ถาม :  ......จำชื่อไม่ได้แล้ว อายุประมาณ ๕๘ ปี เป็นข้าราชการบำนาญหลวงพี่รู้จักหรือเปล่าครับ ?
      ตอบ :  พอได้ยินอยู่ ทำไมล่ะ ตายแล้วไม่เน่าน่ะมันฝืนธรรมชาติเพราะฉะนั้นพวกหมอเขาไม่ยอมรับ เขาก็บอกว่าอาจจะมีโรคประจำตัวบางอย่างที่ทำให้ตายแล้วไม่เน่า ไอ้โรคแบบนี้น่าเป็น (หัวเราะ) คือเรื่องที่เป็นธรรมาธิษฐาน นี่เขาไม่เชื่อ เขาเชื่อเป็นปุคคลาธิษฐาน เรื่องของบุญบารมีเขาไม่ค่อยเชื่อกันมันต้องประเภทคนทั่ว ๆ ไป มันจะเอาคนสร้างบารมีมาจนเป็นพระอรหันต์ไปเท่ากับมัน ๆ ก็ยากเหมือนกันนะ
      ถาม :  ต้องเป็นพระอรหันต์หรือครับถึงจะไม่เน่า ?
      ตอบ :  ไม่ต้องหรอก เอาแค่พระอนาคามีปฎิสัมภิทาญาณก็ได้แล้ว ปฎิสัมภิทาญาณนี่จะแสดงผลตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไป เพราะว่าปฎิสัมภิทาญาณอานุภาพเขาสูงมาก ถ้าหากว่าไม่ยอมรับกฎของกรรม ไม่ละทางโลกได้ขนาดพระอนาคามีเดี๋ยวไปฝืนกฏของกรรมหรือไม่ก็ทำเพื่อตัวเอง เลยกลายเป็นบังคับไว้เลยว่าต้องระดับนั้นขึ้นไปผลถึงจะปรากฏ เพราะฉะนั้นบางคนฝึกแทบเป็นแทบตาย ใช้อภิญญาใหญ่ไม่ได้เต็มที่สักทีรอถึงอนาคามีเมื่อไหร่มันก็เต็มที่เมื่อนั้นน่ะ
      ถาม :  ในขณะที่มีผลแบบนี้หมายถึงบอกว่าเหตุเป็นแบบนี้ ๆ ใช่ไหมครับ ?
      ตอบ :  มันบอกได้ แต่ขณะเดียวกันทางวิทยาศาสตร์เขาไม่เชื่อไง งั้นรอไปก่อน รอให้มันทำถึงมันก็เชื่อเองแหละ ตอนนี้ปฎิเสธไว้ก่อน ถ้าไม่ปฎิเสธเดี๋ยวเขาหาว่างมงาย ทำถึงระดับนั้นแล้วคิดว่าให้เป็นอะไรมันก็เป็นไปตามที่ต้องการหนังสือพิมพ์ลงซะน่าสนุก บอกว่าชาวบ้านร่ำลือกันมากว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำมรณภาพแล้วไม่เน่า บุคคลผู้นี้ในเมื่อตายแล้วไม่เน่าคงสร้างบารมีมาใกล้เคียงกัน (หัวเราะ) อันนั้นมันเป็นสมบัติเศรษฐีนะไม่ใช่สมบัติของเรา
              หลวงพ่อมรณภาพไปแล้วไม่เน่ามันโคตรมหาเศรษฐี ลูกศิษย์หลวงพ่อตายแล้วไม่เน่ามันก็เศรษฐี ของเราเองไปชมสมบัติเศรษฐีอยู่น่ะสมบัติของตัวเองมีบ้างไหม ? มันสำคัญอยู่ตรงที่ว่าสร้างสมบัติเหล่านี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเรา ไม่ใช่เที่ยวไปดูแล้วก็ชื่นชมว่าของเขาดีอย่างโน้นของเขาสวยอย่างนี้ของเขารวยอย่างนั้น ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็จนแย่อยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นสำคัญอยู่ตรงที่ทำเองให้ได้เพราะทำเองให้ได้นอกจากจะหมดสงสัยแล้วผลยังทำให้เกิดสุขทั้งปัจจุบันและอนาคตด้วย
      ถาม :  แล้วอย่างเรื่องที่เขาบอกว่าพิสูจน์ไม่ได้ คนธรรมดาที่ไม่ได้นั่งสมาธิอะไรก็ไม่มีโอกาสได้เห็น ?
      ตอบ :  มีเยอะ พวกล้างป่าช้านี่เขาเจอหลายศพที่ไม่เน่า พวกนั้นตรงจุดที่เขาฝังจะมีแร่อะไรบางอย่างที่มันรักษาสภาพเอาไว้ได้มีเหมือนกัน อย่างของต่างประเทศที่เขาไปเจอหล่มโคลนแห่งหนึ่งที่มันเป็นมัมมี่หมดเลย คนตกลงไปตายกี่คน ๆ ไม่เน่าเลย ลักษณะอย่างนั้นก็เหมือนกันนะโคลนมันอาจจะเกิดจากการหมักหมมของใบไม้ใบหญ้าอะไรที่เป็นสมุนไพรบางอย่างที่มันสามารถรักษาสภาพเอาไว้ไม่ให้เน่าได้ มันมีเหมือนกัน แต่ว่านี่เขาไม่ได้ไปไหนเขานั่งอยู่กับบ้านจนกระทั่งตายแล้วก็แห้งตายไปทั้งนั่งนั่งนั่นแหละ (หัวเราะ) มันจะเอาอะไรมารักษาล่ะในเมื่อเขาสามารถจะอธิบายได้เขาก็เลยคาดว่าอาจจะมีโรคประจำตัวบางอย่างทำให้ตายแล้วไม่เน่า ไอ้โรคนี่มันมีแต่ตายแล้วเน่าเร็วขึ้น (หัวเราะ) ไอ้โรคที่ตายแล้วไม่เน่านี่น่าเป็น
      ถาม :  .....(ไม่ได้ยิน).....
      ตอบ :  ถ้ารู้แล้วจะไปฉันทำไมล่ะ คือว่าเรื่องของการรักษากำลังใจญาติโยมนั่นหมายถึงในด้านดีเท่านั้น อย่างของหลวงตาบัวนี่เกิดเขาใส่ยามาแล้วถวายแล้วทั้ง ๆ ที่รู้แล้วจะฉันลงไปเพื่อรักษากำลังใจเขาน่ะ....เป็นคุณล่ะจะทำไหมล่ะ ?
      ถาม :  เคยดูหนังจีนอาจารย์ตั๊กม้อท่านก็รู้ว่ามียาพิษแต่ท่านก็กินไปคำ ๒ คำ
      ตอบ :  นั่นอาจารย์ตั๊กม้อ ถ้าเป็นอาตมานี่ก็เอาเหมือนกันเพราะว่าเคยไปเที่ยวแถวกะเหรี่ยงบางทีเขาลองของเขาทำมา ตอนแรกก็ตั้งใจจะกินพอเป็นพิธี พอรู้ว่าเขาทำมาเลยฟาดมันซะเหี้ยนเลย อร่อยดีไปนั่งปวดท้องอยู่ กินให้มันรู้ว่าเราไม่กลัวมัน อันนี้ไม่ได้กินเพื่อรักษากำลังใจมันหรอก กินให้มันรู้ว่าเราไม่กลัวมัน กินเสร็จก็ไปทนนั่งปวดท้องอยู่แป๊บนึง
      ถาม :  ......(ไม่ได้ยิน)......
      ตอบ :  ประเทศจีนโดยเฉพาะสมาคมแกะสลักของเขาถวายเจ้าแม่กวนอิม ๑,๐๐๐ พระหัตถ์ แกะจากไม้จันทร์เหลือง สูง ๖ เมตรน้ำหนัก ๕ ต้น ถวายในหลวงในวโรกาสเฉลิมพระชนม์พรรษา ๖ รอบ เขาใช้ช่าง ๑๒,๐๐๐ คนนะ แกะสลักเป็นเวลา ๒ ปี ตอนนี้อยู่ที่ศูนย์ศิลปชีพบางไทร กำลังจะสร้างพระตำหนักถวายอยู่
              ตอนที่เขาฉลองอยู่ก็เลยแวะเข้าไปร่วมสร้างพระตำหนักด้วยแล้วเขามอบศิลปวัตถุแกะสลักไม้ต่าง ๆ จากหินสบู่พวกหยกมาให้หารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลคือได้เท่าไหร่ถวายในหลวงแล้วแต่ในหลวงจะใช้ แต่ของเขาแพงชิ้นหนึ่งเล็ก ๆ ก็ตั้งพันกว่า ๒ พัน ๓ พัน ชิ้นใหญ่ ๆ หน่อยหนึ่งต่ำสุดรู้สึกว่า ๘๐,๐๐๐ มั้ง ส่วนใหญ่ก็เป็นแสน ๆ แต่ว่าดูฝีมือเขาแล้วมันก็น่าชื่นชมอยู่ ซื้อเจ้าแม่กวนอิมมาเป็นตลับเล็ก ๆ คล้าย ๆ ตลับแป้งพัฟน่ะ เปิดออกมาข้างในเห็นแกะเป็นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ปรากฏว่าอาวุธที่ท่านถืออยู่ถอดออกได้ ก้านเล็กยังกับเส้นผมน่ะถอดออกได้ ฝีมือเขาร้ายจริง ๆ เป็นการแกะด้วยฝีมือจริง ๆ เพราะว่าแต่ละองค์หน้าตาไม่เหมือนกัน ถ้าแกะด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หน้าตาจะเหมือนกันทุกองค์ ใครมีโอกาสก็แวะ ๆ ไป ตั้งที่ศาลาโรงช้างเขาจะสร้างพระตำหนักใหม่ถวายอยู่มีตู้บริจาคมีอะไร ส่วนถ้าเราไม่ซื้อของเงินส่วนนั้นก็จะถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
      ถาม :  ของจีนเขานับเป็นหน่วยอะไรครับ ?
      ตอบ :  ไม่รู้ล่ะเห็นเขานับ ๑๒ พัน มันเขียนมาอย่างนั้นหรือภาษาอังกฤษมันเขียนอย่างนั้นไม่รู้ ภาษาอังกฤษมันเขียน ๑๒ พัน
              เขาบอกว่าสมเด็จพระเทพฯ เท่ากับเป็นฑูตสันติภาพ สร้างความเข้าใจอันดีงามระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีนได้มาก เสด็จประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ๑๓ ครั้งแล้ว คราวที่แล้วนั้นพระราชินีเสด็จ ปกติพระราชินีเสด็จจะเอาเจ้าฟ้าชายไปด้วย งานนี้เสด็จเมืองจีนต้องเอาสมเด็จพระเทพฯ ไป (หัวเราะ) สมเด็จพระเทพฯ เป็นล่ามให้ ส่วนใหญ่ท่านก็ไปซะจนทั่วแล้ว งวดนี้ท่านเรียนภาษาจีนที่เมืองไทยเรียนมา ๘ ปีแล้ว ทางสถานฑูตจีนจัดอาจารย์เก่ง ๆ มาสอนให้แล้วก็ไปติวเข้มเดือนหนึ่งถึงได้ดุษฏีบัณฑิตกลับมา ไปถึงขนาดนั้นต้องไปเขียนลายมือจีน วาดภาพลายพู่กันจีน ไปรำมวยจีน แล้วก็ยังต้องไปบรรยายให้นักศึกษาจีนฟังเป็นภาษาจีนเกี่ยวกับไทยศึกษา โอ้โห....มันคงเช็คละเอียดยิบเลยว่าเก่งจริงหรือเปล่า ?
              ศึกษาเกี่ยวกับเมืองไทยต้องไปบรรยายให้เขาฟังว่าเมืองไทยมีอะไรดีบ้าง มีสิ่งไหนที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของไทย แล้วก็ต้องไปเล่นดนตรีไทยให้ฟังด้วย (หัวเราะ) รู้สึกว่าเขาจะติดใจมาก ถ้าเขาขอให้เขามั้ย ? ขอสมเด็จพระเทพฯ ไปครองเมืองจีน เผื่อมันจะกลับใจมั่ง ลาวก็เอาแต่แม่นางเทพฯ นั้นแหละคนอื่นไม่เอาหรอก (หัวเราะ) เสด็จประเทศลาวเมื่อไหร่ก็แม่นางเทพฯแหละ
      ถาม :  ถ้ายกแผ่นดินให้ด้วยก็เอาค่ะ เอามารวมกัน
      ตอบ :  มันก็ไม่แน่เหมือนกัน ตอนนี้มันอะไรล่ะ ถิ่นกาขาวใช่ไหม ? ชาววิไล ไทยมหารัฐ จักรพรรดิราช อีก ๒ รัชกาลเท่านั้น
      ถาม :  ๒ รัชกาลหรือคะ ?
      ตอบ :  อือม์.. มหากาลผ่านมหายักษ์ รู้จักธรรม จำต้องคิด สนิทธรรม จำแขนขาด ราษฏร์ราชาจน นั่งทนทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว พอรัชกาลที่ ๑๐ นี่ชาววิไล ๑๑ ก็ไทยมหารัฐ ๑๒ ก็จักรพรรดิราช เป็นจักรพรรดินี่ต้องปกครองทั้งโลกเลยนะ
      ถาม :  อ๋อ.....หมายถึงรัชกาลหน้าจะดี ?
      ตอบ :  รัชกาลที่ ๑๐,๑๑,๑๒ ถึง ๑๒ นี่ก็ดีขึ้นเต็มที่แล้วเพราะว่าบรรดาบ้านเมืองต่าง ๆ ที่มีกษัตริย์อยู่ก็จะต้องเอารูปแบบการปกครองที่รัชกาลที่ ๙ ของเราทำอยู่ในปัจจุบันไปใช้กับคนของเขา เพราะว่าใช้แล้วมันดีชาวบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุขกัน แล้วที่ไม่มีระบบพระมหากษัตริย์อยู่แล้วแต่เคยมีก็พยายามฟื้นระบบขึ้นมา ฟื้นระบบขึ้นมาจะต้องทำยังไงล่ะ ...มันก็ต้องมาศึกษาระบบตัวอย่างจากระบบที่ดีที่สุดปัจจุบันก็คือเหลืออยู่ที่เราเท่านั้น ของราชวงศ์อื่น ๆ นี่เขาให้ความเคารพระบบพระมหากษัตริย์น้อยมากแล้ว อย่างของอังกฤษ ขนาดที่ควีนยังครองราชย์อยู่แท้ ๆ นะ ตอนนี้โดนบีบสารพัดเลย
      ถาม :  ต้องเสียภาษีนี่คะ
      ตอบ :  เขาบังคับให้เสียภาษี ของท่านเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้เห็นเด่นชัดเกี่ยวกับการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของชาวบ้านใช่ไหม? ของเรานี่ในหลวงท่านทุ่มเทตลอด ๕๐ กว่าปี ตอนที่ครบกาญจนาภิเษก ๕๐ ปีนั่น คุณบรรหาร เป็นนายกอยู่ ทูลเกล้าถวายเงิน ๙๙๙ ล้าน ถวายในหลวง เรามานั่งถามตัวเองท่านเหนื่อยแทบตาย ๕๐ ปี ให้ ๙๐๐ กว่าล้านคุ้มหรือเปล่า ? ตอบตัวเองว่าไม่คุ้ม ปรากฏว่ารุ่งขึ้นในหลวงมอบคืนให้ไปแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ ไม่เอาซักบาทเดียว ขนาดให้ ๙๐๐ กว่าล้านเราว่าไม่คุ้มท่านยังไม่เอาเลย
      ถาม :  (คุยเรื่องปลูกต้นไม้ใน กทม.)
      ตอบ :  (เสียงพูดขึ้นมาทับเสียงหลวงพี่...) ไอ้นั่นมันแพงอยู่แล้ว ของไม่ใช้แล้วแท้ ๆ ดันไปซื้อมาซะแพงเลย ( อะไรคะ) ปาล์มน้ำมันไงไอ้ที่เอามาประดับถนนน่ะ ไอ้พวกนั้นน่ะมันจะหมดอายุอยู่แล้ว เขาโละสวนทิ้งน่ะ กลายเป็นว่าซื้อมาแพง ๆ ทั้งนั้นต้นหนึ่ง ๕ พัน ๖ พัน ความจริงเขาจะโละสวนขอเขาฟรี ๆ ก็ได้ คนมันก็คงเต็มใจให้เพียงแต่ขออนุญาตปักป้ายหน่อยว่าใครบริจาคเท่านั้นล่ะ
      ถาม :  มันไม่สวยแล้ว กาบเกิบพอมันร่วงออกมาก็ ต้นอะไรก็ไม่รู้
      ตอบ :  นั่นมันไม้ทะเลทรายแท้ ๆ เลย เอามาปลูกกรุงเทพฯ มันก็เหมาะสมดีนะอย่างอื่นน่ะมันสวย ที่น่าปลูกเยอะ ๆ ก็คือประดู่ ประดู่นี่ต้องไปดูที่ยะลา ยะลานี่นอกจากผังเมืองจะงามแล้วต้นไม้ยังงามด้วย ยะลานี่ต้นประดู่ ๒ ข้างมันสานกิ่งติดกันหมดเลย แต่ระยะหลัง ๆ นี่เห็นพวกการไฟฟ้าไปฟันมันออก โดยเฉพาะเทศบาล ขี้เกียจกวาดดอกประดู่ตอนที่มันบาน เพราะว่าประดู่มันบานพร้อมกันทิ้งดอกพร้อมกัน มันขี้เกียจกวาดมันเลยฟันกิ่งทิ้งซะเยอะเลย น่าเสียดาย ประดู่กิ่งอ่อนนั่นล่ะให้ความร่มเย็นดีมากเลย
      ถาม :  ถ้าเราปลูกแต่มะม่วงก็ไม่มีใครฟังหรอก ?
      ตอบ :  ไม่แน่ ก็อย่างในพระมหาชนกไง ไอ้ต้นมีลูกก็โดนเล่นซะจนกระทั่งล้ม กิ่ง ก้าน ใบ ฉีก บรรลัยวายวอดหมด ไอ้ต้นไม่มีลูกงี้ยืนต้นเขียวเชียว
      ถาม :  แต่ว่าคนไปเก็บผลไม้ในเรื่องพระมหาชนกเป็นคนมอญนี่ค่ะ ?
      ตอบ :  (หัวเราะ) เขาอยากว่าลาวอยู่ไหนสัตว์สูญพันธุ์ มอญอยู่ที่ไหนต้นไม้สูญพันธุ์ มันอยากจะกินมันเล่นฟันลงมากินน่ะมันขี้เกียจปีนโค่นต้นมันเลย กินทีเดียวเลิก
      ถาม :  เห็นว่าบางประเทศห้ามคนลาวเข้า
      ตอบ :  อิสราเอลมั้ง
      ถาม :  เหรอคะ กลัวสูญพันธุ์ ?
      ตอบ :  มันไม่ใช่กลัวสูญ มันสูญไปแล้ว ขนาดตีข่าว เอ.พี ไปทั่วโลกเลยบอกว่า คนไทยพวกนี้ เขาใช้คำว่าคนไทยนะ ว่าไปจากอีสาน คนไทยพวกนี้มีความสามารถสูงมาก แค่มีเชือกเส้นหนึ่งเท่านั้นเขาสามารถประกอบเครื่องมือดักสัตว์ได้แล้ว เสร็จแล้วไม่ใช่เพราะว่าอดอยาก แต่ว่าทำเพราะว่าสัญชาติญาณในการล่าของเขา เขาจะมีความสุขมากถ้าได้กินสัตว์ที่เขาล่ามาเอง ไอ้พวกนั้นของเขาก็ไม่เคยไปแตะไปต้องเลย เขาปล่อยมันเอาไว้อย่างงั้นแหละ
              พอถึงเวลาคนไทยไปทำงานอยู่ในกิ๊บบู๊ด ไอ้กิ๊บบุ๊ดนี่มันคล้าย ๆ คอมมูมน่ะ พวกคอมมูมนี่แต่ละหมู่บ้าน ๆ จะอยู่รวมกันเป็นรูปแบบในลักษณะของสหกรณ์ แล้วพอผลิตได้ผลผลิตก็มารวมกันแล้วก็ส่งตลาด เขาสามารถต่อรองพ่อค้าได้เพราะได้เพราะว่าผลผลิตมันเยอะ นั่นแหละก็เข้าไปรับจ้างในกิ๊บบุ๊ดของเขา แล้วก็ไปกินซะสัตว์ของเขาสูญพันธุ์เป็นอย่าง ๆ ไปเลย (หัวเราะ) มันไม่เคยโดนล่ามันก็เชื่อง... เสร็จ !
              วีรกรรมคนไทยเชื้อสายอีสานแท้ ๆ ก็แสงชัยไง ลูกน้องแสงชัยเขา ๗ – ๘ คน บอกปวดหัวเป็นบ้า พักเดียวเท่านั้นแหละ แมงกินนูนมาเป็นถุงเลย (หัวเราะ) แสงชัยบอก เฮ้ย ! เอามาไปปล่อย (หัวเราะ) ไอ้ลูกน้องก็ ครับ...ครับ ปล่อยเสร็จก็กลับมา แหม หัวหน้าอร่อยนะครับ (หัวเราะ) แสงชัยถามว่า มึงอดหรือเปล่า ไม่อดหรอกครับแต่อยากกิน เขาให้ค่าอาหารวันหนึ่ง ๒๐๐ น่ะไอ้ลูกน้องแทนที่จะไปซื้อหมูซื้อไก่ เปล่าหรอก มันไปจับโน่นจับนี่มากิน
              ก็แบบเดียวกับที่สมัยอยู่ชายแดนเหมือนกัน เรากำลังหลับ ๆ อยู่ในบังเกอร์น่ะกลางคืนทำไมอึ่งอ่างมันร้องกันชิบหายเลยวะวันนี้ ทนไม่ได้ลุกขึ้นมาส่องไฟดู โน่น.. มันยัดเอาไว้ทั้งถังเลยใต้เตียงเราน่ะ (หัวเราะ) เจ้านายมาตรวจมันกลัวเขารู้ แล้วมันรู้ว่าเราไม่ว่าอะไรมัน ๆ มาซุกเอาไว้เตียงเรา เราก็มาถึง ของใครวะ ? บอกว่าผมครับ ๆ คว้าถังได้ก็วิ่งหายไป รุ่งเช้าก็เอาเคล้าเกลือแล้วก็เอาลวดน่ะ แทงใต้คางมัน ร้อยอยู่บนราวเป็นร้อย ๆ ตัวเลย เราก็บอก เฮ้ย ! บาป มันบอกบาปน่ะอร่อยบุญไม่อร่อยหรอก (หัวเราะ) จะทำยังไงกับมันได้ ?
      ถาม :  ไม่สั่งอดข้าวเลยล่ะคะ ใครกินอดข้าวเลย
      ตอบ :  อยู่ชายแดนนี่มันต้องผ่อนผันเขา เพราะเรื่องขวัญและกำลังใจของทหารเป็นเรื่องสำคัญ แต่ว่าสงสาร เพราะว่า ..ถึงเวลาเขาเทเกลือลงไป ไอ้พวกอึ่งนี่ โอ้โห...ฟองมันฟอดไปหมดล่ะ มันแสบตามัน ๆ ก็เอาตีนป้าย มันยิ่งป้ายมันก็ยิ่งแสบ บอกไม่ถูก ...กรรมใครกรรมมัน เราเพียงแต่แปลกใจว่าทำไมคืนนี้อึ่งอ่างมันร้องดังเป็นพิเศษ ใครจะไปรู้ว่ามันยัดไว้ใต้เตียงเราเป็นถังเลย มันกลัวเจ้านายคนอื่นเตะมัน มันรู้ว่าเราไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว (หัวเราะ) สมันเเด็ก ๆ ของเรามันก็กระหายเลือดแบบนั้นแหละ แต่ของเรามันดีตรงที่ว่าล่าแล้วเอามากินไง มันไม่ได้ประเภทฆ่าทิ้งฆ่าเล่นอะไรแบบของคนอื่นเขา