ถาม :  เมื่อกี้จะมาหา อยู่ไกลฝนตก ตายแล้วฝนตก เดินมาก็นึกในใจว่ากูจะไปดีหรือเปล่าหว่า เสร็จแล้วมีเสียงท่านก็มาบอกว่าชีวิตคุณจะอยู่ไปถึงเดือนหน้าจนกว่าพระคุณเจ้าท่านจะมาหรือเปล่า ผมก็บอกว่าผมไปครับ ๆ ?
      ตอบ:  นี่แหละที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ว่าเราต้องมีครูบาอาจารย์ที่ไม่เห็นตัวถึงจะใช้ได้ เพราะว่าสิ่งที่ท่านให้ข้อคิด ให้อะไรแต่ละอย่างประเภทสับมาตรงหน้าแงพอดี ๆ เลย ประเภทหูตาสว่างเดี๋ยวนั้นเลย
      ถาม:  ผมกราบลาเลยนะครับ
      ตอบ:  โชคดีมีชัยเลยจ๊ะ ขอให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติยื่ง ๆ ขึ้นไป
      ถาม:  เดือนหน้าจะมีชีวิตมาถึงหรือเปล่า ?
      ตอบ:  เอาเลยถ้าไม่มีก็ไปรอข้างบน (คุยกับญาติโยมที่ยังอยู่ต่อ).....หลังจากอีตา พลฤทธิ์ แล้วก็มีรายนี้แหละที่เล่นอรูปฌาน คนอื่นเขาไม่เอามันยาก คนประเภทนี้แหละที่บอกว่าถ้าเวลาเขาใส่บาตรถ้าเรากำลังใจไม่ดีแทบจะกินของเขาไม่ลง น่ากลัวมากเพราะว่ากำลังใจเขาสูง กำลังใจเขาสูงถ้าหากว่าเราทำไม่ได้อย่างนั้นมันรู้สึกว่าความดีของเราไม่พอที่จะรองรับกำลังใจของญาติโยม สังเกตคำถามของเขาไหมเขาจะเจาะตรงปัญหาของตัวเอง ในเมื่อเจาะจงปัญหาของตัวเองประเภทนี้เขาจะได้ความรู้เฉพาะเพื่อไปปรับปรุงให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ว่าประเภทที่ถามปัญหาทั่ว ๆ ไปในลักษณะอยากรู้อยากเห็นค่อนไปในทางฟุ้งซ่านพวกนั้นจะไม่ค่อยได้อะไร แล้วก็ถามปัญหาเกินจากจุดปฏิบัติอาจจะพาเสียได้
              เพราะหลักการปฎิบัติถึงแนวทางมันเหมือนกันก็จริงแต่ว่าคนที่จะเอาไปปฏิบัติจริตนิสัยที่ทำมามันไม่เหมือนกัน กำลังที่ทำมามันไม่เท่ากัน ถึงเวลาจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปตามแต่จริตของแต่ละคนถ้าหากว่ามาถามเสียก่อนแล้วรับรู้ไปในลักษณะหนึ่ง พอไปเจอมันไม่เหมือนที่ตัวเองทำ คราวนี้แหละจะไปนั่งค้านตัวเองทำให้เสียผลเสียด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นให้ทำเสียก่อนพอมันมีปัญหาที่เกิดขึ้นมาในระหว่างที่ทำแล้วเราค่อยมาถาม ไม่จำเป็นจริง ๆ อย่าถามแล้วค่อยไปทำ ถ้าถามแล้วค่อยไปทำจะเสียผลได้ง่าย กำลังใจพวกนี้เขาสูงมาก เพราะฉะนั้นถ้าหากเขาไปถามแล้ว คนที่ขาดความคล่องตัวในกรรมฐานกองนั้น ๆ ตอบไป เขาจะรู้เลยว่าไม่ใช่ของจริง ในเมื่อไม่ใช่ของจริงเขาไม่ยอมรับหรอก ที่เขาใช้คำว่าอะไรตอบแล้วมันไม่ซึ้ง มันอธิบายเป็นภาษาคนมันก็ยากอยู่แล้ว แล้วยิ่งอธิบายจากความเข้าใจจากตำรามันยิ่งไม่ใช่ของจริงนี่มันแย่เลยโอกาสจะถูกน้อยเต็มที
              ตกลงเดือนนี้นอกจากบอลโลกพาไปก็มีรายนี้แหละเป็นน้ำเป็นเนื้อที่สุด มานั่งตรงนี้บางทีเหมือนมันอวดความรู้ คือว่าสิ่งที่เขาถามบางอย่างกระทั่งพระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าเป็น "อจินไตย" ไม่ใช่เรื่องที่ควรตอบ แต่ว่าสำหรับคนบางคนที่ตอบให้เขาไปไม่ใช่อวดว่าเราเก่งกว่า พระพุทธเจ้าเรารู้จริงกว่า ไม่ใช่ แต่ว่าคนประเภทนั้นถ้าหากไม่มีใครคลายข้อข้องใจของเขาลงได้ก็อาจหลงผิดเตลิดเปิดเปิงไปอีกนานเลย กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำก็คือการหว่านเชื้อของความดีไว้ในใจของเขาไว้สักนิดหนึ่งให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ผู้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้ว เขารู้ไม่ใช่ไม่รู้ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่น่าเข้าไปเกี่ยวข้อง พระพุทธเจ้าท่านถึงห้ามเอาไว้ เพราะว่าถ้าเกี่ยวข้อง ท่านบอกว่าเป็นธรรมอันเนิ่นช้าทำให้การปฏิบัติเวลาไปเสียเปล่า
              ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้นพอเราทำให้เขารู้ว่าผู้ที่ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้ารู้จริงแล้วรู้ เขาก็จะเกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น ต่อไปถ้ามันประเภทหาทางไปไม่เจอมันก็จะเลื้ยวมาเอง เท่ากับว่าเราปลูกฝังความดีบางอย่างลงในจิตใจของเขา เมื่อถึงวาระถึงเวลามันก็จะงอกงามเป็นดอกเป็นผลขึ้นมา งานนี้มันเหนื่อย คงไม่มีใครเขามานั่งทำหรอก คือมันสงสัยจริง ๆ พอไปถามเจอท่านที่อารมณ์ตัดตรงเสียแล้วก็กลายเป็นเรื่องรุงรังรอบตัวก็ไล่ตะเพิดออกมา เลยกลายเป็นว่าพอถึงวาระ ถึงเวลาเราต้องมารับหน้าที่นี้ไปเหอะ เหนื่อยแทบตายชัก แบบเดียวกันกับวันวิสาขบูชาที่ผ่านมานี้ พอสองโมงครึ่งท่านเอ ก็เปิดเทศน์วิสาขะของหลวงพ่อเลย เราก็นั่งกุมกะบาล เอเอ๋ย! แล้วจะเหลืออะไรให้เทศน์วะเนี่ย ? พ่อว่าไปแล้ว อีกสักพักหนึ่ง เทศน์หลวงพ่อจบ โยมบัวทายกอยู่วัดนานรู้มากคว้าไมค์มาบรรยายเรื่องวันวิสาขะซ้ำเข้าอีกคาบหนึ่ง ตานี้กูตายห่าพอดี เป็นเราเจอเข้าไปยกเดียวก็เดี้ยง นี่เจอสองนัดแล้ว ก็เลยบอกกับท่านเอ จริง ๆ ไม่น่าเปิด ครับ...ผมก็คิดอย่างนั้น แต่ว่ามันเปิดอยู่ผมก็เลยตัดสินใจไม่ได้ว่ามันจะเปิดดีหรือไม่เปิดดี ตกลงรักษาเวลาด้วยการเปิดดีกว่า ผมเชื่ออยู่อย่างว่าหลวงพี่ไปได้ ใช่ครับ ผมเองผมก็จะดูว่าท่านจะไปทางไหนเหมือนกัน เพราะว่าเทศน์ของเรามันไม่ได้ใช้ตำรา เล่นถือคัมภีร์ขึ้นไปเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ลักษณะนี้มันไม่ใช่อวดเก่ง แต่ว่าหลวงพ่อท่านเคยสอนเอาไว้ว่าถึงวาระถึงเวลาให้จับภาพพระตั้งใจว่าสิ่งใดที่ท่านต้องการสงเคราะห์คนก็ขอให้ผ่านลงมา เราเองก็ว่าไปตามรู้สึกหรือว่าสิ่งที่ท่านว่ามาปรากฏท่านก็ไปของท่านลื่น ๆ เลย ไปชนิดที่เรียกว่าเราคาดไม่ถึง กราบเรียนท่านว่าไม่กล้าครับหลวงพ่อ ผมกลัวตกธรรมาสน์
              ดูตัวอย่างหลวงตาโชติเจอมาแล้วใช่ไหม หลวงตาโชติก็เห็นว่าหลวงพ่อป่วยบ่อย ๆ พอวันพระญาติโยมมาถึงก็ได้แต่ทำบุญ ใส่บาตร ฟังพระสวดแล้วก็กลับไม่ได้ฟังเทศน์ ประโยชน์มันน้อย หลวงตาโชติเป็นนายพลมาอยู่แล้วกำลังใจแกถึงก็ขออนุญาตหลวงพ่อเทศน์ ถึงเวลาหลวงพ่อก็ถาม มั่นใจนะว่าทำได้ ? มั่นใจครับ อย่างนั้นอนุญาต ท่านก็เตรียมหัวข้อเทศน์ไว้ ถึงเวลาก็ย่อความแล้วขยายหัวข้อจนคล่องตัว กะครึ่งชั่วโมงได้เต็ม ๆ แน่เลย ยังไม่รู้ว่าอาถรรพ์ธรรมาสน์ว่าเป็นอย่างไร พอขึ้นไปมันมืดไปหมด ที่เคยซ้อมจนคล่องนึกไม่ออกเลย ก็เปิดโพยก็มีแต่ย่อ ๆ เอาไว้ แกก็เลยเอาหัวข้อพออ่านหัวข้อจบภายใน ๒-๓ นาทีเท่านั้นเอง แล้วจะทำอย่างไร ? ก็นั่งอึ้งนิ่งเงียบ โยมสง่า สาโรจน์ ทายกตาบอด แกบวชพระมา ๒๐-๓๐ พรรษา พอตาเสียจึงได้สึกออกมาอยู่กับบ้านให้ลูกหลานดูแล คนที่รู้มากขนาดนั้นน่ะ ไม่เกรงใจอยู่แล้ว เห็นไปไม่รอดสาธุส่งเลย หันทะ มะยัง สาธุการัง สะทา มะเสฯ สาธุ มันไล่ส่งเลย หลวงตาโชติแกเสียใจมาก คิดมากประสาทกินไปเลย
              คราวนี้ก็เลยกลัวว่าจะเป็นอย่างหลวงตาโชติ แต่ของเรานี่มันฉุกเฉินมาตลอดตั้งแต่เทศน์กัณฑ์แรกแล้ว ตอนนั้นก็อยู่วัดเทพศิรินทร์ กับหลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทร์เขามีระเบียบอย่างหนึ่งว่า พระจะบวชกี่วันก็ตามก่อนสึกอย่างน้อยต้องไปเทศน์โปรดโยม ๑ กัณฑ์ เพราะฉะนั้นถ้าคุณคิดจะสึกก็ซ้อมเทศน์ได้เลย
              พอวันนั้นไป คุณอุกฤษ เขาจะสึกเขาจะต้องไปเทศน์โปรดโยมที่บ้าน เห็นเขาซ้อมอ่านใบลานของเขาอยู่ ซ้อมไปซ้อมมาพอถึงวันจริง หลวงปู่บอกว่าคุณไปเป็นพี่เลี้ยงเขาหน่อยซิ ครูบาอาจารย์สั่งก็ต้องไป ๆ ถึงคุณอุกฤษขึ้นธรรมาสน์ไปนั่งสั่นพั่บ ๆ อยู่ข้างบนให้ศีลยังไม่ได้เลย มันไซด์ขนาดหนัก โยมเขาทนรำคาญไม่ไหว บอกอย่างนั้นนิมนต์พระพี่เลี้ยงแทนก็แล้ว จากเราที่ไม่เคยเทศน์เลยและก็ไม่ได้เตรียมตัวมาเลยเราก็แย่สิ จะใช้วิธีไหน ? ก็ต้องใช้วิธีตามแบบหลวงพ่อ ตกลงก็ขึ้นไปเทศน์แทน ก็ว่าตั้งแต่ต้นยันปลาย ได้กัณฑ์เทศน์มา ๗๐๐ บาท จำได้แม่นยำ เทศน์กัณฑ์แรกได้มา ๗๐๐ บาท และหลังจากนั้นก็จะเจอที่เทศน์ฉุกเฉินลักษณะอย่างนี้ ประเภทไปงานเขาแท้ ๆ แล้วอยู่ ๆ เขาก็นิมนต์เทศน์ หรือไม่ก็ประเภทเกิดฉุกเฉินกะทันหันขึ้นมา คนเทศน์ไม่ขึ้นธรรมาสน์เราก็ต้องไปรับหน้าที่แทน ก็เลยต้องใช้วิธีนี้มาตลอด
              จนกระทั่งท่านสมพงษ์มาบอกอาจารย์จะเอาคัมภีร์เทศน์ไหม ? วันนี้วันนี่ต้องใช้คัมภีร์อย่างนี้ วันนี้เทศน์เรื่องนี้ต้องใช้คัมภีร์นี้ บอกไม่ต้องหรอกผมเอาของผมชิ้นเดียวนี่แหละ ถึงเวลาก็ถือขึ้นไปมีอันเดียวจริง ๆ อานิสงส์การถวายพระไตรปิฎก เขาให้มาตอนที่ซื้อพระไตรปิฎกพร้อมตู้ ก็ถือขึ้นไปมาอยู่ตลอด ถือซะจนเปื่อยหมดแล้วเพราะเขาใช้ใบลานจริง ๆ เป็นแผ่น ๆ แล้วก็ผูกเชือก อาศัยมาตลอดเวลา อาจารย์สมพงษ์เขาออกปาก ผมทำอย่างอาจารย์ไม่ได้หรอกครับ ขนาดอ่านยังไปไม่รอดเลย ก็เลยบอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้ายังไงจะได้ซ้อม ๆ พระเอาไว้สักชุดหนึ่ง แล้วช่วงในพรรษาจะเป็นเวลาซ้อมพระพรรษาหนึ่ง จะมีวันพระประมาณ ๑๒ หน พระเดือนละ ๔ ใช่ไหม จะเป็น ๘ ค่ำ ๒ แล้วก็ ๑๔ ค่ำกับ ๑๕ ค่ำ ก็เลยว่าอย่างน้อย ๆ จะมีพระขึ้นเทศน์ ๑๒ องค์สลับกันไป ใครมีแววก็จะถ่ายทอดเคล็ดลับให้ แต่ถ้าเคล็ดลับขนาดต้องไปเทศน์ ๒ ธรรมาสน์ ๓ ธรรมาสน์อะไรนั่นคงจะต้องมีอีกเรื่องหนึ่งเอาไว้ พวกนั้นมันถึงต้องการหักกันอะไรกันมันมากเลย
      ถาม:  เมื่อวานนี้เจอคุณหมอ ๆ บอกว่าจะถามที่โรงพยาบาลให้ เซลล์ขายยาโดยตรง ?
      ตอบ:  ลดราคาให้ไหม ไม่เติมลมให้ก็ต้องไปจ้างเขาอัดถังหนึ่งละตั้ง ๘๐ บาท ให้มันลดให้สัก ๑๐๐ ก็ยังได้ สงสัย ๕๐,๐๐๐ จะไม่พอ ชุดประดาน้ำเต็มชุดประมาณ ๗๐,๐๐๐ อันนั้นมันพวกลงทะเลลึกเลย ของเราตัดพวกเครื่องวัดอากาศ พวกคอมพิวเตอร์วัดแรงดัน วัดระดับความลึกอะไรออกไป มันก็ลดได้หลายตังค์
      ถาม:  แล้วต้องไปเรียนประดาน้ำหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ:  เป็นอยู่แล้ว ก็บอกพวกนั้นแล้วว่า ถ้าไม่เป็นจะต้องสอน คราวนี้พวกเจ้าหน้าที่ในเขื่อนที่คอยดำ ตรวจสภาพฐานเขื่อนมันมีอยู่ ซึ่งถ้าจะเป็นสมาชิกของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ หน่วยเดียวกันนี้เท่ากับว่าเขาเป็นลูกน้อง พวกนั้นก็จะรับหน้าที่สอนให้ ถ้าหากพวกนั้นไม่ว่างอาตมาคงต้องสอนเอง คงสนุกน่าดู เพราะว่าอันดับแรกแค่การปรับความดันของหูที่เขาเรียกว่าป๊อบหู นั่นก็มีปัญหาแหละ ของเราทำได้ไหมล่ะ ส่วนใหญ่มันต้องบีบจมูก ของเรามันชินโดยไม่ต้องบีบจมูกแล้วล่ะ แค่อัดลมหายใจดันปึ้กไป หูมันก็จะโล่งแล้ว ลักษณะหูเราบางทีเราสั่งน้ำมูกแรง ๆ แล้วหูดับอย่างนั้นแหละ
              จริง ๆ ก็คือว่าอากาศมันเข้าไปเราทำเพื่อจะไล่ดันมันออกมา ถ้าเราทำอย่างนั้นได้น้ำมันจะไม่เข้าหู ถึงเวลาที่เราทำอย่างนี้อัดลมออกหูส่วนใหญ่ต้องบีบจมูก ของเรามันเคยชินซะแล้ว ขยับกรามหน่อยเดียวก็ไปแล้ว ถ้ามีอากาศอยู่น้ำก็ยังไม่เข้า แบบเดียวกันกับว่าถึงเวลาเราใส่หน้ากากเข้าไป ถ้าหากว่าเราเป่าลมหายใจออกมานิดหนึ่งมันจะไล่น้ำออกหมด เคล็ดลับของการทำให้หน้ากากไม่เป็นไอน้ำก็คือ เอาน้ำลายทาเสียก่อนกลิ่นเหม็นเป็นบ้า ถึงเวลาเอาน้ำลายถู ๆ ให้แห้งไว้ก่อนเสร็จแล้วลงไป ไอน้ำจากลมหายใจเราจะไม่เกาะหน้ากาก มันจะใสอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่อย่างนั้นไอน้ำจากลมหายใจเราเกาะปุ๊บ ก็จะมัวมองอะไรไม่ค่อยเห็น บอกแล้วจะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก
              พอมาถึงจุดนี้แล้วยังไม่เห็นว่าอะไรมันยาก ก็บอกแล้วจนท่านกอล์ฟเขาสงสัยว่าพอเขาทำอะไรไม่ได้ เราก็ทำแทนเขาทุกที เขาบอกว่าตอนแรกเห็นสั่งคนโน้นสั่งคนนี้ นึกว่าอะไรไม่เป็น จนพระท่านอื่นเขาบอกไม่รู้จักสังเกตหรือไง ถ้าคนทำไม่เป็นแล้วจะสั่งคนอื่นให้ทำได้เหรอ ถ้าคนทำไม่เป็นมันจะอธิบายงานไม่ได้ ก็ได้แต่บอกว่าจะเอา แบบนี้ ๆ พอเขาซักรายละเอียดก็เดี้ยงแล้ว หลวงพ่อท่านบอกเอาไว้ ท่านบอกว่าใครที่อยู่กับท่านคำว่า “ไม่สามารถ” อย่าพูดให้ท่านได้ยิน ถ้าพูดให้ท่านได้ยิน ท่านไล่ออกจากวัดเลย ไม่ว่ายังไงก็ครับไว้ก่อนแล้วก็ไปแก้ปัญหาเอาเอง
      ถาม:  ท้อใจ...?
      ตอบท้อได้แต่ห้ามถอย คนอื่นมันท้อถอยไง ของเรามันท้อได้แต่ห้ามถอย ลุยต่อไปข้างหน้า ขณะที่เราแย่ที่สุดกิเลสมันก็แย่ด้วย ถ้าเราอึดต่อได้อีกนิดเดียวมันอาจจะแย่ไปเลย เพราะพวกกิเลสต่าง ๆ โดยเฉพาะกิเลสสบายมันก็อาศัยความประเภทที่เรียกว่า คล้าย ๆ กับความแข็งแรงของร่างกายอะไรอย่างนี้ ในเมื่อมันอาศัยร่างกายอยู่ถ้าร่างกายแข็งแรง มันก็พลอยแข็งแรงไปด้วย เพราะฉะนั้นตอนที่มันแย่ที่สุดก็คือกิเลสมันก็แย่ด้วย งั้นก็ตามตีมันซ้ำไปเลยไม่ต้องไปเกรงใจมัน
      ถาม:  อังกฤษจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ:  ถ้าอังกฤษไม่ไปแหย่เสือช่วยถล่มอัฟกานิสถานมันก็คงไม่เป็นอะไรหรอก มันดันไปแหย่เสือด้วย คือคราวนี้ก็มีส่วนแจ๊กพอตด้วย คนกำลังเชียร์บอลสนุก ๆ แล้วตูมขึ้นมา มันส์เนอะ แหม...คิดว่ายิงประตูทีสะเทือนที่ไหนได้ระเบิด
      ถาม:  ...................................................
      ตอบ:  คือปกติแล้วทางพวกฟิสิกซ์หรือวิทยาศาสตร์เขาก็รู้อยู่ว่าโลกของเรามีสนามพลังแม่เหล็กอยู่ คราวนี้พวกกระแสพลังงานนี้มันจะเคลื่อนไปในทิศไหน แนวไหน อะไร อย่างไร จะมีผลอะไรอย่างไร คนจีนเขาศึกษาลึกซึ้งมากและก็ออกมาเป็นวิชาพวกฮวงจุ้ยนี่แหละ
              คราวนี้สิ่งที่จะมีผลกับเราจริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับบุญบาปที่เราทำมาเหมือนกัน บุคคลที่สร้างกรรมดีเอาไว้มากก็ย่อมไปเกิดในจุดที่พอเหมาะพอสมเป็นสถานที่ที่ดี ใครได้สร้างกรรมไม่ดีเอาไว้ ประเภทบุญมีแต่กรรมบังอาจจะไปเกิดในจุดที่ไม่ดี แต่ว่าเขาก็มีวิธีแก้ไขถ้าคนไหนที่ยังรู้วิธีแล้วแก้ไขได้ก็แสดงว่าบุญเก่าเดิมเขายังส่งผลอยู่ ไม่อย่างนั้นบางคนก็แย่ไปเลยก็มี มันให้ผล แต่ถ้ากำลังใจของเราเข้มแข็งมันก็ไม่มีผลเท่าไหร่ ของพวกนี้มันจะส่งผลให้ไม่เกิน ๒๕% แต่ถ้ากำลังใจของเราอ่อนแอถ้ามีโอกาสแก้ไขให้มันถูกต้องได้มันก็ดี
              แต่ถ้าแถวฮ่องกงไต้หวัน ปัจจุบันนี้ ถึงเวลาสอบข้อเขียนไม่มีปัญหา ถึงเวล่าสอบสัมภาษณ์นี่ถ้าซินแสบอกว่า ไม่ผ่านก็แปลว่าไม่ต้องมาอีกเลย เขาจะเอาคนดูโหงวเฮ้งมานั่งรอเลย ถ้าคนนั้นพยักหน้าแปลว่าผ่าน
      ถาม:  ..............................
      ตอบ:  ไม่มีทาง เขาจะต้องมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพของเขา ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่ออาชีพต่อไปหากินไม่ได้ ถ้าเกิดคนที่เขาบอกว่าดีแล้วเข้าไปเล่นเอาบริษัทเจ๊งเลยล่ะ ต่อไปซินแสคนนั้นก็ไม่ต้องไปหากินแล้ว
      ถาม:  อย่างที่บริษัทเขาก็มาดู แล้วเขาก็เชื่อ เขาบอกว่าหน้าบ้านแตกพื้นลานซีเมนต์แตกแล้วให้โป๊วไปก่อน เจ้าหน้าที่จะนำไปโป๊วปูนไม่ได้ ต้องทำใหม่หมดเลย เพราะการโป๊วมันไม่ดี ก็เชื่อ่นะ เขาเชื่อซินแส เขาก็รื้อใหม่ทำใหม่หมดเลย ?
      ตอบ:  ของอะไรถ้าหากว่ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงไม่สิ้นเปลืองมากก็แก้ไขตามเขาไป แต่ถ้าอันไหนที่แย่มาก ๆ เราก็มั่นใจว่าเราก็ทำดีมาพอสมควรแล้วลุ้นกับมันดูหน่อย
      ถาม:  ซินแสคนนี้แปลกนะคะ....(ไม่ชัด)...?
      ตอบ:  เขากลัวกระแสไม่ดีมันจะขึ้นไปเขาจะเอาพระไปยัน เดี๋ยวจะกลายเป็นประเภทโทษปรามาสพระรัตนตรัยไม่รู้ตัวอีก แต่ว่าเรื่องนี้มันก็อัศจรรย์ คือว่าทางด้านเส้นทางทองผาภูมิ-สังขละมันจะมีเนินยาวอยู่เนินหนึ่ง มันจะลงเนินยาวมา ๓,๐๐๐ กว่าเมตร ๓ กิโลกว่า เขาเรียกว่าเนินตะลุเก้ เป็นภาษามอญ เนินตะลุเก้ก่อนหน้านี้รถมันลงแล้วลงอีก มีเที่ยวหนึ่งขึ้นไปบรรยายทางด้านหน่วยต้นน้ำซองโกเลียที่สังขละบุรี ขาขึ้นตอนเช้ามันกำลังสร้างศาลอยู่ พอขาลงตอนบ่ายศาลราบไปแล้ว มันจะแหกโค้งตรงนั้นประจำ ขนาดหลวงพ่ออุตตมะ ก็ลงตรงนั้นซี่โครงหักไป ๒ ซี่ ลูกศิษย์เอาท่านไปหาที่แท้ ๆ เลย เพราะท่านบอกว่าท่านไม่ไป ๆ ไปไม่ได้ช่วงนี้มีเคราะห์อยู่ ลูกศิษย์ก็ตื๊อให้ท่านไปจนได้ แล้วก็ไปแหกโค้งที่ตะลุเก้นี้ ปรากฏว่าในที่สุดก็มีคนดีเข้ามา เขาจัดแจงทำแท่นขึ้นมาแล้ว เอาพระพุทธรูปตั้งหันเข้าหาทางวิ่งลงเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมายังไม่มีใครตายที่โค้งนั้นอีก ตั้งแต่สร้างมามีบางทีที่รถมันขึ้นไม่ไหว มันไหลลงมาก็แค่ว่ารถเสียหายนิดหน่อย คนก็ไม่เป็นไร แสดงว่าเขาแก้ได้ผล
              เพราะฉะนั้นเขาเองก็คงคิดว่าอย่างอื่นมันแก้คงยากอาศัยบารมีพระดีกว่า แต่มันเกินไป มันเล่นหาบันไดทุกชั้นเลย บันไดชั้นหนึ่งตั้งพระองค์หนึ่งมันเกินไป
      ถาม:  คิดว่ามีห้องพระอยู่ข้างบน มีทุกชั้นเลย แล้วก็มีน้ำพุด้วย ?
      ตอบเรื่องของน้ำพุนี้เป็นการกระจายพลัง และรับสิ่งที่ไม่ดี คือมันจะกระจายพลังที่ดีให้วนเวียนอยู่ และในขณะเดียวกัน สิ่งที่ไม่ดีมามันก็ตกน้ำไป ก็คือความเจริญรุ่งเรือง
              แล้วสมัยนี้ไปดูฮวงจุ้ยนี่บางทีเห็นมันตีกันด้วยฮวงจุ้ยแล้วก็ขำนะ คือตึกนี้เห็นว่าอันนี้มันไม่ดีก็ตั้งกระจกรับ ถ้าอันโน้นเห็นเอ็งตั้งกระจกรับมันก็ทำเหล็กแทงตรงไป โอ้โห...สนุกกันเป็นบ้าเลย ถ้าหากว่าอยากจะดูไปดูตรงนี้ ตรงใกล้ ๆ อาคารชินวัตร สำนักงานของธนาคารกสิกรไทย ทำกระจกเป็นยันต์ สนุกมากเลยไปดูสิ บางทีมันทำลักษณะเหมือนรั้วแต่ไม่ใช่รั้ว มันประเภทหันปลายรั้วที่เป็นเหล็กทิ่มเข้าใส่อีกตึกหนึ่ง เราก็เคยมีความรู้ทางด้านนี้บ้าง พอผ่านไปเห็นมันตีกันแหลกเลย
      ถาม:  เจ้าของไม่ถูกกันหรือครับ ?
      ตอบ:  ไม่ใช่หรอก เขากลัวสิ่งไม่ดีจะไปหาเขา เขาก็ต้องหาวิธีแก้ของเขาไง เชื่อมากเกินไปก็งมงาย เอาแค่ว่าถ้ามันไม่ลำบากมากนักก็ทำไป ถ้าลำบากมากก็ไม่ต้อง
      ถาม:  มีอยู่บ้านหนึ่งนะคะ กว่าจะเข้าไปอยู่ได้ ให้ซินแสมาดูทุบแล้วทุบอีก เสียเงินบานเลย ?
      ตอบ:  ................................
      ถาม:  หว่านทราย หว่านหิน หว่านข้าวสาร...?
      ตอบ:  อันนั้นมันแก้อาถรรพ์ มันคนละเรื่องกัน อาถรรพ์มันเกิดจากคนทำฮวงจุ้ยนั่นมันธรรมชาติ
      ถาม:  ใช้กันอะไรครับ ?
      ตอบ:  กันอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่มีใครเขาว่าหรอกจ้ะ เพียงแต่ว่าอย่าเที่ยวไปหว่านใส่บ้านอื่นก็แล้วกัน เดี๋ยวได้ตีกัน หว่านก็หว่านแค่เขตบ้านเรา
      ถาม:  การใช้ญาณเพื่อเรียกคน ?
      ตอบ:  ถ้าหากว่าใช้แบบถูกต้องตามศีลธรรมมันก็ไม่มีปัญหาอะไร เพื่อเป็นการสงเคราะห์เขา แต่ถ้าหากว่าใช้ในลักษณะที่หาผลประโยชน์ใส่ตัวเองก็ระวังไว้ ตอนดวงยังเฮงอยู่ไม่เป็นไร ถ้ากุศลกรรมขาดช่วงเมื่อไหร่ เดี๋ยวได้รางวัลหนัก ๆ
      ถาม:  แบบเรียกมายืมของ
      ตอบ:  อ๋อ...ไม่ได้ทำอะไรมาก ไม่เป็นไร ก็โดนไม่มาก
      ถาม:  ขอลากลับ ?
      ตอบ:  เชิญจ้ะเชิญ รักษากำลังใจให้ดีนะ จำไว้ว่าที่บางอย่างที่มันหายไป เพราะเราประมาท เผลอปล่อยนิดเดียวก็ไม่ได้ ปล่อยนิดเดียวคลำไม่เจอเลย ของดีมีน้อย กว่าจะได้ต้องรอครบรอบอีกทีหนึ่ง แหม...เราก็นึกว่าไม่เจอ ตายไปแล้ว ที่ไหนคลำไม่ติดเอง
              เฮ้อ... ไม่ต้องเสียดายอะไรที่เคยทำไว้ ถึงเวลามันก็ได้อีก คือถ้ารักษาอารมณ์ปฏิบัติช่วงนั้นได้นี่ ตายจริง ๆ นะ บังเอิญว่าเขาเกาะไม่ติดหลุดไปซะได้