ถาม :  การบรรลุธรรมนี้จะกำหนดได้หรือไม่ว่าจะสำเร็จขั้นไหน ๆ ?
      ตอบคงจะยาก ยกเว้นว่าคุณทำอธิษฐานบารมีมา ตัวอธิษฐานบารมีนี่มันจะทำให้กำลังใจของเราปักมั่นอยู่ในจุดนั้น มีโอกาสเหมือนกันอย่างเช่นว่า เราตั้งใจจะเป็นพระโสดาบันแค่นั้น ถ้าหากว่าเรามาแค่นั้นตัวอธิษฐานบารมีมันหมดลง มันก็ตะทำให้ความมุ่งมั่นที่จะก้าวหน้าต่อมันน้อยลงไป ก็อาจจะได้แค่พระโสดาบัน อันอื่น ๆ เราต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้ากันต่อ มันก็ตั้งใจเหมือนกันแค่คราวนี้เราตั้งใจ หลวงพ่อท่านแนะนำบอกว่าตั้งใจให้ถึงยอดสุดไปเลย ท่านบอกตั้งใจเอาพระอรหันต์เข้านิพพานไปเลย เหมือนกับคนปีนต้นไม้ตั้งใจว่าจะขึ้นถึงยอดมัน ตะเกียกตะกายเต็มที่ ถึงมันจะไม่ถึงยอดแต่มันก็ได้มากอยู่ แต่ถ้าหากว่าเราตั้งใจจะขึ้นครึ่งต้นนี่ เดี๋ยวมันตะกายไปหน่อยมันหมดกำลังใจ มันได้ไม่ถึงครึ่งต้นที่ต้องการ
      ถาม :  พระอนาคามีที่ไม่ได้บวชเป็นพระยังมีการทำมาหากินหรือไม่ครับ ?
      ตอบ :  มีอยู่ อย่างเช่นว่า ท่านจิตหัตถ์คฤหบดี ท่านเป็นพระอนาคามีแต่ว่าเป็นเศรษฐี แล้วก็พระเจ้ามหานาม ที่ท่านเป็นพระอนาคามีอยู่ท่านอยากจะบวชก็จะสละราชสมบัติให้พระน้องชาย ๆ ตอนนั้นยังไม่ได้บวชเหมือนกันก็ถามว่าเป็นกษัตริย์ต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องดูแลความสุขของประชาชน ต้องทำไร่ไถนาถึงเวลาก็ต้องไถคราด ถึงเวลาก็ต้องไถแปร ถึงเวลาก็ต้องหว่าน ถึงเวลาก็ต้องไขน้ำเข้านา ถึงเวลาก็ต้องดูแลไล่พวกหนู พวกแมลง พวกนกพวกอะไรที่จะมาหากิน ถึงเวลาก็ต้องเก็บเกี่ยว ท่านได้ยินเสร็จท่านก็บอกว่าอย่างนั้นพี่อยู่ต่อเถอะ ผมบวชเองดีกว่า (หัวเราะ) ถ้าถามว่าพระอนาคามีเป็นอย่างไร ? ก็ยังดำรงชีวิตอยู่แต่ว่าท่านจะอยู่อย่างมีสติกว่าคนทั่ว ๆ ไป เพราะท่านหมดอยากเสียแล้ว ตัวโลภตัวหลงของท่านเองมันเหลือน้อยเต็มที โทสะกับราคะนี่ขาดแน่ ๆ แล้ว
      ถาม :  คนที่กล่าวว่า พระพุทธเจ้าไม่ทรงกล้าตอบว่าตายแล้วไปไหนถึงแม้จะเป็นสัพพัญญูทุกอย่างคน ๆ นี้ตายแล้วไปไหนครับ ?
      ตอบ :  โทษปรามาสพระพุทธเจ้าไปไหนก็ไปตรงนั้นแหละ (หัวเราะ) จริง ๆ แล้วเขาเก่งกว่านะ เขาคงกล้าตอบ (หัวเราะ) ที่พระพุทธเจ้าท่านระบุชัดไม่ได้เพราะว่า จิตสุดท้ายของแต่ละคนมันเกาะไม่เหมือนกัน ท่านกล่าวไว้ชัดเลยใน มหากัมมวิภังคสูตร กับ จุลกัมมวิภังคสูตร บุคคลผู้ตั้งใจเจริญสมาธิภาวนาทรงฌาน ๔ แล้วได้ทิพยจักขุญานได้ไปรู้เป็นนรกสวรรค์แล้วกล่าวว่า บุคคลที่ทำความชั่วลงนรกทั้งหมด บุคคลที่ทำความดีขึ้นสวรรค์ทั้งหมดตถาคตขอกล่าวว่าไม่ใช่เพราะว่าจิตสุดท้ายนั่นมันจับต่างกัน
              ตัวอย่างชัดเลยก็มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร ทำความชั่วตลอดชีวิตก่อนตายคิดถึงพระพุทธเจ้านิดเดียวไปสวรรค์ก่อน ส่วนพระนางมัลลิกาเทวี ทำความดีตลอดชีวิต ก่อนตายจิตเศร้าหมองหน่อยเดียวไปนรกก่อน ถามว่ายุติธรรมมั้ย ? ก็ยุติธรรมอยู่เพราะว่า ท่านทำความดีนิดเดียวท่านก็อยู่ข้างบนแป๊บเดียว ทำความความชั่วนิดเดียวก็อยู่ข้างล่างแป๊บเดียว
              แล้วอีคราวนี้ของมัฏฐกุลฑลีบุตรนั่นท่านโชคดีมหาศาลที่ว่า พระพุทธเจ้าขึ้นไปโปรดพุทธมารดาพอดีแล้วได้เพื่อนดีคือ อากาศจารีเทพบุตร อุตสาห์มาฉุดลากให้ไป ถึงได้รู้ว่าตัวเองหมดบุญ พอได้ฟังพระพุทธเจ้าเทศน์กลายเป็นพระโสดาบันจุติเดี๋ยวนั้นแล้วเกิดใหม่ ทิพย์สมบัติเป็นของพระอริยเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นเสร็จแหง ๆ เลย
      ถาม :  มีแม่ชีท่านหนึ่งแนะนำให้ฆราวาสคอยแนะนำธรรมะกับพระบวชใหม่ถูกต้องหรือไม่ ?
      ตอบ ถ้าหากว่าพระใหม่ท่านไม่รู้อะไรเลย แล้วฆราวาสนั้นท่านปฎิบัติได้ถูกต้องจริง ๆ ก็สมควรอยู่ แต่ว่ายังไงเสียอย่าลืมตอนสุดท้าย ปีที่แล้วมามีคณะของพระจากวัดอู่ทองพาพระเณรไปปฎิบัติที่โน่นก็มีพระ ๗ องค์ แล้วเณร ๘๔ องค์ ก็จะมีครูที่เป็นฆราวาสไป ๔-๕ คน เห็นแล้วชอบใจที่สุดตรงจุดสุดท้ายหลังจากการปฎิบัติเรียบร้อยแล้ว มันจะมีการอยู่เพื่อฝึกติวเข้มกันในระยะ ๓ วันต่อเนื่อง
              พอวันสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับ ครูที่เป็นฆราวาสทั้งหมดกราบขอขมาลูกศิษย์ กราบขอขมาลูกศิษย์เพราะว่าถึงตัวเองจะเป็นครูก็จริงแต่เป็นฆราวาสใช่มั้ย ? ศีลน้อยกว่า เขาเองก็เลยใช้วิธีขอขมา อันนั้นเขาทำถูกต้องมากเลย
              เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าพระลูกศิษย์ต้องเรียกฆราวาส ฆราวาสมีความรู้ในการปฎิบัติมาดีมากเลย อย่างหลวงพ่อพระอาจารย์มหาเสริมชัย ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม สมัยฆราวาสท่านปฎิบัติได้เยี่ยมเลย ถ้าอย่างนั้นเป็นอาจารย์พระที่บวชใหม่ได้สบายแต่ก็ทำในลักษณะว่าทำด้วยระมัดระวังแล้ว ถึงเวลาแล้วก็ขอขมาก่อน
      ถาม :  ถ้ามีคนเอาปืนมายิงเราหรือต่อยเราก่อนและถ้าเราตอบโต้ด้วยการป้องกันตัว เช่น ยิงปืนตอบหรือต่อยกับเขา อย่างนี้ทำได้หรือไม่ครับ ?
      ตอบ :  จริง ๆ แล้วทำได้ แต่ถ้าถามว่าเกิดโทสะมั้ย ? ต้องดูว่าตอนนั้นจิตของเราประกอบไปด้วยโทสะมั้ย ? ถ้าจิตของเราประกอบไปด้วยโทสะ หวังที่จะล้างแค้นหวังที่จะตอบโต้เพื่อเอาคืนให้ได้ อย่างนั้นก็แปลว่าเราก็เลวด้วย แต่ว่าโดยสัญชาติญาณของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อมันโดนมี ๒ อย่างถ้าไม่หนีก็สู้ใช่มั้ย ?
              ลักษณะของการสู้นี่ลำบากเพราะว่า ถ้าจิตประกอบไปด้วยโทสะ เราตายตอนนั้นขึ้นไปเราก็แย่เลย มันน้อยคนนะที่ประเภทตอบโต้แล้วจะไม่มีโทสะ เพราะงั้นก็ดูเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วกัน อะไรสมควรอะไรไม่สมควรมันจะขึ้นอยู่กับกำลังใจของเราตอนนั้นแล้ว ถ้าหากว่าตัวตายซะดีกว่าก็เอาซิ มีปัญญาให้มันฆ่าไปอย่างนั้น
      ถาม :  อารมณ์ที่ท้อแท้สิ้นหวัง หมดหวัง อยู่ในกิเลสประเภทใดและใช้อารมณ์ใดมาแก้ ?
      ตอบ จัดอยู่ในโมหจริต จะต้องแก้ด้วยตัวอาณาปานุสสติกรรมฐาน โมหจริตนี่จับตัวอื่นไม่เอาด้วยเลย เพราะฉะนั้นต้องมีครูบาอาจารย์อยู่ใกล้ ๆ หรือกัลยามิตรอยู่ใกล้ ๆ คอยกระตุ้นให้ใช้อาณาปานุสสติ พอกำลังใจเริ่มเข้าถึงตัวปีติของอาณาปาเมื่อไหร่ ก็จะหลุดพ้นจากสภาวะนั้นเลย ถ้าทรงฌานได้แล้วพ้นแน่นอน แต่ว่าอย่าให้ฌานเสื่อม
      ถาม :  การสูบบุหรี่แล้วเป็นมะเร็งตายถือว่าเป็นการตายก่อนกำหนดหรือไม่ ?
      ตอบ :  ดูด้วยเขาหมดอายุขัยมั้ย ? การตายผิดปกติคือตายเพราะโรคภัยรุนแรงหรือว่าตายเพราะอุบัติเหตุต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะไม่หมดอายุขัย แต่บางคนเขาหมดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ตัว ยถากัมมุตาญาณ ให้คล่องถึงจะสามารถระบุได้ว่าอะไรเป็นอะไร
      ถาม :  ถ้าอย่างผมสูบบุหรี่แล้วเป็นมะเร็งตาย ?
      ตอบ :  ก็ดูซิถ้าสมมุติว่าอายุขัยเรา ๗๕ ปี เราตายตั้งแต่ ๕๗ ก็แปลว่ายังเหลืออีกบาน (หัวเราะ)
      ถาม :  การตอบแทนคุณบิดามารดาด้วยการเลี้ยงดูท่านกับการประพฤติตัวเป็นคนดีมีศีลธรรม อย่างไรเป็นการตอบแทนได้มากกว่ากัน ?
      ตอบ :  จริง ๆ แล้วก็คือว่ามันจะต้องทำร่วมกันนะ การเลี้ยงดูบิดามารดา การประพฤติตนเป็นคนดี การรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เมื่อท่านตายแล้วทำบุญส่งไปให้ท่าน ท่านก็บอกเอาไว้เลยว่าเป็นหน้าที่ที่บุตรธิดาต้องทำให้กับบิดามารดา ถามว่าอันไหนดีกว่ากัน บอกยากมันต้องทำร่วมกันทั้งหมด
      ถาม :  การที่เราได้ฝันว่าได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้า หลวงปู่ปานหลวงปู่ศุข หลวงพ่อฤๅษีลิงดำและฝันว่าตนเองได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มีอภิญญา อย่างนี้ผิดหรือไม่ที่คิดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ ?
      ตอบ :  อ๋อ ผิดแหง ๆ (หัวเราะ) เพราะว่าอันนั้นมันฝัน ฝันมันไม่เป็นไปตามสภาพจิตอาจจะเป็นกรรมนิมิต จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ หรือธาตุวิปริต ก็ได้ แต่เราก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของเรา เป็นนิมิตหมายอันดีของเราว่า เราฝันได้พบเห็นสิ่งที่ดีอันเป็นมงคล โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ที่ท่านเป็นพระสุปฎิปันโนปฎิบัติดีปฎิบัติชอบอย่างแท้จริง แล้วจิตใจของเราก็มุ่งมั่นที่จะปฎิบัติเป็นพระอรหันต์
              ในเมื่อเราฝันว่าได้พบท่าน เราฝันว่าเราเป็นพระอรหันต์มีฤทธิ์มีเดชอะไร มันตรงตามกำลังใจของเรา ๆ ก็เก็บไว้เป็นกำลังใจของเราว่า ในเมื่อเราได้พบท่านก็แสดงว่าคุณความดีของเราก็มีอยู่เหมือนกัน สิ่งที่เราตั้งความปรารถนาเอาไว้ ในเมื่อนิมิตบอกว่าสำเร็จ เราก็ถือว่ามันเป็นมงคลนิมิตอันดี เราก็ตั้งหน้าตั้งตาทำไป แต่ถ้าหากว่าไปมัวแต่ฝันเฟื่องว่า เฮ้ย ! เราเป็นละก็เสร็จแหง ๆ รับรองว่าต้องหันลงไปในระยะเวลาอันรวดเร็ว
      ถาม :  การที่ตัวผมเองไม่เคยพบกับหลวงพ่อฤๅษีลิงดำในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ แต่ในปัจจุบันนี้ผมได้ฟังเสียงท่านเกือบทุกวัน แล้วก็ชอบที่จะฟังธรรมะจากท่าน อย่างนี้เป็นเหตุผลของกรรมอะไรมาก่อนหรือเปล่า ?
      ตอบ :  กรรมอะไร ? จริง ๆ แล้วมันอยู่ลักษณะที่ว่าวาระมันยังมายังมาไม่ถึง ในเมื่อวาระมันยังมาไม่ถึงสิ่งที่เราแทนที่จะได้พบตอนนั้นมันยังไม่ได้พบถ้าหากว่าเราไม่ได้พบหลวงพ่อฤๅษีลิงดำใช่มั้ย ? อาตมาเองก็ไม่ได้พบหลวงปู่ปาน (หัวเราะ) แย่พอกัน (หัวเราะ) แล้วเดี๋ยวคนต่อ ๆ ไปมันมาถัดจากคุณไปไม่ได้พบอาตมาอย่างนี้เดี๋ยวมันตีกันตายพอดี เพราะฉะนั้นมันแย่พอกันนะ (หัวเราะ) อย่าไปนึกน้อยใจอะไรมันเสียเวลาตัวเอง
      ถาม :  แล้วทำไมผมถึงมีนิสัยที่ชอบทางที่ท่านพูด ท่านบอกอย่างนี้ครับ ?
      ตอบของเราเองมันเคยสร้างบุญร่วมกันมา ในเมื่อเคยสร้างบุญร่วมกันมาสิ่งอะไรที่ท่านสอนมา เราจะเข้าใจได้ง่ายปฎิบัติตามได้ง่ายก็เกิดรักชอบ ยิ่งทำแล้วเป็นไปตามที่ท่านบอกทุกอย่างมันไม่ใช่รักชอบธรรมดา มันจะเป็นศรัทธาเลื่อมใส แล้วตัวศรัทธาปสาทะจากการได้ผลของการได้ผลของการปฎิบัติ มันจะเป็นศรัทธาที่ไม่มีวันเสื่อมถอย มันจะยึดมั่นปักมั่นเลย
              ถึงได้บอกว่ามันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงพ่อท่านมีคนไปหาจำนวนมาก ในเรื่องตอนที่แชร์แม่ชม้อยล้มเขาแห่กันไปหาหลวงพ่อ เขาจะให้หลวงพ่อยืนยันว่าชม้อยล้มหรือไม่ล้ม พอหลวงพ่อท่านไม่ยืนยันให้ เดือนที่ ๓ มันหายไปครึ่งหนึ่ง พอเดือนที่ ๔ ที่ ๕ ก็แทบไม่เหลือเลย นั่นน่ะจุดมุ่งหมายเขาไปนั่นมันไม่ได้ไปด้วยธรรมะ แต่ของเรา ๆ รู้ว่าตลอดเวลาที่หลวงพ่อสอนเรามาในด้านการปฎิบัตินี่ไม่เคยผิดเลย เราทำยังไงก็ได้ผลยังงั้น
              เพราะฉะนั้นของเราเองเราไม่ถอยไปไหนอยู่แล้ว ก็บอกกับเพื่อนที่อยู่ใกล้ ๆ กันตอนนั้นก็ไม่ได้บวชด้วยกัน เขาชื่อพุฒิ “ลุงพุฒิ” จำไว้เลยนะเราสองคนนี่เขาเห็นหน้าประจำ ถ้าเราหายไปด้วยเมื่อไหร่นี่ คนที่เหลืออยู่นี่ดีไม่ดีมันหายหมด เพราะฉะนั้นเป็นตายยังไงเราก็ต้องอยู่กับหลวงพ่อ เสร็จแล้วพอคนอื่นหายหมด เราเองก็ทำให้เขาดูซะเลยว่า ของเราเองมันสวนกระแสแทนที่จะเป็นฆราวาสตามปกติก็บวชมันซะเลย ตกลงว่าชม้อยล้มอาตมาบวช (หัวเราะ)
      ถาม :  อานิสงส์จากการที่เขาบอกให้เราไปล้างห้องน้ำไปล้างห้องส้วมอย่างนั้นเหมือนกันมั้ยคะ ? ( อานิสงส์เหมือนการสร้างห้องส้วมมั้ย ?)
      ตอบ :  ไปล้างห้องน้ำห้องส้วมมันมีอานิสงส์พิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ หลวงพ่อท่านเคยบอกเอาไว้ว่าคนไหนที่ตกงานอยากจะได้งานให้ไปขัดส้วม ไปที่วัดไปล้างส้วมให้สะอาด เสร็จแล้วไปอธิษฐานกับพระประธานว่า อานิสงส์ของการล้างส้วมครั้งนี้ขอให้ได้งานทำด้วย รับรองได้ว่าได้แน่
      ถาม :  เรื่องงานอย่างเดียวเหรอคะ ?
      ตอบ :  เรื่องงานอย่างเดียว เรื่องอื่นนี่ไม่ทราบเหมือนกันแต่ว่าอานิสงส์ของเวจจกุฎีนี่จริง ๆ ก็เป็นส่วนของวิหารทานอยู่แล้ว ใครสร้างส้วมก็มีวิมานของตัวเองเหมือนกัน ก็คือเป็นส่วนหนึ่งของวิหาร เพียงแต่ว่ามันเป็นที่เฉพาะ สำหรับในการถ่ายทุกข์ จึงมีผลพิเศษว่าถ้าเกิดใหม่จะมีโรคน้อย