ถาม:  ตกลงที่พอดีก็คืออุปจารสมาธิกับฌานสี่ ?
      ตอบ :  นั่นของเขาไม่ถึงฌานสี่ แต่ก็เลยอุปจารสมาธิ ก็ไม่ได้เห็นสักที พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า “บุคคลผู้ฝึกฌานสี่ได้เป็นแสนคน จะได้ทิพจุกขุฌานสักกหนึ่งคนก็แสนยาก” ส่วนใหญ่แล้วต้องมีของเก่าตุนมาแล้ว มโนมยิทธินี่เป็นการฟื้นของเก่า
      ถาม :  ถ้าอย่างนั้นที่เมื่อครู่นี้ พูดง่าย ๆ ว่าการซ้อมก็คือ ?
      ตอบ :  ทำไว้ทุกวัน ๆ ใช้กำลังใจทุกเวลาที่ต้องการ เจออะไรเข้าเกิดความสงสัยขึ้นมา กำหนดใจขอรู้สักหน่อยหนึ่ง และให้เชื่อความรู้สึกแรกนั้น อย่างสมัยก่อนฝึกได้ใหม่ ๆ เดินไปเจอคนมือเป็นง่อยมา กำหนดใจทันที อ๋อ...ไอ้นี่เคยเป็นไอ้พ่อค้า จับพวกกบหักขาไม่ให้กระโดดหนี แล้วตัวเองก็ต้องมารับโทษอย่างนี้ ดูไปเรื่อย ดูไปดูมาจนกระทั่งเจอแหม่มคนหนึ่งยังนึกว่าผีหลอก เขาเดินขึ้นสะพานลอยมา เกือบจะเห็นแต่เสื้อแทบจะไม่เห็นตัว นึกว่ายายนี่เป็นผีหรือคน ปรากฏว่าเป็นคน แต่เป็นคนเผือก คนเผือกประเภทเซลล์สีทำงานผิดปกติ คนผิวดำ ๆ ยังขาว แล้วแหม่มขาวอยู่แล้วพอเผือกจะเป็นอย่างไร เกือบจะใสเลย เดินขึ้นมานี่เห็นเสื้อลอยมาก่อน ตัวอยู่ไหนวะ...! ตอนแรกก็นึกว่าผี
      ถาม :  ทำพอหลอกเด็ก ๆ หรือเปล่า ?
      ตอบ :  ไม่ได้หลอกหรอกจ้ะ เรื่องจริง อย่างของทหารบกนี่เวลาฝึกแรงเยอร์นี่ ภาคที่ลุ่มไปฝึกที่เพชรบุรี แล้วจะมาขึ้นตรงวัดเขาสมอระบัง พอขึ้นวัดเขาสมอระบังแล้ว จะต้องไปหาปัญหา ไปควานแผ่นที่จากซากศพ นอนอยู่กับผีให้ยุ่งไปหมด
              มีอยู่เที่ยวหนึ่งควานกันจนเละไปทั้งศพแล้วยังหาแผนที่ไม่ได้ นอนหงายก่ายหน้าผาก ที่ไหนได้ปัญหาเสียบอยู่บนคบไม้ข้างบน คือถ้าเราแหงนมองข้างบนก็จบเลย แต่คราวนี้เขาเอาโลงไปตั้งไว้ รุ่นพี่บอกแล้วว่าต้องไปหาปัญหาจากศพ ก็หารื้อซะจนผีเละเป็นโจ๊กไปเลย จนกระทั่งไม่มีปัญญาจะรื้อแล้ว นอนหงายก่ายหน้าผาก อ้าว...อยู่ข้างบน เอาเสียบไม้ไว้ โดนต้มซะเปื่อยเลย
              เพราะฉะนั้น....เรื่องผีจริง ๆ ไม่น่ากลัวหรอก ถ้ากลัวขึ้นมาให้นึกถึงพุทโธ ๆ ไว้ก็จบแล้ว มีอยู่เที่ยวหนึ่งไปที่แม่สาน ไปแล้วมีวัดของเจ้าถิ่นอยู่ คราวนี้อาตมาธุดงค์ไปก็ไม่อยากพักวัด ถามว่า “ปักกลดตรงไหนสะดวก ?” เจ้าถิ่นชี้ที่ให้ อาตมาก็ไปปักกลด พอปักกลดแล้วมดเยอะ พวกนี้กวนดีนักแหละ เดี๋ยวตัวโน้นกัดนิดตัวนี้กัดหน่อย รำคาญก็เลยย้ายที่ ไปเจอที่เหมาะ ๆ มีต้นไม้อยู่สองต้น ต้นหนึ่งก็โตประมาณสักคืบหนึ่งได้ สองต้นเว้นระยะห่างพอดี ๆ เอาเชือกผู้แล้วก็แขวนกลดตรงกลาง ตรงนั้นเป็นเนินแล้วก็เป็นแอ่ง ๆ หน่อย นอนสบายเลย
              ปรากฏว่าพอตอนค่ำเอนตัวลงจะนอน เห็นผี ๖ ตัว มาทางหัวนอน ตั้งท่านว่าเอาแน่แล้ว อาตมายังไม่ทันจะนึกให้อะไรช่วย เห็นเทวดาท่านวิ่งมาทางด้านปลายเท้า เยอะกว่าตั้งหลายเท่า ผีเลยอยู่ไม่ได้ กระเจิงไปเลย อาตมาก็ภาวนาไปเรื่อย พอตอนเช้าเก็บกลดเดินเข้าไปที่วัด เพื่อที่จะบิณฑบาตพร้อมกับเขา พระเจ้าถิ่นพอเห็นเข้า อ้าว...อาจารย์ไปปักกลดทางด้านไหนมา ? ก็ชี้ให้ดูว่าตรงนั้น ท่านบอกว่า “นั่นน่ะป่าช้านะครับ” พอบิณฑบาตเสร็จฉันเสร็จ เก็บบาตรเดินกลับไปที่ปักกลดอยู่ พิจารณาแล้วไปนอนอยู่บนหลุมศพเลย ที่ดินยุบเป็นแอ่งนั่นเป็นแอ่งเหลี่ยม ๆ เขาขุดหลุมฝังตรงนั้นพอดี แล้วพอนาน ๆ ไปแล้วดินบุบตัวลงก็เป็นแอ่ง พอดีนอนได้สบาย
      ถาม :  มิน่า...เจ้าของหลุมเขาโกรธแย่เลย ?
      ตอบ :  นอนอยู่ทั้งคืนสบายดี เพราะไม่รู้ว่าตรงนั้นเป็นป่าช้า เห็นว่าเหมาะดี เป็นเนิน ๆ หน่อย นอนแล้วหัวสูงกว่าหน่อย อย่างสบายเลย
      ถาม :  คนอื่นเจอยังไม่ทันได้ภาวนาก็เผ่นแล้ว ?
      ตอบ :  ไปเจอที่ด่านช้าง ผีที่ด่านช้างคงจะมาล้อเล่นเฉย ๆ จะขึ้นไปบ้านกะเหรี่ยงก็ค่ำซะก่อน พักอยู่กลางดงอ้อยเป็นพัน ๆ ไร่ สุดลูกหูลูกตาเลย แล้วมีกระต๊อบเล็ก ๆ ที่เขาปลูกไว้สำหรับพวกคนงานตัดอ้อยได้พักร่มเวลากลางวัน อาตมาไปถึงก็ เออ...ดี ก็แขวนกลดเลย สวดมนต์ไหว้พระเสร็จก็นอนภาวนาไปเรื่อย
              ตอนแรก ๆ เสียงเหมือนกับมีหนูตัวเล็ก ๆ วิ่งอยู่บนหลังคาที่เป็นสังกะสี วิ่งตึ๊ก ๆ ไป แล้วก็วิ่งตึ๊ก ๆ มา อ้าว...! เสียงไม่ได้อ้อมเลยนี่ วิ่งไปแล้ว ก็วิ่งกลับ ไขว้เป็นกากะบาดเลย ช่วงจังหวะวิ่งอ้อมไม่มีเสียง แล้วไปได้อย่างไร เหมือนกับสองตัววิ่งไขว้กันไป วิ่งไขว้กันมาอย่างนี้ ถ้าเป็นตัวเดียวก็คือวิ่งมาถึงนี่ แล้วก็มาเริ่มต้นตรงนี้ใหม่ อาตมานั่งฟัง เออ...หนูอะไรวะ ? แปลกดี
              พอพักใหญ่ เห็นอาตมาไม่สนใจเสียงก็ดังขึ้นอย่างแมวตัวใหญ่ ๆ ขึ้นไปวิ่งตึง ๆ เล่นสนุก พออีกพักหนึ่งเห็นอาตมาไม่สนใจ คราวนี้อย่างกับหมาทั้งฝูงขึ้นไปฟัดกันอยู่บนหลังคา เสียงตึงตังโครมครามไปหมด อาตมาก็ เออ...ดี มีปัญญาก็เล่นไป อย่างโผล่ลงมานะ มาใกล้โดนเตะแน่ แล้วก็ภาวนาไปเรื่อย เผลอหลับ...ตื่นขึ้นมาตีสองกว่า ผีหายไปตอนไหนก็ไม่รู้...(หัวเราะ)...ภาวนาไปภาวนามาเผลอหลับ เพราะเดินมาเหนื่อย ตกลงผีคงหลอกจนเซ็ง คนห่...อะไรวะไม่กลัวสักที...!
      ถาม :  เขามาขอส่วนกุศลเฉย ๆ ?
      ตอบ :  ถ้าเขามาขอ เขาจะมาใกล้เลย ไอ้นี่แหม..ไปเล่นอยู่บนหลังคา ปล่อยให้เล่นกันให้พอ พวกประเภทเล่นอยู่ใกล้ ๆ ก็ครั้งที่ไปนอนบนหลุมศพนั่นก็เหมือนกัน พอคืนต่อมาก็ย้ายที่ ไปนอนตรงฝ่ายเหนือน้ำ เขามีทำฝายเอามากั้น ๆ ให้น้ำล้นอยู่หน่อย สะดวกดี น้ำลึกประมาณแค่คอ อาบสบายเลย
              ตอนกลางคืนก็ปักกลดห่างจากฝายสักห้าหกสิบเมตร มีต้นไม้ใหญ่อยู่ก็ปักกลดตรงนั้น ภาวนาไปเรื่อย ๆ ห้าทุ่มกว่า ๆ ได้ยินเสียงเด็กโดดน้ำตูม อาตมาลืมคิดไปว่าห้าทุ่มกว่า แล้วนอนแหงนหน้ามองกลดอย่างนี้ แต่ดันเห็นเด็กคว่ำหน้าลอยตุ๊บป่องอยู่ในน้ำที่หางลิบเลย อารามตกใจว่า อ้าวเฮ้ย...! เด็กตกน้ำ...ลืมคิดไป วิ่งตาลีตาเหลือกไปหิ้วคอเสื้อดึงขึ้นมา พอดูหน้าถึงได้รู้ว่าไม่ใช่เด็ก มีแต่ลูกตา แถวใต้จมูกลงมาไม่มีอะไรเลย ขนาดนั้นยังรู้ว่าโดนผียิ้มเยาะ ก็เลยโมโห หนอยแน่ะ...ตูกำลังนอนดี ๆ อยู่ หลอกให้วิ่งตาลีตาเหลือกมา เลยกะว่าจะหากระบอกหรืออะไรสักอย่างหนึ่ง ยัดเข้าไปแล้วสะกดเอาไว้สักปีสองปี เอาให้เข็ด แต่มองซายมองขวาแล้วหาอะไรไม่ได้ เลยทุ่มตูมลงน้ำไป พอตกน้ำไอ้ผีก็หายวับไป แล้วก็มืดตื๋อเลย
              ตอนผีอยู่กับเรานี่สว่างอย่างกับกลางวันเลย เห็นทุกอย่าง แต่พอทุ่มลงน้ำแล้วหายวับไปนี่มืดตื๋อเลย คราวนี้ซวยนะสิ วิ่งออกจากกลดมาทิศไหนก็ไม่รู้ หาไม่เจอ อูย...กว่าจะควานกลับไปได้ต้องมานั่งตั้งสติ เอ๊ะ...เมื่อเย็นอาบน้ำตรงไหน ? ตรงนี้นะ แล้วเดินไปปักกลดทางโน้น งมอยู่ตั้งนานกว่าจะถึงกลด เวลาผีหลอกนี่จะสว่างเหมือนกลางวัน เห็นหมดเลย หลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น เห็นเท่ากันหมด
      ถาม :  เมื่อวานนี้โดนแกล้งคือไม่ให้ออกมา คนไข้คนนั้นเถียง พยาบาลไม่ให้ผมออกมา ผีมานั่งเล่นกันที่เตียงกันเป็นแถว ?
      ตอบ :  สังเกตสิ ประเภทเตียงพยาบาลนี่เขาจะมี ถ้าทองแผ่นหนึ่งก็จะตายศพหนึ่ง อาตมาเคยเจอบางเตียงสามสี่สิบแผ่น...!
      ถาม :  ที่เตียงนอน ?
      ตอบ :  เตียงนอนตรงแถวหัวเตียง สมัยป้าศรีเวียงฝึกงานใหม่ ๆ เคยเจอไหม ? เตียงไหนปิดทองก็เตียงนั้นแหละ แผ่นหนึ่งก็ศพหนึ่ง ตอนที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน อาตมาชอบไปเลือกห้องที่แผ่นทองเยอะ ๆ แล้วไปนอนพักเที่ยงกัน พอรถเข็นอาหารผ่านมาได้ยินเสียงดังก็เคาะประตู คนเข็นรถตกใจก่อนทุกทีแหละ พอเราเปิดประตูออกไปเขาเห็นเด็กนักเรียนมานอนอยู่ในนี้ เขาก็ส่งอาหารให้
              เจ้าหน้าที่ส่งอาหารเขารู้อยู่แล้วว่าเด็กซน ๆ มีเยอะ กลางวันขี้เกียจซื้ออาหารกิน หรือสตางค์มีก็ไม่ซื้อ มาขอกินที่โรงพยาบาล เขาต้องเลี้ยงมื้อกลางวันคนไข้อยู่แล้ว กับข้าวโรงพยาบาลกี่วันก็เหมือน ๆ กัน คนไข้ไม่ค่อยกินหรอก เหลือมาถึงพวกเราเยอะแยะ ห้องว่างเขาก็รู้อยู่ แล้วแถมยังมีคนตายเยอะด้วย อยู่ ๆ มีคนเคาะประตูเป็นเราก็ใจฝ่อเหมือนกัน ต่อไปเวลาเข้าโรงพยาบาล ให้เลือกเตียงที่มีแผ่นทองเยอ ๆ นะ...!
      ถาม :  (ไม่ชัด)
      ตอบ :  บางครั้งอาตมาเจอส่วนใหญ่จะเป็นเทวดา แกล้งเอาสนุก เจอผีจริง ๆ น้อยมาก ก็โน่นเจ้าแม่เบิกไพรที่ลิ่นถิ่น ใส่ชุดไทยปีนหน้าต่างมาอะไรอย่างนี้
      ถาม :  หนูกลัวว่าจะมาโผล่ข้างหลัง ?
      ตอบ :  ไม่โผล่ข้างหลังหรอก โผล่ก็โผล่ข้างหน้าเลย วันก่อนอ่านเรื่องจูออนผีดุของญี่ปุ่น อ่านไปอ่านมาผีหลงประเด็น ตอนแรกโดนเขาฆ่าตาย คือแต่งงานกับผัวแล้วก็มีลูกคนหนึ่ง แล้วอยากมีอีกคนเท่าไร ๆ ก็ไม่มี ก็ไปให้หมอตรวจ หมอบอกว่าถ้าน้ำเชื้อน้อยกว่า ๒๐ ล้านตัวโอกาสจะมีลูกน้อย ผัวเขามีแค่สามล้านเท่านั้นเอง โอกาสจะมีเท่าไร หมอบอกว่า “เกือบ ๆ จะศูนย์ครับ” ไอ้นั่นโมโหใหญ่ “แล้วนั่นใช่ลูกกูหรือเปล่าวะ ?” โกรธมาก กลับบ้านไปก็เลยไปฆ่าเมีย เมียก็ประเภทเราไม่ได้ทำผิดสักหน่อย อยู่ ๆ มาฆ่า เลยอาฆาตพยาบาท ใครเข้าไปในบ้านั้นโดนฆ่ากระจายเลย ฆ่าไปฆ่ามาหลงประเด็น
      ถาม :  หลงประเด็นอย่างไร ?
      ตอบ :  เหมือนกับว่าคนเขียนจะเอาแต่ความโหดให้คนอ่าน เพื่อสยองขวัญ ผีก็เลยฆ่าไปเรื่อยเปื่อย แทนที่จะจำกัดวงเอาไว้แค่นั้น ก็เริ่มกว้างออกไปเรื่อย ตำรวจก็ฆ่าหมด
      ถาม :  อย่างนี้เด็ก ๆ ที่เห็นลูกเขา บอกลูกก็โดนฆ่าด้วย ?
      ตอบ :  ลูกเขาน่าจะตายไปนานแล้ว แต่เขาไม่ได้เจอศพ เหมือนอย่างกับฉากหนัง หลอกอาตมาให้กลัวไม่ได้หรอก ประเภทลิฟท์ชั้นที่หนึ่งมีเด็กน้อยยืนหันหลังอยู่ ชั้นที่สองเด็กน้อยหันหลังอยู่ สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด มีเด็กหันหลังอยู่ทุกชั้นเลย แต่เขาไม่เห็น ตกลงว่าเขาหลอกคนอ่าน ตัวละคนไม่เห็นผีหรอก สนุกดีเหมือนกัน
      ถาม :  .........(ไม่ได้ยิน)...
      ตอบ :  ช่วงที่อาตมาไม่อยู่ ผีกระสือหรือว่าผีโพลงอาละวาด เขาบอวก่าเป็นดวงแสงลอยมา แล้วใหญ่ขึ้น ๆ หายลงไปในบ่อกบ พวกเลี้ยงกบบอวก่า ถูกผีมากินอยู่บ่อย ๆ จนจะหมดบ่ออยู่แล้ว แจ้งความตำรวจก็บอกว่า อุปาทานบ้าง ไม่ใช่เรื่องจริงบ้าง ไม่ไปดูด้วยซ้ำ บอกผู้ใหญ่บ้านก็โวยวายไม่มีเวลาไปเฝ้าให้ เพราะมากลางคืน ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหนด้วย พอเขาจับเคล็ดได้ว่า ผีจะเลือกมาวันโกนวันพระ ไอ้พวกนี้นิสัยดี เลือกมาวันโกนหรือวันพระ แต่เวลาไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นหัวค่ำหรือกลางดึก
      ถาม :  เอาแหไปจับได้ไหมคะ ?
      ตอบ :  แปลกตรงที่ว่า เขาขึงสแลนปิดทั้งบ่อ แต่ผีลงไปนั่งกินกบได้หน้าตาเฉย
      ถาม :  ผ่านสแลนได้อย่างไรคะ ?
      ตอบ :  ไม่รู้ว่าลงไปได้อย่างไร ดวงแสงมาก็วูบลงไปในบ่อ ส่องไฟดูก็เห็นผีนั่งยอง ๆ กินอยู่ในนั้น แล้วพอเป็นดวงแสงขึ้นมาเขาก็ไล่ตีไล่ฟัน แต่ทำอะไรไม่ได้ แต่เขาบอกว่าผีตัวนี้แปลก คือปกติแล้วจะแสดงให้เห็นใบหน้าคน แต่ตัวนี้หน้าเป็นแมว เลยสงสัยว่าจะเป็นว่าน เพราะมีว่านชนิดหนึ่งเรียกว่าว่านกระสือ หรือว่านผีโพลง พวกนี้ถ้าแก่ตัวแล้ว ถ้าเจ้าของเลี้ยงไม่ดี ก็จะไปหากินเอง พอหากินเอง ถ้ามีคนเห็นก็จะทำให้เห็นเป็นใบหน้าเจ้าของ คือในดวงแสงจะมีหน้าเจ้าของขึ้นมา แล้วคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเจ้าของคนที่เลี้ยงว่านนั่นแหละคือผี แต่ตัวนี้แปลก...ทำหน้าเป็นแมว แล้วเจ้าของบ่อก็ไม่กล้าใช้ปืนยิง เพราะกลัวขอบบ่อพังแล้วกบจะหนีไปหมด ได้แต่ไปไล่ทุบไล่ตีกัน เสร็จแล้วตาช่วย หัวหน้าคนงานที่ต้นน้ำก็ไปไล่ ขนของขลังไปเต็มอัตราศึก อะไรที่อาตมาเคยให้ตาช่วยพกไปหมด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผีไม่มาอีกเลย เจ้าของบ่อไปตามตื๊อตาช่วย ขอยืมหน่อยเถอะ ไปเอาของขลังนี่มาจากไหน ? ตาช่วยบอกว่า “เอามาจากอาจารย์กู พระอาจารย์ที่หน่วยต้นน้ำ” เขาถามว่า “ไปขอให้บ้างได้ไหม ?” ตาช่วยบอกว่า “ท่านย้ายวัดไปแล้ว”
      ถาม :  ตามมาไหมคะ ?
      ตอบ :  ไม่ได้ตามมาหรอก ตาช่วยทนตื้อไม่ได้ ยอมให้ยืมไปแล้ว
      ถาม :  ตอนที่ลงไปเป็นคนหรือคะ ?
      ตอบ :  เขาบอกว่าลงไปนั่งยอง ๆ กินอยู่ ไม่ได้ถามรายละเอียดว่าเป็นคนหรืออะไรคะ แต่ตอนเป็นดวงแสงดันทำเป็นหน้าแมว แต่พวกว่านกระสือ ว่านผีโพลงนี่ พวกทางวิทยาศาสตร์เคยทดสอบแล้ว ตอนแก่ ๆ เขาเอาหัวไปทดสอบว่ามีสารปรอทเยอะมาก ถึงได้เรืองแสง (โพลง) ได้แต่ตรงจุดที่ว่าทำไมออกไปหากินได้นี่เขาไม่รู้ คนเลี้ยงว่านพวกนี้ส่วนใหญ่เลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้าน แต่ต้องเลี้ยงเขาให้ดี จะต้องมีพวกอาหารสด อาหารคาวให้พวกนี้เขากินอยู่ตลอดเวลา ถ้าประเภทลืมทิ้งไว้อด ๆ อยาก ๆ เขาทนหิวไม่ไหว เขาจะไปหากินเอง พอเขาไปหากินเอง คนเจอเข้าก็ทำเป็นหน้าเจ้าของว่าน จนเจ้าของเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน
      ถาม :  พวกนี้มีผีมาสิงอยู่ไหมคะ ?
      ตอบ :  อสุรกายประเภทหนึ่งไปอาศัยจับได้ เหมือนอย่างกับว่าพอถึงถึงเวลาแล้วคนเผลอทิ้งรถยนต์ พวกนี้ก็ยืมรถยนต์มาใช้ก่อน เพราะฉะนั้น...ถึงเวลาว่านได้อายุ ก็มาอาศัยหากินไปก่อน
      ถาม :  ที่ผีกระหังเหาะมา ?
      ตอบ :  นั่นตอนอยู่ชายแดน เขาสร้างขึ้นมา ไม่ใช่กระหังที่เป็นอสุรกาย เขาใช้วิชาการสร้างขึ้นมา พวกกระหังที่เป็นผีจริง ๆ อาตมาเจอที่ทองผาภูมินี่เอง มีอยู่เที่ยวหนึ่งก่อนที่จะลงมาที่นี่สัก ๒-๓ วัน กำลังภาวนา ๆ อยู่ จิตหลุดออกไปนึกว่าจะไปไหว้พระตามปกติของเรา แต่ปรากฏว่าไปหล่นปุ๊อยู่หน้าบ้านเขา เป็นบ้านลักษณะบ้านชาวบ้าน บ้านป่ามุงแฝกมุงจากอย่างนี้
              แต่แปลกใจอยู่อย่างว่ามีสากตำข้าวทิ้งอยู่กลางลานบ้าน ปกติพวกเครื่องมือหากินชาวบ้านเขาเก็บดี ไอ้นี่สากตำข้าวทิ้งอยู่กลางลานบ้าน เลยเดินเข้าไป ข้ามสากเข้าไปเขากรูกันออกมา มีเด็ก ๆ อยู่ห้าคน แล้วก็ตัวพ่อกับตัวแม่ เห็นหน้าพ่อกับแม่อาตมารู้เลย...ไอ้นี่ไม่ใช่คน...! พอเขาเห็นอาตมาเขาก็ชะงัก จึงถามเขาว่า “เป็นอะไรถึงมาอยู่กันอย่างนี้ ?” เขาบอกตรง ๆ ว่า “เป็นกระหังกับกระสือที่อยู่ด้วยกัน” ถามว่า “แล้วทำมาหากินอะไร ?” เขาบอกว่า “ทำไร่ทำนาตามปกติ แต่พอตกกลางคืนก็ออกไปหากินในแบบของตัว” แล้วถามว่า “แล้วทำไมวันนี้ไม่ออกทำมาหากิน ?” เขาบอกว่า “ที่ทิ้งสากไว้ตรงลานบ้าน คือเป็นลักษณะการหากิน ถ้าคนหรือสัตว์เดินข้ามสากนั้นเข้ามาเมื่อไร ข้ามเขตนั้นเข้ามา ก็มีสิทธิ์จับกินได้ ถ้าอยู่นอกเขตก็ไม่มีอำนาจจัดการ” ถ้าอยู่ในเขตเหมือนเขามีอำนาจพอที่จะจัดการได้ น่าจะสะกดอยู่แล้วจับกินได้
      ถาม :  แล้วท่านก็เดินผ่านเข้าไป ?
      ตอบ :  ทำเขาเลยเสียฤกษ์หมดไปลักษณะนั้น เขาไม่มีปัญญาจับอาตมาอยู่แล้ว
      ถาม :  อย่างไรคะ ?
      ตอบ :  ก็ไปด้วยกายใน แต่เขามองเห็นได้ ถามเขาว่า “ลูก ๆ เป็นด้วยหรือเปล่า ?” เขาบอกว่า “ยัง” ถามว่า “จะเป็นเมื่อไร ?” เขาบอกว่า “รอจนกว่าตัวเองหมดอายุ ถ้าร่างที่อาศัยอยู่หมดอายุขัยลงเมื่อไร ก็จะเปลี่ยนร่างใหม่ไปอยู่ที่ลูกคนใดคนหนึ่ง” มีการถ่ายทอดสืบกันไปอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นลูก ๆ เขาก็เป็นคนธรรมดา
      ถาม :  ถ้าเรากันลูก ๆ เขาออกมา สมมติเราขโมยลูกเขามา ?
      ตอบ :  ก็ได้ แต่คนที่ไปช่วงเขาหมดอายุจะซวยแทน เพราะต้องหาใครสักคนที่แทนได้เขาถึงจะตาย
      ถาม :  อย่างไรคะ คือถ้าหมดอายุแล้วเด็กคนนั้น ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ คือสมมติว่า พ่อแม่จะเปลี่ยนร่างใหม่ช่วงนั้น แล้วเราเอาลูกเขามา ไม่มีใครอยู่ด้วย เขาก็ต้องหาคนที่เข้าไปช่วงนั้น พวกนั้นก็จะรับไปแทน
      ถาม :  อ๋อ...แต่ถ้าลูกเขายังอยู่ก็จะใช้ร่างลูก
      ตอบ :  ส่วนใหญ่จะเอาคนใกล้ตัว
      ถาม :  คืออสุรกายชนิดหนึ่ง ?
      ตอบ :  อสุรกายประเภทหนึ่ง เขาจะแฝงร่างคนแล้วก็หากิน
      ถาม :  ตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่าคะ ?
      ตอบ :  มีจ้ะ เพิ่งเจอไม่นานเอง
      ถาม :  ทำไมยังมี ?
      ตอบ :  ก็เพราะยังไม่หมดสิจ๊ะ คราวนี้ที่เจอก็ถามเขา “ตรงนี้เรียกว่าอะไร ?” เพราะอาตมาไม่เคยไป เขาบอกว่า “เรียกว่าเมืองเก่า” พอตอนกลางวันก็ไปไล่ถามชาวบ้านว่า “ทองผาภูมินี่มีเขตที่เรียกว่าเมืองเก่าไหม ?” เขาตอบว่า “มี...หมู่บ้านปอมเปเป็นเมืองเก่ามาก่อน” หมู่บ้านปอมเปบ้านของแม่ชีวิชชุดาพร
      ถาม :  รีสอร์ทตะเคียนคู่ ?
      ตอบ :  นั่นแหละ แถว ๆ นั้นแหละ
      ถาม :  อย่างนี้แสดงว่าพ่อแม่ของเด็กสองคนนี้ ตัวจริง ๆ หมดอายุไปแล้ว ที่อยู่นี่คืออสุรกาย ?
      ตอบ :  เขาอาศัยร่างอยู่ ตัวเขายังไม่หมดอายุ คือเขาก็ทำมาหากินอะไรตามปกติ แต่กลางคืนอสุรกายที่อาศัยร่างอยู่จะไปหากิน แต่กลางวันคุณก็ทำมาหากินของคุณไป
      ถาม :  เขาเป็นคนเหมือนเราใช่ไหมคะ ?
      ตอบ :  เหมือนกับเรานี่แหละ เพียงแต่มีพวกสิงพวกแทรกอยู่เท่านั้น
      ถาม :  อสุรกายก็ไม่ทำความเดือดร้อนอะไรให้เขา ?
      ตอบ :  เดือดร้อนสิ เพราะไม่อยู่ตามปกติ
      ถาม :  เขาก็ทำมาหกินตามปกติ ?
      ตอบ :  ทำมาหากินตามปกติ แต่ไม่เต็มที่ เพราะกลางคืนโดนแบ่งไปครึ่งหนึ่ง
      ถาม :  อ๋อ...ก็ไม่มีแรงด้วย อย่างนี้ตัวเขาเองรู้ว่าเป็น ?
      ตอบ :  ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนที่คุยต้องเป็นไอ้ตัวข้างในแน่ ๆ เลย แต่เขาคุยเหมือนเป็นเจ้าของร่างเลยอย่างนั้น
      ถาม :  เคยไปคุยกับคนที่เป็นกระสือ กระหัง จะ ๆ เลยไหมคะ ?
      ตอบ :  ไม่ได้ไปแบบนั้น เพราะไม่รู้จะไปคุยทำไม ไม่มีประโยชน์อะไร จะไปถามก็ได้แค่ที่เคยบอกมา ถ้าจะสัมภาษณ์เอาหนังสือพิมพ์ไปพิสูจน์ก็บอกได้
      ถาม :  รายการท้าพิสูจน์ไปบ้านผีสิง ตอนที่เขาออกไปหากิน เขาต้องรู้ว่าตัวเขามีอะไรมาเข้าสิง ?
      ตอบ :  แต่เขาไม่ได้ไปอย่างที่ในหนังนะ เขาไปแค่ดวงแสง พอไปถึงแล้วเขาจะเป็นกายหยาบขึ้นมาเพื่อกินอะไร เสร็จแล้วกลับ เขาก็กลับในลักษณะนั้น ที่บอกว่าทำให้เห็นเป็นหน้าโน้นหน้านี้ คือเห็นแค่หน้า ไม่ใช่มีตับไตไส้พุงไปด้วย แหม...ถ้าอย่างนั้นอย่าเผลอไปบินผ่านร้านขายตือฮวนเชียว ถ้าไปบินผ่านร้านตือฮวนก็เสร็จแน่
      ถาม :  กระสือ กระหัง เขากินอะไรคะ ?
      ตอบ :  กินพวกของเน่า ของคาวอะไรพวกนั้น
      ถาม :  เคยออกไปเจอพวกปอบไหมคะ ?
      ตอบ :  ปอบเคยแต่เป็นเอง บางวันหิว ๆ อาตมากินกระจายเลย...!
      ถาม :  ปอบยังมีอยู่ไหมคะ ปอบหยิบ ?
      ตอบ :  อ๋อ...ไม่ต้องหยิบก็ได้จ้ะ ยังเคยเจอตัว แต่มีแน่ ๆ พวกกระสือ พวกผีปอบจัดอยู่ในพวกอสุรกาย อสุรกายคือผู้มีกายอันไม่กล้า ต้องอาศัยแฝงเขาอยู่
      ถาม :  ไม่มีร่างกายเป็นของตัวเอง ?
      ตอบ :  ไม่สามารถที่จะปรากฎอย่างคนอื่นเขาได้ชัดเจน
      ถาม :  อสุรกายสูงกว่าเปรต ?
      ตอบ :  อสุรกายนี่ระดับสูงกว่า สูงกว่าเปรต คือเขาสามารถหากินเองได้ พ้นจากอสุรกายจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน
      ถาม :  ถ้าเอามีดหมอ หรือเอาพระไปแขวนให้กระสือ กระหัง สองตัวนั้นจะเกิดอะไรขึ้นไหม ?
      ตอบ :  แปลว่าต้องทิ้งร่างเดี๋ยวนั้น เท่านั้นเอง
      ถาม :  คนสองคนก็ปลอดภัยสิ ?
      ตอบ :  ไม่ใช่ ไม่รู้ว่าปลอดภัยหรือว่าประเภทนอนป่วยไปพักหนึ่ง หรือว่าตายเลยก็ไม่รู้ เพราะประสบการณ์ด้านนี้ยังไม่มี
      ถาม :  สงสัยว่าพวกนี้ไม่ได้แขวนพระแน่ ๆ เลย ?
      ตอบ :  อย่าเอาอย่างในการ์ตูนนะ ผีโผล่มากลางทาง ไอ้นั่นก็ “อย่านะ...มีพระนะ” ไอ้ผีเอากล้องส่อง “อู้ฮู...ของแท้ด้วย แพงนะรุ่นนี้”
      ถาม :  ตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตเขาส่งรูปกันบอกว่าเป็นนางเงือก ถ้าเขาไม่ได้ทำขึ้นจะเหมือนเป็นปลาครึ่งหนึ่งจริง ๆ ด้วย จะมีแบบครีบหลัง ครึ่งหนึ่งเป็นคนจริง ๆ แต่หน้าไม่ได้สวยเหมือนในนิยายตัวประมาณแค่นี้
      ตอบ :  เฮ้ย...ใหญ่ไป เงือกจริง ๆ ตัวสักศอกเดียว
      ถาม :  สงสัยกะผิด มีจริง ๆ หรือคะ ?
      ตอบ :  มีจริง ๆ