื่นถึงจะหาเงินเก่งเท่าไร ก็เป็นอันใช้หมด
      ถาม :  จะถามว่าสำหรับคนเป็นพุทธภูมิ แล้วอยากจะลาพุทธภูมิโดยที่ไม่ต้องกล่าวคำลาหรืออะไร ให้เป็นสาวกภูมิ ใจเราตั้งเองอย่างนั้นก็ได้ใช่ไหมคะ ?
      ตอบ :  ทำให้มันถูกวิธีสิ วิธีการก็ไม่ได้ยาก ใช้ดอกบัวขาว ๕ ดอก เทียนขาว ๕ เล่ม ธูป ๕ ดอก จุดธูปลาต่อหน้าหิ้งพระ อธิษฐานบอกกับท่านว่า ลูกปรารถนาพุทธภูมิมาจากชาติใดก็ตาม ปัจจุบันนี้ขอละซึ่งความปรารถนาอันนั้น ขอตั้งความปรารถนาในสาวกภูมิจะปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน
      ถาม :  การที่พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณท่านมีความเชี่ยวชาญแตกฉานในอรรถกถา สามารถรู้ภาษาคนและภาษาสัตว์ ความหมายของท่านคือ การรู้ด้วยภาษากายหรือภาษาใจ
      ตอบ :  รู้ด้วยภาษาทางใจ ขณะเดียวกันสามารถแปลออกมาเป็นภาษาทางกายด้วย คือท่านรู้แล้วท่านสามารถพูดได้เลยเหมือนกับเป็นเจ้าของภาษานั้น ๆ
      ถาม :  เขาบอกว่าคนแก่ในบั้นปลายชีวิต มีความหวังปรารถนาอยู่ ๓ อย่างคือ ๑. มีลูกหลานบริวารห้อมหน้าล้อมหลัง ๒. มีอำนาจทรพัย์สินเงินทอง ๓. เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ คนแก่ในพุทธศาสนานี้ต้องการอะไร และมีการปฏิบัติจริง ?
      ตอบ :  ต้องไปนิพพาน ต้องการในการปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา เข้าไว้ใน ๓ ข้อที่คุณว่านั้น แค่ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองท่านก็รำคาญจะตายอยู่แล้ว มันกลายเป็นภาระ กลายเป็นห่วง สำหรับคนจะไปนิพพานเขาถึงวาระถึงเวลาถ้าหากว่าคนแก่ประเภทนั้นปล่อยได้ ปล่อยจริง ๆ นะ ยอมรับกฏแห่งกรรมนี่ยอมรับจริง ๆ ไม่มาล้มทับตีนอยู่นี่ไม่ช่วยด้วย
      ถาม :  เคยอ่านตำราหมอดูว่า ท่านอนของคนเรามีความหมายว่านอนลักษณะใดก็จะมีอุปนิสัยหรือบุญบารมีแบบนั้น เช่น นอนท่าพระนอน นอนท่าราชสีห์นอน อันนี้จริงหรือไม่ ?
      ตอบ :  เรียกว่ามีส่วนก็แล้วกัน ไม่ใช่ทั้งหมด บางทีนอนท่าสีหไสยาสน์ก็เมื่อยเหมือนกัน ก็ต้องเปลี่ยนบ้างใช่ไหม ? เขามีสีหไสยาสน์นอนตะแคงแบบสิงโตนอน จะตะแคงซ้ายหรือตะแคงขวาก็ได้ เปตไสยาสน์นอนหงายแบบคนตาย สบายดีจะตายไป กามโภคีไสยาสน์ นอนแบบผู้บริโภค นอนคว่ำเคยได้ยินหรือเปล่า ? เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อยก็เปลี่ยนอริยบถได้ แหม! นอนตะแคงทั้งคืนเหน็บกินตายเลย
      ถาม :  มีคนเขาไปทำการเปรียบเทียบการจัดงานวันเกิด มีการเป่าเทียนกับการตัดสายรกของทารกกับแม่ จริงอยู่ว่าบิดามารดาเป็นผู้มีคุณสูงสุด การจัดงานวันเกิดด้วยการสร้างความรัก ความสมานฉันท์ในครอบครัวนี้เป็นเรื่องดีหรือเลวอย่างไร ?
      ตอบ :  จริง ๆ แล้วก็ดี เพราะว่าอย่างน้อย ๆ เจ้าของวันเกิดเขาก็มีความสุขว่ายังเป็นที่รักของคนอื่นอยู่ ยังเป็นที่สนใจของเขาอยู่ แต่ว่าจริง ๆ แล้ววันเกิดนั้นอยากให้ทุกคนนึกถึงแม่มากกว่า วันที่เราเกิดเป็นวันแม่ใกล้ตายมากที่สุด โดยเฉพาะยิ่งสมัยก่อนเครื่องไม้เครื่องมือไม่เหมือนกับสมัยนี้ คลอดลูกแต่ละทีเท่ากับเดินวนรอบประตูนรกมาทีหนึ่ง อาจจะแหย่ขาลงไปครึ่งหนึ่งหรือสองข้างครึ่งยังไงก็ไม่รู้เอาชีวิตรอดมาได้ก็นับว่าสุดยอดแล้วอย่างนั้นถึงได้ว่าวันเกิดของเราควรจะนึกถึงแม่ให้มากที่สุด แทนที่จะนึกถึงตัวเอง จัดเพื่อความสนุกสนานให้ตัวเอง ก็น่าจะหาพวงมาลัยดอกไม้สวย ๆ กระเช้าของขวัญไปกราบเท้าแม่ดีกว่านะ ไปบอกกับแม่ แม่จ๋า! เมื่อเท่านั้นปี เท่านี้ปีหนูเกิดมา มีแม่เป็นผู้ที่มีบุญคุณสูงสุดในชีวิตของเรา ขณะที่เราเกิดมาแม่เองเจ็บเจียนจะตาย เพราะฉะนั้นวันนี้หนูมากราบเท้าแม่ อะไรที่ล่วงเกินแม่มาตั้งแต่ต้นด้วยกาย วาจา ใจ ขอให้แม่อโหสิกรรมให้ด้วย
      ถาม :  การสละชีวิตของตนเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นกับการรักษาสัจจะด้วยการยอมให้ฆ่าตนเองเพื่อรักษาสัจจะ ผลของความดีเป็นเช่นไร ?
      ตอบ :  บุคคลที่รักษาสัจจะขนาดตัวตายดีกว่าเสียสัตย์นั้น อันนั้นตัวสัจบารมีที่เป็นหนึ่งในบารมีทั้ง ๑๐ เพื่อจะส่งผลให้เราได้เข้าสู่พระนิพพานได้ง่าย สัจบารมีเขาเต็ม ไม่อย่างนั้นเขาไม่สละอย่างนั้น การสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือคนอื่นนั้น อันนั้นก็แบบของพระพุทธเจ้าที่ยอมเสียชีวิตตัวเองก็ได้ แต่ขอให้คนอื่นเขารอดและคนอื่นมีความสุข ยุคสมัยของเราไม่ค่อยได้เห็น เอาแค่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย และก็หลวงปู่ทวดหนอนที่ปักษ์ใต้ ท่านนั่งเรือเดินทะเลและก็มีปลาฝูงหนึ่งพิสมัยท่านเหลือเกิน รักมากไล่ตามเรือตลอดไม่ยอมไปไหน พอหลายวันเข้ามันไม่ไปหากินอะไร มันก็อดล่ะสิ หงายแผ่ตายไปทีละตัว ท่านเองท่านสงสารมันก็เลยเชือดเนื้อตัวเองทีละชิ้น ๆ โยนลงไปให้มันกิน กว่าท่านจะเข้าถึงฝั่งได้ประเภทเสียเลือดเสียเนื้อแทบล้มประดาตาย ถึงขนาดว่าแมลงวันมันหยอดไข่จนกลายเป็นตัวหนอน นอนรักษากันป็นปีกว่าจะหาย เขาเลยเรียก "หลวงปู่ทวดหนอน" เพราะว่าเนื้อตัวเป็นหนอน สมัยนี้ของเราไม่ได้เห็นกันทันตา แต่ก็มีจำพวกบริจาคเลือด บริจาคอวัยวะ
      ถาม :  ถ้าบังเอิญที่บ้านใช้มุ้งลวดเลย ไม่มียุงให้ตบ เรื่องของศีลต้องตั้งใจถือหรือไม่และต้องตั้งใจอย่างไร ?
      ตอบ :  เรื่องของศีล ต้องตั้งใจงดเว้นถึงจะเป็นบุญ ไม่ใช่บังเอิญมีศีล เพราะไม่ได้ตั้งใจ เรื่องของความบังเอิญไม่ได้เจตนา พระพุทธเจ้าถึงได้บอก เจตนาหํ ภิกฺขเว ปุญฺญํ วทามิ ต้องเจตนาเท่านั้นถึงจะเป็นบุญไม่ได้เจตนา บังเอิญเขาไม่นับ มีมุ้งลวดอยู่ไม่ได้ตบยุงก็เลยไม่ได้คิดจะรักษาศีล คิดด้วยแต่อาศัยมุ้งลวดช่วยได้เปรียบเขาเยอะ
      ถาม :  เวลาไปตามร้านอาหาร เขาเอา กุ้ง ปู ปลา มาใส่ตู้โชว์และใส่ออกซิเจน เขาก็ไปชี้นิวว่าเอาตัวขนาดนี้ อย่างนี้เราจงใจฆ่าสัตว์หรือไม่ ?
      ตอบ :  แน่นอนที่สุด ถ้าเป็นพระเขาปรับทุกคำที่กินเลย เขาไม่ได้ปรับตายตัวนั้นนะ ปรับทุกคำที่กิน ถ้ารู้วาเขาฆ่าเพื่อเรา ถ้าเห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ถ้ารังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเราแล้วยังกิน ปรับทุกคำที่กิน ซวยตายเลย ปลงอาบัติกันบรรลัยวายวอด ยังดีนะมีสัมพะหุลาให้ ไม่อย่างนั้นไปไม่เป็นเลย ไม่รู้กินไปกี่คำ สัมพะหุลา นานาวัตถุกาโย นี่ก็หลายข้อ
      ถาม :  ปัจจุบันเขามีกฏหมายฟอกเงิน ฟอกเงินตายแล้วมีผลอย่างไร เพราะยังไม่เคยได้ยินในศีล ๕
      ตอบ :  กฎหมายฟอกเงินนี่ไม่ได้ช่วยฟอกเงินหรอก การฟอกเงินนั้นคนที่ทำผิดอย่างเช่นว่า เขาเอาไปเล่นหุ้น พอถึงเวลาได้เงินมาก็อ้างว่าเงินมาจากหุ้น ทั้ง ๆ ที่เงินได้มาจากการค้ายาเสพติด เป็นต้น กฎหมายฟอกเงิน เขาจะเอามายึดทรัพย์คนพวกนี้ ไม่ต้องตายหรอก จับได้ไล่ทันเมื่อไรโดนยึดแน่ ดันผ่าเอาไปทำกฎหมายเสียนี่ เล่นเอางงไปพักหนึ่ง
      ถาม :  ทำไมเวลาเราคิดว่าตัวเองดีเมื่อไร ต้องพังทุกที ?
      ตอบ :  เพราะว่าตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่มันยังไม่ดีจริง ต่อให้พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็ไม่คิดว่าท่านดีจริง เพราะว่าร่างกายก็ยัง เจ็บ ป่วย หนาว ร้อน หิวกระหาย เป็นปกติ เพราะฉะนั้นที่จะดีจริงก็คือตายแล้วไปนิพพาน การที่เราคิวด่าเราดีแล้ว นั่นคือประมาท ยังไม่เข้าถึงความดีที่แท้จริง พอประมาทก็พังน่ะสิ เช่น ประมาทขับรถไปเห็นถนนโล่งปล่อยมือขับ เจ๊งไหมล่ะ!
      ถาม :  เคยดูรูปในหนังสือ มีรูปคนนั่งสมาธิ มีวงกลมสีขาวส่องสว่างกลางตัวมีรัศมี อารมณ์นั้นเป็นอารมณ์ของอะไรครับ ?
      ตอบ :  ถ้าหากว่าสว่างทั้งดวงก็ต้องดูด้วย ถ้าเป็นสว่างขาวสะอาดเฉย ๆ ทั้งดวง นั่นเป็นกำลังของฌาน ๔ นะ สมาบัติ ๘ ก็กำลังแค่นั้น แต่ถ้าหากว่าขาวสะอาดแล้วมีประกายด้วย อันนั้นเป็นเรื่องของพระอริยเจ้า ถ้ามีประกาย ๑ ใน ๔ เป็นพระโสดาบัน ถ้ามีประกายครึ่งหนึ่งเป็นพระสกิทาคามี ถ้ามีประกาย ๓ ใน ๔ เป็นพระอนาคามี ถ้าสว่างประกายทั้งหมดเป็นพระอรหันต์
              คราวนี้ในรูปที่ว่านี้เราจะไปกำหนดอย่างนั้นก็ยากนะสิ ส่วนใหญ่จะทำเป็นประกายสว่างโร่อย่างกับดาวเลยใช่ไหม ถ้าอย่างพระอรหันต์แน่ ๆ บางทีก็เกินไปเพราะเขาเป็นฆราวาสแล้วเขาวาดรูปแบบนั้น ฆราวาสที่เป็นพระอรหันต์ ตายแหงเลย
      ถาม :  พระอรหันต์ท่านนั่งห้องแอร์ แล้วหัวเราะได้หรือไม่ เพราะคนคิดว่าพระอรหันต์ต้องนั่งคร่ำเคร่ง ?
      ตอบ :  อันนั้นคือคนคิด พระอรหันต์ท่านเป็นพระเปิดแล้วนะ กิริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านไม่ต้องระวังแล้ว ถ้าร่างกายของท่านไม่ไหว ท่านก็จำเป็นต้องอยู่ห้องแอร์เพื่อเป็นการที่ยังขันธ์ ๕ ที่มันเกิดทุกข์ทรมานให้ผ่อนคลายลงบ้าง แล้วขณะเดียวกันถ้าท่านอยากจะหัวเราะ ท่านก็หัวเราะเหมือนกัน แต่การหัวเราะของท่านนั้นเป็นกิริยาไม่มีมารยา อธิบายอย่างนี้เข้าใจหรือเปล่า ? เป็นอาการที่สักแต่ว่าทำเท่านั้น จิตใจท่านแช่มชื่นเบิกบานเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าเราคุยกับท่านแล้วท่านหัวเราะ บางทีไม่รู้หัวเราะเยาะเราหรือเปล่า ยุ่งเหมือนกัน
      ถาม :  ตำรานาคสมพงศ์ เขานับหัวนาค หางนาค เพื่อดูคู่ครองว่าจะมีสภาพอย่างไร โดยจะมีธาตุ เงิน ทอง ทราย แกลบ ถ้าใครตกทราย แกลบ ก็ดูท่านทางจะแย่ จริงอยู่ว่าการดูดวงสามารถชี้ช่องทางอนาคตได้บางส่วน แล้วจะเป็นจริงตามตำราที่ว่านั้นหรือไม่ครับ ?
      ตอบ :  จริงไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าแม่นที่สุดได้แค่นั้น เพราะว่าอันนั้นเป็นแค่สถิติที่ประมวลกันขึ้นมาว่าส่วนใหญ่ผลเป็นอย่างนั้น อีก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือนี่กำลังใจเรามั่นคงในทาน ศีล ภาวนา เรื่องของกฎของกรรม หรืออะไรก็ตาม มักจะไม่เป็นไปตามนั้น เพราะว่าต้องเรียกว่าบุญฤทธิ์เขาสูง
      ถาม :  เขาจะปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะเป็นคนมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดอะไรต้องเป็นอย่างนั้น และต้องใช้เวลานานเท่าไร ?
      ตอบ :  นานเท่าไร หลายชาติอยู่ เป็นผู้มีวาจาสัตย์เป็นปกติ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเหลวไหล ไม่พูดโกหก ทำเป็นปกติต่อเนื่องกัน ถึงวาระถึงเวลาวาจาก็จะมีความศักดิ์สิทธิ์โดยอัตโนมัติ
      ถาม :  นักวิจารณ์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดเขากล่าวว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสภาพปัญหาสังคมในครอบครัว ปัจจุบันนี้เรื่อง "เอ็กซ์เมน" เป็นเรื่องที่ได้รับควารมนิยมมาก ถ้าจะอนุมานว่าคนเราชอบในสิ่งที่เหนือธรรมชาตหรือว่าอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ก็คงไม่ผิดนัก
              ดูอย่างเช่น ข้อที่ ๑. การที่คนนิยมรับองค์ของวิญญาณต่าง ๆ แล้วเกิดอาการสั่น พูดเสียงเด็กหรือเสียงคนแก่ได้ก็พอใจ ข้อที่ ๒. การไปสักยันต์รูปสัตว์ต่าง ๆก็มีอาการสั่น ข้อที่ ๓. การที่เลี้ยงลูกกรอกหรือผีให้คนเห็นว่าศักดิ์สิทธิ์ก็พอใจ การที่คนไปเดินตามหาผีว่ามีจริงหรือไม่ คือพบควันขาว เงาดำ มีรอยบนตัว แมวดำ เห็นขาลอยเสียงกระซิบจากผีแล้วตกใจ แล้วก็สรุปว่าผีอาจไม่มีจริง คิดกันไปเอง เป็นเรื่องของจิตอ่อน พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องปาฏิหาริย์ไว้อย่างไรบ้างครับ ?
      ตอบ :  เรื่องของปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญ เพราะว่ามันจะทำให้คนเลื่อมใสศาสนาโดยไม่ได้ออกมาจากน้ำใสใจจริง เขาจะไปติดตรงฤทธิ์เดชนั้น แล้วไปกระตือรือร้นสนใจอยู่ตรงนั้น จะทำให้ไม่เข้าถึงธรรมที่แท้จริง ท่านก็เลยสั่งพระในพระพุทธศาสนาว่าถ้าใครสามารถแสดงฤทธิ์ได้ ห้ามแสดง ไม่เช่นนั้นท่านปรับเป็นโทษ
              คราวนี้สิ่งที่คุณว่ามานั้นต้นกับปลายออกไปคนละทิศ ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน แตกใบอ่อนเป็นมะลิลาไปแล้ว ขึ้นต้นเรื่องของภาพยนตร์ โดยเฉพาะเรื่อง "เอ็กซ์เมน" คนเขาสนใจเรื่องเหนือโลกมากเลยใช่ไหมแล้วระยะนี้เวลานี้เป็นวาระของอภิญญาเข้า สังเกตไหม "แฮรร์รี่ พอตเตอร์" "เดอลอร์ด ออฟเดอะริงส์" สารพัดเรื่อง เป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา อภิญญาสมาบัติทั้งนั้น เหมือนกับเป็นการปูพื้นฐานอย่างหนึ่ง พอถึงเวลาคนเริ่มเคยชิน ถ้าอภิญญาใหญ่ปรากฏขึ้นจริง ๆ เขาจะไม่รู้สึกแปลกใจ เพราะเสพรับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เข้าไปเยอะแล้ว
              เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่า "บังเอิญ" ในพระพุทธศาสนาคำว่า "บังเอิญ" ไม่มี ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมทั้งสิ้น ไม่สังเกตหรือว่าทำไมอยู่ ๆ เรื่องอย่างนี้ประดังเข้ามากันในช่วงนี้ มันเป็นวาระของเขา เวลาของเขา แต่อาตมาไม่ได้ดูหนังมา ๒๐ ปี ๓๐ ปีแล้ว เรื่องอะไรก็คงจะฟังแต่ชื่อจากโยมว่านั่นแหละ อยากดูเสียเมื่อไร เรื่องที่คนเขาไปสนใจเรื่องลึกลับ บางคนประเภทอยากรู้ ข้อสงสัย ก็คือวิสัยของพวกอภิญญานี่แหละ ในเมื่อเขามีพื้นฐานอย่างนั้นของเขาอยู่ เขาก็ไปเสาะแสวงหามา แต่เนื่องจากว่ามันไม่ใช่ความรู้อย่างแท้จริงก็เลยไปสรุปว่าผีมีจริง ผีไม่มีจริงบ้าง อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องอวิชชา คือความรู้ไม่ถ้วนอย่างหนึ่ง ปล่อยเขาไปเถอะ
      ถาม :  เดี๋ยวนี้คนเขามักจะคิดกันว่า เรื่องของเสียงเพลงหรือบันเทิงเป็นเรื่องเดียวกับศาสนาพุทธ เพราะทำให้ใจเขามีสุขเหมือนกัน พระคุณเจ้าเคยกล่าวว่าขณะที่เราร้องเพลงมีจิตเป็นสมาธิ แต่ว่าเป็นมิจฉาสมาธิ คำว่า "มิจฉาสมาธิ" หมายถึงอะไรครับ ?
      ตอบมิจฉาสมาธิ คือใช้สมาธิในทางที่ผิด ในขณะที่คนร้องเพลงถ้าสามาธิไม่ดีก็คร่อมจังหวะ ผิดคีย์ ดีไม่ดีหลงลืมเนื้อเพลงไปด้วย แต่ว่านั่นไม่ใช่สมาธิเพื่อความหลุดพ้น ดีไม่ดีไปยึดมันสียด้วยซ้ำ ไปร้องแล้วมีคนคอยกรี๊ดอย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นมิจฉาสมาธิ ใช้ไปในทางที่ผิด แล้วในขณะเดียวกันตัวปีติที่เกิดขึ้นก็เป็นการกระตุ้นเร้าจากสิ่งภายนอก คือตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รสกายสัมผัส เหล่านี้เป็นต้น
              สังเกตไหมมีคนจำนวนหนึ่งเที่ยวกลางคืนเป็นปกติแล้วเลิกไม่ได้ คือเขาไม่รู้ว่าทำไมไปแล้วเขาสบายใจ แต่รู้ว่าไปแล้วจะได้รับความสบายเขาเลยไปเป็นปกติ อันนั้นก็คือว่าเขาได้รับการกระตุ้นทาง ตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ ขึ้นมา แล้วเกิดปีติขึ้นมาชั่วคราว เป็นปีติทางโลกเรียกว่า โลกียปีติก็ได้แล้วเขารู้สึกว่าเขาต้องทำอย่างนั้นแล้วเขาจะมีความสุข เขาก็ทำไปเรื่อย เลิกไม่ได้ กลายเป็นเสพติดไป ซึ่งไม่เหมือนปีติทางธรรมที่เกิดขึ้นจากการที่เราทำความดี พอความดีปรากฏผลเราก็ปลื้มปีติ หรือว่าการบำเพ็ญภาวนาพออารมณ์ใจเข้าถึงสมาธิระดับหนึ่งจะเกิดปีติ ปีติพวกนี้จะยั่งยืนนานไม่ต้องไปแสวงหาจากภายนอกและจะอยู่ภายในของเราเอง
              เพราะฉะนั้นตัวปีตินี่ถ้าหากว่าเผลอเมื่อไร โอกาสพลาดจะเยอะ ของเราถ้าหากเผลอไปจะกลายเป็นนักเที่ยวไปโดยไม่รู้ตัวขณะเดียวกันนักปฏิบัติถ้าปีติเข้ามานี่ มารก็แทรกได้ง่ายอีกเหมือนกันเพราะตอนนั้นมันไม่อิ่มไม่เบื่อในการที่จะปฏิบัติแล้ว อาจจะโดนมันลากเสีย ๓ วัน ๓ คืน สติแตกไปเลยก็มี ต้องมีสติคอยรู้อยู่เสมอ ถึงเวลาไหนควรจะพัก ให้พัก ถึงเวลาไหนควรจะทำ ให้ทำ
      ถาม :  ที่หลวงพ่อฤๅษีเทศน์ว่า ปีติ ต้องระวัง บางทีทำ ๓ วัน ๓ คืน ไม่หยุด อย่างนี้ถ้าเกิดต่อไป ถ้าร่างกายแย่แล้ว ปีติจะไม่เกิด ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ ถ้าหากว่าประสาทร่างกายรับไม่ไหวจะเกิดอาการวิปลาสไปต่าง ๆ นานา ที่เขาเรียกว่า กรรมฐานแตกบ้าง เพี้ยนบ้าง เพราะว่าไปบังคับร่างกายมากเกินไป ไมใช่เพราะว่าร่างกายทุลพลภาพแล้วฌานจะเสื่อม คนขาด้วน แขนด้วน ตาบอด หูหนวก ถ้ารู้จักทำสมาธิก็ทรงฌานได้ทั้งนั้น
      ถาม :  การที่พระคุณเจ้าได้กล่าวว่า ผมเป็นผู้พหูสูตรในครั้งก่อน ผมมานึกอีกทีว่าผมคงไม่กล้าที่จะโต้แย้ง แต่เห็นท่าว่าอาจจะไม่จริง เพราะว่าห้าร้อยคำถามที่ได้าถมไปพระคุณเจ้าสามารถทำให้ปัญหาคลายตัวได้ทั้งหมด อีกทั้งเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่เคยได้ถามในครั้งก่อนคือเรื่อง"ปฏิจจสมุปบาท" คนอื่นจะกล่าวผิดถูกอย่างไร ผมไม่อาจทราบได้ เพราะมีผู้กล่าวหาว่าท่านกล่าวผิด และกล่าวว่าท่านเป็นพระผู้เลิศกว่าพระพุทธโฆษาจารย์แล้ว ?
      ตอบ :  ผู้ที่กล่าวว่า กล่าวผิดนั้นน่ะใคร อาตมากล่าวผิดหรือใครกล่าวผิด
      ถาม :  มีคนกล่าวว่า พระพุทธโฆษจารย์กล่าวผิด ผมเลยถามว่าถูกผิดเป็นอย่างไร ?
      ตอบ :  ถูกผิดเป็นอย่างไร ? ถูกผิดต้องว่ากันตามพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธโฆษาจารย์ อาตมายืนยันว่าท่านพูดไม่ผิด โอ้โห! พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณกล่าวปฏิจจสมุปบาทผิด มันก็เกินไป ไม่ต้องถึงระดับนั้นหรอก เอาแค่อนาคามีปฏิสัมภิทาญาณก็พอ
      ถาม :  การที่คนเรามีบุตร ๒ คน คนแรกพอจะสั่งสอนได้ อีกคนปัญญาน้อย เมื่อกระทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงเข้ามาในบ้าน ใหม่ ๆ ควรแก้ปัญหาอย่างไร มีทางเลือกให้เลือกคือ ข้อ ๑. ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงให้สะใจในอารมณ์ข้อ ๒. ตีและด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายและรุนแรง ข้อ ๓. ไม่พูดอะไรเลย แต่ในใจด่าอย่างรุนแรงหลายวัน ข้อ ๔. พูดด้วยคำพูดปลอบประโลมใจแล้วค่อยสั่งสอนภายหลัง ข้อ ๕. ไล่ออกจากบ้านและบอกว่าให้ตัดขาดความเป็นลูก ?
      ตอบ :  เอาข้อ ๔. เหมาะสมที่สุด อย่าน้อย ๆ คนที่ทำผิดพลาดมานั่นน่ะ เขาเจ็บมาพอแล้ว ถ้าโดนพ่อแม่ซ้ำเข้าไปอีก ในที่ ๆ เขาคิดว่าเขาจะได้ที่พึ่งที่พิงได้ กลายเป็นที่ ๆ เขาพึ่งพิงไม่ได้ เขาจะเจ็บซ้ำเข้าไปอีกหลายเท่า
              เพราะฉะนั้นอันดับแรกปล่อยเขาก่อน เพราะคนเราโอกาสผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ พ่อแม่ก็ไม่ใช่ไม่ผิดนี่ หลังจากนั้นแล้วค่อย ๆ สอนเขาตอนที่เขามีสติ ตอนที่เขาเสียใจสอนจะไม่ได้เท่าไร มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาหมด แหม! น่าตีให้ตายเลย ยกเว้นว่าเคยสอนเขาไปแล้ว ตอกหัวตะปูก็แล้ว ย้ำก็แล้ว เขายังไม่ฟังก็ต้องฟาดเสียบ้าง